5 วิธีการดูดไขมัน ต้นแขน+ต้นขา สลายไขมันให้หายได้ภายในพริบตา
การดูดไขมันด้วยวิธี Water Jet เป็นการใช้พลังงานน้ำเข้าไปแยกเซลล์ไขมันออกจากเนื้อเยื่อผิวหนัง และไขมันมีสภาพสมบูรณ์ นำมาใช้ประโยชน์ต่อได้

ดูดไขมัน

รวมข้อมูลการ ดูดไขมัน ต้นแขน ต้นขา ด้วยวิธี Vaser, Bodytite, Water Jet ฯลฯ

สำหรับคนที่ศึกษาเรื่องการดูดไขมันต้นแขน ต้นขามาในระดับหนึ่งคงรู้แล้วว่าการ ดูดไขมัน จะมีวิธีหลัก ๆ ด้วยกันอยู่ 5 วิธี ได้แก่ Vaser, Bodytite, Water Jet, Smart Lipo และ Pal ซึ่งแน่นอนค่ะว่าแต่ละวิธีนั้นจะมีรายละเอียดที่ต่างกันออกไป วันนี้ทางเราจึงขออาสามาเจาะลึกวิธีการดูดไขมันทั้ง 5 วิธีนี้มาให้เพื่อน ๆ ประกอบการ พิจารณากันนะคะ

1. การดูดไขมันด้วยวิธี Vaser

การ ดูดไขมัน ต้นแขน ต้นขา ด้วยวิธี Vaser นั้นจะเป็นการ ดูดไขมัน ด้วยการใช้เครื่องมือในการช่วยค่ะ โดยจะปล่อยพลังงานคลื่นเสียงหรือที่เรียกกันแบบเท่ ๆ ว่า Ultrasound ในระดับความถี่ที่เหมาะสมเพื่อเข้าไปทำปฏิกิริยากับไขมัน ทำให้ไขมันกลายเป็นของเหลว จากนั้นจึงใช้เครื่องมือดูดไขมันที่เป็นของเหลวออกมา

วิธีดูดไขมันด้วยต้นแขน ต้นขา ด้วยวิธี Vaser นี้จะทำให้เซลล์ผิวหนังได้รับการกระทบกระเทือนน้อยมากค่ะ ลดการเกิดรอยฟกช้ำได้อย่างดี แถมยังทำให้แผลหลังจากดูดไขมันต้นแขน ต้นขา หายเร็วอีกด้วย

ข้อดี ข้อเสีย ของการดูดไขมันด้วยวิธี Vaser

นอกจากวิธีการ Vaser จะสามารถ ดูดไขมัน ต้นแขน ต้นขาได้แล้ว วิธีนี้ยังสามารถใช้ได้แทบทุกส่วนของร่างกายเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็น หน้าท้อง สะโพก ใต้คาง หรือแม้กระทั่งโหนกบริเวณหลังต้นคอ ซึ่งระหว่าง ดูดไขมันด้วย Vaser นั้นจะมีอาการเจ็บเพียงนิดเดียวค่ะ และหลังจากดูดเสร็จก็จะไม่มีแผลหรือบวมอะไรมาก นอกจากนี้ยังใช้เวลาพักฟื้นไม่นานอีกด้วยนะคะ ส่วนข้อเสียของการดูดไขมันต้นแขน ต้นขา ด้วยวิธี Vaser คือ อาจมีน้ำคั่งหลังดูดไขมันได้ค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลอะไรมากเพราะแพทย์สามารถรักษาได้ด้วยการเจาะออก

การดูดไขมันต้นแขน ต้นขา ด้วยวิธี Vaser เหมาะกับใคร

อย่างที่ได้บอกไปข้างบนค่ะ ว่าการ ดูดไขมันด้วยวิธี Vaser จะสามารถดูดไขมันได้เฉพาะส่วน เช่น ต้นแขน ต้นขา เป็นต้น ซึ่งการดูดไขมันต้นแขน ต้นขา ด้วยวิธี Vaser นี้จะเหมาะกับคนที่สลายไขมันยากค่ะ เช่น คนที่ออกกำลังกายเท่าไหร่ไขมันก็ไม่ยุบ เป็นต้น

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม: ดูดไขมัน Vaser ดียังไงพร้อมข้อดีและข้อเสีย

2. การดูดไขมันด้วยวิธี Body tite

การดูดไขมัน ด้วยวิธี Body tite คือ การใช้พลังงาน RF (Radio Frequency) ยิงใส่ชั้นลึกของผิวหนังไขมัน ทำให้ไขมันสลายเป็นของเหลวก่อนจะถูกดูดออกมาค่ะ พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือเป็นการปล่อยคลื่นไฟฟ้าในระดับความถี่ที่เหมาะสมและคลื่นความร้อนเพื่อไปสลายไขมันนั่นเองค่ะ

