โรคอ้วนคืออะไร? สาเหตุ ปัจจัย อาการ และผลกระทบที่คุณควรรู้!

0
24391
สาเหตุ ปัจจัย และอาการของโรคอ้วนคืออะไร?
โรคอ้วน เกิดจากภาวะที่ร่างกายมีปริมาณไขมันมากเกินกว่าปกติ มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน

โรคอ้วนเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่กำลังระบาดอย่างรวดเร็วทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรเมืองและประเทศที่มีการบริโภคแบบตะวันตกเป็นหลัก โรคนี้ไม่ได้ส่งผลแค่เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังเป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และแม้แต่มะเร็งบางชนิด ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจลึกถึง สาเหตุของโรคอ้วน ปัจจัยเสี่ยง อาการที่ต้องระวัง รวมไปถึงแนวทางการป้องกันก่อนที่สุขภาพจะพังแบบไม่รู้ตัว

โรคอ้วนคืออะไร?

โรคอ้วน คือ ภาวะที่ร่างกายสะสมไขมันมากเกินความจำเป็น ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว วัดจากค่าดัชนีมวลกาย (BMI) หากมีค่ามากกว่า 25 ถือว่าอยู่ในระดับน้ำหนักเกิน และถ้าเกิน 30 จะจัดเป็นโรคอ้วนทันที

การคำนวณค่า BMI:

BMI = น้ำหนักตัว (กก.) ÷ ส่วนสูง (เมตร)^2
ตัวอย่าง: น้ำหนัก 70 กก. / ส่วนสูง 1.65 เมตร → BMI = 25.7 (อ้วนระดับ 1)

สาเหตุของโรคอ้วน

ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้

กรรมพันธุ์

หากพ่อแม่หรือคนในครอบครัวเป็นโรคอ้วน โอกาสที่ลูกจะอ้วนก็สูงถึง 80%

เพศ

ผู้หญิงมีแนวโน้มอ้วนง่ายกว่าผู้ชาย เนื่องจากมีมวลกล้ามเนื้อน้อยกว่าทำให้ใช้พลังงานน้อย

อายุ

เมื่ออายุมากขึ้น ระบบเผาผลาญช้าลง กล้ามเนื้อลดลง ทำให้ไขมันสะสมง่ายขึ้น

ฮอร์โมน

ฮอร์โมนเกรลิน และเลปติน มีบทบาทสำคัญต่อการหิว-อิ่ม หากทำงานผิดปกติ จะนำไปสู่ความอยากอาหารเกินปกติ

อัตราการเผาผลาญพลังงาน

บางคนเผาผลาญช้าโดยธรรมชาติ หรือมีภาวะไทรอยด์ทำงานน้อย

ปัจจัยที่ควบคุมได้

พฤติกรรมการกิน

การบริโภคอาหารแคลอรีสูง ไขมันอิ่มตัว น้ำตาล และอาหารแปรรูปมากเกินไป

การไม่ออกกำลังกาย

ใช้ชีวิตแบบนั่งทำงาน ไม่เคลื่อนไหว ส่งผลให้พลังงานไม่ได้ถูกใช้ และสะสมเป็นไขมัน

ความเครียด

เมื่อเครียด ฮอร์โมนคอร์ติซอลจะหลั่งออกมา กระตุ้นให้ร่างกายอยากกินของหวานหรือแป้ง

การนอนไม่พอ

นอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมง/วัน จะทำให้ฮอร์โมนหิวเพิ่ม และอัตราการเผาผลาญลดลง

การเลี้ยงดูตั้งแต่วัยเด็ก

ครอบครัวที่เลี้ยงลูกตามใจเรื่องอาหาร มักส่งผลให้เด็กเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีภาวะอ้วน

รูปแบบของโรคอ้วน: ไขมันสะสมในตำแหน่งต่าง ๆ บอกอะไร?

ตำแหน่งอ้วน สาเหตุ
อ้วนช่วงบน บริโภคน้ำตาล-เครื่องดื่มหวานมากเกินไป
อ้วนกลางลำตัว ฮอร์โมนความเครียดสูง เช่น คอร์ติซอล
อ้วนด้านหลัง ขาดการเคลื่อนไหว ไม่ออกกำลังกาย
อ้วนช่วงล่าง พันธุกรรม-ตั้งครรภ์-กลูเตน
พุงบวม ดื่มแอลกอฮอล์บ่อย
อ้วนขา ทานเค็ม โซเดียมสูง

