จะรู้ได้ไงว่าเป็นมะเร็ง? อาการเบื้องต้นที่ควรรู้ พร้อมวิธีตรวจคัดกรองที่ทันสมัย

0
6118
อาการเบื้องต้นของโรคมะเร็ง
อาการเบื้องต้นของโรคมะเร็ง

จะรู้ได้ไงว่าเป็นมะเร็ง? อาการเบื้องต้น วิธีสังเกต & การคัดกรอง

หลายคนสงสัยว่า “จะรู้ได้ไงว่าเป็นมะเร็ง?” โดยเฉพาะเมื่อหลายรายมาพบแพทย์ช้า ทำให้ก้อนมะเร็งลุกลามแล้ว บทความนี้จึงรวบรวม อาการเบื้องต้นของมะเร็งในอวัยวะต่างๆ, วิธีสังเกตด้วยตัวเอง และแนวทางการคัดกรองทางการแพทย์ เพื่อช่วยให้เราตรวจพบมะเร็งได้เร็วขึ้น และเพิ่มโอกาสในการรักษาหายขาด

ทำไมต้องรู้ตัวตั้งแต่ระยะแรก?

  • มะเร็งในระยะแรกยังไม่ลุกลาม ทำให้รักษาโอกาสหายสูงขึ้น

  • การตรวจพบเร็วช่วยให้สามารถใช้วิธีรักษาแบบจำเพาะเจาะจง ลดการรักษารุนแรง เช่น คีโม ขณะเดียวกันก็ลดผลข้างเคียงจากการใช้ยา

  • การสูญเสียอวัยวะและคุณภาพชีวิตลดลงอย่างมาก

วิธีคัดกรองมะเร็ง: รู้เร็ว ดียิ่งกว่า

1. การตรวจสุขภาพประจำปี

– ตรวจเลือด CBC, ตับ ไต มะเร็งบางชนิด (Tumor markers)
– ตรวจปัสสาวะ อุจจาระ (FOBT)
– ตรวจร่างกายทั่วร่าง เช่น คลำก้อนในเต้านม รักแร้ ลำคอ ท้อง

2. ตรวจเซลล์ & เนื้อเยื่อ

– Pap smear, HPV DNA สำหรับมะเร็งปากมดลูก
– ตรวจชิ้นเนื้อต่างๆ เช่น เยื่อบุช่องปาก เต้านม ลำไส้ใหญ่

3. ภาพถ่ายทางการแพทย์

– เอ็กซเรย์ / แมมโมแกรม / อัลตราซาวนด์
– CT scan / MRI / PET scan สำหรับอวัยวะลึกและเผชิญเชื้อโรคหมดตัว

4. การส่องกล้องตรวจภายใน

– Gastroscopy สำหรับกระเพาะอาหาร
– Colonoscopy สำหรับลำไส้ใหญ่
– Transvaginal ultrasound หรือ TRUS สำหรับมดลูกตั้งครรภ์หรือแพทย์เฉพาะทาง

อาการเบื้องต้นของมะเร็งแต่ละอวัยวะ

1. เต้านม

  • พบก้อนแข็ง มักไม่เจ็บเมื่อกด

  • รูปร่างหรือขนาดเปลี่ยน

  • หัวนมบุ๋ม, มีน้ำเหลวหรือเลือดซึม

สิ่งที่ควรทำ: ตรวจแมมโมแกรมทุก 1–2 ปีเมื่ออายุ ≥ 40 ปี และตรวจด้วยตัวเองเดือนละครั้ง

2. ปากมดลูก

  • เลือดออกผิดปกติ นอกช่วงมีประจำเดือน

  • มีตกขาวผิดปกติ

  • ปวดขณะมีเพศสัมพันธ์

สิ่งที่ควรทำ: ตรวจปาปสเมียร์ทุกปีเมื่ออายุ ≥ 35 ปี พร้อมฉีดวัคซีน HPV หากยังไม่เกิด

