ศัลยกรรมใบหน้าเพื่อความสมบูรณ์ของใบหน้า โครงหน้าและแนวขากรรไกร
ศัลยกรรมใบหน้า เพื่อความสมดุลของส่วนประกอบกับเค้าโครงใบหน้า และองศาความงามบนใบหน้า

ศัลยกรรมใบหน้า

เคยสังเกตไหมว่า ทำไมคนที่ ศัลยกรรมใบหน้า มากๆ ตั้งใจให้มีดวงตาที่กลมโตสวยงาม จมูกเป็นสันรูปทรงยอดนิยม ปากได้รูปเป็นกระจับสวยคม ทุกองค์ประกอบถือว่าสมบูรณ์แบบ แต่ทำไมพอดูรวมๆ แล้วจึงเหมือนขาดๆ เกินๆ หรือพาลดูไม่สวยเอาเสียดื้อๆ ประเด็นคือเรื่องความสมดุลของส่วนประกอบกับเค้าโครงใบหน้านั่นเอง มนุษย์เราจะมีสัดส่วนและองศาความงามบนใบหน้าที่ดีอยู่ อย่างที่หลายคนเคยได้ยิน โดยเฉพาะในวงการเมคอัพที่ต้องเข้าใจเรื่องของสัดส่วนที่ว่านี้เป็นอย่างดี ถึงจะแต่งหน้าออกมาสวยและมีเสน่ห์ ใครก็ตามที่อยากได้ความสวยในแบบที่ยกระดับขึ้นจากเดิม จึงต้องพึ่งการศัลยกรรมเป็นสิ่งสำคัญกับความสมบูรณ์ของใบหน้า ทั้งเรื่องกรอบหน้า องศาความงาม สัดส่วนแห่งความสมดุล ทั้งหมดทั้งมวลต้องสอดคล้องสัมพันธ์กัน จะให้น้ำหนักสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไปไม่ได้

การวัดสัดส่วนของการ ศัลยกรรมใบหน้า

การ ศัลยกรรมใบหน้า เป็นการประเมินว่าเค้าโครงของใบหน้ามีความสมดุลที่สวยงามดีหรือไม่ ซึ่งก็มีหลายวิธีที่ถูกเลือกนำมาใช้ทั้งในวงการเมคอัพและศัลยกรรม แต่ก็เป็นเพียงการวิเคราะห์คร่าวๆ เท่านั้น หากจะวัดเพื่อเจาะจงไปที่ปรับแต่งโดยการศัลยกรรม จำเป็นต้องได้รับการตรวจที่ละเอียดอีกขั้นหนึ่งก่อนเข้ารับการรักษาเสมอ ลองมาดูกันว่ามีวิธีวัดสัดส่วนที่สวยงามของใบหน้าอย่างไรบ้าง

1. วัดสัดส่วนโดยแบ่งตามแนวตั้ง : เป็นการแบ่งใบหน้าในแนวตั้งออกเป็น 5 ส่วน คือ จากข้างแก้มถึงหางคิ้ว ด้านซ้ายและด้านขวานับเป็น 2 ส่วน วัดจากหางคิ้วถึงหัวคิ้ว ด้านซ้ายและขวานับเพิ่มอีก 2 ส่วน และตรงกลางก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เหลือ รวมได้ 5 ส่วนพอดี หากทั้ง 5 ส่วนนี้มีขนาดเท่าๆ กันก็ถือว่าเป็นเค้าโครงหน้าที่สวยงาม

2. วัดสัดส่วนโดยแบ่งตามแนวนอน : เป็นการแบ่งใบหน้าในแนวนอนออกเป็น 3 ส่วน ซึ่งน่าจะเป็นวิธีที่ได้ยินบ่อยที่สุด คือวัดจากไรผมถึงแนวคิ้ว วัดจากแนวคิ้วถึงปลายจมูก และวัดจากปลายจมูกไปจนสุดปลายคาง โครงหน้าที่ดีจะต้องมี 3 ส่วนนี้ในขนาดที่เท่าๆ กัน

3. วัดแบบ Ricketts’ E line : วิธีการนี้เราอาจเรียกสั้นๆ ได้ว่า E line เป็นแนวเส้นที่ลากจากปลายจมูกไปจนถึงปลายคาง โดยลากเส้นจากปีกจมูกทั้ง 2 ข้างลงไป จะเป็นกรอบครอบพื้นที่ปากเอาไว้ เพื่อดูระยะของปากว่ายื่นหรือหดจาก E line มากเกินไปหรือไม่ เพราะสัดส่วนที่สมบูรณ์ก็คือมุมปากแตะที่เส้น E line พอดี

