มะเร็งถุงน้ำดี (Gallbladder Cancer): สาเหตุ อาการ ระยะ และแนวทางการรักษา

0
7852
โรคมะเร็งถุงน้ำดี (Gallbladder Cancer)
เป็นมะเร็งที่ถุงน้ำดีจะมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง ซึ่งเป็นโรคที่พบได้น้อยมาก

มะเร็งถุงน้ำดี (Gallbladder Cancer) คือมะเร็งชนิดหนึ่งที่เกิดจากการเจริญเติบโตอย่างผิดปกติของเซลล์เยื่อบุภายในถุงน้ำดี ซึ่งเป็นอวัยวะในระบบทางเดินน้ำดีที่อยู่ใต้ตับ บริเวณชายโครงด้านขวา ทำหน้าที่เก็บและข้นน้ำดีที่ผลิตจากตับ เพื่อช่วยในการย่อยไขมัน

แม้มะเร็งชนิดนี้จะพบได้น้อยเมื่อเทียบกับมะเร็งตับหรือมะเร็งท่อน้ำดี แต่มักตรวจพบในระยะลุกลาม เพราะไม่มีอาการชัดเจนในช่วงเริ่มแรก ทำให้การวินิจฉัยและการรักษาทำได้ยาก โอกาสรอดชีวิตต่ำหากไม่ตรวจพบเร็ว

โครงสร้างและหน้าที่ของถุงน้ำดี

ถุงน้ำดีมีขนาดเล็ก รูปร่างคล้ายลูกแพร์ ยาวประมาณ 7–10 ซม. อยู่ติดด้านใต้ของตับ เชื่อมกับท่อน้ำดีผ่านทาง Cystic Duct ทำหน้าที่หลักคือ:

  • เก็บน้ำดีที่ตับผลิต

  • ข้นน้ำดีให้เข้มข้นมากขึ้น

  • ปล่อยน้ำดีเข้าสู่ลำไส้เล็ก (duodenum) ระหว่างการย่อยอาหาร

การอักเสบเรื้อรัง การมีนิ่ว หรือสารก่อมะเร็งสะสมในถุงน้ำดี อาจทำให้เซลล์เยื่อบุเปลี่ยนแปลงและกลายเป็นมะเร็งได้

ชนิดของมะเร็งถุงน้ำดี

ชนิดของมะเร็งถุงน้ำดีที่พบได้มากที่สุด ได้แก่:

  • Adenocarcinoma (มะเร็งต่อม): เกิดจากเยื่อบุถุงน้ำดี 85–90%

  • Squamous cell carcinoma: เกิดจากเซลล์ผิวหนังบริเวณถุงน้ำดี

  • Adenosquamous carcinoma: ลูกผสมระหว่างสองชนิดข้างต้น

  • Undifferentiated carcinoma: รุนแรงสูง แยกชนิดเซลล์ไม่ได้

อุบัติการณ์และกลุ่มเสี่ยง

  • พบบ่อยใน ผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 2–3 เท่า

  • กลุ่มอายุ มากกว่า 60 ปี

  • พบบ่อยในประเทศอินเดีย ชิลี โบลิเวีย และบางพื้นที่ในไทย เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • สัมพันธ์กับการกินอาหารที่มีไขมันสูงหรือปลาร้าดิบ

ปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งถุงน้ำดี

  1. นิ่วในถุงน้ำดี (Gallstones): พบในผู้ป่วยมะเร็งถุงน้ำดีถึง 75–90%

  2. ภาวะอักเสบเรื้อรัง: เช่น cholecystitis

  3. โปลิปถุงน้ำดี: โดยเฉพาะโปลิปขนาด >1 ซม.

  4. ภาวะถุงน้ำดีปูน (Porcelain gallbladder)

  5. ความอ้วนและโรคเบาหวาน

  6. การสูบบุหรี่และสารพิษจากอาหารปิ้งย่างไหม้

  7. พันธุกรรม: ผู้ที่มีประวัติมะเร็งในครอบครัว

อาการของมะเร็งถุงน้ำดี

ในระยะแรก มะเร็งถุงน้ำดีแทบไม่มีอาการ แต่เมื่อโรคลุกลาม อาจมีอาการดังนี้:

  • ปวดท้องบริเวณด้านขวาบนหรือกลางท้อง

  • คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร

  • ท้องอืด ท้องเฟ้อ

  • ตัวเหลือง ตาเหลือง (หากมะเร็งกดท่อน้ำดี)

  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

  • คลำเจอก้อนที่หน้าท้อง

ระยะของมะเร็งถุงน้ำดี (Staging)

  1. ระยะที่ 0 (Carcinoma in situ): พบเซลล์มะเร็งเฉพาะเยื่อบุภายใน

  2. ระยะที่ 1: มะเร็งยังอยู่ในผนังถุงน้ำดี ไม่แพร่กระจาย

  3. ระยะที่ 2: มะเร็งลุกลามถึงเยื่อหุ้มถุงน้ำดีหรือกล้ามเนื้อ

  4. ระยะที่ 3: มะเร็งลุกลามออกนอกรอบถุงน้ำดีหรือลุกลามต่อมน้ำเหลือง

  5. ระยะที่ 4: แพร่กระจายไปยังอวัยวะไกล เช่น ตับ ปอด กระดูก

การวินิจฉัยมะเร็งถุงน้ำดี

  • อัลตราซาวด์ช่องท้อง (Ultrasound)