3. รังไข่

  • “มะเร็งเงียบ” ที่พบในระยะลุกลาม

  • หน่วงท้องน้อย, ท้องอืด, คลำก้อน

  • มีเลือดออกผิดปกตินอกประจำเดือน

สิ่งที่ควรทำ: ตรวจอัลตราซาวนด์ทางช่องคลอดเมื่อมีอาการหรืออายุ ≥ 40 ปี

4. ตับ

  • ปวดใต้ชายโครงขวา

  • ตัวเหลือง ตาเหลือง

  • ตับโต เกิดท้องมานเบื้องต้น

สิ่งที่ควรทำ: ตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้องและ AFP ในร่างกายโดยเฉพาะเมื่อมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ตับอักเสบ

5. ปอด

  • ไอเรื้อรัง ไอมีเลือด

  • เหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก เสียงแหบ

  • น้ำหนักตกผิดปกติ

สิ่งที่ควรทำ: ถ้ายังสูบบุหรี่อยู่อายุมากกว่า 50 ปี ควร X‑ray หรือ Low‑dose CT scan ทุกปี

6. กระเพาะอาหาร

  • ปวดท้องส่วนบนบ่อย

  • เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียนเป็นเลือด

  • อุจจาระดำ น้ำหนักลด

สิ่งที่ควรทำ: ตรวจGastroscopy และติดตามอาการจากการติดเชื้อ H.pylori

7. กระเพาะปัสสาวะ

  • ปัสสาวะเป็นเลือดหรือปวดแสบ

  • ปัสสาวะลำบาก รู้สึกตึงในกระเพาะปัสสาวะ

สิ่งที่ควรทำ: ตรวจปัสสาวะบ่อย เจาะเนื้อเยื่อเยื่อกระเพาะปัสสาวะ (Cystoscopy) ถ้ามีความเสี่ยงสูง

8. ลำไส้ใหญ่–ทวารหนัก

  • ท้องผูกสลับท้องเสีย

  • เจ็บบริเวณใกล้ก้อน

  • อุจจาระมีเลือดหรือเมือก

สิ่งที่ควรทำ: Colonoscopy เป็นประจำทุก 5–10 ปี เมื่ออายุ ≥ 50 ปี

9. ต่อมลูกหมาก

  • ปัสสาวะอ่อนแรง ขัด กลั้นไม่ได้

  • เลือดปนในปัสสาวะหรือน้ำอสุจิ

  • อวัยวะเพศผิดปกติ

สิ่งที่ควรทำ: ตรวจ PSA เลือดและอัลตราซาวนด์ทางทวารหนักเมื่อมีอายุ ≥ 50 ปี หรือมีความเสี่ยง

10. ลูคีเมีย (Leukemia)

  • ซีดง่าย จ้ำเพราะเลือดออกง่าย

  • ติดเชื้อเจ็บป่วยบ่อย

  • เป็นไข้ เหงื่อออกตอนกลางคืน เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

สิ่งที่ควรทำ: ตรวจ CBC เมื่อมีอาการผิดปกติ เลือดในไขกระดูกหากสงสัย

11. ลิมโฟมา (มะเร็งต่อมน้ำเหลือง)

  • ต่อมน้ำเหลืองโตไม่เจ็บที่คอ รักแร้ ขาหนีบ

  • น้ำหนักลด เหงื่อไหลตอนกลางคืน

สิ่งที่ควรทำ: ตรวจอัลตราซาวนด์ ต่อมน้ำเหลือง และเจาะชิ้นเนื้อ (Biopsy)

