ยกเครื่องศัลยกรรมกระดูกใบหน้า
การผ่าตัดลดโหนกแก้มเป็นวิธีที่สามารถสร้างโครงหน้าที่เรียวยาวอย่างได้ผล

ศัลยกรรมกระดูกใบหน้า

ศัลยกรรมกระดูกใบหน้า หรือโครงหน้านับเป็นอวัยวะที่ช่วยสร้างความสวยงามที่สมบูรณ์แบบให้กับคนเรา การมีใบหน้าที่สวยงามเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ เพราะใบหน้าที่สวยงามจะสามารถดึงดูดและเพิ่มโอกาสให้กับชีวิตได้เป็นอย่างมาก แต่ทุกคนใช่ว่าเมื่อเกิดมาจะใบหน้าที่สวยงามไปเสียทุกคน ซึ่งความสวยงามของใบหน้าในแต่ละยุคสมัยก็ต่างกันไป เช่น ในอดีต  ดารา นักแสดงของไทยที่จัดว่าสวยต้องมีใบหน้าที่กลมราวกับพระจันทร์เดือนเพ็ญ แต่ในปัจจุบันนี้ใบหน้าที่จัดว่าสวยต้องเป็นใบหน้าเรียวคล้ายรูปไข่ คางยาวรับกับใบหน้าไม่สั้นหรือยาวเกินไป อย่างใบหน้าของดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน ซึ่งทุกคนก็ใช่ว่าจะมีใบหน้ารูปทรงแบบนี้ 

เนื่องจากคนไทยส่วนมากจะมีใบหน้าที่สั้นและกว้าง โหนกแก้มนูนใหญ่ หรือมีกระดูกกรามบริเวณด้านล่างที่กว้างและมีมุกกรามที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และศีรษะที่มีลักษณะสั้นกว้าง ส่งผลให้ใบหน้ามีลักษณะโดยรวมเป็นเหลี่ยมหรือมีลักษณะเป็นทรงกลม ดังนั้นการที่จะมีใบหน้าเรียวรูปไข่สวยงามมาตั้งแต่เกิดย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก จึงเป็นที่มาของการ ศัลยกรรมกระดูกใบหน้า เพื่อปรับเปลี่ยนโครงหน้าให้ได้ตามที่ต้องการ ซึ่งการ ศัลยกรรมกระดูกใบหน้า จะเข้ามาช่วยปรับปรุงแก้ไข รูปทรงของใบหน้าและลดหรือเพิ่มสัดส่วนให้มีความสมดุล ( Balance ) ทั้งใบหน้า นอกจากนั้นการศัลยกรรมกระดูกใบหน้ายังสามารถช่วยเพิ่มมิติของอวัยวะส่วนต่างบนใบหน้า เช่น หน้าผาก โหนกแก้ม จมูก คางและกราม ให้รับกันเพื่อช่วยส่งให้ใบหน้าสวยงามแลดูมีเสน่ห์น่าพิศน่ามองมากขึ้นกว่าเดิม

การศัลยกรรมกระดูกใบหน้าเพื่อช่วยในการปรับโครงหน้า

สามารถทำการแบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกัน คือ

1. การผ่าตัดศัลยกรรมกระดูกใบหน้า คือ การผ่าตัดปรับเปลี่ยนลักษณะของกระดูกที่อยู่บนใบหน้าเพื่อให้ใบหน้ามีรูปร่างตามที่ต้องการ เช่น การผ่าตัดกระดูกคาง ผ่าตัดกระดูกกราม ผ่าตัดกระดูกโหนกแก้ม เป็นต้น

2. การศัลยกรรมส่วนของเนื้อเยื่อใบหน้า คือ การผ่าตัดปรับเปลี่ยนขนาดของกล้ามเนื้อที่อยู่บนใบหน้าเพื่อปรับรูปทรงของใบหน้าให้มีลักษณะตามที่ต้องการ เช่น การผ่าตัดดูดไขมันบนใบหน้าเพื่อลดขนาดที่บริเวณดังกล่าว การเติมไขมันเข้าสู่ใบหน้า การร้อยไหม

ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงการศัลยกรรมด้วยการผ่าตัดกระดูกใบหน้า การผ่าตัด กระดูกโครงหน้า เป็นการผ่าตัดที่ความเสี่ยงและความยากในการผ่าตัดที่สูงมาก ถ้าได้รับการผ่าตัดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการผ่าตัดมาเป็นอย่างดี มีการผ่าตัดในสถานที่ที่ได้มาตรฐาน วัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ ผลของการผ่าตัด ศัลยกรรมกระดูกใบหน้า จะเป็นคงอยู่อย่างถาวร ในการศัลยกรรมใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำการศัลยกรรมได้เหมือนกันหมด แต่แพทย์ผู้ทำการ  รักษาจะทำการพิจารณาใบหน้าของผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดก่อนว่าจะสามารถทำการปรับเปลี่ยนได้มากน้อยแค่ไหน

การพิจาณาแพทย์จะทำการแบ่งการศัลยกรรมโครงสร้างของใบหน้า

1.ใบหน้าส่วนบน ( Upper Part ) คือ ส่วนของใบหน้าตั้งแต่ช่วงเส้นระดับของไรผมจนถึงเส้นบริเวณระหว่างขนคิ้ว เช่น ศัลยกรรมกระดูกหน้าผาก ( Forehead Contouring ) การเสริมหน้าผาก ( Forehead augmentation ) เพื่อให้มีหน้าผากนูนขึ้น การกรอกระดูกหน้าผาก ( Forehead shaving ) เพื่อลดความนูนของหน้าผาก 

2.ใบหน้าส่วนกลาง ( Middle part ) คือ ส่วนของใบหน้าตั้งแต่เส้นระหว่างคิ้วจนถึงเส้นที่บริเวณปลายจมูก เป็นการศัลยกรรมที่คนไทยส่วนมากนิยมทำกัน เพื่อที่ความกว้างของใบหน้าให้เล็กและเรียวลง เช่น การศัลยกรรมโหนกแก้ม ( Cheekbone surgery ) การตัดกระดูกส่วนของโหนกแก้ม ( Cheekbone Reduction ) การทำให้โหนกแก้มยุบ ( Zygonatic Reduction ) การเสริมกระดูกส่วนโหนกแก้ม ( Cheekbone Augmentation ) เพื่อให้โหนกแก้มสูงขึ้นรับกับขนาดของใบหน้า

3. ใบหน้าส่วนล่าง ( Lower Part ) คือ ส่วนของใบหน้าตั้งแต่เส้นปลายจมูกจนถึงเส้นที่บริเวณปลายคาง การศัลยกรรมที่วบหน้าส่วนล่างสามารถช่วยเพิ่มหรือลดความยาวของคางและกราม เช่น การตัดกระดูกคาง ( Chin Reduction ) หรือการเสริมคาง ( Chin Augmentation ) เพื่อเพิ่มความยาวของคาง การตัดกระดูกกราม ( Jaws Reduction ) ให้สั้นลงหรือการเสริมกระดูกกราม ( Jaws Augmentation ) ให้มีความยาวเพิ่มขึ้น

ซึ่งการเลือกว่าจะต้องทำการศัลยกรรมกระดูกที่ส่วนใดเพื่อที่จะได้ใบหน้าตามที่ต้องการนั้น แพทย์จะทำการพิจารณาจากโครงหน้าเดิมก่อน ว่าต้องตัดหรือเพิ่มส่วนกระดูกส่วนใด ใบหน้าจึงจะออกมาสวยงามสมบูรณ์ตามที่ผู้เข้ารับศัลยกรรมต้องการ

การศัลยกรรมกระดูกบนใบหน้า

1. การผ่าตัดขากรรไกร
เป็นการผ่าตัดที่ช่วยในการรักษาความผิดปกติของ กระดูกโครงหน้า ด้วยการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของช่องปากหรือขากรรไกรให้เข้ามาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อให้ใบหน้าที่รูปร่างที่สวยงามและยังช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของกระดูกใบหน้า เช่น ปากล่างครอบปากบน ปากยื่น คางยื่นมากจนทำให้ฟันไม่สบกันส่งผลกระทบในการรับประทานอาหาร ภาวะปากที่อูมมาก เป็นต้น ซึ่งการศัลยกรรมขากรรไกรจะช่วยทำให้ใบหน้ากลับมามีลักษณะตามธรรมชาติที่ถูกต้องได้

