โรคถุงน้ำในไตคืออะไร อาการ สาเหตุ รักษา และการป้องกัน

0
โรคถุงน้ำในไตคืออะไรอาการสาเหตุรักษาและการป้องกัน
โรคถุงน้ำในไตเป็นโรคที่สืบทอดมาจากการกลายพันธุ์ของยีนที่พัฒนาและก่อตัวทำให้เกิดซีสต์ภายในไต ส่งผลกระทบต่อการกรองของเสียออกจากเลือดจึงอาจนำไปสู่ภาวะไตวาย
โรคถุงน้ำในไตคืออะไรอาการสาเหตุรักษาและการป้องกัน
โรคถุงน้ำในไตเป็นโรคที่ก่อตัวทำให้เกิดซีสต์ภายในไต ส่งผลกระทบต่อการกรองของเสียออกจากเลือดจึงอาจนำไปสู่ภาวะไตวาย

โรคถุงน้ำในไต

โรคถุงน้ำในไต Polycystic kidney disease (PKD) คือ ซีสต์ที่ไต สามารถเป็นรูปวงรีหรือวงกลม โดยมีขนาดน้อยกว่า 1 เซนติเมตรไปจนถึงมากกว่า 10 เซนติเมตร ถุงน้ำในไตพบได้ทั่วไปและสามารถเป็นถุงเดี่ยว หรือหลายถุงและทั้งสองด้าน สืบทอดมาจากการกลายพันธุ์ของยีนที่พัฒนาและก่อตัวทำให้เกิดซีสต์ (cyst) ภายในไต โดยปกติแล้วไตของคนเราจะมีถุงน้ำหลายใบอยู่ในนั้น เมื่อเวลาผ่านไปไตมักจะมีการขยายตัวใหญ่ขึ้นผิดปกติไตก็จะเสียหาย ซึ่งปัจจุบันโรคถุงน้ำในไตสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนแม้ในครอบครัวไม่มีประวัติเป็นโรค PKD มีโอกาสเกิดขึ้นเองได้ถึง 50% โรคถุงน้ำในไตมี 2 ประเภท ได้แก่ 1.โรคไตชนิดถุงน้ำที่มีการถ่ายทอดแบบลักษณะเด่น (Autosomal Dominant Polycystic Kidney Disease : ADPKD) มักพบในผู้ที่มีอายุ 30-40 ปี 2.โรคถุงน้ำในไตชนิดพันธุกรรมด้อย (Autosomal Recessive Polycystic Kidney Disease : ARPKD) มักเกิดขึ้นหลังการคลอดได้ นอกจากนั้นซีสต์ยังสามารถรบกวนการทำงานของไตส่งผลกระทบต่อการกรองของเสียออกจากเลือดจึงอาจนำไปสู่ภาวะไตวายได้

อาการของโรคถุงน้ำในไต ที่พบบ่อยที่สุด

ส่วนใหญ่แพทย์มักจะพบผู้ป่วยมาโรงพยาบาลด้วยอาการปวดหลัง มีไข้ ปัสสาวะบ่อย เจ็บบริเวณซีโครงหรือสะโพก เบื้องต้นจะมีอาการไม่รุนแรง แต่อาจพบภาวะแทรกซ้อนอื่นดังต่อไปนี้

สาเหตุของโรคถุงน้ำในไต

เกิดจากการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมทำให้เกิดโรคถุงน้ำในไต Polycystic kidney disease (PKD) ส่วนใหญ่คนในครอบครัวสามารถส่งต่อยีนที่ผิดปกติให้บุตรหลานได้ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนทุกเพศทุกวัย

การป้องกัน และวิธีรับมือกับโรคถุงน้ำในไต

การเตรียมตัวรับมือก่อนการวางแผนมีบุตรควรขอคำแนะนำจากแพทย์ช่วยประเมินความเสี่ยงในการส่งต่อโรคถุงน้ำในไตไปยังลูกหลานของตนเอง แพทย์จะแนะนำให้ทำการทดสอบทางพันธุกรรมโดยการตรวจเลือดหรือน้ำลายสามารถตรวจหายีนกลายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรคถุงน้ำในไตได้ 

อย่างไรก็ตามแม้โรคถุงน้ำในไตจะฟังดูน่ากลัว แต่เราสามารถป้องกันและควบคุมโรคนี้ได้ด้วยการดูแลสุขภาพ โดยการตรวจสุขภาพประจำปีเป็นประจำ ควบคุมและรักษาความมันโลหิตให้เป็นปกติ ควบคุมอาหารที่มีโซเดียมสูง ดื่มน้ำให้มากๆ ออกกำลังการเบาๆ เพียงเท่านี้ก็สามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงจากโรคคถุงน้ำในไตได้

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

ภาวะ Long COVID คืออะไร มีอาการอย่างไร

0
ภาวะ Long COVID คืออะไร มีอาการอย่างไร
ภาวะ Long COVID คืออะไร มีอาการอย่างไร
ภาวะของคนที่หายจากโควิด-19 แต่อาการที่หลงเหลืออยู่ เช่น ไอ นอนไม่หลับ ท้องเสีย การรับรสผิดปกติ แน่นหน้าอก

Long COVID

ภาวะลองโควิด (Long COVID) หรือ Post Covid-19 Syndrome Post-COVID condition, Long-haul COVID, post-acute COVID-19, chronic COVID คือ ภาวะของคนที่หายจากโควิด-19 แล้วแต่ยังต้องเผชิญกับอาการที่หลงเหลืออยู่ เชื้อโควิดหายจากร่างกายไปแล้ว แต่บางอาการยังคงอยู่ไม่หายไป โดยอาการผิดปกติยาวนานกว่า 4 สัปดาห์ จากรายงานการวิจัยหลายฉบับระบุไว้ว่า 80% ของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