4. วัดด้วยเส้นแนว Eye brow : เป็นการลากเส้นเพื่อดูตำแหน่งของคิ้วที่เหมาะสม โดยลากเส้นจากปีกจมูกไปที่หัวตาเป็นเส้นแรก และลากเส้นจากปีกจมูกไปที่จุดสูงสุดของแนวคิ้ว จะได้ตำแหน่งของขอบตาดำด้านนอกที่สวย ปิดท้ายด้วยลากเส้นจากปีกจมูกไปที่หางคิ้ว จะต้องผ่านขอบตาด้านนอกสุดพอดี

การวัดสัดส่วนของใบหน้าที่กล่าวไปแล้วข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีการวัดแบบ S curve, Ogee curve of cheek, Reverse triangular, Ideal cheek และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งหลักสำคัญที่ใช้ก็เป็นธรรมชาติของรูปทรงทางคณิตศาสตร์นั่นเอง ทีนี้เมื่อวัดแล้วพบว่าเค้าโครงรูปหน้าไม่สมบูรณ์พร้อม ก็จะเข้าสู่กระบวนการปรับแต่งด้วยการใช้เทคนิค ศัลยกรรมใบหน้า เข้ามาช่วย แต่จะไม่ใช่การปรับแต่งที่องค์ประกอบเล็กๆ อย่างคิ้ว ตา จมูก ปาก แต่เป็นการปรับโครงหน้า กรอบหน้า และขากรรไกร

การศัลยกรรมกระดูกหน้า

การตัดแต่งกระดูกบริเวณใบหน้าเป็นวิธีพื้นฐานที่ใช้ในการปรับโครงหน้าอย่างถาวร แน่นอนว่าเมื่อใบหน้ามีเส้นประสาทและระบบการทำงานที่ละเอียดอ่อน ทุกครั้งก่อนการ ศัลยกรรมใบหน้า จึงต้องวางแผนเตรียมการเป็นอย่างดี และต้องได้รับการดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงนี้จะย้อนกลับไม่ได้ จึงต้องตัดสินใจให้รอบคอบถึงความปลอดภัยและความเหมาะสมก่อนเข้ารับการรักษาเสมอ

การศัลยกรรมผ่าตัดกรามให้เป็น V Line

ส่วนใหญ่ใช้กับผู้ที่มีช่วงกรามเป็นทรงเหลี่ยม หรือที่เรียกว่า U Line เป็นการตัดส่วนของกระดูกกรามออกบางส่วน เพื่อให้โครงหน้าลดเหลี่ยมมุมลงและมีขนาดที่เรียวยาวคล้ายตัว V การศัลยกรรมในรูปแบบนี้จะทำให้โครงหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก หลายคนสวยขึ้นจนผิดหูผิดตา เกิดความมั่นใจที่จะแต่งหน้าแต่งตัวมากกว่าเดิม เพราะการตัดกรามแบบ V Line นี้ไม่ได้ทำเพียงแค่ตัดกระดูกกรามออกไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจัดแต่งให้ใบหน้าทั้งสองด้านมีความสมมาตรกัน พร้อมกับเหลาปลายคางให้แหลมขึ้นเล็กน้อย ใครที่มีปัญหาหน้าเบี้ยวก็จะถูกจัดการให้เรียบร้อย ใครที่มีสัดส่วนใบหน้าที่ช่วงคางสั้นก็จะเกิดความสมดุลมากขึ้น

รูปแบบการการศัลยกรรมผ่าตัดกรามให้เป็น V Line

การผ่าตัดสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ เปิดแผลภายในช่องปากและเปิดแผลด้านนอก โดยมีรายละเอียดดังนี้

เปิดแผลภายในช่องปาก : แพทย์จะทำการกรีดเปิดแผลแถวๆ หลังฟันกรามด้านในสุด เพื่อแยกเนื้อเยื่อกับกระดูกกรามออกจากกัน แล้วใช้เครื่องมือเฉพาะตัดมุมกรามออกไป มีข้อดีตรงที่ไม่มีรอยแผลให้เห็นและลดความเสี่ยงที่จะกระทบต่อระบบประสาทบริเวณมุมปากด้วย

เปิดแผลด้านนอก : เป็นการกรีดบริเวณมุมกรามด้านนอกให้มีความยาวราวๆ 1-2 นิ้ว จากนั้นทำการแยกเนื้อเยื่อออกจากกระดูกกรามแล้วตัดส่วนที่ไม่ต้องการออกไป ข้อดีคือมีอาการบวมน้อยกว่าเปิดแผลในช่องปากมาก แต่ก็จะมีรอยแผลให้เห็นชัดเจน ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือนถึงจะเลือนหายไป

ผ่าตัดแบบ V Line เหมาะกับใครบ้าง

1. ผู้ที่มีช่วงคางใหญ่และทู่ดูไม่สมส่วน

2. ผู้ที่มีโครงหน้าเหลี่ยมหรือกลม ช่วงคางจึงดูสั้นกว่าปกติ

3. ผู้ที่เคยผ่านการ ศัลยกรรมใบหน้า ด้วยการผ่าตัดกรามเหลี่ยมแบบพื้นฐานมาแล้ว ซึ่งเป็นการตัดมุมกรามออกเท่านั้น ไม่มีการเหลาคางแต่อย่างใด คางจึงยังคงดูทู่และสั้นอยู่

4. ผู้ที่มีใบหน้าไม่สมมาตรกันอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้สูญเสียความมั่นใจอย่างรุนแรง

การศัลยกรรมปรับแต่งขากรรไกร

กระดูกขากรรไกรก็คือแนวกระดูกที่รองรับแนวฟันอยู่ มีทั้งขากรรไกรล่างและขากรรไกรบน หากเราอ้าปากแล้วสัมผัสที่ไปใต้ใบหู ก็จะรู้สึกได้ถึงจุดที่เป็นข้อต่อของขากรรไกรล่างและบน การศัลยกรรมปรับแต่งขากรรไกรนี้ สามารถแบ่งเป็น 2 กรณีใหญ่ๆ คือ กรอขากรรไกร ผ่าตัดขากรรไกร และปรับแต่งกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกร

การกรอขากรรไกร : จะเป็นการ ศัลยกรรมใบหน้า ที่เน้นให้เกิดรูปทรงเรียวเล็ก โดยใช้เครื่องมือแพทย์ค่อยๆ กรอส่วนกระดูกขากรรไกร ไล่ตั้งแต่มุมขากรรไกรล่างเป็นต้นไป ทำทีละนิดเพื่อดูความเปลี่ยนแปลง เป้าหมายคือทำให้ใบหน้าเรียวลงและมีความสมมาตรมากขึ้น วิธีนี้เหมาะกับคนที่มีปัญหาไม่มากนัก เหลานิดหน่อยก็ออกมาสวย

การผ่าตัดขากรรไกร : อันนี้เป็นคนละกรณีกับแบบแรกเลย เพราะส่วนใหญ่ใช้กับคนที่มีปัญหาค่อนข้างมาก เช่น ขากรรไกรเบี้ยวไป ฟันจึงไม่สบกันและโครงหน้าก็บิดเบี้ยว เป็นต้น การผ่าตัดจำเป็นต้องจัดฟันร่วมด้วย โดยที่จะจัดฟันไปพร้อมกัน หรือจัดฟันก่อนการผ่าตัดก็แล้วแต่ดุลยพินิจของแพทย์ผู้ดูแล แน่นอนว่าจะต้องมีการเตรียมตัวและพักฟื้นที่ค่อนข้างนาน

การปรับแต่งกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกร : บางครั้งโครงหน้าที่ดูเหมือนผิดเพี้ยนไปเพราะขากรรไกร ก็ไม่ได้เกิดจากโครงกระดูกขากรรไกรจริงๆ แต่เป็นเพราะส่วนของกล้ามเนื้อที่อยู่ในบริเวณนั้นมากกว่า เน้นไปที่กล้ามเนื้อส่วนบดเคี้ยวที่อยู่ตรงมุมขากรรไกรนั่นเอง ถ้าเป็นอย่างนี้ก็สามารถเลือกได้ 2 วิธี

การฉีดโบท็อกซ์ เป็นการทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและลดการทำงานลง หลังจากทำการรักษาไปสัก 1 อาทิตย์ก็จะเริ่มเห็นว่ากล้ามเนื้อค่อยๆ ลดขนาดลง แต่ว่าเป็นผลที่ไม่ถาวร เมื่อโบท็อกซ์สลายไปก็ต้องกลับมาฉีดซ้ำอีก

การผ่าตัด เป็นการตัดในส่วนของเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อขากรรไกร เพื่อให้กล้ามเนื้อหยุดการทำงานและลดขนาดลง ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ดีและมีคงทนถาวรมากกว่าการใช้โบท็อกซ์

กระดูกขากรรไกรคือแนวกระดูกที่รองรับแนวฟัน มีทั้งขากรรไกรล่างและขากรรไกรบน เมื่ออ้าปากแล้วสัมผัสที่ไปใต้ใบหูจะรู้สึกได้ถึงจุดที่เป็นข้อต่อของขากรรไกรล่างและบน

การศัลยกรรมโหนกแก้ม

โหนกแก้มคือส่วนที่อยู่ใต้หางตา บางคนมีโหนกใหญ่มากจึงนูนขึ้นมาเห็นได้ชัด และทำให้ใบหน้าไม่สวยสมบูรณ์อย่างที่ใจต้องการ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่มีโหนกแก้มชัดแล้วจะดูไม่สวย ในบางคนโหนกแก้มกลับเป็นตัวที่ช่วยเสริมให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้นด้วยซ้ำ ดังนั้นการ ศัลยกรรมใบหน้า ช่วงโหนกแก้มจึงเป็นเรื่องความชื่นชอบของบุคคลมากกว่าที่จะเป็นปัญหา ซึ่งก็มีทางเลือกหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเหมาะสมกับสรีระดั้งเดิม

การกรอโหนกแก้ม : หากมีโหนกแก้มที่นูนขึ้นมาไม่มากนัก เมื่อวิเคราะห์แล้วเห็นว่าเหลานิดหน่อยก็ใช้ได้ ก็จะเหมาะกับวิธีนี้ ซึ่งทำได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว และไม่ทิ้งรอยแผลเอาไว้ เนื่องจากแพทย์จะทำการผ่าตัดภายในช่องปากด้วยการกรีดเปิดปากแผลใต้กระพุ้งแก้ม แล้วค่อยๆ ใช้เครื่องมือกรอโหนกแก้มส่วนเกินออก

การผ่าตัดและเลื่อนเข้า : คนที่มีโหนกนูนสูงมากจนไม่อาจใช้การกรอได้ ก็ต้องเปลี่ยนเป็นการผ่าตัด แต่การผ่าตัดแบบนี้ค่อนข้างซับซ้อนและยุ่งยาก ทีมแพทย์จำเป็นต้องวางแผนอย่างละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อน เมื่อทำการผ่าตัดก็จะกรีดเปิดแผลที่หน้าใบหูใกล้ๆ จอนผม ตัดกระดูกโหนกแก้มแล้วเลื่อนไปด้านในให้อยู่ในตำแหน่งที่ออกแบบไว้ จากนั้นเชื่อมประสานกระดูกเข้าด้วยกันอีกครั้งด้วยวัสดุทางการแพทย์ซึ่งแข็งแรงทนทาน มีอายุการใช้งานยาวนานตลอดชีวิต ผู้เข้ารับการรักษาสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังผ่านช่วงพักฟื้น ไม่ต้องกังวลกลัวว่าจุดเชื่อมจะหลุดออกหรือเสียหาย แม้ว่าวิธีนี้จะยุ่งยากแต่ก็คุ้มค่า เพราะจะเปลี่ยนโครงหน้าไปได้เยอะพอสมควร

การผ่าตัดหมุนโหนกแก้ม : วิธีนี้ใช้สำหรับคนที่มีโหนกแก้มไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ก็ไม่อยากใช้วิธีการกรอโหนกแก้ม รูปแบบการรักษาจะเป็นการผ่าตัดและหมุนกระดูกโหนกแก้มเข้าด้านใน จึงช่วยลดความโหนกนูนที่เคยโปนออกมาเกินความจำเป็นได้ ซึ่งคล้ายคลึงกับการผ่าตัดแล้วเลื่อนเข้า แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า

การเสริมโหนกแก้ม : ไม่ใช่แค่คนที่มีโหนกแก้มมากเกินไปเท่านั้นที่เป็นปัญหา คนที่ไม่มีโหนกแก้มเลยก็เป็นปัญหาด้วยเหมือนกัน เพราะใบหน้าจะขาดมิติไปเลย จะแต่งอย่างไรใบหน้าก็ไม่อาจสวยคมขึ้นมาได้ จึงต้องเสริมให้มีความโหนกนูนขึ้นมาบ้าง วิธีการที่นิยมกันมี 3 วิธี ได้แก่

การผ่าตัดเพื่อเสริมวัสดุเทียม มีทั้งแบบที่ผ่าตัดจากภายในช่องปากและผ่าตัดที่ด้านนอก วัสดุที่ใช้เสริมมีตั้งแต่ใช้กระดูกของตัวเอง ใช้สารในกลุ่มแคลเซียม และซิลิโคน ซึ่งอันสุดท้ายได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะกำหนดรูปร่างได้ ปรับแต่งง่ายและมีระดับความปลอดภัยสูง