2. การผ่าตัดโครงหน้า ( Facial Bone Contouring Surgery )
เป็นการผ่าตัดเพื่อทำการตกแต่งรูปทรงของ กระดูกโครงหน้า ให้มีขนาดเหมาะสมกับองค์ประกอบโดยรวมบนใบหน้า ซึ่งการผ่าตัดแบบนี้มักจะทำเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับใบหน้ามากกว่าการแก้ไขปัญหาหรือแก้ไขความผิดปกติของใบหน้าที่ทำให้เกิดผลเสียต่อการดำรงชีวิต ซึ่งการผ่าตัดศัลยกรรมโครงหน้ามีอยู่ด้วย ดังนี้   

2.1 การผ่าตัดโหนกแก้ม เป็นการผ่าตัดเพื่อช่วยให้ใบหน้ามีรูปทรงที่เรียวยาว โดยการตัดเอากระดูกโหนกแก้มที่มีขนาดใหญ่เกินไปออกไปบางส่วนให้เหมาะสมกับขนาดของใบหน้า ซึ่งการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อลดขนาดของโหนกแก้มทำได้หลายแบบด้วยกันแต่วิธีหลัก ๆ จะมีอยู่ด้วยกัน 3 วิธีคือ

2.1.1 การศัลยกรรมลดโหนกแก้มแบบ 3 มิติหรือการผ่าตัดเพื่อหมุนกระดูกโหนกแก้มสามมิติ” (3D Malar Rotation)
เป็นเทคนิคการลดขนาดโหนกแก้มที่กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เพราะใบหน้าที่ได้หลังผ่าตัดดูมีมิติเป็นธรรมชาติ และหลังจากเข้ารับการผ่าตัดแล้วใช้เวลาในการพักไม่นานใบหน้าก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว การผ่าตัดที่สามารถช่วยลดขนาดของโหนกแก้มที่มีการปูนออกมาด้านข้างมากกว่าด้านหน้า ซึ่งการทำจะทำด้วยการผ่าตัดเปิดแผลที่บริเวณเหนือศีรษะที่ส่วนของด้านบนของใบหู หรือการผ่าตัดเปิดแผลจากภายในช่องปาก การทำจะทำด้วยการหมุนโหนกแก้มที่ปูนออกไปด้านนอกให้เคลื่อนย้ายเข้ามาอยู่ด้านในแทน
เหมาะสำหรับคนที่ กระดูกโหนกแก้ม มีความหนามาก ทำให้โหนกแก้มดูสูงมาก ศัลยแพทย์จะทำการเปิดแผลผ่าตัดเข้าทางเหนือศีรษะโดยรอบ จากเหนือใบหูข้างหนึ่งถึงใบหน้าอีกข้างหนึ่ง หรือ เปิดแผลผ่าตัดเข้าทางช่องปากเหมือนกรณีแรก เพื่อไม่ให้มีรอยแผลหลังการผ่าตัด โดยจะมีแผลอยู่ด้านในช่องปาก บริเวณข้างกระพุ้งแก้มทั้งสองข้าง หลังจากนั้นจึงทำการตัดหรือเลื่อนกระดูกโหนกแก้มลงจากจุดยึดเกาะเดิม แล้วยึดด้วยเหล็กยึดชนิดพิเศษ
การตัดโหนกแก้มที่ใหญ่แล้วเลื่อนเข้าไว้ ข้างใน วิธีศัลยกรรมนี้ได้ผลดีสำหรับชาวตะวันออกที่มีกระดูกโหนกแก้มนูนออกด้านข้าง แต่ถ้ากระดูกโหนกแก้มไม่ได้ใหญ่มาก
จะดูเป็นธรรมชาติมากกว่าวิธีผ่าตัดธรรมดา

2.1.2. การศัลยกรรมลดโหนกแก้มแบบไม่ยึด เป็นการผ่าตัดเช่นเดียวเปิดแผลเช่นเดียวกับวิธีการแรก การผ่าตัดนี้เหมาะกับผู้ที่มีโหนกแก้มขนาดใหญ่ เมื่อเปิดแผลแล้วจะทำการตัดกระดูกโหนกแก้มที่ไม่ต้องการออกไปเพื่อให้โหนกแก้มมีขนาดตามที่ต้องการ และทำการยึดกระดูกด้วยวัสดุช่วยยึด เช่น Thaitanium พร้อมทั้งใช้ลวดหรือสกรูในการยึดกับกระดูก เพื่อให้กระดูกถูกตรึงยึดในตำแหน่งที่ถูกต้อง

การศัลยกรรมใบหน้าสามารถช่วยเพิ่มมิติของอวัยวะส่วนต่างบนใบหน้า เพราะใบหน้าที่สวยงามจะสามารถดึงดูดและเพิ่มโอกาสให้กับชีวิตได้เป็นอย่างมาก