อาการของลองโควิด

อาการลองโควิดจะมีอาการแตกต่างกันไปในแต่ละคน เป็นอาการที่ไม่มีลักษณะตายตัว สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย ตั้งแต่ระบบหายใจ ระบบประสาท ระบบทางเดินอาหาร หัวใจและหลอดเลือด เช่น

  • เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม อ่อนเพลีย
  • ผมร่วง
  • ปวดเมื่อยตามตัว ปวดตามข้อ ไม่มีแรง
  • ไอเรื้อรัง
  • การรับรสและได้กลิ่นผิดปกติ
  • ปวดศีรษะ มึนศีรษะ
  • นอนไม่หลับ
  • ความจำไม่ดี ไม่มีสมาธิ
  • มีภาวะวิตกกังวล
  • ซึมเศร้า เครียด
  • ใจสั่น แน่นหน้าอก
  • ท้องเสีย ท้องอืด

การป้องกันภาวะ Long COVID ทำได้อย่างไร?

  • การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
  • สวมใส่หน้ากากที่คลุมบริเวณปากและจมูกอย่างมิดชิด
  • รักษาระยะห่าง โดยอยู่ห่างจากผู้อื่นประมาณ 1.5-2 เมตร เลี่ยงบริเวณแออัดและอากาศถ่ายเทไม่สะดวก
    ล้างมือบ่อย ๆ

อาการแทรกซ้อนจากภาวะลองโควิด

ภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวที่อาจเกิดจากภาวะลองโควิด (Long COVID) ได้แก่

  • กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis)
  • สมองล้า (Brain Fog)
  • ภาวะพร่องทางระบบประสาทอัตโนมัติ (Dysautonomia)
  • ภาวะ Guillain – Barre Syndrome
  • โรคไฟโบรมัยอัลเจีย (Fibromyalgia)
  • โรคนอนไม่หลับ (Insomnia)

หายจากโควิดสามารถออกกำลังกายได้หรือไม่

สำหรับคนที่หายป่วยจากโควิด-19 ยังไม่แนะนำให้ออกกำลังกายเยอะ หรือหนักจนเกินไป ควรรออกกำลังแบบเบา ๆ เพื่อปรับร่างกาย  เช่น เดินแทนการวิ่ง  เป็นต้น เพื่อให้ปอดไม่ทำงานหนักจนเกินไป

ภาวะลองโควิดสามารถทำให้เกิดความผิดปกติกับร่างกายและจิตใจของผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 ได้ แนะนำสังเกตและประเมินร่างกายตัวเอง หากพบอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์โดยเร็ว เพราะอาการดังกล่าวอาจเกิดขึ้นระยะยาวและส่งผลกระทบต่อชีวิต ประจำวัน หรืออาจเป็นอันตรายได้

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

อย่าลืม ยืนยันสิทธิ “คนละครึ่งเฟส 4” และใช้สิทธิครั้งแรกภายใน 28 ก.พ. 65

0
อย่าลืม ยืนยันสิทธิ "คนละครึ่งเฟส 4" และใช้สิทธิครั้งแรกภายใน 28 ก.พ. 65
วิธียืนยันตัวตนผ่านแอปฯ "เป๋าตัง" เข้าร่วม "คนละครึ่งเฟส 4" เพื่อรับเงินช่วยเหลือ 1,200 บาท
อย่าลืม ยืนยันสิทธิ "คนละครึ่งเฟส 4" และใช้สิทธิครั้งแรกภายใน 28 ก.พ. 65
วิธียืนยันตัวตนผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” เข้าร่วม “คนละครึ่งเฟส 4” เพื่อรับเงินช่วยเหลือ 1,200 บาท

ยืนยันสิทธิ “คนละครึ่งเฟส 4”

ผู้ร่วมโครงการรายใหม่ต้องรู้ วิธียืนยันตัวตนผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” เข้าร่วม “คนละครึ่งเฟส 4” เพื่อรับเงินช่วยเหลือ 1,200 บาท อย่าลืมใช้สิทธิครั้งแรกภายในวันที่ 28 ก.พ. 65

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เผยว่า โครงการคนละครึ่งเฟส 4 จะเริ่มให้ประชาชนผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 3 (โครงการคนละครึ่งที่สิ้นสุดไปเมื่อสิ้นเดือนธ.ค. 2564) จำนวน 27.98 ล้านคน ยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 4 วันแรกในวันนี้ 1 ก.พ. 2565 เป็นต้นไป ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และสามารถเริ่มใช้จ่ายได้ทันทีหลังการกดยืนยันสิทธิเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะได้รับสนับสนุนวงเงินค่าสินค้าหรือบริการที่กำหนดในอัตราร้อยละ 50 ทั้งนี้ ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน และไม่เกิน 1,200 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการฯ ระยะที่ 4 ช่วงระหว่างวันที่ 1 ก.พ. – 30 เม.ย. 2565โดยมีขั้นตอนการยืนยันสิทธิ ดังนี้

1. กดแถบแบนเนอร์ (Banner) โครงการคนละครึ่ง ที่ปรากฏในหน้า G-Wallet ของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ตั้งแต่ เวลา 06.00 – 22.00 น. ของทุกวัน
2. ระบบจะแสดงหน้าต่างเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 4 โดยขอให้ประชาชนอ่านเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 4 เมื่ออ่านเสร็จเรียบร้อยแล้วและยอมรับตามเงื่อนไขสามารถกดที่แถบ “ยอมรับเงื่อนไขและการใช้สิทธิ์”
ทั้งนี้

ประชาชนผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 3 จะต้องเริ่มใช้สิทธิโครงการฯ ระยะที่ 4 ภายในวันที่ 28 ก.พ. 2565 เวลา 22.59 น. หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวจะถูกตัดสิทธิ โดยสิทธิที่เหลืออาจจะนำมาพิจารณาเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้ง

สำหรับวันนี้ 1 ก.พ. 2565 จะเป็นวันแรกของการกดรับยืนยันและการใช้จ่ายสิทธิโครงการฯ ทางธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ให้จัดทำโครงการฯ ได้เตรียมความพร้อมสำหรับระบบการโอนเงินต่างธนาคารเพื่อโอนเข้า g-Wallet แล้ว ทั้งนี้เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงหรือลดความแออัดในช่วงเวลาการใช้สิทธิผ่าน “เป๋าตัง” พร้อมกันในวันแรก ผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ที่พร้อมจะเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 4 สามารถโอนเงินเข้า g-Wallet ล่วงหน้าก่อนเริ่มการใช้จ่าย

ทั้งนี้ ในส่วนของประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 3 จะสามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” หรือ ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ได้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. 2565 จนกว่าจะครบจำนวนประมาณ 1 ล้านสิทธิ์ โดยสามารถเริ่มใช้จ่ายวันแรกในวันที่ 17 ก.พ. 2565

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการร้านค้าสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 4 ได้วันแรกในวันอังคารที่ 1 ก.พ. 2565 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 06.00 – 22.00 น. ของทุกวันจนกว่ากระทรวงการคลังจะประกาศปิดรับสมัครผ่าน www.คนละครึ่ง.com โดยผู้ประกอบการที่เคยเข้าร่วมมาตรการ/โครงการอื่นของรัฐที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” แล้ว สามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการ/โครงการอื่นสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือสาขาหรือจุดรับลงทะเบียนของธนาคารกรุงไทยฯ.

กรมอนามัยเตือน! กินบะหมี่สำเร็จรูปบ่อยๆ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

0
กรมอนามัยเตือน! กินบะหมี่สำเร็จรูปบ่อยๆ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นหนึ่งในอาหารแปรรูปที่กินกันมากที่สุดในโลก
กรมอนามัยเตือน! กินบะหมี่สำเร็จรูปบ่อยๆ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นหนึ่งในอาหารแปรรูปที่กินกันมากที่สุดในโลก

กินบะหมี่สำเร็จรูปบ่อยๆ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย ได้โพสต์ภาพบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนำเข้าจากต่างประเทศยี่ห้อหนึ่งตรวจพบปริมาณโซเดียมระบุบนซองสูงถึง 26,240 มิลลิกรัม เกินกว่าที่องค์การอนามัยโลกแนะนำต่อวัน โดยปริมาณโซเดียมที่ควรได้รับต่อวันไม่ควรเกินวันละ 2,000 มิลลิกรัม หรือเท่ากับเกลือ 4 ช้อนชา กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เตือนกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีโซเดียมสูงเป็นประจำ เสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง หัวใจทำงานหนักอาจหัวใจวายได้

ทำไมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ดีต่อสุขภาพ

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นหนึ่งในอาหารแปรรูปที่กินกันมากที่สุดในโลก ทั้งประเทศจีน อินโดนีเชีย ญี่ปุ่น และประเทศไทยกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากที่สุดในโลก เพราะสะดวก รวดเร็ว ราคาถูก ซึ่งสารอาหารหลักในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คือ คาร์โบไฮเดรต ไขมันอิ่มตัว น้ำตาล และโซเดียมสูงมาก ประมาณ 1,400 – 2,600 มิลลิกรัมต่อห่อจึงไม่ควรกินบ่อย ถ้าเป็นห่อใหญ่ขึ้นปริมาณผงปรุงรสหรือเครื่องปรุงยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามขนาดผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นด้วย ส่งผลให้ร่างกายได้รับโซเดียมในปริมาณมากเกินความต้องการทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ เพราะเมื่อร่างกายไม่สามารถกำจัดเกลือและน้ำส่วนเกินในร่างกาย จะทำให้เกิดการคั่งของเกลือและน้ำในอวัยวะต่าง ๆ ทำให้แขน ขา บวม เหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก และหากร่างกายไม่สามารถขับโซเดียมออกได้ทัน จะเกิดการสะสมในร่างกาย เสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง และเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น หัวใจทำงานหนักขึ้น ทำให้เกิดหัวใจโตและหัวใจวายได้ในที่สุด

กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างไรให้ปลอดภัย

ควรต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้สุก เพิ่มเนื้อสัตว์ ไข่ และผักลงไปด้วย เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน เลี่ยงการกินดิบ ไม่ควรใส่ผงปรุงรสหมดซอง และกินน้ำซุปหมดถ้วย ไม่ควรกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่าวันละ 1 ซอง

ดังนั้น ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ “ทางเลือกเพื่อสุขภาพ” นอกจากนี้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ใช่ผลิตภัณฑ์เดียวที่อาจทำให้ร่างกายได้รับโซเดียมเกินความจำเป็นต่อร่างกาย เครื่องปรุงรสประเภท น้ำปลา กะปิ เกลือ ซอสปรุงรส ซุปก้อน น้ำจิ้ม ยังแฝงไปด้วยโซเดียม รวมทั้งอาหารอื่นที่ไม่มีรสชาติ เช่น ผงชูรส ผงฟู อีกด้วย” อธิบดีกรมอนามัย

“ วิ่ง ” แม้เหนื่อย แต่ให้อะไรมากกว่าที่คิด

0
“ วิ่ง ” แม้เหนื่อย แต่ให้อะไรมากกว่าที่คิด
การวิ่งนอกจากจะได้สุขภาพร่างกายที่ดีแล้วก็ยังทำให้ร่างกายมีการเผาผลาญได้ดีและเร็วขึ้น และลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง
“ วิ่ง ” แม้เหนื่อย แต่ให้อะไรมากกว่าที่คิด
การวิ่งนอกจากจะได้สุขภาพร่างกายที่ดีแล้วก็ยังทำให้ร่างกายมีการเผาผลาญได้ดีและเร็วขึ้น และลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง

การวิ่ง

การวิ่ง (running) คือ การออกกำลังกายประเภทหนึ่งที่ทุกคนสามารถทำกันได้ง่าย ๆ และเป็นที่นิยมอย่างมากในยุคสมัยนี้ซึ่งการวิ่งนอกจากจะได้สุขภาพร่างกายที่ดีแล้วก็ยังให้อะไรกับเราอีกมากมายและทำให้ร่างกายมีการเผาผลาญได้ดีและเร็วขึ้น แถมยังเป็นการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีแก่ร่างกายด้วย

ประโยชน์ที่ได้จากการวิ่ง

  • ลดความเสี่ยงการเป็นโรคอัลไซเมอร์
  • ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน
  • ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อ ขา สะโพก
  • ช่วยสร้างให้รูปร่างดี
  • ช่วยเสริมสร้างกระดูกและข้อต่อ ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนลงได้ถึง 30%
  • ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งบางชนิด
  • ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและภูมิต้านทานให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่กำลังได้รับเคมีบำบัด
  • ได้ความสุข ความเครียดหายไป.
  • ได้เหงื่อ
  • ได้สมองที่ไวขึ้น
  • ได้เผาผลาญไขมัน
  • ได้ข้อต่อที่แข็งแรงไม่เสื่อมง่าย

การเตรียมตัวก่อนที่จะออกกำลังกาย

ก่อนที่จะวิ่งเราควรยืดกล้ามเนื้อก่อนและหลังวิ่ง เป็นการเตรียมความพร้อมให้กับร่างกาย เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อของร่างกายให้ยืดและหดตัวได้ดีก่อนออกตัววิ่ง

  • เสื้อผ้า ควรเลือกตามสภาพอากาศระบายความร้อนและระบายเหงื่อได้ดี
  • รองเท้า ควรเลือกซื้อรองเท้าวิ่งโดยเฉพาะอย่าลืมถุงเท้า เพื่อลดการเสียดสีที่ทำให้นิ้วเท้าพองได้และยังช่วยซัพพอร์ตแรงกดจากลำตัวที่ลงไปยังข้อเท้า

การออกกำลังกายด้วยการวิ่ง เป็นกิจกรรมที่ทำได้ง่าย ๆ ถ้าต้องการให้การวิ่งเพื่อสุขภาพที่ดี เราควรควรทำอย่างสม่ำเสมอและที่สำคัญก็คือการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ดื่มน้ำเปล่าให้เหมาะสมกับร่างกาย เพื่อช่วยการไหลเวียนเลือดและยังทำให้ผิวพรรณดีขึ้น

คณะกรรมการอาหารและยา อนุมัติฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในกลุ่มเด็ก 5-11 ปี

0
คณะกรรมการอาหารและยา อนุมัติฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในกลุ่มเด็ก 5-11 ปี
ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ประกาศแนวทางการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้ม สูตรสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ขนาด 10 mg. 0.2 มล. เข้ากล้ามเนื้อ
คณะกรรมการอาหารและยา อนุมัติฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในกลุ่มเด็ก 5-11 ปี
ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ประกาศแนวทางการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้ม สูตรสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ขนาด 10 mg. 0.2 มล. เข้ากล้ามเนื้อ

อนุมัติฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในกลุ่มเด็ก 5-11 ปี

(อย.) โดย นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาเปิดเผยว่า (20 ธ.ค. 65) สำนักงาน อย. ได้อนุมัติการขยายขอบเขตข้อบ่งใช้ของวัคซีนโคเมอร์เนตี (COMIRNATY VACCINE) ของบริษัท ไฟเซอร์ จำกัด สำหรับกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ปริมาณวัคซีนอยู่ที่ 10 ไมโครกรัม/โดส/คน ด้วยการฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อจำนวน 2 เข็ม ห่างกัน 21 วัน คาดว่าจะเริ่มทยอยเข้ามาในประเทศไทยได้ประมาณปลายเดือน ม.ค.นี้ หรือประมาณภายในเดือน ก.พ. 65 ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางกรุงเทพมหานคร โดยสำนักการศึกษา อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเด็กนักเรียนอายุระหว่าง 5-11 ปี ในโรงเรียนสังกัด กทม. สำรวจความต้องการเข้ารับวัคซีน จัดเตรียมเอกสารการยินยอมให้ฉีดตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กำหนด และยังได้หารือเพื่อวางแผนเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ในการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อไป

ในขณะเดียวกัน ต้องสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางปฎิบัติ การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 และการติดตามอาการหลังการฉีดวัคซีนอย่างใกล้ชิดให้ แก่เด็กนักเรียน และผู้ปกครอง เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

ส่วนทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ฝากเตือนประชาชนทุกคนให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขป้องกันส่วนบุคคลขั้นสูงสุด และสวมหน้ากากอนามัย 100% ออกนอกบ้านขอให้สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล หมั่นล้างมือบ่อย ๆ งดการรวมกลุ่มรับประทานอาหารร่วมกันในที่ทำงาน และไม่ไปในสถานที่เสี่ยง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ พร้อมเน้นย้ำร้านอารหารต่าง ๆ ต้องเข้มงวดตามมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร

อย่างไรก็ตาม จะมีทั้งความเห็นจากทางผู้ปกครองที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 เด็กในอายุ 5-11 ปี แต่ก็ไม่ได้บังคับใดๆ ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ปกครองต้องดูแลเด็ก ให้ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้าน หมั่นล้างมือให้สะอาดและไม่พาเด็กไปในสถานที่ที่มีคนเยอะ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ง่าย

อัพเดทล่าสุด! เริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์เด็กกลุ่มเสี่ยง 31 ม.ค.นี้

