การตกหลุมรักผิวของคุณเอง
ผู้หญิงที่ส่องกระจกบ่อย ๆ จะสวยขึ้น เพราะยิ่งส่องบ่อยก็ยิ่งเป็นการใส่ใจในใบหน้าตัวเองมากขึ้นและรู้สึกรักใบของหน้าตัวเอง

ผิวหนัง

“ มาเป็นเพื่อนซี้กับกระจกกันเถอะ ”
วันนี้เราจะมาชวนสาว ๆ มาทำความคุ้นเคยกับใบหน้าของตัวเองกัน รู้ไหมว่าผู้หญิงที่ส่องกระจกบ่อย ๆ มักถูกมองว่าเป็นพวกชอบหลงตัวเอง แต่เชื่อเถอะว่ามันไม่ใช่เป็นการหลงตัวเองอะไรเลย พวกหลงตัวเองที่รู้จักรักตัวเองนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับผู้หญิงที่ไม่ชอบใบหน้าของตัวเองแล้ว ต้องถือว่ามีสุขภาพจิตที่ดีกว่ามาก เวลาอยู่ที่บ้านก็ควร วางกระจกไว้ใกล้ตัวบ้าง เวลาออกนอกบ้านก็หมั่นสำรวจตัวเองในกระจก ถึงจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่การฝึกนิสัยให้เป็นคนรักตัวเองถือเป็นสิ่งสำคัญ

ส่องกระจกในบริเวณที่มีแสงธรรมชาติส่องถึง
ในการแต่งหน้าลุคธรรมชาติในช่วงกลางวันจะกลายเป็นเรื่องยากในทันที หากโต๊ะเครื่องแป้งของคุณอยู่ในบริเวณที่อับแสงหรือแสงไม่พอ ควรปรับแสงบริเวณโต๊ะเครื่องแป้งให้สว่างใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติมากที่สุด

พกกระจกที่ส่องแล้วดูสวย
กระจกที่ส่องแล้วชวนทะเลาะอยู่เสมอจะสะท้อนภาพใบหน้าที่ใหญ่และหย่อนยาน ส่วน ผิวหนัง นั้นจะดูขรุขระไปเลย แต่ถ้ามีกระจกที่ส่องแล้วสวยทุกครั้งอยู่เสมอ กระจกอย่างนั้นจะทำให้คุณอยากส่องดูใบหน้าของตัวเองบ่อย ๆ ต้องวางกระจกอันนี้ไว้ใกล้ ๆ ตัว ส่องบ่อย ๆ และพยายามดูแลตัวเองให้มากขึ้น คุณจะพบว่าตัวเองเริ่มจะสวยขึ้น

หาเมคอัพโซนที่ซ่อนอยู่บนใบหน้า
ในการแต่งหน้านั้นสิ่งสำคัญไม่ใช่อยู่ที่การแต่งทั้งใบหน้า แต่เป็นการเน้นส่วนที่สำคัญบนใบหน้า การเน้นเฉพาะบางส่วนจะทำให้ใบหน้าดูเล็กลงและโครงหน้าโดยรวมชัดเจนขึ้น ใบหน้าของคนเรามีหลายโซน และถ้ารู้จักโซนบนใบหน้าเป็นอย่างดีแล้วเส้นทางการเป็นผู้เชี่ยวชาญในการแต่งหน้าก็ไม่ไกลนัก มาลองทำความรู้จักกับเมคอัพโซนกันดูดีกว่า แล้วมาดูสิว่าส่วนไหนที่ควรเน้นให้เข้มและส่วนไหนที่ควรทำให้สว่าง

