มะเร็งถุงน้ำดี (Gallbladder Cancer) คือมะเร็งชนิดหนึ่งที่เกิดจากการเจริญเติบโตอย่างผิดปกติของเซลล์เยื่อบุภายในถุงน้ำดี ซึ่งเป็นอวัยวะในระบบทางเดินน้ำดีที่อยู่ใต้ตับ บริเวณชายโครงด้านขวา ทำหน้าที่เก็บและข้นน้ำดีที่ผลิตจากตับ เพื่อช่วยในการย่อยไขมัน
แม้มะเร็งชนิดนี้จะพบได้น้อยเมื่อเทียบกับมะเร็งตับหรือมะเร็งท่อน้ำดี แต่มักตรวจพบในระยะลุกลาม เพราะไม่มีอาการชัดเจนในช่วงเริ่มแรก ทำให้การวินิจฉัยและการรักษาทำได้ยาก โอกาสรอดชีวิตต่ำหากไม่ตรวจพบเร็ว
โครงสร้างและหน้าที่ของถุงน้ำดี
ถุงน้ำดีมีขนาดเล็ก รูปร่างคล้ายลูกแพร์ ยาวประมาณ 7–10 ซม. อยู่ติดด้านใต้ของตับ เชื่อมกับท่อน้ำดีผ่านทาง Cystic Duct ทำหน้าที่หลักคือ:
-
เก็บน้ำดีที่ตับผลิต
-
ข้นน้ำดีให้เข้มข้นมากขึ้น
-
ปล่อยน้ำดีเข้าสู่ลำไส้เล็ก (duodenum) ระหว่างการย่อยอาหาร
การอักเสบเรื้อรัง การมีนิ่ว หรือสารก่อมะเร็งสะสมในถุงน้ำดี อาจทำให้เซลล์เยื่อบุเปลี่ยนแปลงและกลายเป็นมะเร็งได้
ชนิดของมะเร็งถุงน้ำดี
ชนิดของมะเร็งถุงน้ำดีที่พบได้มากที่สุด ได้แก่:
-
Adenocarcinoma (มะเร็งต่อม): เกิดจากเยื่อบุถุงน้ำดี 85–90%
-
Squamous cell carcinoma: เกิดจากเซลล์ผิวหนังบริเวณถุงน้ำดี
-
Adenosquamous carcinoma: ลูกผสมระหว่างสองชนิดข้างต้น
-
Undifferentiated carcinoma: รุนแรงสูง แยกชนิดเซลล์ไม่ได้
อุบัติการณ์และกลุ่มเสี่ยง
-
พบบ่อยใน ผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 2–3 เท่า
-
กลุ่มอายุ มากกว่า 60 ปี
-
พบบ่อยในประเทศอินเดีย ชิลี โบลิเวีย และบางพื้นที่ในไทย เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
-
สัมพันธ์กับการกินอาหารที่มีไขมันสูงหรือปลาร้าดิบ
ปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งถุงน้ำดี
-
นิ่วในถุงน้ำดี (Gallstones): พบในผู้ป่วยมะเร็งถุงน้ำดีถึง 75–90%
-
ภาวะอักเสบเรื้อรัง: เช่น cholecystitis
-
โปลิปถุงน้ำดี: โดยเฉพาะโปลิปขนาด >1 ซม.
-
ภาวะถุงน้ำดีปูน (Porcelain gallbladder)
-
ความอ้วนและโรคเบาหวาน
-
การสูบบุหรี่และสารพิษจากอาหารปิ้งย่างไหม้
-
พันธุกรรม: ผู้ที่มีประวัติมะเร็งในครอบครัว
อาการของมะเร็งถุงน้ำดี
ในระยะแรก มะเร็งถุงน้ำดีแทบไม่มีอาการ แต่เมื่อโรคลุกลาม อาจมีอาการดังนี้:
-
ปวดท้องบริเวณด้านขวาบนหรือกลางท้อง
-
คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
-
ท้องอืด ท้องเฟ้อ
-
ตัวเหลือง ตาเหลือง (หากมะเร็งกดท่อน้ำดี)
-
น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
-
คลำเจอก้อนที่หน้าท้อง
ระยะของมะเร็งถุงน้ำดี (Staging)
-
ระยะที่ 0 (Carcinoma in situ): พบเซลล์มะเร็งเฉพาะเยื่อบุภายใน
-
ระยะที่ 1: มะเร็งยังอยู่ในผนังถุงน้ำดี ไม่แพร่กระจาย
-
ระยะที่ 2: มะเร็งลุกลามถึงเยื่อหุ้มถุงน้ำดีหรือกล้ามเนื้อ
-
ระยะที่ 3: มะเร็งลุกลามออกนอกรอบถุงน้ำดีหรือลุกลามต่อมน้ำเหลือง
-
ระยะที่ 4: แพร่กระจายไปยังอวัยวะไกล เช่น ตับ ปอด กระดูก
การวินิจฉัยมะเร็งถุงน้ำดี
-
อัลตราซาวด์ช่องท้อง (Ultrasound)
-
CT Scan / MRI
-
MRCP (Magnetic Resonance Cholangiopancreatography) ดูภาพระบบน้ำดี