– 29 ม.ค.2565 สรจ.ประชุมวางแผนการรับวัคซีนและกำหนดการกระจายจุดฉีดวัคซีนรายวัน แต่ละพื้นที่ (School based) และวิธีการบันทึกข้อมูล
– 30-31 ม.ค.2565 สรจ.จัดประชุมร่วม ศรจ. ผอ.สพป. และ ผอ.สถานศึกษาในจังหวัด แจ้งแผนกำหนดการฉีดวัคซีนให้นักเรียน (สถานที่และจำนวนรายวัน) และกำหนดการฉีด วัคซีนแก่ครู และบุคลากรส่วนที่เหลือ
– 1 ก.พ.2565 เริ่มการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้นักเรียนอายุ 5-ไม่เกิน 12 ปี
– 26 ก.พ.2565 เริ่มการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้นักเรียนอายุ 5-ไม่เกิน 12 ปี

คำแนะนำฉีดไฟเซอร์วัคซีนโควิด19 ให้เด็ก 5-11 ปี

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ประกาศแนวทางการฉีดวัคซีนไฟเซอร์สูตรสำหรับเด็ก ฝาสีส้มแก่เด็กอายุ 5-11 ปี ให้ฉีดวัคซีนชนิดไฟเซอร์ สูตรสำหรับเด็ก ขนาด 10 ไมโครกรัม ปริมาณ 0.2 มล. เข้ากล้ามเนื้อ 2 ครั้ง ห่างกัน 3-12 สัปดาห์ โดยระยะห่าง 8-12 สัปดาห์ จะดีกว่า 3-4 สัปดาห์ เพราะได้รับระดับภูมิคุ้มกันที่สูงกว่า และผลข้างเคียงน้อยกว่า

กระทรวงสาธารณสุข แนะนำการฉีดวัคซีนไฟเซอร์สูตรสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี (ฝาสีส้ม) ดังนี้
1. ระยะห่างระหว่างเข็มที่ 1 และ 2 เป็นเวลา 8 สัปดาห์
2. สูตรสำหรับฉีดผู้ใหญ่และเด็กมีความแตกต่างกัน ในแต่ละสถานพยาบาล ควรแยกจุดฉีดหรือโต๊ะฉีด สำหรับขวดฝาม่วงและฝาส้มให้ชัดเจน

กรมอนามัย แนะเด็กเล็กแยกกักตัวอยู่ที่บ้าน ย้ำ พ่อแม่สังเกตอาการดูแลใกล้ชิด

0
กรมอนามัย แนะเด็กเล็กแยกกักตัวอยู่ที่บ้าน ย้ำ พ่อแม่สังเกตอาการดูแลใกล้ชิด
กระทรวงสาธารณสุข แนะนำพ่อแม่ควรดูแลและสังเกตอาการเด็กเล็กติดเชื้อโควิด-19 ที่แยกกักตัวที่บ้านให้ดูแลลูก หรือบุตรหลานอย่างใกล้ชิด
กรมอนามัย แนะเด็กเล็กแยกกักตัวอยู่ที่บ้าน ย้ำ พ่อแม่สังเกตอาการดูแลใกล้ชิด
กระทรวงสาธารณสุข แนะนำพ่อแม่ควรดูแลและสังเกตอาการเด็กเล็กติดเชื้อโควิด-19 ที่แยกกักตัวที่บ้านให้ดูแลลูก หรือบุตรหลานอย่างใกล้ชิด

เด็กเล็กแยกกักตัวอยู่ที่บ้าน

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะพ่อแม่ควรดูแลและสังเกตอาการเด็กเล็กติดเชื้อโควิด-19 ที่แยกกักตัวที่บ้าน Home Isolation (HI) ดูแลลูก หรือบุตรหลานอย่างใกล้ชิด

รู้ได้อย่างไรว่าลูกติดเชื้อโควิด-19

พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องคอยสังเกตอาการโดยรวมของเด็กอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ซึ่งระดับอาการของเด็กแบ่งเป็น 2 แบบ คือ
แบบที่ 1 อาการในระดับที่สามารถเฝ้าสังเกตที่บ้านต่อไปได้ คือ มีไข้ต่ำ มีน้ำมูก มีอาการไอเล็กน้อย ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ถ่ายเหลว ยังคงกินอาหารหรือนมได้ปกติและไม่ซึม
แบบที่ 2 อาการที่ผู้ปกครองควรติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำเด็กส่งโรงพยาบาลโดยเร็วคือ มีไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส หายใจหอบเร็วกว่าปกติ ใช้แรงในการหายใจ ปากเขียว ระดับออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่า 94 เปอร์เซ็นต์ ซึมลง ไม่ดูดนม และไม่กินอาหารให้รีบส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงมีผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กติดเชื้อโควิด-19 จากคนในครอบครัว ซึ่งอาการติดเชื้อที่พบตั้งแต่ไม่มีอาการ จนถึงมีอาการรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ โดยกลุ่มเสี่ยงที่พบอาการรุนแรงคือเด็กทารกและเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ซึ่งต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อทันที เมื่อตรวจ ATK หรือเมื่อตรวจ RT-PCR ให้ผลพบเชื้อส่วนเด็กที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย สามารถรับการรักษาแบบ Home Isolation (HI)ได้ แต่ต้องมีพ่อแม่ หรือ ผู้ปกครองที่สามารถดูและประเมินอาการให้เด็กได้ตลอดเวลา โดยใช้อุปกรณ์เพื่อติดตามอาการ ได้แก่ ปรอทวัดไข้ เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว อุปกรณ์ที่สามารถถ่ายภาพหรือคลิปวีดีโออาการของเด็กได้ โทรศัพท์เพื่อติดต่อกับสถานพยาบาลหากมีเหตุจำเป็น และยาสามัญประจำบ้านเพื่อบรรเทาอาการ ได้แก่ ยาลดไข้ เช่นพาราเซตามอล ยาแก้ไอ ยาลดน้ำมูก และเกลือแร่

นอกจากนี้ผู้ปกครองต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมืออย่างถูกวิธีหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับเด็กที่ติดเชื้อ ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสในห้องเป็นระยะด้วยแอลกอฮอล์ความเข้มข้น 70 เปอร์เซ็นต์ หรือน้ำยาทำความสะอาดที่สามารถกำจัดเชื้อโควิด-19

ทั้งนี้ หากเด็กมีภาวะข้อใดข้อหนึ่ง เช่น อาการหายใจหอบ มีการใช้แรงในการหายใจ เช่น หายใจอกบุ๋ม ชายโครงบุ๋ม หรือปีกจมูกบาน ระดับออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่า 94 เปอร์เซ็นต์ ริมฝีปาก เล็บ หรือปลายมือปลายเท้าเขียวคล้ำ ซึมลง ไม่ดูดนม กินไม่ได้ เพลีย ไม่มีมีแรง หรือมีไข้ตั้งแต่ 39 องศาเซลเซียสขึ้นไปให้รีบส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

กรมอนามัย เผยเนื้อจระเข้โปรตีนทางเลือก แนะปรุงสุกก่อนกินทุกครั้ง ลดปนเปื้อนแบคทีเรีย

0
กรมอนามัย เผยเนื้อจระเข้โปรตีนทางเลือก แนะปรุงสุกก่อนกินทุกครั้ง ลดปนเปื้อนแบคทีเรีย
กรมอนามัยแนะนำให้ประชาชนบริโภคเนื้อจระเข้ ซึ่งเป็นโปรตีนทางเลือกมีคุณค่าทางอาหารใกล้เคียงเนื้อสัตว์ประเภทอื่น ให้พลังงานต่ำ ไขมันน้อย
กรมอนามัย เผยเนื้อจระเข้โปรตีนทางเลือก แนะปรุงสุกก่อนกินทุกครั้ง ลดปนเปื้อนแบคทีเรีย
กรมอนามัยแนะนำให้ประชาชนบริโภคเนื้อจระเข้ ซึ่งเป็นโปรตีนทางเลือกมีคุณค่าทางอาหารใกล้เคียงเนื้อสัตว์ประเภทอื่น ให้พลังงานต่ำ ไขมันน้อย

เนื้อจระเข้โปรตีนทางเลือก

เนื่องจากปัจจุบันเนื้อหมูแพงขึ้น กรมอนามัยแนะนำให้ประชาชนบริโภคเนื้อจระเข้ ซึ่งเป็นโปรตีนทางเลือกมีคุณค่าทางอาหารใกล้เคียงเนื้อสัตว์ประเภทอื่น ให้พลังงานต่ำ ไขมันน้อย แนะทำความสะอาดเนื้อให้ถูกวิธี เน้นปรุงสุกก่อนกิน เลี่ยงการปนเปื้อนของแบคทีเรียได้

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในช่วงที่เนื้อหมูราคาเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มหันมาให้ความสนใจบริโภคเนื้อจระเข้ เพื่อเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกมากขึ้นซึ่งเนื้อจระเข้ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการเพาะเลี้ยงจระเข้นั้นทำได้โดยไม่ต้องสัมผัสกับสารเคมีอันตราย แต่เนื่องจากจระเข้จัดอยู่ในประเภทสัตว์เลื้อยคลาน อาจมีแบคทีเรียปนเปื้อน เช่น เชื้อซัลโมเนลลา ทำให้เกิดโรค เช่น ไทฟอยด์ ท้องร่วง และความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร จึงควรล้างมือ และอุปกรณ์ทุกครั้งก่อนแปรรูปเนื้อสัตว์ เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนของแบคทีเรีย และปรุงสุกในทุกเมนู งดการกินสุก ๆ ดิบ ๆ

การเลือกซื้อเนื้อจระเข้ ควรเลือกเนื้อจากส่วนหาง (บ้องต้น) ถือเป็นส่วนที่ดีที่สุด เนื้อที่ดีควรสดมีสีทึบ ไม่มีกลิ่นเหม็น และควรเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้

การจัดเก็บอาหารในช่องแช่แข็ง หรือตู้เย็น

  • ตู้เย็นรักษาอุณหภูมิตั้งแต่ 5 ถึง 0 องศาเซลเซียส เก็บได้นาน 24 ชั่วโมง แต่ถ้าจัดเก็บที่อุณหภูมิ -4 ถึง 0 องศาเซลเซียส จะสามารถเก็บได้นานเพิ่มขึ้น
  • หากต้องการเก็บไว้นานกว่านั้นควรช่องแช่แข็งอุณหภูมิตั้งแต่ -12 ถึง -8 องศาเซลเซียส เก็บรักษาได้ 2-4 เดือน ถ้าแช่แข็งตั้งแต่ -24 ถึง -18 องศาเซลเซียส เก็บรักษาได้ 10-12 เดือน

การแช่แข็งผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้อง

1.เนื้อสดจะต้องถูกตัดเป็นส่วนๆ ห่อด้วยกระดาษฟอยล์ ฟิล์มยืด หรือกระดาษพาร์ชเมนท์ เนื้อห่อใส่ถุงแล้วนำไปแช่ตู้เย็น
2.ไม่ควรล้างเนื้อสัตว์ก่อนนำไปแช่แข็งเพราะจะทำให้อายุการเก็บสั้นลง แต่หากต้องการ ยืดระยะเวลาออกไปหลายวัน ให้ห่อด้วยกระดาษพาร์ชเมนท์เคลือบด้วยน้ำมันพืช
3.เมื่อต้องการละลายเนื้อสัตว์นั้น ควรใช้วิธีธรรมชาติเพื่อคงสารอาหารไว้ หลีกเลี่ยงการละลายเนื้อในน้ำเดือดร้อน
ทางด้าน ดร.แพทย์หญิงสายพิณ โชติวิเชียร ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กล่าวเสริมว่า