2.1 ข้อดี ข้อเสีย ของการดูดไขมันด้วยวิธี Body tite

นอกจากความร้อนจากการ ดูดไขมัน ต้นแขน ต้นขา ด้วยวิธี Body tite จะช่วยสลายไขมันได้แล้ว ยังทำให้ผิวหนังกระชับ ลดการเสียเลือดได้อีกด้วยนะคะ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนที่ดูดไขมันด้วยวิธี Body tite นั้นจะใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2 สัปดาห์ และมีรอยช้ำเล็กน้อยเพียงแค่ 1 – 2 มิลลิเมตร ส่วนข้อเสียของการดูดไขมันต้นแขน ต้นขา ด้วยวิธี Bodytite นั้นคือเรื่องของราคาค่ะที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับวิธีการอื่น ๆ แถมยังสลายไขมันตรงบริเวณที่เป็นพังผืดแน่น ๆ ได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

2.2 การดูดไขมันด้วยวิธี Body tite เหมาะกับใคร

แน่นอนค่ะว่าการดูดไขมันต้นแขน ต้นขา ด้วยวิธี Body tite นั้นจะเหมาะกับคนที่มีไขมันส่วนเกินในปริมาณมาก นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนที่มีไขมันสะสมเฉพาะส่วนอีกด้วยค่ะ ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ แล้วคนที่เหมาะสมกับวิธี Body tite นั้นจะไม่ค่อยต่างกับวิธี Vaser ค่ะ แต่ที่ต่างกันจริง ๆ ก็คือการดูดไขมันด้วยวิธี Body tite นั้นจะเหมาะกับคนที่ต้องการกระชับผิวหนังเป็นพิเศษค่ะ

ถ้าหากใครอยากศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม อ่านนี่เลย ดูดไขมันแบบ Body Tite แผลเล็กพร้อมกระชับผิวได้ภายในตัว

3. การดูดไขมันด้วยวิธี Water Jet

การ ดูดไขมัน ต้นแขน ต้นขา ด้วยพลังงานความร้อนก็มีแล้ว คราวนี้มาถึงการดูดไขมันด้วยการใช้พลังงานน้ำกันบ้างค่ะ ใช่แล้ว! การดูดไขมันด้วยวิธี Water Jet นั้นจะเป็นการใช้พลังงานน้ำเข้าไปแยกเซลล์ไขมันออกจากเนื้อเยื่อผิวหนัง ส่งผลให้เซลล์ไขมันดังกล่าวมีสภาพที่สมบูรณ์ค่ะ ทำให้นำมาใช้ประโยชน์ต่อได้อีกทีหนึ่ง

3.1 ข้อดี ข้อเสีย ของการดูดไขมันด้วยวิธี Water Jet

อย่างที่บอกไปค่ะว่าการ ดูดไขมัน ต้นแขน ต้นขา ด้วยวิธี Water Jet นี้ทำให้ไขมันมีสภาพที่สมบูรณ์นำไปใช้ต่อได้ เช่น การสกัดเป็นสเต็มเซลล์เพื่อซ่อมแซมร่างกาย หรือ การนำไขมันไปศัลยกรรมเสริมหน้าอกต่อ เป็นต้น ซึ่งการศัลยกรรมด้วยไขมันตัวเองนั้นถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยมากวิธีหนึ่งค่ะ เพราะเนื้อเยื่อจะปรับตัวให้เข้ากันได้ง่าย ส่วนข้อเสียของการ ดูดไขมัน ต้นแขน ต้นขา ด้วยวิธี Water Jet นั้นคืออาจมีน้ำหรือไขมันตกค้างได้ค่ะ แต่ยังไงก็ตามสามารถระบายออกได้หลังผ่าตัดเสร็จค่ะ

3.2 การดูดไขมันด้วยวิธี Water Jet เหมาะกับใคร

แน่นอนค่ะว่าการดูดไขมันต้นแขน ต้นขา ด้วยวิธี Water Jet นั้นจะเหมาะกับคนที่ต้องการนำไขมันที่สมบูรณ์ไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ ต่อ แต่ยังไงก็ตามคนที่ไม่มีแผนจะนำไขมันไปใช้อีกรอบก็สามารถใช้วิธี Water Jet ได้นะคะ เพราะวิธีนี้ไม่ทำให้เนื้อเยื่อบอบช้ำ แผลหายเร็ว และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานค่ะ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ดูดไขมัน Water Jet ด้วยพลังงานน้ำ

