มะเร็งช่องปาก (Oral Cancer) คือโรคเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นบริเวณส่วนต่าง ๆ ของช่องปาก ไม่ว่าจะเป็น ริมฝีปาก ลิ้น เหงือก เพดานปาก กระพุ้งแก้ม พื้นปาก หรือบริเวณคอหอย โดยเฉพาะในผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือมีการติดเชื้อ HPV จะมีโอกาสเป็นโรคนี้สูงกว่าคนทั่วไปหลายเท่า
แม้มะเร็งช่องปากจะพบได้น้อยกว่ามะเร็งในอวัยวะอื่น แต่ความร้ายแรงของมันก็ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะหากตรวจพบในระยะลุกลาม
ทำความเข้าใจกับมะเร็งช่องปาก
ช่องปากประกอบด้วยหลายเนื้อเยื่อที่มีความเสี่ยงต่อการกลายพันธุ์ เช่น ริมฝีปาก ลิ้น กระพุ้งแก้ม เหงือก และเนื้อเยื่อใกล้เคียง รวมไปถึงฐานลิ้นและต่อมทอนซิล หากเซลล์ในจุดใดจุดหนึ่งมีการแบ่งตัวผิดปกติและไม่หยุดยั้ง จะก่อให้เกิด “ก้อนเนื้อร้าย” หรือมะเร็งในที่สุด
สาเหตุของมะเร็งช่องปาก
การเกิดมะเร็งช่องปากมักไม่ได้มีสาเหตุเดียว แต่เป็นผลรวมของปัจจัยต่าง ๆ เช่น
-
การสูบบุหรี่และยาสูบ: ทั้งบุหรี่ซอง บุหรี่ไฟฟ้า และยาสูบมวน
-
การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก: เพิ่มความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญ
-
การเคี้ยวหมาก ยาฉุน: ทำให้เยื่อบุช่องปากระคายเคืองเรื้อรัง
-
การติดเชื้อไวรัส HPV ชนิด 16: โดยเฉพาะในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางปาก
-
สุขอนามัยในช่องปากไม่ดี: เช่น ฟันผุเรื้อรัง เหงือกอักเสบ
-
การสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน: กรณีที่มะเร็งเกิดขึ้นบริเวณริมฝีปาก
กลุ่มเสี่ยงของโรคมะเร็งช่องปาก
-
ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี
-
ผู้ชายมีความเสี่ยงมากกว่าผู้หญิง 2-3 เท่า
-
คนที่ไม่พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ
อาการของมะเร็งช่องปาก
มะเร็งช่องปากมักไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่เมื่อเข้าสู่ระยะลุกลาม อาจพบอาการดังต่อไปนี้:
-
แผลในช่องปากที่หายช้า (นานเกิน 2 สัปดาห์)
-
ก้อนแข็งหรือเนื้อแปลกปลอมในปากหรือคอ
-
เจ็บคอ กลืนลำบาก
-
ชาหรือรู้สึกไม่ปกติที่ลิ้นหรือริมฝีปาก
-
มีเลือดออกในช่องปากโดยไม่ทราบสาเหตุ
-
มีกลิ่นปากเรื้อรัง
-
ต่อมน้ำเหลืองที่คอโตผิดปกติ
-
น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วโดยไม่ตั้งใจ
การวินิจฉัยมะเร็งช่องปาก
การวินิจฉัยทำโดยแพทย์หู คอ จมูก หรือทันตแพทย์เฉพาะทาง มีขั้นตอนดังนี้:
-
การตรวจร่างกายและซักประวัติ
-
ตรวจดูแผลหรือก้อนผิดปกติในช่องปาก
-
การตัดชิ้นเนื้อ (biopsy) เพื่อส่งตรวจพยาธิวิทยา
-
อาจมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น CT scan หรือ MRI เพื่อดูการลุกลาม
ระยะของมะเร็งช่องปาก
ระยะ | ลักษณะของโรค |
---|---|
ระยะที่ 1 | ก้อนขนาด ≤ 2 ซม. ยังไม่ลุกลามไปต่อมน้ำเหลือง |
ระยะที่ 2 | ก้อนขนาด 2–4 ซม. ยังไม่มีการแพร่กระจาย |
ระยะที่ 3 | ก้อน > 4 ซม. หรือแพร่ไปต่อมน้ำเหลือง 1 ต่อม |
ระยะที่ 4 | ลุกลามเข้าสู่อวัยวะใกล้เคียง ต่อมน้ำเหลืองหลายจุด หรือแพร่ไปอวัยวะไกล |
แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับระยะของโรคและสุขภาพผู้ป่วย ได้แก่:
1. การผ่าตัด (Surgery)
ใช้ตัดก้อนมะเร็งออก เหมาะสำหรับระยะต้น หรือเป็นก้อนที่ไม่ลุกลามไปต่อมน้ำเหลือง
2. การฉายรังสี (Radiation Therapy)
มักใช้ร่วมกับการผ่าตัด หรือใช้เดี่ยวในกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้
3. เคมีบำบัด (Chemotherapy)
ใช้เมื่อโรคอยู่ในระยะลุกลาม หรือมีการแพร่กระจายสู่ร่างกาย
4. การรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy)
ในบางกรณีอาจพิจารณายารักษาเฉพาะเจาะจง เช่น Cetuximab
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
-
การกลืนลำบาก
-
การพูดลำบาก
-
การสูญเสียความสามารถในการรับรส
-
ความเจ็บปวดเรื้อรัง
-
ความเสียหายของโครงสร้างใบหน้า
แนวทางการป้องกันมะเร็งช่องปาก
-
หยุดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์
-
รักษาสุขภาพช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ
-
หมั่นสังเกตแผลหรือก้อนในปาก
-
รับวัคซีน HPV ในช่วงอายุที่เหมาะสม
-
พบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
เมื่อไรควรพบแพทย์?
ควรพบแพทย์ทันทีหากมีอาการเหล่านี้:
-
แผลในปากไม่หายเกิน 2 สัปดาห์
-
มีก้อนแข็งหรือบวมในช่องปาก
-
กลืนอาหารลำบาก
-
น้ำหนักลดอย่างไม่ทราบสาเหตุ
-
ต่อมน้ำเหลืองโตผิดปกติ
สรุป
มะเร็งช่องปาก เป็นโรคร้ายที่สามารถป้องกันได้หากรู้เท่าทันและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง ตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกจะมีโอกาสรักษาหายขาดสูงมาก ดังนั้นการดูแลสุขภาพช่องปาก ตรวจสุขภาพประจำปี และเฝ้าสังเกตอาการผิดปกติเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณห่างไกลจากโรคร้ายนี้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1: มะเร็งช่องปากสามารถรักษาหายขาดได้หรือไม่?
A: หากตรวจพบตั้งแต่ระยะต้น มีโอกาสหายขาดได้สูงถึง 80-90%
Q2: มะเร็งช่องปากเกิดจากไวรัส HPV จริงหรือไม่?
A: จริง โดยเฉพาะ HPV ชนิด 16 เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ
Q3: วิธีแยกแผลธรรมดากับมะเร็งช่องปากทำได้อย่างไร?
A: แผลธรรมดาจะหายภายใน 2 สัปดาห์ หากนานกว่านั้นควรพบแพทย์
Q4: มีวิธีคัดกรองมะเร็งช่องปากไหม?
A: ปัจจุบันยังไม่มีวิธีคัดกรองที่มีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยการตรวจสุขภาพและสังเกตอาการ
Q5: มะเร็งช่องปากสามารถป้องกันได้อย่างไร?
A: หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และตรวจช่องปากเป็นประจำ
ร่วมตอบคำถามกับเรา
[/vc_column_text]
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
เอกสารอ้างอิง
WHO (October 2010). Cancer. World Health Organization. Retrieved 5 January 2011.
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงพวงทอง ไกรพิบูลย์. รู้ก่อนเข้าใจการตรวจรักษามะเร็ง.กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2557.