

มะพลับ
มะพลับ เป็นต้นไม้มีถิ่นกำเนิดมาจากในป่าดงดิบของประเทศไทย พบขึ้นในป่าที่ลุ่มต่ำบริเวณกันชนระหว่างป่าบกและป่าชายเลน ชายป่าพรุ บริเวณชายคลอง ป่าดิบใกล้แหล่งน้ำ ป่าละเมาะริมทะเล และตามเรือกสวนทั่วไป ที่ระดับความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 2-30 เมตร ในประเทศไทยสามารถพบได้ทางภาคใต้ ส่วนในต่างประเทศจะพบได้ในมาเลเซีย ชื่อสามัญ Bo tree, Sacred fig tree, Pipal tree, Peepul tree ชื่อวิทยาศาสตร์ Diospyros malabarica var. siamensis (Hochr.) Phengklai (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Diospyros siamensis Hochr.) จัดอยู่ในวงศ์ (EBENACEAE) นอกจากนี้ยังมีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ขะนิง ถะยิง (นครราชสีมา), มะเขื่อเถื่อน (สกลนคร), ตะโกสวน ปลาบ (เพชรบุรี), ตะโกไทย (ภาคกลาง), ตะโกสวน พลับ มะพลับใหญ่ (ทั่วไปเรียก), มะสุลัวะ (ลำปาง-กะเหรี่ยง) เป็นต้น
ลักษณะของมะพลับ
- ต้น เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นมีความเปลาตรง มีความสูงได้ประมาณ 8-15 เมตร ทรงพุ่มกลมและทึบ เปลือกต้นเรียบ หรือบางทีแตกเป็นร่องเล็ก ๆ ตามยาว มีสีเทาปนดำ ส่วนเนื้อไม้เป็นสีขาว สามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีน้ำและความชื้นระดับกลาง และชอบแสงแดดจัด เป็นไม้ป่าดงดิบ
- ใบ เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกัน ใบมีลักษณะเป็นรูปขอบขนานหรือรูปขอบขนานแกมรูปหอกกลับ ปลายใบแหลมทู่ โคนใบมน ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีความกว้างประมาณ 2.5-8 เซนติเมตรและความยาวประมาณ 10-30 เซนติเมตร เนื้อใบค่อนข้างหนา หลังใบเรียบและมัน ส่วนท้องใบเรียบและมีสีที่อ่อนกว่า มีขนขึ้นอยู่ประปรายตามเส้นกลางใบด้านล่าง โดยมีเส้นใบอยู่ประมาณ 6-12 คู่ แต่ละเส้นมีความคดงอไปมา ส่วนก้านใบมีความยาวอยู่ประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร และมีขนขึ้นอยู่ประปราย[1],[5]
- ดอก เป็นดอกแบบแยกเพศและอยู่กันคนละต้น ดอกเพศผู้จะออกดอกแบบเป็นช่อสั้น ๆ และจะออกตามซอกใบ ก้านดอกมีความยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร และมีขนขึ้นอย่างหนาแน่น กลีบดอกมี 4-5 กลีบ มีความยาวประมาณ 7-15 มิลลิเมตร ส่วนดอกเพศเมียจะออกดอกเดี่ยว สีเหลือง ก้านดอกมีความยาวประมาณ 5-10 มิลลิเมตร และมีขน ส่วนที่โคนเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็นแฉกแบบตื้น ๆ และจะออกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน[1],[3],[5]
- ผล มีลักษณะเป็นรูปทรงกลม ที่โคนและปลายผลยุบเป็นรอยลึกลงไป มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร ที่ขั้วของผลมีกลีบเลี้ยงที่มีขนสีน้ำตาลแผ่กว้างแนบอยู่กับส่วนล่างของผล ขอบกลีบเป็นรูปคลื่น กลีบไม่พับ ผลเมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีส้มเหลือง ผลสุกหรือผลแก่ค่อนข้างจะนุ่ม ผิวของผลมีเกล็ดและเป็นสีน้ำตาลแดง เกล็ดเหล่านี้จะหลุดได้ง่ายมาก เมล็ดมี 8 เมล็ด เป็นสีน้ำตาลดำทรงรีแป้น มีความกว้างประมาณ 1 เซนติเมตรและความยาวประมาณ 2 เซนติเมตร โดยจะออกผลในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนธันวาคม[1],[2],[3],[5]
สรรพคุณของมะพลับ
1. เปลือกต้น มีรสฝาด สามารถใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาบำรุงธาตุ (เปลือกต้น, เนื้อไม้)[1],[2]
1.1 ใช้เปลือกต้นนำมาต้มกับน้ำดื่มช่วยทำให้เจริญอาหาร (เปลือกต้น, เนื้อไม้)[1],[2]
1.2 ช่วยขับผายลม (เปลือกต้น, เนื้อไม้)[1],[2]
1.3 เปลือกต้น สามารถใช้เป็นยาทาสมานบาดแผลและช่วยห้ามเลือด (เปลือกต้น, เนื้อไม้)[1],[2]
1.4 เปลือกต้น เมื่อนำมาย่างให้กรอบชงกับน้ำดื่ม จะเป็นยาแก้กามตายด้าน แก้ความกำหนัด บำรุงความกำหนัด (เปลือกต้น, เนื้อไม้)[1],[2]
1.5 เปลือกต้น สามารถนำมาใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้บิด แก้ท้องร่วง (เปลือกต้น, เนื้อไม้)[1],[2]
2. เปลือกต้น มีสรรพคุณเป็นยาลดไข้ (เปลือกต้น)[6]
3. เปลือกและผลอ่อน สามารถใช้เป็นยาแก้ไข้มาลาเรีย (เปลือกและผลอ่อน)[6]
4. เปลือกและผลแก่ มีรสฝาดหวาน สามารถใช้เป็นยารักษาแผลในปาก แก้คออักเสบ ด้วยการใช้เปลือกและผลแก่นำมาต้มเป็นยาอม กลั้วคอ (เปลือกและผลแก่)[6]
5. เปลือกและผลอ่อน สามารถนำมาต้มกับน้ำ ใช้เป็นยาแก้บิด แก้ท้องร่วง (เปลือกและผลอ่อน, ผลดิบ, เมล็ด)[6]
6. ผลดิบ สามารถใช้เป็นยาห้ามเลือดได้ หรือใช้เปลือกและผลอ่อนนำมาต้มเอาน้ำใช้ชะล้างบริเวณบาดแผล สมานแผล (เปลือกและผลอ่อน, เปลือกต้น, ผลดิบ)[6]
ประโยชน์ของมะพลับ
1. ผลแก่ สามารถใช้รับประทานได้[2]
2. เปลือกต้น ให้น้ำฝาดที่นำมาใช้สำหรับการฟอกหนัง[2]
3. เนื้อไม้นำมาใช้ทำเครื่องมือทางการเกษตร เครื่องกลึง และใช้ในงานแกะสลักได้[2]
4. ยางของลูกจะมีสีน้ำตาล นำมาละลายกับน้ำใช้ย้อมผ้า แห และอวนเพื่อให้มีความทนทานเช่นเดียวกับตะโก แต่ยางจากลูกจะมีคุณภาพที่ดีกว่า และมีราคาดีกว่าลูกตะโกมาก จึงมีพ่อค้าหัวใสนำยางของลูกตะโกมาปลอมขาย จึงเกิดคำพังเพยที่ว่า “ต่อหน้ามะพลับ ลับหลังตะโก”[2]
4. ปลูกเพื่อใช้งานด้านภูมิทัศน์นั้น สามารถปลูกได้ตามริมน้ำ เพื่อให้ร่มเงาได้ดี เพราะเป็นไม้ที่ไม่มีการผลัดใบ[3]
5. เป็นไม้ที่ควรปลูกไว้ทางทิศใต้ แต่ยังยืนยันไม่ได้แน่ชัด แต่คาดว่าคงเป็นเพราะต้นเป็นไม้ยืนต้นที่มีอายุยืน ทนทานต่อความแห้งแล้งได้เป็นอย่างดี หากนำมาปลูกไว้ในบริเวณบ้าน เชื่อว่าจะทำให้มีความอดทนต่อสิ่งแวดล้อมเหมือนดังต้นมะพลับ[6]
6. ในด้านของความเชื่อ คนไทยเชื่อว่าเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง ด้วยเชื่อว่าการปลูกไว้ในบริเวณบ้านจะทำให้ร่ำรวยยิ่งขึ้น โดยให้ปลูกไว้ในทางทิศใต้[2]
สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth
เอกสารอ้างอิง
1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “ม ะ พ ลั บ (Ma Phlap)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 228.
2. สำนักงานสหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก. “ม ะ พ ลั บ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: webhost.cpd.go.th/plkcoop/download/b006.pdf. [17 พ.ค. 2014].
3. สำนักงานสวนสาธารณะ สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร. “ม ะ พ ลั บ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: minpininteraction.com. [17 พ.ค. 2014].
4. ศูนย์การเรียนคณิตศาสตร์ Online . “ต้นไม้ประจำจังหวัดอ่างทอง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: 203.172.205.25/ftp/intranet/mc41/. [17 พ.ค. 2014].
5. สถาบันการแพทย์แผนไทย. “ม ะ พ ลั บ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: ittm-old.dtam.moph.go.th. [17 พ.ค. 2014].
6. สถาบันการแพทย์แผนไทย. “ตะโกสวน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: ittm-old.dtam.moph.go.th. [22 ธ.ค. 2014].