สาเหตุของมะเร็ง: ปัจจัยเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิต และพันธุกรรมที่ควรรู้

0
5851
โรคมะเร็งปัจจัยเสี่ยงทางสิ่งแวดล้อมและพันธุกรรม
ผู้ที่มีพันธุกรรมดีอาจเป็นโรคมะเร็งได้ ถ้ามีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม

มะเร็งเป็นโรคที่เกิดจากการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติที่ไม่สามารถควบคุมได้ จนกระทั่งแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อและอวัยวะอื่น ๆ ของร่างกายได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต อย่างไรก็ตาม ด้วยความก้าวหน้าของวิทยาการทางการแพทย์ในปัจจุบัน เราสามารถตรวจพบและป้องกันโรคนี้ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น หากมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ “สาเหตุของมะเร็ง” และปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงของมะเร็ง แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่:

  • ปัจจัยเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิต (Environmental & Lifestyle Factors)
  • ปัจจัยเสี่ยงจากพันธุกรรม (Genetic Factors)

ปัจจัยเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิต (Environmental & Lifestyle Factors)

จากงานวิจัยขนาดใหญ่โดยศูนย์มะเร็งเอ็มดีแอนเดอร์สัน (MD Anderson Cancer Center) มหาวิทยาลัยแห่งเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ปี 2008 พบว่า:

มากกว่า 90–95% ของผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลก เกิดจาก “ปัจจัยแวดล้อมและพฤติกรรม” ขณะที่ “พันธุกรรม” มีบทบาทเพียง 5–10% เท่านั้น

1. พฤติกรรมการบริโภคอาหาร (30–35%)

อาหารมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการกระตุ้นหรือยับยั้งการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง หรือผ่านกระบวนการแปรรูปมากเกินไป เช่น:

  • ไนไตรต์/ไนโตรซามีน: พบในเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก แหนม เบคอน
  • อะฟลาท็อกซิน: พบบ่อยในถั่วลิสง พริกป่น ข้าวโพดขึ้นรา
  • ไดออกซิน: สารปนเปื้อนจากฟาร์มสัตว์ เช่น หมู นม ไก่
  • อาหารปิ้งย่าง/ไหม้เกรียม: สะสมสารพีเอเอช (PAHs) ซึ่งก่อกลายพันธุ์ในระดับดีเอ็นเอ

2. การสูบบุหรี่ (25–30%)

บุหรี่เป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการเสียชีวิตจากมะเร็ง โดยเฉพาะ:

  • มะเร็งปอด
  • มะเร็งกล่องเสียง
  • มะเร็งช่องปาก

สารเคมีในบุหรี่กว่า 70 ชนิด เป็นสารก่อมะเร็ง (Carcinogens) โดยตรง เช่น Benzopyrene และ Formaldehyde

3. การติดเชื้อ (15–20%)

  • ไวรัส HPV: ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ทวารหนัก คอหอย ฯลฯ
  • ไวรัสตับอักเสบ B/C: มีความเสี่ยงสูงต่อมะเร็งตับ
  • แบคทีเรีย Helicobacter Pylori: เพิ่มโอกาสมะเร็งกระเพาะอาหาร

4. โรคอ้วนและภาวะน้ำหนักเกิน (10–20%)

ไขมันส่วนเกินจะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมน เช่น อินซูลิน และเอสโตรเจนในระดับสูง ซึ่งอาจเร่งการเจริญของเซลล์มะเร็ง

5. แอลกอฮอล์ (4–6%)

การดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเร่งในมะเร็งหลายชนิด เช่น:

  • มะเร็งตับ
  • มะเร็งหลอดอาหาร
  • มะเร็งช่องปาก
  • มะเร็งเต้านม (ในเพศหญิง)

6. ปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ (10–15%)

  • มลพิษทางอากาศ (PM2.5)
  • รังสี UV จากแสงแดดจัด
  • ความเครียดสะสม
  • การไม่ออกกำลังกาย

ผู้ที่ไม่ออกกำลังกายเลยมีโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่เพิ่มขึ้นถึง 30% จากค่าปกติ

ปัจจัยเสี่ยงจากพันธุกรรม (Genetic Risk Factors)

แม้จะพบเพียง 5–10% ของผู้ป่วยเท่านั้น แต่ก็เป็นกลุ่มที่ควรได้รับการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งตั้งแต่อายุน้อย

ยีนควบคุมการแบ่งเซลล์มะเร็ง (Tumor Suppressor Genes)

