มะเร็งช่องปากคืออะไร? สาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษาโรคมะเร็งในช่องปาก

0
10360
โรคมะเร็งช่องปาก โรคร้ายที่เกิดขึ้นภายในระบบศีรษะและลำคอ
โรคมะเร็งช่องปากสามารถพบได้บ่อยทั้งชายและหญิง และมักเกิดกับผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี

มะเร็งช่องปาก (Oral Cancer) คือโรคเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นบริเวณส่วนต่าง ๆ ของช่องปาก ไม่ว่าจะเป็น ริมฝีปาก ลิ้น เหงือก เพดานปาก กระพุ้งแก้ม พื้นปาก หรือบริเวณคอหอย โดยเฉพาะในผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือมีการติดเชื้อ HPV จะมีโอกาสเป็นโรคนี้สูงกว่าคนทั่วไปหลายเท่า

แม้มะเร็งช่องปากจะพบได้น้อยกว่ามะเร็งในอวัยวะอื่น แต่ความร้ายแรงของมันก็ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะหากตรวจพบในระยะลุกลาม

ทำความเข้าใจกับมะเร็งช่องปาก

ช่องปากประกอบด้วยหลายเนื้อเยื่อที่มีความเสี่ยงต่อการกลายพันธุ์ เช่น ริมฝีปาก ลิ้น กระพุ้งแก้ม เหงือก และเนื้อเยื่อใกล้เคียง รวมไปถึงฐานลิ้นและต่อมทอนซิล หากเซลล์ในจุดใดจุดหนึ่งมีการแบ่งตัวผิดปกติและไม่หยุดยั้ง จะก่อให้เกิด “ก้อนเนื้อร้าย” หรือมะเร็งในที่สุด

สาเหตุของมะเร็งช่องปาก

การเกิดมะเร็งช่องปากมักไม่ได้มีสาเหตุเดียว แต่เป็นผลรวมของปัจจัยต่าง ๆ เช่น

  • การสูบบุหรี่และยาสูบ: ทั้งบุหรี่ซอง บุหรี่ไฟฟ้า และยาสูบมวน

  • การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก: เพิ่มความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญ

  • การเคี้ยวหมาก ยาฉุน: ทำให้เยื่อบุช่องปากระคายเคืองเรื้อรัง

  • การติดเชื้อไวรัส HPV ชนิด 16: โดยเฉพาะในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางปาก

  • สุขอนามัยในช่องปากไม่ดี: เช่น ฟันผุเรื้อรัง เหงือกอักเสบ

  • การสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน: กรณีที่มะเร็งเกิดขึ้นบริเวณริมฝีปาก

กลุ่มเสี่ยงของโรคมะเร็งช่องปาก

  1. ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี

  2. ผู้ชายมีความเสี่ยงมากกว่าผู้หญิง 2-3 เท่า

  3. คนที่ไม่พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ

อาการของมะเร็งช่องปาก

มะเร็งช่องปากมักไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่เมื่อเข้าสู่ระยะลุกลาม อาจพบอาการดังต่อไปนี้:

  • แผลในช่องปากที่หายช้า (นานเกิน 2 สัปดาห์)

  • ก้อนแข็งหรือเนื้อแปลกปลอมในปากหรือคอ

  • เจ็บคอ กลืนลำบาก

  • ชาหรือรู้สึกไม่ปกติที่ลิ้นหรือริมฝีปาก

  • มีเลือดออกในช่องปากโดยไม่ทราบสาเหตุ

  • มีกลิ่นปากเรื้อรัง

  • ต่อมน้ำเหลืองที่คอโตผิดปกติ

  • น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วโดยไม่ตั้งใจ

การวินิจฉัยมะเร็งช่องปาก

การวินิจฉัยทำโดยแพทย์หู คอ จมูก หรือทันตแพทย์เฉพาะทาง มีขั้นตอนดังนี้:

  1. การตรวจร่างกายและซักประวัติ

  2. ตรวจดูแผลหรือก้อนผิดปกติในช่องปาก

  3. การตัดชิ้นเนื้อ (biopsy) เพื่อส่งตรวจพยาธิวิทยา

  4. อาจมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น CT scan หรือ MRI เพื่อดูการลุกลาม