3. การกรอกระดูกโหนกแก้ม
เป็นการลดโหนกแก้มสำหรับผู้ที่มีโหนกแก้มปูนออกมาไม่มากไม่จำเป็นต้องตัดกระดูกหรือหมุนกระดูกเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งของโหนกแก้ม ด้วยการผ่าตัดเปิดแผลทางช่องปากและทำการกรอ กระดูกโหนกแก้ม ส่วนที่ปูนออกไปให้เหลือขนาดตามที่ต้องการ ซึ่งการกรอกระดูกจะทำการกรอผิวของกระดูกที่มีความเรียบและความแข็งแรงออกไป ส่งผลให้ในระยะยาวผิวอาจจะมีลักษณะขรุขระเกิดขึ้นได้
การผ่าตัดลดโหนกแก้มเป็นวิธีที่สามารถสร้างโครงหน้าที่เรียวยาวอย่างได้ผล แต่ทว่าในการผ่าตัดย่อมมีความเสี่ยงและปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาได้ เช่น   

3.1 อาการชาที่บริเวณปาก เนื่องจากในการผ่าตัดเพื่อลดขนาดโหนกแก้มมักจะผ่าตัดเข้าทางภายในช่องปากเพื่อป้องกันไม่ให้เห็นแผลที่เกิดจากการผ่าตัด ดังนั้นการผ่าตัดอาจจะไปกระทบกับเส้นประสาทรับความรู้สึกที่ปากได้ ส่งผลให้รู้สึกชา ซึ่งอาการดังกล่าวจะหายไปได้เองหลังจากผ่านไป 2-3 เดือน

3.2 ภาวะเนื้อแก้มมีการห้อยย้อยมากว่าปกติ เนื่องจากในการเคลื่อนย้ายหรืตัดทำให้ขนาดของโหนกแก้มลดลงไปมากส่งผลให้เนื้อบริเวณแก้มย้อย หรือในการผ่าตัดกระดูกโหนกแก้มหรือการกรอกระดูกโหนกแก้มมีการเลาะเนื้อออกมาจากกระดูกมาเกินไปทำให้เนื้อไม่ยึดติดกับกระดูกเนื้อจึงย้อยลงมา โดยเฉพาะเนื้อที่มีไขมันเป็นจำนวนมากจะมีโอกาสที่จะห้อยมากกว่าเนื้อที่มีไขมันน้อย และผู้ที่มีอายุมากเมื่อเข้ารับการผ่าตัดจะมีความเสี่ยงที่เนื้อจะห้อยมากกว่าผู้ที่มีอายุน้อยด้วย

3.3 ขนาดโหนกแก้มทั้งสองข้างไม่เท่ากัน โดยปกติอวัยวะร่างกายของคนเราทั้งสองข้างมักจะไม่เท่ากัน 100 % เพราะการใช้งานที่ไม่เท่ากันนั่นเอง โหนกแก้มก็เช่นกัน ดังนั้นเมื่อทำการผ่าตัดลดขนาดโหนกแก้มแพทย์จะพยายามปรับขนาดของโหนกแก้มทั้งสองข้างให้ได้ใกล้เคียงกันมากที่สุด ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของกระดูกและโครงหน้าของผู้เข้ารับการศัลยกรรมด้วย

3.4 กระดูกไม่ยึดติดกัน เนื่องจากทำการยึดกระดูกไม่แข็งแรงทำให้กระดูกหลุดออกจากตำแหน่งที่ต้องการ ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวแพทย์จะต้องทำการยึดกระดูกให้แข็งแรง

3.5 อาการอ้าปากไม่ได้ ในช่วงแรกหลังจากที่ทำการผ่าตัด ผู้เข้ารับการศัลยกรรมไม่สามารถอ้าปากหรือบดเคี้ยวอาหารได้ไม่เต็มที่ เนื่องจาก กระดูกโหนกแก้ม เข้าไปกดทับกล้ามเนื้อที่ควบคุมการอ้าปากหรืออาการบวมของกล้ามเนื้อหลังจากการผ่าตัด แต่เมื่อผ่านไปประมาณ 1 เดือน ก็จะสามารถอ้าปากและบดเคี้ยวอาหารได้ตามปกติ

