การตรวจและรักษามะเร็ง: วิธีวินิจฉัยและแนวทางการรักษาที่แม่นยำในปัจจุบัน

0
4679
การตรวจและรักษามะเร็ง
การตรวจหาสารมะเร็งจาก จากการเจาะเลือดหรือเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งภายในร่างกาย

โรคมะเร็งเป็นหนึ่งในโรคที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและอัตราการเสียชีวิตของประชากรทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ามะเร็งจะยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในทุกกรณี แต่ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน การตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะแรกและการได้รับการรักษาที่เหมาะสมสามารถช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างมาก

ประเภทของการตรวจมะเร็ง

การตรวจคัดกรอง (Cancer Screening)

การตรวจคัดกรองเป็นการตรวจในบุคคลทั่วไปที่ยังไม่มีอาการของโรค เพื่อค้นหาความผิดปกติหรือสัญญาณเริ่มต้นของโรคมะเร็ง ตัวอย่างเช่น:

  • การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยแมมโมแกรม
  • การตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยแป๊บสเมียร์
  • การตรวจเลือดหาสารบ่งชี้มะเร็ง (Tumor Marker)
  • การคลำหาก้อนผิดปกติด้วยตนเอง

การตรวจวินิจฉัย (Cancer Diagnosis)

ใช้กับผู้ที่มีอาการหรือผลตรวจคัดกรองผิดปกติแล้ว เพื่อตรวจหาสาเหตุของโรคและระยะของโรค โดยประกอบด้วย:

  • การตรวจเลือดเชิงลึก
  • การเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อ (Biopsy)
  • การถ่ายภาพทางการแพทย์ (Imaging)
  • การตรวจพยาธิสภาพ (Histopathology)

วิธีการตรวจมะเร็งที่ใช้ในปัจจุบัน

วิธีตรวจ จุดเด่น ข้อจำกัด
Tumor Marker ตรวจง่าย รวดเร็ว ไม่สามารถใช้วินิจฉัยเดี่ยวได้ ต้องใช้ร่วมกับวิธีอื่น
Ultrasound ปลอดภัย เหมาะกับอวัยวะที่มีน้ำ ไม่เหมาะกับปอดหรือกระดูก
X-Ray ราคาถูก เห็นโครงสร้างพื้นฐาน เห็นแค่ 2 มิติ มีข้อกังวลเรื่องรังสี
CT Scan เห็นภาพ 3 มิติ ชัดเจน ราคาสูง ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์
MRI ไม่ใช้รังสี เหมาะกับเนื้อเยื่อทุกส่วน ราคาสูง ใช้เวลานาน
Gastroscopy/Colonoscopy เห็นภายในจริง เก็บชิ้นเนื้อได้ ต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ค่าใช้จ่ายสูง
Histopathology ระบุชนิดมะเร็งได้แน่นอน ต้องเจ็บตัวจากการเก็บเนื้อเยื่อ

วิธีการรักษามะเร็ง

1. การผ่าตัด (Surgery)

  • เหมาะกับมะเร็งระยะแรกหรือตัดก้อนเนื้อที่อยู่เฉพาะที่
  • ใช้ร่วมกับเคมีบำบัดหรือรังสีบำบัดในบางกรณี

2. เคมีบำบัด (Chemotherapy)

  • ใช้ยาหลายชนิดเพื่อหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
  • ผลข้างเคียง เช่น อาเจียน ผมร่วง ภูมิคุ้มกันลด

3. รังสีรักษา (Radiotherapy)

  • ใช้รังสีพลังงานสูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งเฉพาะที่
  • เหมาะกับมะเร็งที่อยู่ตื้น เช่น ผิวหนัง เต้านม ช่องปาก

4. ฮอร์โมนบำบัด (Hormonal Therapy)

  • ใช้กับมะเร็งที่ตอบสนองต่อฮอร์โมน เช่น เต้านม ต่อมลูกหมาก
  • ออกฤทธิ์โดยยับยั้งฮอร์โมนที่มะเร็งใช้ในการเจริญเติบโต

5. การรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy)

  • ใช้ยาจำเพาะที่ออกฤทธิ์ตรงจุด เช่น โปรตีนบนเซลล์มะเร็ง
  • ต้องตรวจยีนหรือโปรตีนก่อนเริ่มรักษา ค่าใช้จ่ายสูง

6. ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)

  • กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำลายเซลล์มะเร็ง
  • ผลลัพธ์ดีในบางชนิด เช่น มะเร็งปอด ผิวหนังบางชนิด

7. การใช้ความร้อนเฉพาะที่ (Hyperthermia Therapy)

  • ใช้ความร้อนเพิ่มประสิทธิภาพของเคมีบำบัดหรือรังสี
  • ปลอดภัย แต่ยังอยู่ในระยะทดลองและใช้จำกัด

แนวทางการเลือกวิธีการรักษา

ขึ้นกับหลายปัจจัย ได้แก่:

  • ชนิดของมะเร็ง (Type)
  • ระยะของมะเร็ง (Stage)
  • สภาพร่างกายของผู้ป่วย (Performance Status)
  • ความพร้อมของเครื่องมือแพทย์และทีมสหสาขา
  • ความต้องการของผู้ป่วย (Patient Preference)

แพทย์มักใช้วิธีแบบผสมผสาน (Multimodal Therapy) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาและลดผลข้างเคียง

ข้อสรุป

การตรวจและรักษามะเร็งมีความก้าวหน้าและแม่นยำมากขึ้นในปัจจุบัน โดยเป้าหมายหลักคือการตรวจพบให้เร็วที่สุดและรักษาให้ตรงจุด การรู้จักทางเลือกในการวินิจฉัยและวิธีรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดี และสามารถวางแผนการรักษาร่วมกับแพทย์ได้อย่างมั่นใจ

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจและรักษามะเร็ง

Q1: ตรวจเลือดหามะเร็งได้หรือไม่?

A: ตรวจสารบ่งชี้มะเร็ง (Tumor Markers) ได้ แต่ใช้ควบคู่กับการตรวจอื่นเท่านั้น ไม่สามารถวินิจฉัยเดี่ยวได้

Q2: วิธีไหนแม่นยำที่สุดในการวินิจฉัยมะเร็ง?

A: การเก็บชิ้นเนื้อ (Biopsy) และตรวจพยาธิสภาพ (Histopathology) ถือว่าแม่นยำที่สุดในการยืนยันการเป็นมะเร็ง

Q3: การรักษาด้วยคีโมทุกคนต้องได้รับหรือไม่?

A: ไม่จำเป็นเสมอไป แพทย์จะเลือกใช้เฉพาะรายที่เหมาะสมกับชนิดของมะเร็งและระยะของโรค

Q4: Targeted Therapy และภูมิคุ้มกันบำบัดเหมาะกับมะเร็งชนิดใด?

A: ใช้ได้ดีในบางมะเร็ง เช่น มะเร็งปอด มะเร็งเต้านมชนิดเฉพาะ มะเร็งไต ต้องตรวจยีนก่อนใช้

Q5: ตรวจคัดกรองมะเร็งควรเริ่มเมื่อไร?

A: ควรเริ่มตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป หรือเร็วกว่านั้นหากมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งหรือปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ

ร่วมตอบคำถามกับเรา

[/vc_column_text]

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

ศาสตราจารย์ เกียรติคุณ แพทย์หญิงพวงทอง ไกรพิบูลย์. รู้ก่อน เข้าใจกว่า การตรวจรักษามะเร็ง. กรุงเทพฯ:ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2557.

Loomis, D; Grosse, Y; Bianchini, F; Straif, K (2016) . “Body Fatness and Cancer — Viewpoint of the IARC Working Group”. N Engl J Med. 375:794-798. doi:10.1056/NEJMsr1606602. 

[/vc_column][/vc_row]