ด้านคุณค่าทางอาหาร เนื้อจระเข้มีพลังงานต่ำ ไขมันน้อย สามารถนำมาปรุงได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่การต้ม เคี่ยวในน้ำซุป ไปจนถึงปิ้ง ย่าง ทอด และผัด ผู้บริโภคควรเลือกบริโภคให้เหมาะกับตัวเอง เพราะเนื้อจระเข้กับสัตว์ประเภทอื่นนั้น มีคุณค่าทางโภชนาการ และราคาไม่แตกต่างกันมากนักโดยเนื้อจระเข้ 100 กรัม มีพลังงาน 99 กิโลแคลอรี โปรตีน 21.5 กรัม ไขมัน 2.9 กรัม และโคเลสเตอรอล 65 มิลลิกรัม และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเนื้อสัตว์ประเภทอื่น ๆ ในปริมาณ 100 กรัม พบว่า
1) เนื้อหมู มีพลังงาน 107 กิโลแคลอรี โปรตีน 22.0 กรัม ไขมัน 2.0 กรัม และโคเลสเตอรอล 55 มิลลิกรัม
2) เนื้อไก่ มีพลังงาน 145 กิโลแคลอรี โปรตีน 22.2 กรัม ไขมัน 6.2 กรัม และโคเลสเตอรอล 62 มิลลิกรัม 3) เนื้อวัว มีพลังงาน 121 กิโลแคลอรี โปรตีน 21.2 กรัม ไขมัน 4.0 กรัม และโคเลสเตอรอล 51 มิลลิกรัม

ดังนั้น ช่วงที่เนื้อหมูแพง เนื้อไก่แพงขึ้นผู้บริโภคอาจเลือกบริโภคอาหารที่เป็นแหล่งโปรตีนชนิดอื่น เช่น ปลา ไข่ ถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆ สับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน และเพิ่มการบริโภคผัก ผลไม้หลากสี ดื่มนมเหมาะสมตามวัย เพื่อให้ได้รับอาหารครบ5หมู่

กรมชลประทาน ยันมีน้ำใช้เพียงพอตลอดแล้งนี้

0
กรมชลประทาน ยันมีน้ำใช้เพียงพอตลอดแล้งนี้
น้ำอุปโภคบริโภคเพียงพอใช้ตลอดหน้าแล้งนี้ ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมใจกันประหยัดน้ำ

 

กรมชลประทาน ยันมีน้ำใช้เพียงพอตลอดแล้งนี้
น้ำอุปโภคบริโภคเพียงพอใช้ตลอดหน้าแล้งนี้ ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมใจกันประหยัดน้ำ

กรมชลประทาน ขานรับกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) คุมเข้มแผนใช้น้ำลุ่มเจ้าพระยา เดินหน้าบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้ง เน้นย้ำน้ำกินน้ำใช้อุปโภคบริโภคเพียงพอใช้ตลอดแล้งนี้ พร้อมวอนทุกภาคส่วนร่วมใจกันประหยัดน้ำ ตามนโยบายรองนายกฯประวิตร ในฐานะผอ.กอนช.

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) มีความห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูแล้งพื้นที่ภาคกลาง ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด เน้นย้ำน้ำอุปโภคบริโภคต้องเพียงพอตลอดฤดูแล้ง พร้อมกำหนดแผนการบริหารจัดการความเสี่ยงและแผนเผชิญ เหตุรองรับสถานการณ์ภัยแล้งในบางพื้นที่ไว้ล่วงหน้า รวมทั้งเร่งรัดโครงการสำคัญต่างๆ ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ นั้น

สถานการณ์น้ำต้นทุนใน 4 เขื่อนหลักของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบัน (18 ม.ค. 65) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 13,457 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) หรือร้อยละ 54 ของความจุอ่างฯรวมกัน เป็นน้ำใช้การได้ 6,761 ล้าน ลบ.ม. ขณะนี้มีการใช้น้ำไปแล้ว 2,225 ล้าน ลบ.ม. จึงได้เน้นย้ำให้ทุกโครงการชลประทานในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา บริหารจัดการน้ำตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะน้ำอุปโภคบริโภคต้องไม่ขาดแคลน ที่สำคัญให้จัดทำแผนการบริหารจัดการความเสี่ยงและแผนเผชิญเหตุไว้รองรับสถานการณ์ภัยแล้งในบางพื้นที่ไว้ล่วงหน้าด้วยแล้ว

ในส่วนของการทำนาปรัง ปัจจุบันมีการทำนาปรังในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาไปแล้วประมาณ 3.25 ล้านไร่ เกินแผนที่วางไว้ร้อยละ 16 (แผนวางไว้ 2.81 ล้านไร่) เกษตรกรส่วนหนึ่งจะใช้น้ำจากบ่อน้ำหรือแหล่งน้ำของตนเองในการทำนาปรัง

อย่างไรก็ตามชลประทานได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานในพื้นที่ติดตามและควบคุมการใช้น้ำให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดเพียงพอใช้ตลอดแล้งนี้ ไปจนถึงต้นฤดูฝนปีหน้า

โรคระบาดในหมู ASF คืออะไร และป้องกันได้อย่างไร

0
โรค ASF ในหมู คืออะไร และป้องกันได้อย่างไร
หมูที่ติดเชื้อ ASF สามารถทานได้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่มนุษย์ แต่ปรุงสุกเป็นเวลา30 นาที ด้วยอุณภูมิ 60 องศาขึ้นไป
โรค ASF ในหมู คืออะไร และป้องกันได้อย่างไร
หมูที่ติดเชื้อ ASF สามารถทานได้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่มนุษย์ แต่ปรุงสุกเป็นเวลา30 นาที ด้วยอุณภูมิ 60 องศาขึ้นไป

ASF

โรค ASF (African Swine Fever) คือ โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (Clinical Practice Guideline) เป็นโรคไวรัสที่ติดต่อร้ายแรงในสุกรที่แพร่กระจาย ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก หากมีการระบาดของโรคนี้ในประเทศแล้วจะกำจัดโรค ได้ยาก เพราะในปัจจุบันนี้ยังไม่มีวัคซีนในการป้องกันและควบคุมโรค สุกรที่หายป่วยแล้วจะเป็นพาหะของโรคได้ตลอดชีวิต และยิ่งกว่านั้นโรคนี้เป็นโรค ที่มีความความรุนแรงทำให้สุกรที่ติดเชื้อมีการตายเฉียบพลันเกือบ 100 %

สาเหตุของโรค ASF

มักติดเชื้อ ASF​ จากการกินเศษอาหารที่มีเชื้อ​โรคเข้าไป และการสัมผัสเชื้อที่ปนเปื้อนมากับคน​ สิ่งของ​ รถขนส่ง​ และสัตว์พาหะ ซึ่งสัตว์พาหะที่สามารถนำโรคได้โดยตรง​ ได้แก่​ เห็บอ่อน​ ที่พบในทวีปแอฟริกาและยุโรปเท่านั้น

อาการโรค​ ASF ในหมูเป็นอย่างไร?

หมูจะแสดงอาการหลังติดเชื้อประมาณ​ 3-4 วัน โดยหมูที่ติดเชื้อจะมีอาการอาเจียน ไข้สูง​ ถ่ายเป็นเลือด​ จุดเลือดออก​ ​และตายเกือบ​ 100% ​

โรค ASF ติดจากสัตว์สู่คนได้หรือไม่

เชื้ออหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF)ไม่ใช่โรคที่ติดจากสัตว์สู่คน จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่มนุษย์และในปัจจุบันยังไม่มีประวัติผู้ป่วยด้วยเชื้อโรคนี้

โรค ASF สามารถแพร่ไปในหมู่สุกรบ้านและสุกรป่าทุกเพศทุกวัยได้อย่างรวดเร็วและร้ายแรงถึงชีวิต

หากกินหมูติดเชื้อ ASF จะอันตรายต่อร่างกายหรือไม่

เนื้อหมูที่ติดเชื้อ ASF เรายังสามารถกินได้ตามปกติ แต่ไม่ควรกินเนื้อสุกๆดิบๆ เพราะเชื้อไวรัสนี้จะตายด้วยความร้อน​ 60 องศาขึ้นไป ปรุงสุกอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารที่ทานจะสะอาด ปลอดเชื้อ จึงควรกินอาหารที่ปรุงสุกทุกครั้งเพื่อลดความเสี่ยง

เชื้อ ASF อยู่ในสภาพแวดล้อมได้นานแค่ไหน

  • อยู่ในมูลสุกร หรือสิ่งแวดล้อม ประมาณ 1 เดือน
  • อยู่ในซากสัตว์ หรือในดินได้ถึง 3 เดือน
  • อยู่ในเนื้อแปรรูป ได้ถึง 1 ปี
  • อยู่ในเนื้อแบบแช่แข็ง ได้ถึง 3 ปี

สามารถป้องกันฟาร์มจากโรค ASF ได้อย่างไร

1. ไม่นำทั้งสุกรติดเชื้อที่ยังมีชีวิตและผลิตภัณฑ์เนื้อหมูเข้ามาในพื้นที่ปลอดโรค ASF
2. ไม่ควรนำเศษอาหารของมนุษย์ไปเลี้ยงสุกรโดดเด็ดขาด
3. เมื่อพบว่ามีสุกรเป็นโรค ASF ให้กำจัดสุกรทั้งหมดอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะติดเชื้อหรือไม่
4. ดูแลฟามร์มให้ปราศจากไวรัสและแบคทีเรีย เช่น ฆ่าเชื้อเสื้อผ้าและรองเท้าบูท หรือใช้เสื้อผ้าและรองเท้าบูทที่สำหรับใส่ในฟาร์มไว้เป็นการเฉพาะ
5. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกคนที่เข้ามาในฟาร์มไม่มีการสัมผัสกับสุกรอื่นใดในช่วงเวลา 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา
6. ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อยานพาหนะและอุปกรณ์อย่างถูกต้องก่อนเข้ามาในบริเวณฟาร์ม
7. ตรวจสอบและทดสอบหาเชื้อ ASF ในสุกรที่ป่วยหรือตายทุกตัว รวมถึงหมูที่ถูกเชือดเพื่อการบริโภคในบ้านก็ควรถูกตรวจหาเชื้อ ASF โดยมีใบรับรองจากสัตวแพทย์
8. เมื่อสังเกตเห็นสัญญาณของโรค ASF ให้แจ้งสัตวแพทย์โดยทันที และนำสุกรเข้ารับการตรวจหาเชื้อ
9. มีการกักโรคอย่างเข้มงวดทั้งในเขตที่ปราศจากโรค ASF และเขตติดเชื้อ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคแพร่กระจายของเชื้อ

ปัญหาหมูติดเชื้อASF ทำให้ราคาหมูปี2565สูงขึ้นมาก แม้หมูที่ติดเชื้อยังสามารถทานได้อยู่ก็ตาม แค่ปรุงสุกภายใน30 นาที ด้วยอุณภูมิ 60 องศาขึ้นไป หรือไม่ก็หันมาเปลี่ยนเมนูอย่าง เป็ด ไก่ กุ้ง เนื้อวัว ก็ได้ เป็นเมนูที่ต้องลองที่แม่บ้านไม่ควรพลาด