12. มะเร็งสมอง

  • ปวดศีรษะเรื้อรัง อาเจียน

  • ปัญหาทางสายตา: ตาพร่าเห็นแสงจ้า

  • ชา ชาครึ่งตัว พูดไม่ชัด ทรงตัวไม่ได้

สิ่งที่ควรทำ: MRI สมอง และพบแพทย์ทันทีเมื่อตั้งแต่เริ่มมีอาการ

แนวทางป้องกันตัวเองและเพิ่มโอกาสตรวจเจอเร็ว

  1. ตรวจสุขภาพประจำปี

  2. ตรวจภาพทางการแพทย์ตามอายุ: แมมโมแกรม, เอ็กซเรย์ปอด, อัลตราซาวนด์ช่องท้อง, PSA, Pap smear

  3. ปรับพฤติกรรมเสี่ยง: เลิกบุหรี่, งดสุรา, ออกกำลังกาย

  4. ฉีดวัคซีนที่ป้องกันมะเร็งได้: HPV, ตับอักเสบ B

  5. ป้องกันการติดเชื้อ: ทำลายเชื้อ H.pylori, หลีกเลี่ยงอาหารปนเปื้อน

  6. สังเกตอาการผิดปกติ แล้วรีบพบแพทย์ทันที

สรุปได้ว่า… จะรู้ได้ไงว่าเป็นมะเร็ง?

  • ต้องฝึกหมั่นสังเกต “อาการเบื้องต้น” และเปลี่ยนแปลงร่างกาย

  • พร้อมกับตรวจคัดกรองตามช่วงอายุและความเสี่ยง

  • ตรวจพบเร็ว = โอกาสรักษาหายขาดสูงขึ้น

  • ควบคุมพฤติกรรมเสี่ยง = ลดโอกาสเกิดโรคได้จริง

“สุขภาพต้องรีบเช็ก และไม่ปล่อยให้สายเกินไป”

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. ต้องตรวจคัดกรองทุกปีจริงหรือไม่?
– แม้ไม่มีอาการ ควรตรวจประจำปีตามที่แพทย์แนะนำตามอายุ เพราะโรคร้ายส่วนมากไม่มีสัญญาณชัดเจนตั้งแต่ระยะแรก

2. อาการทั่วไปเหมือนเป็นมะเร็งจริงๆ หรือเปล่า?
– ไม่เสมอไป เพราะอาการคล้ายมักเกิดจากโรคปกติ แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 2–4 สัปดาห์ ควรพบแพทย์ตรวจเจาะลึก

3. เครื่องมือคัดกรองแบบไหนเหมาะกับฉัน?
– ตรวจตามคำแนะนำแพทย์ตามเพศ – อายุ – กลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้หญิงอายุ 40+ ตรวจแมมโมแกรม ส่วนผู้ชาย 50+ ตรวจ PSA

4. ถ้าค้นพบสิ่งผิดปกติ ต้องทำอะไรต่อ?
– แพทย์จะแนะนำเจาะชิ้นเนื้อ (Biopsy), ส่งเลือดตรวจเพิ่มเติม และนัดพบแพทย์เฉพาะทาง

5. ตรวจเจอมะเร็งในระยะต้น แปลว่าหายขาดได้หรือไม่?
– มะเร็งในระยะเริ่มต้นที่ยังไม่ลุกลาม มีโอกาสรักษาหายขาดสูง (90–100%) เมื่อรักษาแบบครบถ้วน

บทส่งท้าย

“จะรู้ได้ไงว่าเป็นมะเร็ง?” ก็ต้องเริ่มที่การตรวจตัวเองเป็นประจำ ควบคู่กับการตรวจเชิงรุกตามช่วงอายุและความเสี่ยง และไม่เมินเฉยเมื่อเกิดอาการผิดปกติเล็กน้อย เพราะถ้าเจอตั้งแต่ต้น ก็มีโอกาสรักษาหายขาดและใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างยาวนานและมีคุณภาพครับ

ร่วมตอบคำถามกับเรา

[/vc_column_text]

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

Winor Sirrile, Hugo FG . Cancer in young women. Cancer Med. 2016;495: 4585-4599.

[/vc_column][/vc_row]