Carcinoembryonic Antigen (CEA) คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่สามารถพบได้ในระดับที่สูงในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยเฉพาะในระยะที่โรคเริ่มลุกลามหรือแพร่กระจาย การตรวจหา CEA จึงถูกนำมาใช้เป็นหนึ่งในวิธีสำคัญเพื่อ ติดตามผลการรักษา และประเมินความเสี่ยงของการกลับมาเป็นซ้ำของโรค นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในมะเร็งชนิดอื่นได้ด้วย แม้จะมีความจำเพาะไม่สูงเท่ากับมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยตรง
CEA คืออะไร?
CEA (Carcinoembryonic Antigen) เป็นโปรตีนที่ผลิตโดยเซลล์มะเร็งและเซลล์ปกติบางชนิด โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร ในคนทั่วไประดับ CEA จะต่ำมาก แต่เมื่อมีมะเร็ง โดยเฉพาะ มะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งเต้านม และ มะเร็งปอด ระดับของ CEA จะเพิ่มสูงขึ้นจนสามารถตรวจพบได้ในเลือด
การใช้ CEA กับมะเร็งลำไส้ใหญ่
จุดประสงค์ของการตรวจ CEA
-
ติดตามผลการรักษา: หากค่าลดลง แสดงว่าร่างกายตอบสนองต่อการรักษา
-
ติดตามการกลับมาเป็นซ้ำ: ค่าที่เพิ่มขึ้นอาจบ่งชี้ถึงการกลับมาเป็นมะเร็ง
-
ใช้พยากรณ์โรค: ค่าที่สูงมักสัมพันธ์กับมะเร็งระยะลุกลาม
-
ไม่ใช้สำหรับคัดกรองเบื้องต้น เนื่องจากไม่สามารถวินิจฉัยมะเร็งระยะแรกได้อย่างแม่นยำ
วิธีการตรวจ CEA
-
เจาะเลือดจากหลอดเลือดดำที่แขน
-
ส่งตัวอย่างเลือดไปยังห้องปฏิบัติการ
-
รอผลประมาณ 1–2 วัน แล้วนำผลไปให้แพทย์แปลผลร่วมกับการตรวจอื่นๆ
การแปลผลค่า CEA
กลุ่มผู้ตรวจ | ค่า CEA ปกติ (ng/mL) |
---|---|
ผู้ไม่สูบบุหรี่ | < 2.5 |
ผู้สูบบุหรี่ | < 5.0 |
หมายเหตุ: ผู้ที่สูบบุหรี่มีแนวโน้มมีค่า CEA สูงโดยไม่มีมะเร็ง
ค่าสูงแค่ไหนจึงผิดปกติ?
-
>10 ng/mL: มีความเสี่ยงมะเร็งสูง ต้องตรวจเพิ่มเติมทันที
-
5–10 ng/mL: อยู่ในช่วงที่ต้องติดตามซ้ำ
-
<5 ng/mL: หากไม่สูบบุหรี่ ถือว่าปกติ
ปัจจัยที่ทำให้ CEA สูงได้โดยไม่ใช่มะเร็ง
-
การสูบบุหรี่
-
ภาวะอักเสบในร่างกาย
-
โรคตับ (ตับแข็ง, ไวรัสตับอักเสบ)
-
โรคลำไส้อักเสบ เช่น Crohn’s disease หรือ Ulcerative colitis
-
การตั้งครรภ์ในบางกรณี
CEA กับมะเร็งชนิดอื่น
แม้ [CEA] จะมีความสัมพันธ์กับมะเร็งลำไส้ใหญ่มากที่สุด แต่ก็สามารถพบระดับที่สูงขึ้นในมะเร็งเหล่านี้ได้:
-
มะเร็งตับ
-
มะเร็งตับอ่อน
-
มะเร็งเต้านม
-
มะเร็งปอด
-
มะเร็งกระเพาะอาหาร
CEA vs. การตรวจอื่น
วิธีตรวจ | จุดประสงค์ | ความแม่นยำ | ใช้ร่วมกับ |
---|---|---|---|
CEA | ติดตามผลการรักษา | ปานกลาง | CT Scan, Colonoscopy |
Colonoscopy | คัดกรอง + วินิจฉัย | สูง | ใช้คู่กับ CEA |
FIT Test | คัดกรองเลือดในอุจจาระ | ปานกลาง | สำหรับประชาชนทั่วไป |
แนวทางปฏิบัติเมื่อตรวจพบ CEA สูง
-
ไม่ควรตื่นตระหนกทันที
-
ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินซ้ำ
-
อาจต้องตรวจเพิ่มเติม เช่น CT scan, PET/CT หรือ Colonoscopy
-
ตรวจซ้ำทุก 1–3 เดือน หากอยู่ในช่วงติดตามผลการรักษา
การดูแลสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่
อาหาร
-
เลี่ยงอาหารแปรรูปและไขมันสูง
-
เพิ่มผัก ผลไม้ และใยอาหาร
-
ดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอ
พฤติกรรม
-
หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ
-
งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์
-
ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: ค่า CEA เท่าไรถึงเรียกว่าสูง?
A: หากเกิน 5.0 ng/mL (ผู้สูบบุหรี่) หรือ 2.5 ng/mL (ผู้ไม่สูบบุหรี่) ถือว่าเริ่มผิดปกติ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
Q: CEA ใช้ตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ 100% ไหม?
A: ไม่สามารถยืนยันมะเร็งได้ 100% จำเป็นต้องใช้ร่วมกับการตรวจอื่น เช่น colonoscopy
Q: ถ้าค่า CEA ปกติแปลว่าไม่เป็นมะเร็งแน่นอนหรือไม่?
A: ไม่แน่นอน บางกรณีมะเร็งอาจไม่ทำให้ CEA เพิ่มขึ้น
Q: ต้องตรวจ CEA บ่อยแค่ไหน?
A: สำหรับผู้ที่เคยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ตรวจทุก 3–6 เดือนในช่วง 2 ปีแรก และปีละครั้งหลังจากนั้น
สรุป
การตรวจ Carcinoembryonic Antigen (CEA) ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการ ติดตามผลการรักษาและการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็งลำไส้ใหญ่ แม้ไม่เหมาะสำหรับการวินิจฉัยมะเร็งในระยะแรกเริ่ม แต่ก็เป็นส่วนเสริมที่มีคุณค่าเมื่อนำมาใช้ร่วมกับการตรวจอื่น การรู้จักค่าที่เหมาะสมของ CEA และเข้าใจข้อจำกัดของมันจะช่วยให้ผู้ป่วยและบุคคลทั่วไปตัดสินใจดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น
[/vc_column_text]
ร่วมตอบคำถามกับเรา
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง
[/vc_column][/vc_row]
ร่วมตอบคำถามกับเรา
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง