โรคมะเร็งเป็นหนึ่งในโรคที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและอัตราการเสียชีวิตของประชากรทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ามะเร็งจะยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในทุกกรณี แต่ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน การตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะแรกและการได้รับการรักษาที่เหมาะสมสามารถช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างมาก
ประเภทของการตรวจมะเร็ง
การตรวจคัดกรอง (Cancer Screening)
การตรวจคัดกรองเป็นการตรวจในบุคคลทั่วไปที่ยังไม่มีอาการของโรค เพื่อค้นหาความผิดปกติหรือสัญญาณเริ่มต้นของโรคมะเร็ง ตัวอย่างเช่น:
- การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยแมมโมแกรม
- การตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยแป๊บสเมียร์
- การตรวจเลือดหาสารบ่งชี้มะเร็ง (Tumor Marker)
- การคลำหาก้อนผิดปกติด้วยตนเอง
การตรวจวินิจฉัย (Cancer Diagnosis)
ใช้กับผู้ที่มีอาการหรือผลตรวจคัดกรองผิดปกติแล้ว เพื่อตรวจหาสาเหตุของโรคและระยะของโรค โดยประกอบด้วย:
- การตรวจเลือดเชิงลึก
- การเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อ (Biopsy)
- การถ่ายภาพทางการแพทย์ (Imaging)
- การตรวจพยาธิสภาพ (Histopathology)
วิธีการตรวจมะเร็งที่ใช้ในปัจจุบัน
วิธีตรวจ | จุดเด่น | ข้อจำกัด |
---|---|---|
Tumor Marker | ตรวจง่าย รวดเร็ว | ไม่สามารถใช้วินิจฉัยเดี่ยวได้ ต้องใช้ร่วมกับวิธีอื่น |
Ultrasound | ปลอดภัย เหมาะกับอวัยวะที่มีน้ำ | ไม่เหมาะกับปอดหรือกระดูก |
X-Ray | ราคาถูก เห็นโครงสร้างพื้นฐาน | เห็นแค่ 2 มิติ มีข้อกังวลเรื่องรังสี |
CT Scan | เห็นภาพ 3 มิติ ชัดเจน | ราคาสูง ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์ |
MRI | ไม่ใช้รังสี เหมาะกับเนื้อเยื่อทุกส่วน | ราคาสูง ใช้เวลานาน |
Gastroscopy/Colonoscopy | เห็นภายในจริง เก็บชิ้นเนื้อได้ | ต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ค่าใช้จ่ายสูง |
Histopathology | ระบุชนิดมะเร็งได้แน่นอน | ต้องเจ็บตัวจากการเก็บเนื้อเยื่อ |
วิธีการรักษามะเร็ง
1. การผ่าตัด (Surgery)
- เหมาะกับมะเร็งระยะแรกหรือตัดก้อนเนื้อที่อยู่เฉพาะที่
- ใช้ร่วมกับเคมีบำบัดหรือรังสีบำบัดในบางกรณี
2. เคมีบำบัด (Chemotherapy)
- ใช้ยาหลายชนิดเพื่อหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
- ผลข้างเคียง เช่น อาเจียน ผมร่วง ภูมิคุ้มกันลด
3. รังสีรักษา (Radiotherapy)
- ใช้รังสีพลังงานสูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งเฉพาะที่
- เหมาะกับมะเร็งที่อยู่ตื้น เช่น ผิวหนัง เต้านม ช่องปาก
4. ฮอร์โมนบำบัด (Hormonal Therapy)
- ใช้กับมะเร็งที่ตอบสนองต่อฮอร์โมน เช่น เต้านม ต่อมลูกหมาก
- ออกฤทธิ์โดยยับยั้งฮอร์โมนที่มะเร็งใช้ในการเจริญเติบโต
5. การรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy)
- ใช้ยาจำเพาะที่ออกฤทธิ์ตรงจุด เช่น โปรตีนบนเซลล์มะเร็ง
- ต้องตรวจยีนหรือโปรตีนก่อนเริ่มรักษา ค่าใช้จ่ายสูง
6. ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)
- กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำลายเซลล์มะเร็ง
- ผลลัพธ์ดีในบางชนิด เช่น มะเร็งปอด ผิวหนังบางชนิด
7. การใช้ความร้อนเฉพาะที่ (Hyperthermia Therapy)
- ใช้ความร้อนเพิ่มประสิทธิภาพของเคมีบำบัดหรือรังสี
- ปลอดภัย แต่ยังอยู่ในระยะทดลองและใช้จำกัด
แนวทางการเลือกวิธีการรักษา
ขึ้นกับหลายปัจจัย ได้แก่:
- ชนิดของมะเร็ง (Type)
- ระยะของมะเร็ง (Stage)
- สภาพร่างกายของผู้ป่วย (Performance Status)
- ความพร้อมของเครื่องมือแพทย์และทีมสหสาขา
- ความต้องการของผู้ป่วย (Patient Preference)
แพทย์มักใช้วิธีแบบผสมผสาน (Multimodal Therapy) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาและลดผลข้างเคียง
ข้อสรุป
การตรวจและรักษามะเร็งมีความก้าวหน้าและแม่นยำมากขึ้นในปัจจุบัน โดยเป้าหมายหลักคือการตรวจพบให้เร็วที่สุดและรักษาให้ตรงจุด การรู้จักทางเลือกในการวินิจฉัยและวิธีรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดี และสามารถวางแผนการรักษาร่วมกับแพทย์ได้อย่างมั่นใจ
FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจและรักษามะเร็ง
Q1: ตรวจเลือดหามะเร็งได้หรือไม่?
A: ตรวจสารบ่งชี้มะเร็ง (Tumor Markers) ได้ แต่ใช้ควบคู่กับการตรวจอื่นเท่านั้น ไม่สามารถวินิจฉัยเดี่ยวได้
Q2: วิธีไหนแม่นยำที่สุดในการวินิจฉัยมะเร็ง?
A: การเก็บชิ้นเนื้อ (Biopsy) และตรวจพยาธิสภาพ (Histopathology) ถือว่าแม่นยำที่สุดในการยืนยันการเป็นมะเร็ง
Q3: การรักษาด้วยคีโมทุกคนต้องได้รับหรือไม่?
A: ไม่จำเป็นเสมอไป แพทย์จะเลือกใช้เฉพาะรายที่เหมาะสมกับชนิดของมะเร็งและระยะของโรค
Q4: Targeted Therapy และภูมิคุ้มกันบำบัดเหมาะกับมะเร็งชนิดใด?
A: ใช้ได้ดีในบางมะเร็ง เช่น มะเร็งปอด มะเร็งเต้านมชนิดเฉพาะ มะเร็งไต ต้องตรวจยีนก่อนใช้
Q5: ตรวจคัดกรองมะเร็งควรเริ่มเมื่อไร?
A: ควรเริ่มตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป หรือเร็วกว่านั้นหากมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งหรือปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ
ร่วมตอบคำถามกับเรา
[/vc_column_text]
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง
เอกสารอ้างอิง
ศาสตราจารย์ เกียรติคุณ แพทย์หญิงพวงทอง ไกรพิบูลย์. รู้ก่อน เข้าใจกว่า การตรวจรักษามะเร็ง. กรุงเทพฯ:ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2557.
Loomis, D; Grosse, Y; Bianchini, F; Straif, K (2016) . “Body Fatness and Cancer — Viewpoint of the IARC Working Group”. N Engl J Med. 375:794-798. doi:10.1056/NEJMsr1606602.