มะเร็งเป็นโรคที่เกิดจากการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติที่ไม่สามารถควบคุมได้ จนกระทั่งแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อและอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกายได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต อย่างไรก็ตาม ด้วยความก้าวหน้าของวิทยาการทางการแพทย์ในปัจจุบัน เราสามารถตรวจพบและป้องกันโรคนี้ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น หากมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ “สาเหตุของมะเร็ง” และปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงของมะเร็ง แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่:
- ปัจจัยเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิต (Environmental & Lifestyle Factors)
- ปัจจัยเสี่ยงจากพันธุกรรม (Genetic Factors)
ปัจจัยเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิต (Environmental & Lifestyle Factors)
จากงานวิจัยขนาดใหญ่โดยศูนย์มะเร็งเอ็มดีแอนเดอร์สัน (MD Anderson Cancer Center) มหาวิทยาลัยแห่งเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ปี 2008 พบว่า:
มากกว่า 90–95% ของผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลก เกิดจาก “ปัจจัยแวดล้อมและพฤติกรรม” ขณะที่ “พันธุกรรม” มีบทบาทเพียง 5–10% เท่านั้น
1. พฤติกรรมการบริโภคอาหาร (30–35%)
อาหารมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการกระตุ้นหรือยับยั้งการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง หรือผ่านกระบวนการแปรรูปมากเกินไป เช่น:
- ไนไตรต์/ไนโตรซามีน: พบในเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก แหนม เบคอน
- อะฟลาท็อกซิน: พบบ่อยในถั่วลิสง พริกป่น ข้าวโพดขึ้นรา
- ไดออกซิน: สารปนเปื้อนจากฟาร์มสัตว์ เช่น หมู นม ไก่
- อาหารปิ้งย่าง/ไหม้เกรียม: สะสมสารพีเอเอช (PAHs) ซึ่งก่อกลายพันธุ์ในระดับดีเอ็นเอ
2. การสูบบุหรี่ (25–30%)
บุหรี่เป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการเสียชีวิตจากมะเร็ง โดยเฉพาะ:
- มะเร็งปอด
- มะเร็งกล่องเสียง
- มะเร็งช่องปาก
สารเคมีในบุหรี่กว่า 70 ชนิด เป็นสารก่อมะเร็ง (Carcinogens) โดยตรง เช่น Benzopyrene และ Formaldehyde
3. การติดเชื้อ (15–20%)
- ไวรัส HPV: ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ทวารหนัก คอหอย ฯลฯ
- ไวรัสตับอักเสบ B/C: มีความเสี่ยงสูงต่อมะเร็งตับ
- แบคทีเรีย Helicobacter Pylori: เพิ่มโอกาสมะเร็งกระเพาะอาหาร
4. โรคอ้วนและภาวะน้ำหนักเกิน (10–20%)
ไขมันส่วนเกินจะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมน เช่น อินซูลิน และเอสโตรเจนในระดับสูง ซึ่งอาจเร่งการเจริญของเซลล์มะเร็ง
5. แอลกอฮอล์ (4–6%)
การดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเร่งในมะเร็งหลายชนิด เช่น:
- มะเร็งตับ
- มะเร็งหลอดอาหาร
- มะเร็งช่องปาก
- มะเร็งเต้านม (ในเพศหญิง)
6. ปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ (10–15%)
- มลพิษทางอากาศ (PM2.5)
- รังสี UV จากแสงแดดจัด
- ความเครียดสะสม
- การไม่ออกกำลังกาย
ผู้ที่ไม่ออกกำลังกายเลยมีโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่เพิ่มขึ้นถึง 30% จากค่าปกติ
ปัจจัยเสี่ยงจากพันธุกรรม (Genetic Risk Factors)
แม้จะพบเพียง 5–10% ของผู้ป่วยเท่านั้น แต่ก็เป็นกลุ่มที่ควรได้รับการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งตั้งแต่อายุน้อย
ยีนควบคุมการแบ่งเซลล์มะเร็ง (Tumor Suppressor Genes)
ยีนกลุ่มนี้เมื่อเกิดการกลายพันธุ์ อาจทำให้เซลล์แบ่งตัวผิดปกติจนกลายเป็นมะเร็ง ตัวอย่างเช่น:
- BRCA1/BRCA2: เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านมและรังไข่
- TP53: เกี่ยวข้องกับมะเร็งหลายชนิด
มะเร็งที่ถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม ได้แก่:
- มะเร็งเต้านมชนิดกรรมพันธุ์
- มะเร็งลำไส้ใหญ่ชนิด FAP หรือ Lynch syndrome
- มะเร็งรังไข่ในกลุ่มที่ตรวจพบ BRCA mutation
การรับมือปัจจัยทางพันธุกรรม
- ตรวจสุขภาพประจำปี และทำ Genetic Testing หากมีประวัติครอบครัว
- ปรับวิถีชีวิต: หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงแม้จะไม่มีประวัติครอบครัว
- ทำใจให้สงบ: ความเครียดกระตุ้นภูมิคุ้มกันลดลง ซึ่งอาจส่งผลให้เซลล์มะเร็งเติบโตได้เร็วขึ้น
สถิติชี้ว่า ผู้ที่เป็นมะเร็งระยะที่ 1 มีโอกาสหายขาดได้สูงถึง 70–90% หากรักษาทันท่วงที
ตาราง: ปัจจัยเสี่ยงและอัตราเกี่ยวข้องกับมะเร็งชนิดต่าง ๆ
ปัจจัยเสี่ยง | อัตราเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง (%) |
---|---|
อาหารแปรรูป | 30–35% |
บุหรี่ | 25–30% |
การติดเชื้อไวรัส/แบคทีเรีย | 15–20% |
โรคอ้วน | 10–20% |
แอลกอฮอล์ | 4–6% |
พฤติกรรมเฉื่อย (ไม่ออกกำลังกาย) | 10–15% |
พันธุกรรม | 5–10% |
สรุป: ทำอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง?
- หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและเนื้อย่างไหม้เกรียม
- งดสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์
- ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง
- ออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
- นอนหลับให้เพียงพอ และควบคุมความเครียดในชีวิตประจำวัน
FAQ: สาเหตุของมะเร็งและปัจจัยเสี่ยง
1. มะเร็งเกิดจากกรรมพันธุ์จริงหรือไม่?
ไม่ทั้งหมด ผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมการใช้ชีวิต (90–95%) ส่วนกรรมพันธุ์เป็นเพียง 5–10% เท่านั้น ซึ่งการถ่ายทอดยีนผิดปกติอาจเพิ่มความเสี่ยง แต่ไม่ใช่ปัจจัยตัดสินว่าต้องเป็นมะเร็งแน่นอน
2. การกินอาหารมีผลทำให้เป็นมะเร็งได้อย่างไร?
อาหารบางประเภท เช่น เนื้อสัตว์แปรรูป อาหารที่มีสารกันบูด สารตกค้างจากยาฆ่าแมลง หรืออาหารไหม้เกรียม ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจกระตุ้นให้เกิดเซลล์มะเร็ง
3. บุหรี่และแอลกอฮอล์มีผลต่อการเกิดมะเร็งจริงหรือ?
จริง บุหรี่มีสารก่อมะเร็งกว่า 70 ชนิด และแอลกอฮอล์สามารถเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอของเซลล์ ทำให้เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลายชนิด เช่น ปอด ตับ หลอดอาหาร ช่องปาก และเต้านม
4. คนสุขภาพดีที่ไม่มีพันธุกรรมเสี่ยง ยังเป็นมะเร็งได้ไหม?
ได้ หากมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ไม่ออกกำลังกาย เครียดสะสม กินอาหารไม่ดี หรือสัมผัสสารพิษจากสิ่งแวดล้อมบ่อยๆ จึงควรตรวจสุขภาพประจำปีแม้ไม่มีประวัติครอบครัว
5. ป้องกันมะเร็งได้อย่างไร?
ลดความเสี่ยงด้วยการ:
-
รับประทานอาหารสดใหม่ ปราศจากสารพิษ
-
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
-
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
-
ตรวจสุขภาพเป็นประจำโดยเฉพาะหากมีประวัติครอบครัว
-
หลีกเลี่ยงมลพิษและแสงแดดโดยตรง
ร่วมตอบคำถามกับเรา
[/vc_column_text]
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง
เอกสารอ้างอิง
Complementary and alternative therapies for cancer”. Oncologist (1): 80–9.
“Cancer”. National Cancer Institute. 11 August 2016.
“Screening for Prostate Cancer”. U.S. Preventive Services Task Force. 2008. Archived from the original on 31 December 2010.