4. การดูดไขมันด้วยวิธี Smart Lipo

การ ดูดไขมัน ด้วยวิธี Smart Lipo นั้นจะใช้เลเซอร์ในการสลายเซลล์ไขมันค่ะ โดยจะยิงเลเซอร์เข้าไปก่อน หลังจากนั้นจึงนำไขมันออกมา ซึ่งวิธี Smart Lipo นี้จะเป็นการดูดไขมันกึ่งผ่าตัดค่ะ ใช้เวลาประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง แต่จะไม่เจ็บมาก และไม่ต้องนอนโรงพยาบาลด้วย

4.2 ข้อดี ข้อเสีย ของการดูดไขมันด้วยวิธี Smart Lipo

การดูดไขมันด้วยวิธี Smart Lipo นั้นจะใช้เวลาพักฟื้นไม่นานค่ะ ได้ผิวที่เรียบเนียน นอกจากนี้ยังเห็นผลได้เร็วหลังจากทำเพียงแค่ 1 สัปดาห์ และจะเห็นผลชัดขึ้นเรื่อย ๆ 3 – 6 เดือน หากควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ส่วนข้อเสียของการ ดูดไขมันด้วย Smart Lipo ก็คือวิธีนี้จะดูดไขมันได้น้อยค่ะ อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถ อ่านต่อได้ที่นี่ : ดูดไขมัน Smart Lipo มี ข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร

ดูดไขมัน Smart Lipo

4.3 การดูดไขมันด้วยวิธี Smart Lipo เหมาะกับใคร

อย่างที่บอกไปการ ดูดไขมัน ด้วยวิธี Smart Lipo นั้นจะดูดไขมันได้น้อยค่ะ ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่ไขมันไม่มากนัก เช่น มีไขมันที่ต้นแขน บริเวณคาง คอ หรือ ใบหน้า

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลเพิ่มเติม : ดูดไขมัน Smart Lipo

5. การดูดไขมันด้วยวิธี Pal

ต้องขอเกริ่นอย่างงี้ก่อนนะคะว่า Pal หรือ Power Assisted Liposuction เป็นเครื่องมือทุนแรงที่แพทย์ใช้ช่วยในการ  “ดูดไขมัน” ต้นแขน ต้นขาค่ะ โดยเครื่องมือนี้จะเพิ่มความถี่ของเข็มดูดไขมัน คล้าย ๆ กับการสั่นของแปรงสีฟันไฟฟ้าค่ะ ซึ่งจะทำให้ดูดไขมันในส่วนที่ยากให้ออกมาง่ายขึ้นค่ะ สามารถใช้ร่วมกับวิธีดูดไขมันแบบ Bodytite ได้

 

5.1 ข้อดี ข้อเสีย การดูดไขมันต้นด้วยวิธี Pal

อย่างที่เราได้บอกไปข้างบนค่ะ ว่าเครื่อง Pal หรือ Power Assisted Liposuction นั้นสามารถดูดไขมันในส่วนที่ยากให้ออกมาได้ง่ายขึ้น แถมยังช่วยแพทย์ประหยัดเวลาอีกนะคะ นอกจากนี้การดูดด้วยเครื่อง Pal ยังทำให้ผิวหนังมีการบอบช้ำน้อยลงอีกด้วย ส่วนข้อเสียนั้นก็คือถ้าเป็นเครื่อง Pal แบบเก่าจะมีเสียงดังรบกวนมากค่ะ นอกจากนี้เครื่อง Pal ยังมีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งทำให้ต้นทุนการดูดไขมันต้นแขน ต้นขา สูงขึ้นตาม

5.2 การดูดไขมันด้วยวิธี Pal เหมาะกับใคร

แน่นอนค่ะว่าการดูดไขมันด้วยเครื่อง Pal นั้นเหมาะกับคนที่มีไขมันที่ดูดออกยาก ซึ่งถ้าไปหาแพทย์แล้วพบว่าไขมันที่ต้องการดูดนั้นไม่ยากมากก็ใช้เพียงแค่วิธี Bodytite ธรรมดา ๆ ก็ได้ค่ะ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : ดูดไขมัน ด้วยวิธี PAL

เป็นยังไงบ้างคะกับ 5 วิธีการดูดไขมัน ที่ทางเราหยิบมานำเสนอ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลของเรานั้นจะช่วยเพื่อน ๆ ในการตัดสินใจดูดไขมันต้นแขน ต้นขา ได้ในระดับหนึ่งนะคะ

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

Stegmann TJ (December 1998). “FGF-1: a human growth factor in the induction of neoangiogenesis”. Expert Opin Investig Drugs. 7 (12)

Jitnarin, N.et al. (2009). Risk factors for overweight and obesity among Thai adults:

results of the National Thai Food Consumption Survey. Nutrients. 2, 60-74.

ดัชนีมวลกาย http://th.wikipedia.org/wiki/ดัชนีมวลกาย