4. ผ่าตัดกรามหรือขากรรไกร (Orthognathic surgery)
คือ การผ่าตัดเอาเหลี่ยมของขากรรไกรที่มีขนาดกว้าง ส่งผลให้ใบหน้าดูกว้างและเป็นเหลี่ยมมาก เพื่อลดขนาดของเหลี่ยมของมุมกรามต้องทำการผ่าตัดเอาเหลี่ยมของขากรรไกรออก ทำได้ด้วยการผ่าตัดเปิดแผลภายในช่องปากหรือภายนอกช่องปากก็ได้ และใช้เครื่องมือแบบพิเศษเพื่อทำการตัดเหลี่ยมของกระดูกขากรรไกร ซึ่งการผ่าตัดลดขนาดของกรามมีอยู่ด้วยกันหลัก 2 แบบ คือ
1.การผ่าตัดเอามุมของกระดูกขากรรไกรล่าง
2.การผ่าตัดเอาเปลือกนอกของกระดูกขากรรไกรล่างออก
การผ่าตัดลดขนาดของกรามช่วยลดขนาดของกรามให้มีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ใบหน้าดูเล็กและเรียวขึ้น   

อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการผ่าตัด

1.เกิดมุมใหม่ที่ขากรรไกร ในการลดเหลี่ยมของขากรรไกรถ้าตัดเป็นแนวตรงจะส่งผลให้เกิดมุมที่กรามใหม่ขึ้นเนื่องจากกระดูกมีมุมเพิ่มขึ้นนั้นเอง ดังนั้นการตัดกระดูกควรตัดให้เป็นมีลักษณะโค้งรับกับใบหน้า

2.เส้นประสาทบาดเจ็บ การผ่าตัดเพื่อทำการตัดกระดูกขากรรไกร ถ้ามีการผ่าตัดกระทบเส้นประสาทรับความรู้สึกจะส่งผลให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดมีอาการชาที่บริเวณดังกล่าว แต่เมื่อผ่านไปประมาณ 1-2 เดือน อาการดังกล่าวก็จะหายไป

3.การหักของกระดูกขากรรไกร ในการผ่าตัดถ้าใช้อุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสมกับการตัดขากรรไกรแล้วจะทำให้กระดูกส่วนอื่นเกิดการแตกหักได้ ซึ่งจะทำให้การศัลยกรรมไม่เป็นผลตามที่ต้องการ ดังนั้นในการผ่าตัดลดขนาดกรามด้วยการตัดขากรรไกรควรใช้อุปกรณ์ชนิดพิเศษในการตัดโดยเฉพาะเท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงการหักของกระดูก

4.การบาดเจ็บของเส้นเลือด ที่บริเวณขากรรไกรประกอบไปด้วยเส้นเลือดและเส้นประสาทอยู่บริเวณโดยรอบ ถ้าเส้นประสาทและเส้นเลือดได้รับความกระทบกระเทือนอาจจะทำให้ใบหน้าบิดเบี้ยว มุมปากตก ได้ ดังนั้นในขณะที่ทำการผ่าตัดต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้เส้นเลือดและเส้นประสาทได้รับความกระทบกระเทือน

5.ผิวใบหน้าไม่เรียบเนียน เนื่องจากการตัดหรือกรอกระดูกมีการตัดส่วนที่เป็นผิวของกระดูกที่มีลักษณะเรียบและแข็งแรงออกไปเพื่อลดขนาดของกราม เหลือไว้แต่กระดูกภายในที่มีลักษณะขรุขระส่งผลให้ผิวด้านนอกมีการขรุขระตามลักษณะของเนื้อกระดูกภายในได้

5.การศัลยกรรมคาง ( Chin Surgery, Genioplasty )
การที่คนเราจะมีรูปหน้าที่เรียวยาวหรือไม่นั้น อวัยวะสำคัญที่จะช่วยได้ก็คือ คาง คนที่มีคางยาวจะมีรูปหน้าที่ดูเรียวกว่าคนที่มีคางสั้น การศัลยกรรมคางมีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบคือ การเสริมคางและการตัดคาง เพื่อให้ได้คางที่มีรูปร่างตามต้องการ การศัลยกรรมคางเพื่อให้มีใบหน้าที่เรียว เรียกว่า การศัลยกรรมวีไลน์ ( V-line Surgery ) ที่ทำให้คางมีรูปคล้ายตัววีหรือหน้าวีเชฟที่หลายคนรู้จักกัน แต่ยังมีการศัลยกรรมคางอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันคือ การศัลยกรรมยูไลน์ ( U-line surgery ) ที่ทำการศัลยกรรมคางให้มีรูปร่างคล้ายกับตัวยูนั่นเอง

การผ่าตัดคางเพื่อลดขนาดของคาง

1.การตัดกระดูกคางออก คือ การตัดกระดูกคางที่ยื่นออกมาด้านข้างและด้านหน้าออก เพื่อทำการลดขนาดของคางที่ยื่นออกมาด้านหน้าและด้านข้าง พร้อมทั้งทำการกรอกระดูกคางให้ได้รูปตามต้องการ

2.การเลื่อนคางให้เข้าไปด้านในมากขึ้น คือ การตัดกระดูกคางที่เชื่อมอยู่กับกระดูกกรามให้มีขนาดสั้นลงและทำการยึดกระดูกคางด้วยวัสดุยึดติดเพื่อปรับตำแหน่งของคางให้คงที่ ทำให้คางมีขนาดที่สั้นลงตามที่ต้องการได้
หรือจะทำทั้งสองวิธีร่วมกันเพื่อลดขนาดของคางและสร้างรูปร่างของคางให้เหมาะสมกับใบหน้าก็ได้   

สำหรับการผ่าตัดเสริมคางสำหรับผู้ที่มีคางสั้น

1.การเสริมด้วยวัสดุ เป็นการผ่าตัดนำวัสดุหรือฉีดไขมันไปยังบริเวณคางเพื่อให้คางมีขนาดที่ยาวขึ้นและเป็นรูปทรงที่เหมาะสมกับใบหน้า

2.การผ่าตัดย้ายกระดูก ซึ่งการผ่าตัดย้ายกระดูกที่ทำให้คางยื่นยาวออกมานั้น จะทำในผู้ที่มีปัญหาฟันไม่สบกันและเมื่อทำการยื่นการกระดูกคางออกมาแล้วทำให้ฟันสบกันพอดี เป็นทั้งการศัลยกรรมเพื่อเสริมความงามและแก้ไขปัญหาของสรีระร่างกายพร้อมกัน เมื่อทำการผ่าตัดยื่นกระดูกแล้วจะทำการยึดกระดูกให้แข็งแรงเพื่อให้กระดูกอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

จะพบว่าการ ศัลยกรรมกระดูกใบหน้า เพื่อให้ได้ใบหน้าที่สวยงามตามที่ต้องการนั้น สามารถทำได้หลายตำแหน่งขึ้นอยู่กับลักษณะของใบหน้าเริ่มต้นของผู้เข้ารับการศัลยกรรม ซึ่งการศัลยกรรมอาจจะต้องทำศัลยกรรมที่กระดูกหลายตำแหน่งพร้อมกันเพื่อที่จะได้โครงหน้าที่สวยงาม ดังนั้นการทำศัลยกรรมจึงควรอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มาเป็นอย่างดี สถานที่และอุปกรณ์ที่ใช้ก็ควรครบถ้วนได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในขณะทำศัลยกรรมอีกด้วย

ถึงแม้ว่าความงามภายนอกจะเป็นสิ่งที่ไม่ได้จำเป็นเท่ากับความงามภายในจิตใจ แต่ปัจจุบันนี้ก็ต้องยอมรับว่าความงามสามารถสร้างโอกาสที่ดีได้อีกมากมายในชีวิต แต่ทุกคนใช่ว่าจะงามมาตั้งแต่เกิดเสียเมื่อไหร่ ดังนั้นการเสริมความงามด้วยการศัลยกรรมจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยสร้างใบหน้าที่สวยงาม เพื่อสร้างโอกาสในสังคมได้เป็นอย่างดี และในประเทศไทยเราก็มีแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการทำศัลยกรรมเป็นอย่างมาก ดูได้จากนางงามของสาวประเภทสองที่สวยจนสุดจะบรรยายล้วนมาจากฝีมือของแพทย์ชาวไทยแทบทั้งสิ้น แล้วจะต้องเดินทางไปยังต่างประเทศเพื่อทำการศัลยกรรมความงามทำไม ในเมื่อของดีอยู่ในเมืองไทยเราแล้ว

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

สมาคมแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย. สวยให้สุด หยุดที่ศัลยแพทย์ตกแต่ง : กรุงเทพฯ: ไอดี ออล ดิจิตอล พริ้น จำกัด,2561.