Carcinoembryonic Antigen (CEA) คืออะไร? ตรวจค่าสารบ่งชี้มะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ควรรู้

0
21812
โรคมะเร็งลำไส้โดยเกิดก้อนเนื้อเล็กๆในลำไส้ จะเกิดขึ้นตั้งแต่บริเวณลำไส้เล็กจนถึงปลายทวานหนัก
โรคมะเร็งลำไส้โดยเกิดก้อนเนื้อเล็กๆในลำไส้ จะเกิดขึ้นตั้งแต่บริเวณลำไส้เล็กจนถึงปลายทวานหนัก

Carcinoembryonic Antigen (CEA) คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่สามารถพบได้ในระดับที่สูงในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยเฉพาะในระยะที่โรคเริ่มลุกลามหรือแพร่กระจาย การตรวจหา CEA จึงถูกนำมาใช้เป็นหนึ่งในวิธีสำคัญเพื่อ ติดตามผลการรักษา และประเมินความเสี่ยงของการกลับมาเป็นซ้ำของโรค นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในมะเร็งชนิดอื่นได้ด้วย แม้จะมีความจำเพาะไม่สูงเท่ากับมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยตรง

CEA คืออะไร?

CEA (Carcinoembryonic Antigen) เป็นโปรตีนที่ผลิตโดยเซลล์มะเร็งและเซลล์ปกติบางชนิด โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร ในคนทั่วไประดับ CEA จะต่ำมาก แต่เมื่อมีมะเร็ง โดยเฉพาะ มะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งเต้านม และ มะเร็งปอด ระดับของ CEA จะเพิ่มสูงขึ้นจนสามารถตรวจพบได้ในเลือด

การใช้ CEA กับมะเร็งลำไส้ใหญ่

จุดประสงค์ของการตรวจ CEA

  • ติดตามผลการรักษา: หากค่าลดลง แสดงว่าร่างกายตอบสนองต่อการรักษา

  • ติดตามการกลับมาเป็นซ้ำ: ค่าที่เพิ่มขึ้นอาจบ่งชี้ถึงการกลับมาเป็นมะเร็ง

  • ใช้พยากรณ์โรค: ค่าที่สูงมักสัมพันธ์กับมะเร็งระยะลุกลาม

  • ไม่ใช้สำหรับคัดกรองเบื้องต้น เนื่องจากไม่สามารถวินิจฉัยมะเร็งระยะแรกได้อย่างแม่นยำ

วิธีการตรวจ CEA

  1. เจาะเลือดจากหลอดเลือดดำที่แขน

  2. ส่งตัวอย่างเลือดไปยังห้องปฏิบัติการ

  3. รอผลประมาณ 1–2 วัน แล้วนำผลไปให้แพทย์แปลผลร่วมกับการตรวจอื่นๆ

การแปลผลค่า CEA

กลุ่มผู้ตรวจ ค่า CEA ปกติ (ng/mL)
ผู้ไม่สูบบุหรี่ < 2.5
ผู้สูบบุหรี่ < 5.0

หมายเหตุ: ผู้ที่สูบบุหรี่มีแนวโน้มมีค่า CEA สูงโดยไม่มีมะเร็ง

ค่าสูงแค่ไหนจึงผิดปกติ?

  • >10 ng/mL: มีความเสี่ยงมะเร็งสูง ต้องตรวจเพิ่มเติมทันที

  • 5–10 ng/mL: อยู่ในช่วงที่ต้องติดตามซ้ำ

  • <5 ng/mL: หากไม่สูบบุหรี่ ถือว่าปกติ

ปัจจัยที่ทำให้ CEA สูงได้โดยไม่ใช่มะเร็ง

  • การสูบบุหรี่

  • ภาวะอักเสบในร่างกาย

  • โรคตับ (ตับแข็ง, ไวรัสตับอักเสบ)

  • โรคลำไส้อักเสบ เช่น Crohn’s disease หรือ Ulcerative colitis

  • การตั้งครรภ์ในบางกรณี

CEA กับมะเร็งชนิดอื่น

แม้ [CEA] จะมีความสัมพันธ์กับมะเร็งลำไส้ใหญ่มากที่สุด แต่ก็สามารถพบระดับที่สูงขึ้นในมะเร็งเหล่านี้ได้:

  • มะเร็งตับ

  • มะเร็งตับอ่อน

  • มะเร็งเต้านม

  • มะเร็งปอด

  • มะเร็งกระเพาะอาหาร

CEA vs. การตรวจอื่น

วิธีตรวจ จุดประสงค์ ความแม่นยำ ใช้ร่วมกับ
CEA ติดตามผลการรักษา ปานกลาง CT Scan, Colonoscopy
Colonoscopy คัดกรอง + วินิจฉัย สูง ใช้คู่กับ CEA
FIT Test คัดกรองเลือดในอุจจาระ ปานกลาง สำหรับประชาชนทั่วไป

แนวทางปฏิบัติเมื่อตรวจพบ CEA สูง

  1. ไม่ควรตื่นตระหนกทันที

  2. ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินซ้ำ

  3. อาจต้องตรวจเพิ่มเติม เช่น CT scan, PET/CT หรือ Colonoscopy

  4. ตรวจซ้ำทุก 1–3 เดือน หากอยู่ในช่วงติดตามผลการรักษา

การดูแลสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่

อาหาร

  • เลี่ยงอาหารแปรรูปและไขมันสูง

  • เพิ่มผัก ผลไม้ และใยอาหาร

  • ดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอ

พฤติกรรม

  • หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ

  • งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์

  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: ค่า CEA เท่าไรถึงเรียกว่าสูง?

A: หากเกิน 5.0 ng/mL (ผู้สูบบุหรี่) หรือ 2.5 ng/mL (ผู้ไม่สูบบุหรี่) ถือว่าเริ่มผิดปกติ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

Q: CEA ใช้ตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ 100% ไหม?

A: ไม่สามารถยืนยันมะเร็งได้ 100% จำเป็นต้องใช้ร่วมกับการตรวจอื่น เช่น colonoscopy

Q: ถ้าค่า CEA ปกติแปลว่าไม่เป็นมะเร็งแน่นอนหรือไม่?

A: ไม่แน่นอน บางกรณีมะเร็งอาจไม่ทำให้ CEA เพิ่มขึ้น

Q: ต้องตรวจ CEA บ่อยแค่ไหน?

A: สำหรับผู้ที่เคยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ตรวจทุก 3–6 เดือนในช่วง 2 ปีแรก และปีละครั้งหลังจากนั้น

สรุป

การตรวจ Carcinoembryonic Antigen (CEA) ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการ ติดตามผลการรักษาและการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็งลำไส้ใหญ่ แม้ไม่เหมาะสำหรับการวินิจฉัยมะเร็งในระยะแรกเริ่ม แต่ก็เป็นส่วนเสริมที่มีคุณค่าเมื่อนำมาใช้ร่วมกับการตรวจอื่น การรู้จักค่าที่เหมาะสมของ CEA และเข้าใจข้อจำกัดของมันจะช่วยให้ผู้ป่วยและบุคคลทั่วไปตัดสินใจดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น

[/vc_column_text]

ร่วมตอบคำถามกับเรา

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

[/vc_column][/vc_row]