ยีนกลุ่มนี้เมื่อเกิดการกลายพันธุ์ อาจทำให้เซลล์แบ่งตัวผิดปกติจนกลายเป็นมะเร็ง ตัวอย่างเช่น:

  • BRCA1/BRCA2: เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านมและรังไข่
  • TP53: เกี่ยวข้องกับมะเร็งหลายชนิด

มะเร็งที่ถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม ได้แก่:

  • มะเร็งเต้านมชนิดกรรมพันธุ์
  • มะเร็งลำไส้ใหญ่ชนิด FAP หรือ Lynch syndrome
  • มะเร็งรังไข่ในกลุ่มที่ตรวจพบ BRCA mutation

การรับมือปัจจัยทางพันธุกรรม

  1. ตรวจสุขภาพประจำปี และทำ Genetic Testing หากมีประวัติครอบครัว
  2. ปรับวิถีชีวิต: หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงแม้จะไม่มีประวัติครอบครัว
  3. ทำใจให้สงบ: ความเครียดกระตุ้นภูมิคุ้มกันลดลง ซึ่งอาจส่งผลให้เซลล์มะเร็งเติบโตได้เร็วขึ้น

สถิติชี้ว่า ผู้ที่เป็นมะเร็งระยะที่ 1 มีโอกาสหายขาดได้สูงถึง 70–90% หากรักษาทันท่วงที

ตาราง: ปัจจัยเสี่ยงและอัตราเกี่ยวข้องกับมะเร็งชนิดต่าง ๆ

ปัจจัยเสี่ยง อัตราเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง (%)
อาหารแปรรูป 30–35%
บุหรี่ 25–30%
การติดเชื้อไวรัส/แบคทีเรีย 15–20%
โรคอ้วน 10–20%
แอลกอฮอล์ 4–6%
พฤติกรรมเฉื่อย (ไม่ออกกำลังกาย) 10–15%
พันธุกรรม 5–10%

สรุป: ทำอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง?

  • หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและเนื้อย่างไหม้เกรียม
  • งดสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์
  • ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง
  • ออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
  • นอนหลับให้เพียงพอ และควบคุมความเครียดในชีวิตประจำวัน

FAQ: สาเหตุของมะเร็งและปัจจัยเสี่ยง

1. มะเร็งเกิดจากกรรมพันธุ์จริงหรือไม่?
ไม่ทั้งหมด ผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมการใช้ชีวิต (90–95%) ส่วนกรรมพันธุ์เป็นเพียง 5–10% เท่านั้น ซึ่งการถ่ายทอดยีนผิดปกติอาจเพิ่มความเสี่ยง แต่ไม่ใช่ปัจจัยตัดสินว่าต้องเป็นมะเร็งแน่นอน

2. การกินอาหารมีผลทำให้เป็นมะเร็งได้อย่างไร?
อาหารบางประเภท เช่น เนื้อสัตว์แปรรูป อาหารที่มีสารกันบูด สารตกค้างจากยาฆ่าแมลง หรืออาหารไหม้เกรียม ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจกระตุ้นให้เกิดเซลล์มะเร็ง

3. บุหรี่และแอลกอฮอล์มีผลต่อการเกิดมะเร็งจริงหรือ?
จริง บุหรี่มีสารก่อมะเร็งกว่า 70 ชนิด และแอลกอฮอล์สามารถเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอของเซลล์ ทำให้เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลายชนิด เช่น ปอด ตับ หลอดอาหาร ช่องปาก และเต้านม

4. คนสุขภาพดีที่ไม่มีพันธุกรรมเสี่ยง ยังเป็นมะเร็งได้ไหม?
ได้ หากมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ไม่ออกกำลังกาย เครียดสะสม กินอาหารไม่ดี หรือสัมผัสสารพิษจากสิ่งแวดล้อมบ่อยๆ จึงควรตรวจสุขภาพประจำปีแม้ไม่มีประวัติครอบครัว

5. ป้องกันมะเร็งได้อย่างไร?
ลดความเสี่ยงด้วยการ:

  • รับประทานอาหารสดใหม่ ปราศจากสารพิษ

  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำโดยเฉพาะหากมีประวัติครอบครัว

  • หลีกเลี่ยงมลพิษและแสงแดดโดยตรง

ร่วมตอบคำถามกับเรา

[/vc_column_text]

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

Complementary and alternative therapies for cancer”. Oncologist  (1): 80–9.

“Cancer”. National Cancer Institute. 11 August 2016.

“Screening for Prostate Cancer”. U.S. Preventive Services Task Force. 2008. Archived from the original on 31 December 2010.

[/vc_column][/vc_row]