ระยะของมะเร็งช่องปาก

ระยะ ลักษณะของโรค
ระยะที่ 1 ก้อนขนาด ≤ 2 ซม. ยังไม่ลุกลามไปต่อมน้ำเหลือง
ระยะที่ 2 ก้อนขนาด 2–4 ซม. ยังไม่มีการแพร่กระจาย
ระยะที่ 3 ก้อน > 4 ซม. หรือแพร่ไปต่อมน้ำเหลือง 1 ต่อม
ระยะที่ 4 ลุกลามเข้าสู่อวัยวะใกล้เคียง ต่อมน้ำเหลืองหลายจุด หรือแพร่ไปอวัยวะไกล

แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับระยะของโรคและสุขภาพผู้ป่วย ได้แก่:

1. การผ่าตัด (Surgery)

ใช้ตัดก้อนมะเร็งออก เหมาะสำหรับระยะต้น หรือเป็นก้อนที่ไม่ลุกลามไปต่อมน้ำเหลือง

2. การฉายรังสี (Radiation Therapy)

มักใช้ร่วมกับการผ่าตัด หรือใช้เดี่ยวในกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้

3. เคมีบำบัด (Chemotherapy)

ใช้เมื่อโรคอยู่ในระยะลุกลาม หรือมีการแพร่กระจายสู่ร่างกาย

4. การรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy)

ในบางกรณีอาจพิจารณายารักษาเฉพาะเจาะจง เช่น Cetuximab

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

  • การกลืนลำบาก

  • การพูดลำบาก

  • การสูญเสียความสามารถในการรับรส

  • ความเจ็บปวดเรื้อรัง

  • ความเสียหายของโครงสร้างใบหน้า

แนวทางการป้องกันมะเร็งช่องปาก

  1. หยุดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์

  2. รักษาสุขภาพช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ

  3. หมั่นสังเกตแผลหรือก้อนในปาก

  4. รับวัคซีน HPV ในช่วงอายุที่เหมาะสม

  5. พบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

เมื่อไรควรพบแพทย์?

ควรพบแพทย์ทันทีหากมีอาการเหล่านี้:

  • แผลในปากไม่หายเกิน 2 สัปดาห์

  • มีก้อนแข็งหรือบวมในช่องปาก

  • กลืนอาหารลำบาก

  • น้ำหนักลดอย่างไม่ทราบสาเหตุ

  • ต่อมน้ำเหลืองโตผิดปกติ

สรุป

มะเร็งช่องปาก เป็นโรคร้ายที่สามารถป้องกันได้หากรู้เท่าทันและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง ตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกจะมีโอกาสรักษาหายขาดสูงมาก ดังนั้นการดูแลสุขภาพช่องปาก ตรวจสุขภาพประจำปี และเฝ้าสังเกตอาการผิดปกติเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณห่างไกลจากโรคร้ายนี้

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q1: มะเร็งช่องปากสามารถรักษาหายขาดได้หรือไม่?
A: หากตรวจพบตั้งแต่ระยะต้น มีโอกาสหายขาดได้สูงถึง 80-90%

Q2: มะเร็งช่องปากเกิดจากไวรัส HPV จริงหรือไม่?
A: จริง โดยเฉพาะ HPV ชนิด 16 เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ

Q3: วิธีแยกแผลธรรมดากับมะเร็งช่องปากทำได้อย่างไร?
A: แผลธรรมดาจะหายภายใน 2 สัปดาห์ หากนานกว่านั้นควรพบแพทย์

Q4: มีวิธีคัดกรองมะเร็งช่องปากไหม?
A: ปัจจุบันยังไม่มีวิธีคัดกรองที่มีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยการตรวจสุขภาพและสังเกตอาการ

Q5: มะเร็งช่องปากสามารถป้องกันได้อย่างไร?
A: หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และตรวจช่องปากเป็นประจำ

ร่วมตอบคำถามกับเรา

[/vc_column_text]

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

WHO (October 2010). Cancer. World Health Organization. Retrieved 5 January 2011.

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงพวงทอง ไกรพิบูลย์. รู้ก่อนเข้าใจการตรวจรักษามะเร็ง.กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2557.

[/vc_column][/vc_row]