-
Endoscopic Ultrasound (EUS) เจาะดูดชิ้นเนื้อ
-
การผ่าตัดตรวจทางพยาธิวิทยา (Gold Standard)
แนวทางการรักษามะเร็งถุงน้ำดี
1. การผ่าตัด (Surgery)
-
ผ่าตัดถุงน้ำดีออก (Cholecystectomy) หากยังไม่ลุกลาม
-
ผ่าตัดใหญ่ร่วมกับอวัยวะใกล้เคียง หากมะเร็งลุกลาม เช่น ตับ หรือท่อน้ำดี
2. การใช้เคมีบำบัด (Chemotherapy)
-
ใช้ยาเช่น Gemcitabine + Cisplatin หลังผ่าตัดหรือในกรณีลุกลาม
3. การฉายแสง (Radiotherapy)
-
ใช้ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือเพื่อควบคุมอาการ
4. การรักษาแบบประคับประคอง (Palliative Care)
-
เมื่อตรวจพบในระยะสุดท้าย เช่น การใส่สายระบายน้ำดี
การพยากรณ์โรค (Prognosis)
-
อัตราการรอดชีวิต 5 ปี อยู่ที่เพียง 5–15% หากพบในระยะลุกลาม
-
หากตรวจพบเร็วและผ่าตัดได้ทั้งหมด อัตรารอดสูงถึง 80%
การป้องกันมะเร็งถุงน้ำดี
แม้ไม่มีวิธีป้องกันโดยตรง แต่สามารถลดความเสี่ยงได้โดย:
-
รักษานิ่วในถุงน้ำดีให้เร็ว
-
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงหรืออาหารไหม้เกรียม
-
งดสูบบุหรี่และลดน้ำหนักหากอ้วน
-
ตรวจร่างกายประจำปีโดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยง
คำแนะนำสำหรับผู้ที่เป็นนิ่วในถุงน้ำดี
หากมีนิ่วในถุงน้ำดีร่วมกับอาการบ่งชี้ เช่น ปวดท้องเรื้อรัง ตัวเหลือง หรือน้ำหนักลด แนะนำพบแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งถุงน้ำดี
สรุป
มะเร็งถุงน้ำดีเป็นมะเร็งที่ตรวจพบได้ยาก และมักแสดงอาการช้า ทำให้พบในระยะลุกลาม การรักษาที่ได้ผลดีที่สุดคือการผ่าตัดตั้งแต่ระยะเริ่มต้น แต่โอกาสรอดชีวิตขึ้นอยู่กับความเร็วในการวินิจฉัยและระยะของโรค การตรวจสุขภาพประจำปีและการใส่ใจอาการเล็กๆ น้อยๆ สามารถช่วยให้พบโรคได้เร็วและรักษาได้ทันท่วงที
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: มะเร็งถุงน้ำดีเกิดจากอะไร?
A: สาเหตุยังไม่แน่ชัด แต่มักสัมพันธ์กับนิ่วในถุงน้ำดี การอักเสบเรื้อรัง และภาวะอ้วน
Q: มะเร็งถุงน้ำดีรักษาหายได้ไหม?
A: หากพบในระยะต้นและผ่าตัดได้ทั้งหมด โอกาสหายมีสูง แต่หากพบในระยะลุกลาม โอกาสรอดชีวิตจะลดลงอย่างมาก
Q: ถ้าเป็นนิ่วในถุงน้ำดีต้องกลัวมะเร็งไหม?
A: คนที่มีนิ่วในถุงน้ำดีมีความเสี่ยงสูงขึ้นในการเป็นมะเร็ง แนะนำผ่าตัดเมื่อมีอาการเรื้อรัง
Q: มะเร็งถุงน้ำดีติดต่อทางพันธุกรรมหรือไม่?
A: มีความเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมในบางกรณี โดยเฉพาะหากคนในครอบครัวเคยป่วย
Q: ควรตรวจอะไรเพื่อหามะเร็งถุงน้ำดี?
A: อัลตราซาวด์ช่องท้องเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี หากมีอาการหรือกลุ่มเสี่ยง ควรตรวจ CT หรือ MRCP เพิ่มเติม
ร่วมตอบคำถามกับเรา
[/vc_column_text]
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
เอกสารอ้างอิง
Prasad AR, Bernstein H (March 2013). “Epigenetic field defects in progression to cancer”. World Journal of Gastrointestinal Oncology.
Thun MJ, Hannan LM, Jemal A (September 2006). “Interpreting cancer trends”. Annals of the New York Academy of Sciences.