ลองค้นหาส่วนที่มีเสน่ห์ที่สุดบนใบหน้าของตัวเองดู
เมื่อคุณส่องกระจกคราใดแล้วเห็นแต่ส่วนที่ตัวเองไม่ชอบแล้วล่ะก็ นั่นหมายความว่าคุณได้ใช้กระจกผิดวิธีแล้วล่ะ บางครั้งส่วนที่คิดว่าเป็นปมด้อยอาจจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณเป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุด ถ้าคุณเข้าใจตรงจุดนี้แล้วการใช้เครื่องสำอางเพื่อเพิ่มเสน่ห์ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปลองทำดูให้หมด ทั้งยิ้มกว้าง ขยิบตา หรือแม้แต่สีหน้ายั่วยวน
ถ้าคุณทำแต่สีหน้าที่ดูน่าเบื่ออยู่เสมอ เสน่ห์ของหญิงงามในตัวคุณก็จะอยู่ได้ไม่นาน ที่จริงแล้วผู้คนมักเข้าใกล้และมองดูใบหน้าของคนที่สามารถเปลี่ยนแปลงสีหน้าและแสดงออกได้อย่างหลากหลาย ลองส่องกระจกแล้วทำหน้าดี ๆ ให้ถูกกาลเทศะ และพัฒนา 4 รูปแบบใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง การฝึกแสดงสีหน้าต่าง ๆ จะช่วยคลายกล้ามเนื้อและช่วยรักษาความยืดหยุ่นบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี 

ผิวโซน C คือบริเวณโหนกแก้มที่เชื่อมต่อมายังโหนกคิ้ว เป็นบริเวณที่มักเกิดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า เนื่องจากผิวหนัง บริเวณนี้บอบบาง เกิดริ้วรอยแห่งวัยได้ง่าย จึงต้องดูแลกันเป็นพิเศษ ถ้าใช้ไฮไลท์ประกายมุกละเอียดทาบริเวณโซน C ให้สว่างขึ้น ใบหน้าจะดูเรียวยาวขึ้น และใบหน้าด้านข้างจะดูสวยขึ้นอีกด้วย

ผิวโซน T คือบริเวณหน้าผากจนถึงปลายจมูกที่เชื่อมต่อกันเป็นรูปตัว T เป็นบริเวณที่มีการหลั่งน้ำมันมากที่สุดและเห็นรูขุมขนได้ชัดเจนที่สุด จึงต้องล้างหน้าอย่างระมัดระวัง เราสามารถปรับแต่งความยาวหน้าหรือไม่ก็ทำให้ใบหน้าดูมีมิติได้ เมื่อทาแป้งหรือไฮไลท์มุกบริเวณโซน T ที่สั้นบ้างยาวบ้างตามลักษณะโครงหน้า

ผิวโซน U คือบริเวณใต้ริมฝีปาก คนที่คางสั้นถ้าไฮไลท์บริเวณโซน U ให้ใหญ่ประมาณลูกปิงปอง จะทำให้คางดูเรียวยาวและดูมีมิติมากขึ้น สำหรับคนคางยาว ทาเฉดดิ้งสีเข้มที่ซ่อนอยู่จะทำให้คางดูสั้นลง

ผิวโซนแอ๊ปเปิ้ล คือบริเวณแก้มที่เวลายิ้มแล้วเนื้ออูมออกมา บริเวณนี้ให้เป็นเบลนด์บลัชออนให้ดูเป็นธรรมชาติและปัดไปข้างหลังเล็กน้อย สำหรับสาวเอเชีย ถ้าปัดบลัชออนบริเวณกลางโซนแอปเปิ้ลนี้จะทำให้ใบหน้าดูเล็กลงได้

ผิวโซน สามเหลี่ยม คือพื้นที่รูปสามเหลี่ยมตั้งแต่ใต้ตามาจนถึงปีกจมูก ผิวหนัง บริเวณนี้จะบางและไม่ค่อยผลิตน้ำมัน จึงเกิดริ้วรอยและรอยคล้ำใต้ดวงตาได้ง่าย จึงควรได้รับสารอาหารและความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอ การตรวจสอบว่าน้ำเหลืองไหลเวียนดีหรือไม่ ถ้าไฮไลท์ให้บริเวณนี้สว่างขึ้น ใบหน้าจะดูสว่างสดใสและนุ่มนวล คนหน้าตอบควรใช้ไฮไลท์เนื้อแมตต์แทนชนิดผสมมุก

เคล็ดลับความงาม 10 ประการแบบดาราเกาหลี

1.นวดผิวหน้าด้วยตัวเอง
หลังล้างหน้าทุกๆครั้ง ให้นวดผิวหน้าเบาๆเพื่อให้ผิวผ่อนคลายประมาณ 3 นาที

2.รักษาความสะอาด ผิว
ถึงแม้ว่าจะใช้เครื่องสำอางดีแค่ไหนถ้ามือไม่สะอาดหรือเก็บเครื่องสำอางไว้ในที่ที่ไม่สะอาดก็ไม่มีประโยชน์อะไร เครื่องสำอางเป็นสิ่งที่ทำให้คนสวยขึ้นก็จริง แต่ถ้าอยู่ในสภาพที่ไม่สะอาด เช่น พัฟฟ์ที่สกปรกและดำ นอกจากจะสร้างปัญหาแล้ว ยังอาจทำลายความงามที่มีอยู่อีกด้วย

3.ใส่ใจในการกินดื่ม
ในความเป็นจริงแล้วดารานักแสดงจำนวนมากมีพฤติกรรมการกินที่ค่อนข้างแปลก รู้ไหมว่าสิ่งที่พวกเขาพกติดตัวอยู่ตลอดคืออะไร คำตอบก็คือน้ำและวิตามิน การเตรียมขวดน้ำและผลไม้ไว้ใกล้ตัวเป็นเรื่องพื้นฐาน ถ้าอยากมี ผิวพรรณ สดใสและชุ่มชื้นต้องรู้จักบริโภคน้ำและวิตามินให้เพียงพอ

4. เป็นเจ้าหญิงกระจก
ผู้หญิงที่ส่องกระจกบ่อย ๆ จะสวยขึ้น เพราะยิ่งส่องบ่อยก็ยิ่งเป็นการใส่ใจในใบหน้าตัวเองมากขึ้นและรู้สึกรักใบของหน้าตัวเอง สำหรับบางคนยิ่งสภาพใบหน้าแย่ลงเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เจ้าของใบหน้าหลีกเลี่ยงที่จะส่องกระจกมากเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องเช็คใบหน้าของตัวเองอยู่เสมอด้วย

5.ตั้งบิวตี้เดย์สัปดาห์ละ 1 วัน
ใช่ว่าเวลาผ่านไปแล้วจะทำให้คนเราสวยขึ้นเองได้ แต่ต้องใช้เวลาในการเสริมแต่งให้สวยขึ้นต่างหาก ใน 1 สัปดาห์ต้องเลือก 1 วันให้เป็นวันแห่งความงาม ไม่ว่าจะทำเล็บ นวดหน้า เข้าร้านเสริมสวย หรือมาสก์หน้า ต้องรู้จักจัดเวลาทำกิจกรรมที่จำเป็นต่อความงาม ลองชวนคุณแม่ พี่สาว น้องสาวหรือเพื่อน ๆ ไปด้วย นั่นเป็นการใช้เวลาอย่างมีคุณค่าและสนุกสนานมากเลยทีเดียว

6.ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าให้พอเหมาะ
คลีนซิ่งออยหรือโลชั่นไม่ใช่ผลิตภัณฑ์นวดหน้า ดังนั้น ห้ามใช้นวดหน้าเป็นเวลานาน ๆ แต่ให้ใช้เช็ดเครื่องสำอางออกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ การาใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าชนิดโฟมก็เช่นกัน ควรบีบโฟมลงบนฝ่ามือและขยี้ให้เกิดฟองพอสมควรแล้วค่อยทำความสะอาดใบหน้า ถ้าใช้ฟองโฟมถูหน้านาน ๆ สารลดแรงตึง ผิวหนัง ในผลิตภัณฑ์จะไปกระตุ้นผิวจนเกิดการระคายเคืองได้ ตอนเช้าควรล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเท่านั้น ส่วนสกินแคร์ที่ใช้อยู่ถ้าลดลงไปสัก 2 ขั้นตอนจะทำให้แต่งหน้าได้ดีขึ้น

7.การออกกำลังกายที่ดีที่สุดคือการเดิน
เพื่อสุขภาพ ผิวพรรณ ที่ดีขึ้น ซึ่งรวมไปถึงผิวหน้าด้วย การออกกำลังกายอย่างพอเหมาะเป็นสิ่งจำเป็น การออกกำลังกายเพื่อความงามที่ดีที่สุดคือการเดิน ไม่ว่าจะเป็นการเดินในสวนสาธารณะ ตามทางเดินริมแม่น้ำ หรือภูเขาใกล้ ๆ ก็ตาม การดื่มน้ำหลังจากสูดสารไฟทอนไซด์ที่ออกมาจากต้นสนจะช่วยลดสารพิษในร่างกายได้ และทำให้ผิวยืดหยุ่นขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ

8.ปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลตตลอด 365 วัน
การปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ในทุกวันเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ แต่ว่าค่าการป้องกันผิวที่จำเป็นก็แตกต่างกันออกไปตามสภาพแวดล้อมในชีวิตประจำวันและประเภทผิวของแต่ละบุคคล ถ้าทำกิจกรรมในที่ร่มเสียเป็นส่วนใหญ่ก็ใช้สารกันแดดที่มีค่า SPF 15-20 ถ้าทำกิจกรรมกลางแจ้งบ่อย ๆ ก็ค่า SPF 30 ขึ้นไปถึงจะเหมาะ SPF เป็นค่าการป้องกันผิวจาก UVB ที่ทำให้ ผิวหนัง เกรียมแดดและเกิดผื่นแดง ส่วน PA คือค่าการป้องกัน UVA ที่กระตุ้นให้เกิดการย้อมเม็ดสีและทำให้ผิวแก่ก่อนวัย ถ้าต้องการปกป้องผิวให้ปลอดภัยก็เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่ามีส่วนประกอบทั้ง SPF และ PA

9.ใช้สกินแคร์น้อยชิ้น
เครื่องสำอางประกอบด้วยสารเคมีต่าง ๆ และมีส่วนผสมหลายชนิด ยิ่งทามาก ผิวก็ยิ่งอ่อนแอ ใช้แค่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เข้ากับตนได้ดีที่สุดเพียง 2 – 3 ชิ้นก็เพียงพอ สกินแคร์ยิ่งน้อยเท่าไหร่ผิวก็จะตอบสนองต่อประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ได้เร็วขึ้นเท่านั้น

10.ใช้บริการคลินิกเสริมความงามอย่างระมัดระวัง
คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญหรือบริการของคลินิกเพื่อความงามนั้นเป็นสิ่งจำเป็น ผิวที่เกิดปัญหาเล็กน้อยสามารถแก้ไขด้วยตัวเองได้ การไม่ยอมให้ ผิวพรรณ ได้ฟื้นฟูสภาพผิวเองตามธรรมชาติ กลับไปขอความช่วยเหลือจากหมอ ศัลยกรรมเลเซอร์และการลอกหน้า รวมทั้งการรักษาด้วยการฉีดยานั้นเห็นผลทันตาก็จริง แต่ในระยะยาวจะทำให้ผิวอ่อนแอและต้องพึ่งหมอเรื่อยไป ควรดูแลผิวด้วยวิธีการที่อ่อนโยนอย่างเครื่องสำอางหรือการนวด เป็นต้น

ผลิตภัณฑ์ที่มีค่าการป้องกันสูงจะมีปริมาณน้ำมันมาก ถ้าผิวมันควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีค่าการปกป้องต่ำ ถ้าใช้เมคอัพเบสที่มีส่วนผสมของสารป้องกัน UV จะช่วยลดขั้นตอนการแต่งหน้าได้

กินอะไรให้ผิวสวย

ผลไม้สดตามฤดูกาล
ผลไม้เป็นวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งองุ่นตามฤดูกาลถือได้ว่าเป็นสุดยอดอาหารต้านความชรา บลูเบอรี่ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ และแตงโมในช่วงฤดูร้อนที่ช่วยขับปัสสาวะและของเสียในร่างกาย อย่างไรก็ตามผลไม้ทุกชนิดล้วนมีสารอาหารจากธรรมชาติที่ต่างกันไป จึงควรบริโภคผลไม้ให้หลากหลาย เน้นผลไม้ 5 สี ได้แก่ สีแดง ( แตงโม ) สีเหลือง ( ส้ม ) สีเขียว ( แอปเปิ้ลเขียว ) สีม่วง  (องุ่น ) สีขาว ( สาลี่ )

น้ำ
น้ำช่วยลดความเข้มข้นของเลือด ช่วยให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้นและช่วยขับสารพิษในร่างกาย ควรเลือกดื่มน้ำที่มีแร่ธาตุสูงและมีค่า pH ราว 7.5 ซึ่งมีความเป็นด่างอ่อน ๆ การดื่มน้ำอุ่นในตอนเช้าและก่อนนอนจะช่วยให้กระเพาะอาหารไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป

ชา
เวลาที่ผิวเปราะบางและดูหมองคล้ำนั้น การดื่มชาช่วยได้ ไม่ใช่ดื่มแค่เพียงถ้วยเดียวเท่านั้นแต่ควรดื่มประมาณ 1 ลิตร ผู้ดื่มชาสมุนไพรที่ไม่มีกาเฟอีนในช่วงเย็นจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น อีกทั้งยังช่วยขับสารพิษในร่างกายอีกด้วย เช้าวันต่อมาจะทำให้หน้าไม่บวมและแต่งหน้าได้สวยขึ้น

ไวน์และไวน์ข้าว
การดื่มไวน์และไวน์ข้าว (ชองจู คือ ไวน์ที่ได้จากการหมักข้าว ใสคล้ายน้ำเปล่า) ซึ่งดีต่อผิวก็จริงแต่การให้ผิวสัมผัสกับแอลกอฮอล์ทั้งสองชนิดนี้โดยตรงจะได้ผลดีมาก เวลามาสก์หน้าด้วยไวน์แดง สาร AHA ในไวน์แดงจะช่วยกำจัดผิวหนังที่ตายแล้วให้ออกไปอย่างอ่อนโยนและทำให้ ผิวนุ่ม ขึ้น ส่วนไวน์ข้าวนั้นเหมาะที่จะใช้เวลาอาบน้ำ ไวน์ข้าวเป็นเครื่องอาบน้ำจากธรรมชาติที่ดีเยี่ยมที่สุดในการกำจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนผิว ทำให้ผิวเรียบเนียนและคงความชุ่มชื้นไว้ได้

อาหารเผ็ด ๆ อาหารอุ่น ๆ
การกินอาหารเผ็ด ๆ หรือน้ำแกงอุ่น ๆ ถือเป็นวัฒนธรรมการกินอันเป็นเอกลักษณ์ของเกาหลี ช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้นเพราะในพริกเผ็ด ๆ มีสารแคปไซซินที่ถือว่าเป็นตัวแทนของการลดน้ำหนักและสารต้านอนุมูลอิสระ สาวเกาหลีจึงมีผิวที่แลดูอ่อนเยาว์และยืดหยุ่น แต่ควรบริโภคในปริมาณพอเหมาะเพื่อไม่ให้กระเพาะอาหารทำงานหนักและควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด

อาหารที่มีเส้นใย
ระบบย่อยอาหารที่ทำงานได้ไม่ดีนักมักจะสร้างปัญหาให้แก่ผิว นอกจากการกินจะต้องดีแล้ว การขับถ่ายก็ต้องดีด้วย การกินอาหารที่มีเส้นใยสูงอย่างผัก มันเทศและสาหร่าย จะช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดี ส่งผลให้ไม่เหลือสิ่งสกปรกตกค้างบน ผิวหนัง นอกจากนี้การกินข้าวกล้องถือว่าส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักและช่วยป้องกันไม่ให้ท้องผูกอีกด้วย