การฉีดไขมัน โดยการดูดเอาไขมันภายในร่างกายตรงส่วนอื่นๆ เช่น หน้าท้อง ใต้ท้องแขน ต้นขา เป็นต้น แล้วเอามาฉีดเข้าที่บริเวณโหนกแก้มที่ต้องการเสริม

การฉีดคอลลาเจน คล้ายกับการเสริมจมูกหรือส่วนอื่นๆ ด้วยคอลลาเจนนั่นเอง วัดปริมาณที่ต้องใช้แล้วเลือกประเภทของคอลลาเจนให้เหมาะสม จากนั้นก็ทำการฉีดตามขั้นตอนปกติ

การศัลยกรรมปรับแต่งส่วนคาง

ส่วนคางเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ผู้คนนิยมปรับแต่งกันมากที่สุด เพราะนอกจากจะมีผลโดยตรงต่อความสมส่วนของใบหน้าแล้ว ก็ยังมีผลในด้านโหงวเฮ้งตามความเชื่ออีกด้วย คนที่มีช่วงคางสั้นเกินไป หน้าจะดูหม่นหมอง ดูเศร้าซึมได้ง่าย และหลายครั้งการมีคางที่ดูสั้นก็เป็นผลพวงมาจากปัญหาโครงสร้างร่างกายอื่นๆ ด้วย เช่น ขากรรไกรไม่พอดี แนวฟันไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เป็นต้น หากไม่ทำการแก้ไขก็ไม่ใช่แค่ประเด็นเรื่องความสวยความงามแล้ว แต่จะมีผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาวด้วยการ ศัลยกรรมใบหน้า ปรับแต่งส่วนคางที่นิยมกันมีดังต่อไปนี้

การปรับแต่งส่วนคางด้วยการเสริมวัสดุสังเคราะห์ : จะมีการแบ่งย่อยลงไปอีกเป็น 2 แบบด้วยกัน คือ การเสริมคางจากภายในช่องปาก และการเสริมคางจากภายนอกบริเวณใต้คางนั่นเอง วัสดุเสริมที่ใช้ก็จะเป็นซิลิโคนรูปแบบต่างๆ ทีมแพทย์จะกรีดเปิดแผลแล้วสอดซิลิโคนเข้าไป จัดตำแหน่งให้เหมาะสมพร้อมเย็บปิดปากแผลตามปกติ มีข้อดีตรงที่การฟื้นตัวใช้ระยะเวลาไม่นานนัก ในขณะที่ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ สามารถกำหนดได้ตั้งแต่ก่อนการผ่าตัดว่าอยากให้รูปทรงของคางเป็นอย่างไร

การปรับแต่งด้วยการฉีดไขมัน : โดยการดูดไขมันของผู้เข้ารับการรักษา จากหน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน เป็นต้น แล้วเอามาฉีดบริเวณคางในปริมาณที่ต้องการ ข้อดีคือทำได้ง่าย ไม่มีรอยแผล และมีอาการแพ้น้อยมากเพราะเป็นส่วนประกอบในร่างกายของตัวเอง แต่ก็มีข้อเสียตรงที่หากได้รับการดูแลจากแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญมากพอ คางก็อาจจะบิดเบี้ยวไม่ได้รูป อาจต้องทำการแก้ไขกันหลายครั้ง

การปรับแต่งคางด้วยการเลื่อนโครงกระดูก : เป็นการตัดเอากระดูกส่วนปลายคางออกมา แล้วเลื่อนตำแหน่งมาข้างหน้าเล็กน้อย วางในองศาและความยาวที่ต้องการ ยึดกระดูกไว้ในตำแหน่งนั้นแล้วเย็บปิดปากแผล วิธีนี้จะได้คางที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการปรับแต่งโครงหน้าให้มีความสวยสมบูรณ์แบบ ไม่ว่ามีจุดบกพร่องตรงไหน เราก็สามารถเสริมเติมแต่งได้ทั้งนั้น แต่ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยเสมอ การเลือกรูปแบบการ ศัลยกรรมใบหน้า การเลือกทีมแพทย์ผู้ดูแล มีความสำคัญเทียบเท่ากับการดูแลตัวเองหลังการทำ และการเข้าใจความต้องการของตัวเองอย่างแท้จริง อย่าลืมที่จะไตร่ตรองพร้อมหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนทุกครั้งที่คิดจะทำศัลยกรรม เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่ากับการตัดสินใจ

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

The Grand Plastic Surgery. ไบเบิลศัลยกรรมเกาหลี.กรุงเทพฯ:อมรินทร์เอลท์ อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง,2559.