  • CT Scan / MRI

  • MRCP (Magnetic Resonance Cholangiopancreatography) ดูภาพระบบน้ำดี

  • Endoscopic Ultrasound (EUS) เจาะดูดชิ้นเนื้อ

  • การผ่าตัดตรวจทางพยาธิวิทยา (Gold Standard)

แนวทางการรักษามะเร็งถุงน้ำดี

1. การผ่าตัด (Surgery)

  • ผ่าตัดถุงน้ำดีออก (Cholecystectomy) หากยังไม่ลุกลาม

  • ผ่าตัดใหญ่ร่วมกับอวัยวะใกล้เคียง หากมะเร็งลุกลาม เช่น ตับ หรือท่อน้ำดี

2. การใช้เคมีบำบัด (Chemotherapy)

  • ใช้ยาเช่น Gemcitabine + Cisplatin หลังผ่าตัดหรือในกรณีลุกลาม

3. การฉายแสง (Radiotherapy)

  • ใช้ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือเพื่อควบคุมอาการ

4. การรักษาแบบประคับประคอง (Palliative Care)

  • เมื่อตรวจพบในระยะสุดท้าย เช่น การใส่สายระบายน้ำดี

การพยากรณ์โรค (Prognosis)

  • อัตราการรอดชีวิต 5 ปี อยู่ที่เพียง 5–15% หากพบในระยะลุกลาม

  • หากตรวจพบเร็วและผ่าตัดได้ทั้งหมด อัตรารอดสูงถึง 80%

การป้องกันมะเร็งถุงน้ำดี

แม้ไม่มีวิธีป้องกันโดยตรง แต่สามารถลดความเสี่ยงได้โดย:

  • รักษานิ่วในถุงน้ำดีให้เร็ว

  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงหรืออาหารไหม้เกรียม

  • งดสูบบุหรี่และลดน้ำหนักหากอ้วน

  • ตรวจร่างกายประจำปีโดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยง

คำแนะนำสำหรับผู้ที่เป็นนิ่วในถุงน้ำดี

หากมีนิ่วในถุงน้ำดีร่วมกับอาการบ่งชี้ เช่น ปวดท้องเรื้อรัง ตัวเหลือง หรือน้ำหนักลด แนะนำพบแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งถุงน้ำดี

สรุป

มะเร็งถุงน้ำดีเป็นมะเร็งที่ตรวจพบได้ยาก และมักแสดงอาการช้า ทำให้พบในระยะลุกลาม การรักษาที่ได้ผลดีที่สุดคือการผ่าตัดตั้งแต่ระยะเริ่มต้น แต่โอกาสรอดชีวิตขึ้นอยู่กับความเร็วในการวินิจฉัยและระยะของโรค การตรวจสุขภาพประจำปีและการใส่ใจอาการเล็กๆ น้อยๆ สามารถช่วยให้พบโรคได้เร็วและรักษาได้ทันท่วงที

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: มะเร็งถุงน้ำดีเกิดจากอะไร?

A: สาเหตุยังไม่แน่ชัด แต่มักสัมพันธ์กับนิ่วในถุงน้ำดี การอักเสบเรื้อรัง และภาวะอ้วน

Q: มะเร็งถุงน้ำดีรักษาหายได้ไหม?

A: หากพบในระยะต้นและผ่าตัดได้ทั้งหมด โอกาสหายมีสูง แต่หากพบในระยะลุกลาม โอกาสรอดชีวิตจะลดลงอย่างมาก

Q: ถ้าเป็นนิ่วในถุงน้ำดีต้องกลัวมะเร็งไหม?

A: คนที่มีนิ่วในถุงน้ำดีมีความเสี่ยงสูงขึ้นในการเป็นมะเร็ง แนะนำผ่าตัดเมื่อมีอาการเรื้อรัง

Q: มะเร็งถุงน้ำดีติดต่อทางพันธุกรรมหรือไม่?

A: มีความเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมในบางกรณี โดยเฉพาะหากคนในครอบครัวเคยป่วย

Q: ควรตรวจอะไรเพื่อหามะเร็งถุงน้ำดี?

A: อัลตราซาวด์ช่องท้องเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี หากมีอาการหรือกลุ่มเสี่ยง ควรตรวจ CT หรือ MRCP เพิ่มเติม

ร่วมตอบคำถามกับเรา

[/vc_column_text]

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

Prasad AR, Bernstein H (March 2013). “Epigenetic field defects in progression to cancer”. World Journal of Gastrointestinal Oncology.

Thun MJ, Hannan LM, Jemal A (September 2006). “Interpreting cancer trends”. Annals of the New York Academy of Sciences.

[/vc_column][/vc_row]