อย่าลืมอุ่นเครื่องก่อนแต่งหน้า

การแต่งหน้าไม่ได้เริ่มขึ้นในตอนเช้าอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เริ่มตั้งแต่ช่วงเย็นต่างหาก ถ้าอยากแต่งหน้าให้สนุกและมีประสิทธิภาพแล้วควรจะอุ่นเครื่องก่อนแต่งหน้าสัก 10 – 20 ชั่วโมง พฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ถือเป็นการลงทุนให้กับผิวในทุก ๆ คืน ซึ่งจะส่งผลต่อผิวในวันรุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การล้างหน้าอย่างพิถีพิถัน การรับสารอาหารอย่างพอเหมาะ การดื่มน้ำให้เพียงพอ การยืดเส้นยืดสาย รวมถึงการนอนหลับให้เพียงพอ นอกจากนี้คือการนวดหน้าด้วยตนเองทุก ๆ คืน เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อบนใบหน้าที่เมื่อยล้าและทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น นวดแค่ 3 นาทีก็พอ ถึงจะดูเล็กน้อยแต่ถ้าทำซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพียงไม่กี่เดือนต่อมาจะรู้สึกถึงความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด

ขั้นตอนการนวดหน้าด้วยตัวเองวันละ 3 นาที มีดังนี้
1.หันศีรษะไปทางด้านข้างแล้วใช้นิ้วกดนวดเป็นจุด ๆไปตามบริเวณที่รู้สึกแข็ง
2.กดบริเวณโหนกแก้มและแก้มค้างเป็นจุดๆ
3.ถ้ากดตรงกลางคางจะช่วยลดบวมได้
4.แบ่งคิ้วเป็น 3 ส่วนแล้วกดค้างเป็นจุดๆ ตั้งแต่หัวคิ้วจนถึงหางคิ้ว
5.ทุกครั้งที่เคี้ยวอาหารให้บริหารกล้ามเนื้อคางด้วย ถ้ากดและนวดบริเวณกระดูกคางจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้
6.ใช้นิ้วนวดบริเวณแก้มเบา ๆ เหมือนดีดเปียโน

ผิวนุ่มชุ่มชื้นทุกฤดูกาล

ทะนุถนอมบำรุงมือ
ถึงจะใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าแล้วก็ตาม แต่ถ้าผิวมือแห้ง เวลาที่เราบำรุงผิวหน้าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นก็จะไปบำรุงมือแทน พูดอีกอย่างคือแค่มือเท่านั้นแหละที่จะได้รับการบำรุงทุกครั้งที่เราสัมผัสใบหน้าโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว มือของเราจะได้ฉกฉวยความชุ่มชื้นจากใบหน้าออกมา ดังนั้น ก่อนที่เราจะบำรุงผิวหน้าต้องเริ่มจากการบำรุงผิวมือเสียก่อน ใช้แฮนด์ครีมบำรุงผิวมือให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ ไม่มีผลิตภัณฑ์ชิ้นไหนที่จะช่วยรักษากลิ่นกายของคุณไว้ได้ทั้งวันเท่ากับแฮนด์ครีมอีกแล้ว ดังนั้น เวลาเลือกซื้อก็ควรเลือกแฮนด์ครีมที่มีกลิ่นหอมละมุน

บำรุงผิวกายให้เท่ากับผิวหน้า
ผิวหนัง เป็นอวัยวะที่มีพื้นที่มากที่สุดในร่างกาย ถ้าผิวกายแห้ง ผิวหน้าก็ยอมแห้งขึ้นด้วยอย่างแน่นอน ทุก ๆ คืนหลังอาบน้ำ ผสมน้ำมันอโรมากลิ่นที่คุณชอบกับครีมหรือโลชั่นทาตัวแล้วนวดให้ทั่วเรือนร่างอย่างอ่อนโยน นอกจากผิวกายจะเนียนนุ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยให้การหมุนเวียนของเลือดตามแนวแขนขาดีขึ้นอีกด้วย รวมถึงส่งผลดีทำให้ใบหน้าใสขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความยืดหยุ่นของบริเวณคอลงมาจนถึงหน้าอกนั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับผิวหน้า จึงต้องพยายามรักษาความสวยงามให้เป็นธรรมชาติเนียนกระชับด้วยครีมทาคอ บาธออยล์ และครีมทาตัวที่ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้ผิว

กลิ่นน้ำหอมที่ผู้หญิงควรรู้

หากคุณเป็นผู้หญิงที่มีรสนิยมการแต่งหน้าในสไตล์ที่แตกต่างกันตามโอกาสและสถานที่ คุณมักจะใช้น้ำหอมที่แตกต่างกันไปในแต่ละวัน ในวันที่ใส่เสื้อหนังสไตล์ไบเกอร์แจ็คเก็ตสุดเซ็กซี่ กับวันที่ใส่เสื้อเชิ้ตขาวเรียบ ๆ หรือวันที่ใส่มินิวันพีซสีดำ ถ้าใช้น้ำหอมกลิ่นเดียวกันหมดคงฟังดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

การเลือกน้ำหอมกลิ่นเฉพาะสำหรับคุณ
น้ำหอมของแบรนด์เครื่องสำอางซึ่งเป็นที่รู้จัก ถึงแม้ภาพลักษณ์ภายนอกจะดูสวยและน่าสนใจ แต่ร่างกายของคนเราแต่ละคนนั้น ตอบสนองต่อน้ำหอมแตกต่างกันออกไป มีเหมือนกันที่บางคนได้กลิ่นน้ำหอพอตื่นขึ้นมาแล้วปวดหัวหรือไม่ก็ทำให้ตาล้า ขนาดตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าร่างกายต่อต้านกลิ่นนั้นง่าย ดังนั้น จึงควรเลือกน้ำหอมที่ฉีดแล้วให้ความรู้สึกผ่อนคลายและทำให้รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับน้ำหอมนั้น

บางครั้งกลิ่นเฉพาะของเราก็ไม่ได้มาจากน้ำหอมเสมอไป หลังอาบน้ำถ้าผสมครีมที่ไม่มีกลิ่นกับบาธออยล์กลิ่นที่ชอบแล้วทาให้ทั่วตัว จะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ได้ตลอดวัน ข้อดีคือกลิ่นไม่ฉุนจนเกินไปและติดทนนาน

การเลือกน้ำหอมให้เข้ากับเสื้อผ้าอย่างง่าย ๆ
ในวันที่ต้องเลือกน้ำหอมให้เข้ากับเครื่องแต่งกาย วิธีที่ง่ายที่สุดคือ การเลือกจากสี แยกน้ำหอมที่มีอยู่นับสิบไว้ตามสีให้เห็นชัดเจน น้ำหอมที่ไม่มีสี สีเหลือง สีชมพู สีแดง สีส้ม สีฟ้า สีเขียว สีม่วง แม้กระทั่งสีดำ กลิ่นของพืชพรรณดอกไม้ในน้ำหอมสามารถแบ่งได้ตามสีของน้ำหอม สีหรือภาพลักษณ์ของเสื้อผ้าก็แบ่งในลักษณะคล้าย ๆ กันด้วย เวลาใส่เสื้อผ้าสีขาวหรือสีฟ้าพาสเทล ถ้าฉีดน้ำหอม Philosophy Baby Grace สลากฟ้าจะให้กลิ่นหอมสดชื่น และเวลาที่เสื้อผ้าท่อนบนเป็นสีไวน์แดงสุดเซ็กซี่ ถ้าฉีดน้ำหอมสีกุหลาบสีเข้ม หรือไม่ก็ Serge Lute ns จะได้กลิ่นยั่วยวนของดอกซ่อนกลิ่นทั่วร่างกาย

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

ลีคยองมิน : เขียน; ชนามาศ เพ็งสมบูรณ์: แปล จาก My sweet makeup recipes อยากสวยต้องกล้าแต่ง : กรุงเทพฯ : Steps อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, 2558.