โรคมะเร็ง (Cancer) เป็นหนึ่งในโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกมากที่สุดในแต่ละปี โดยมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้กว่า 8 ล้านคนทั่วโลก และในประเทศไทยเองก็มีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งกว่า 60,000 คนต่อปี ซึ่งแซงหน้าการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุแล้วเสียอีก แม้ว่าในปัจจุบันการรักษาจะก้าวหน้ามากขึ้น แต่การป้องกันและรู้เท่าทันปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นกุญแจสำคัญที่สุด
มะเร็งคืออะไร?
มะเร็งคือภาวะที่เซลล์ของร่างกายมีการกลายพันธุ์ของสารพันธุกรรม (DNA) ทำให้เกิดการแบ่งตัวผิดปกติ เติบโตอย่างรวดเร็วและควบคุมไม่ได้ โดยเซลล์เหล่านี้อาจแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อใกล้เคียงและอวัยวะอื่น ๆ ผ่านทางกระแสเลือดและระบบน้ำเหลือง ในที่สุดจะกลายเป็นก้อนเนื้อร้ายหรือที่เรียกว่า “มะเร็ง (Malignant Tumor)”
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง
สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ปัจจัยภายใน (Internal Factors) และปัจจัยภายนอก (External Factors)
ปัจจัยภายใน (Internal Factors)
คิดเป็นเพียง 5–10% ของกรณีทั้งหมด ได้แก่:
1. พันธุกรรม (Hereditary Cancer)
- ยีนที่ก่อมะเร็ง (Oncogene)
- ยีนต้านมะเร็ง (Tumor Suppressor Gene)
- ยีนซ่อมแซม DNA (DNA Repair Gene)
เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งตับอ่อน ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งหลายคน
2. การกลายพันธุ์ขณะอยู่ในครรภ์
- มาจากการติดเชื้อไวรัส (เช่น หัดเยอรมัน)
- ได้รับสารพิษหรือรังสี
- ขาดวิตามินหรือสารอาหารขณะตั้งครรภ์
3. อายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น โอกาสเกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์ก็จะเพิ่มขึ้นตามวัย และการสะสมของอนุมูลอิสระก็ยิ่งทำให้เซลล์เสื่อมและเปลี่ยนแปลงได้ง่าย
ปัจจัยภายนอก (External Factors)
มีอิทธิพลต่อการเกิดมะเร็งถึง 90–95% ได้แก่:
1. อาหารและโภชนาการ
- ไขมันสูง เช่น อาหารทอด ฟาสต์ฟู้ด
- อาหารหมักดอง / มีสารไนไตรท์ เช่น ไส้กรอก กุนเชียง
- อาหารไหม้เกรียมจากการย่าง/ทอด
- การบริโภคผักผลไม้ไม่เพียงพอ
2. มลพิษสิ่งแวดล้อม
- ควันจากท่อไอเสีย รถยนต์ โรงงาน
- ควันบุหรี่ (ทั้งสูบเองและมือสอง)
- รังสีอุลตร้าไวโอเลตจากแสงแดด
3. สารเคมีและรังสี
- ยาฆ่าแมลงและสารตกค้างในอาหาร
- โลหะหนัก เช่น เบนซิน แคดเมียม
- การทำงานในอุตสาหกรรมที่สัมผัสสารเคมีโดยตรง
4. พฤติกรรมการใช้ชีวิต
- พักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียดเรื้อรัง
- ไม่ออกกำลังกาย
- การใช้ยาคุมกำเนิดต่อเนื่องเกิน 5 ปี
- การใช้ฮอร์โมนทดแทนโดยไม่ควบคุม
มะเร็งเริ่มต้นอย่างไร?
โดยปกติแล้ว ร่างกายของเราจะมีการควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์อย่างเป็นระบบ เมื่อเซลล์เก่าเสื่อมสภาพ ก็จะมีเซลล์ใหม่มาแทนที่ แต่หากระบบนี้ทำงานผิดพลาด เช่น มีการกลายพันธุ์ของ DNA เซลล์จะเริ่มแบ่งตัวผิดปกติจนเกิดเป็นเนื้องอก ซึ่งถ้าเนื้องอกนั้นไม่แพร่กระจาย จะเรียกว่า “เนื้องอกธรรมดา (Benign Tumor)” แต่หากแพร่กระจาย จะเรียกว่า “มะเร็ง (Malignant Tumor)”
ลักษณะเฉพาะของเซลล์มะเร็ง (Hallmarks of Cancer)
เซลล์มะเร็งมีคุณสมบัติดังนี้:
- แบ่งตัวได้เองอย่างไม่จำกัด
- ไม่ตอบสนองต่อกลไกควบคุมการเจริญเติบโต
- แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นได้
- สร้างเส้นเลือดใหม่เลี้ยงตนเอง (Angiogenesis)
- หลบเลี่ยงการถูกทำลายจากระบบภูมิคุ้มกัน
ชนิดของมะเร็งที่พบบ่อย
กลุ่ม | มะเร็งที่พบมาก |
---|---|
เพศชาย | มะเร็งปอด, มะเร็งตับ, มะเร็งลำไส้ใหญ่ |
เพศหญิง | มะเร็งเต้านม, มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งรังไข่ |
เด็ก | มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia), มะเร็งสมอง |
การตรวจคัดกรองและวินิจฉัยมะเร็งเบื้องต้น
1. ตรวจร่างกาย
- ตรวจเต้านมด้วยตนเอง (BSE)
- ตรวจช่องปาก ลำคอ ต่อมน้ำเหลืองโดยแพทย์
2. ตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็ง (Tumor Markers)
- AFP, CEA, CA125, PSA
3. การตรวจด้วยภาพ
- เอกซเรย์, อัลตร้าซาวด์, CT Scan, MRI
4. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
- เจาะเลือด, ปัสสาวะ, ส่องกล้อง, ตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy)
แนวทางป้องกันมะเร็งเบื้องต้น
- หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปหรือหมักดอง
- รับประทานผักผลไม้หลากหลาย
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ตรวจสุขภาพประจำปี
- เลิกบุหรี่และลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีรุนแรงโดยตรง
FAQ: คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับมะเร็ง
Q1: เป็นมะเร็งเพราะกินน้ำตาลมากจริงหรือไม่?
A: ไม่จริงโดยตรง แต่น้ำตาลสูงเกินไปอาจเพิ่มภาวะอักเสบและอ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็ง
Q2: คนในครอบครัวเป็นมะเร็ง ฉันจะเป็นด้วยไหม?
A: โอกาสมีแค่ประมาณ 5–10% เท่านั้น และสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการปรับพฤติกรรม
Q3: ควรตรวจมะเร็งบ่อยแค่ไหน?
A: ขึ้นอยู่กับอายุ เพศ และประวัติครอบครัว โดยทั่วไปแนะนำตรวจปีละครั้งหรือ 2 ปีครั้งสำหรับบางมะเร็ง
Q4: มะเร็งรักษาหายได้ไหม?
A: หากตรวจพบในระยะแรกเริ่ม เช่น ระยะที่ 0–1 มีโอกาสหายสูงถึง 90% ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งและอวัยวะที่เป็น
Q5: มะเร็งกลับมาเป็นซ้ำได้หรือไม่?
A: ได้ หากยังมีเซลล์มะเร็งหลงเหลือ หรือหากยังคงพฤติกรรมเสี่ยงอยู่ จึงควรตรวจติดตามหลังการรักษา
ร่วมตอบคำถามกับเรา
[/vc_column_text]
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง
เอกสารอ้างอิง
“What Is Cancer?”. National Cancer Institute. 17 August 2009.
National Cancer Institute (Dec 2012). “Targeted Cancer Therapies”. www.cancer.gov. 9 March 2014.
Loomis, D; Grosse, Y; Bianchini, F; Straif, K (2016) . “Body Fatness and Cancer — Viewpoint of the IARC Working Group”. N Engl J Med. 375:794-798. doi:10.1056/NEJMsr1606602.