อาการเตือนภัยของโรคอ้วน

  • เหนื่อยง่าย แม้เคลื่อนไหวน้อย

  • ปวดเข่า-ข้อเสื่อมจากน้ำหนักกดทับ

  • หายใจไม่สะดวก หอบง่าย

  • ผิวหนังอับชื้นตามข้อพับ

  • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea)

  • รอบเอวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โรคแทรกซ้อนที่มากับโรคอ้วน

โรคหัวใจและหลอดเลือด

เนื่องจากภาวะไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง

โรคเบาหวานชนิดที่ 2

เกิดจากภาวะดื้อต่ออินซูลินในร่างกาย

โรคมะเร็ง

มะเร็งเต้านม, ลำไส้ใหญ่, ต่อมลูกหมาก และรังไข่สัมพันธ์กับโรคอ้วน

โรคหยุดหายใจขณะหลับ

ภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจจากไขมันบริเวณลำคอ

โรคข้อเสื่อม

โดยเฉพาะข้อเข่าและข้อสะโพกเนื่องจากน้ำหนักกดทับ

โรคเกาต์ และนิ่วในถุงน้ำดี

เกิดจากการเผาผลาญผิดปกติ และลดน้ำหนักเร็วเกินไป

ความสัมพันธ์ระหว่างการนอนหลับกับโรคอ้วน

ปัจจัย ผลกระทบ
นอนน้อย เพิ่มฮอร์โมนหิว → กินมากขึ้น
นอนดึก ความไวของอินซูลินลดลง → เสี่ยงเบาหวาน
นอนไม่เป็นเวลา การเผาผลาญแปรปรวน ไขมันสะสมง่าย

คำแนะนำ:
ควรนอนอย่างน้อยวันละ 7–8 ชั่วโมง และเข้านอนก่อน 22.00 น.

ทำไมต้องลดความอ้วน?

การมีน้ำหนักตัวเกิน ไม่ได้หมายความว่าแค่รูปร่างไม่สวย แต่เป็นการเปิดประตูให้กับโรคร้ายหลายชนิด

  • ลดภาระการทำงานของหัวใจ

  • ลดความเสี่ยงเบาหวานชนิดที่ 2

  • เพิ่มคุณภาพชีวิตโดยรวม

  • หายใจโล่งขึ้น หลับสนิทขึ้น

  • เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วมากขึ้น

วิธีป้องกันโรคอ้วน

  1. ควบคุมอาหารให้เหมาะสม

    • ลดน้ำตาล ไขมันทรานส์ และอาหารแปรรูป

    • เพิ่มผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี

  2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

    • เดินวันละ 30 นาที

    • ยืดเหยียด สควอท หรือว่ายน้ำอย่างน้อย 3 วัน/สัปดาห์

  3. นอนหลับให้พอ

    • ควบคุมนาฬิกาชีวิตให้สมดุล

  4. ตรวจสุขภาพประจำปี

    • วัด BMI, รอบเอว, ความดัน, น้ำตาล และไขมันในเลือด

  5. ลดความเครียด

    • ฝึกสมาธิ ทำกิจกรรมผ่อนคลาย

สรุป

โรคอ้วนไม่ใช่เรื่องของรูปร่างเพียงอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาด้านสุขภาพระดับโลกที่อาจนำไปสู่โรคร้ายแรงอีกหลายชนิด สาเหตุของโรคอ้วนมีทั้งจากพันธุกรรมและพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เราควบคุมได้ การรับประทานอาหารที่เหมาะสม พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอจึงเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันโรคอ้วน หากคุณเริ่มรู้สึกว่าควบคุมน้ำหนักไม่ได้ อย่ารอให้เกิดโรคแทรกซ้อน รีบหันมาดูแลสุขภาพวันนี้ก่อนที่จะสายเกินไป

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: ดัชนีมวลกาย (BMI) เท่าไหร่ถึงเรียกว่าอ้วน?
A: หาก BMI ≥ 25 ถือว่าเริ่มมีภาวะน้ำหนักเกิน และหาก BMI ≥ 30 จะจัดเป็นโรคอ้วน

Q: โรคอ้วนมีผลต่อการมีบุตรหรือไม่?
A: ใช่ครับ โรคอ้วนส่งผลต่อฮอร์โมนเพศ ทำให้มีบุตรยากในทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

Q: การอดอาหารช่วยลดอ้วนได้ไหม?
A: ไม่แนะนำ เพราะจะทำให้ระบบเผาผลาญพัง และอาจเกิดโยโย่เอฟเฟกต์

Q: อ้วนแต่สุขภาพดีมีอยู่จริงหรือไม่?
A: มีอยู่ในบางกรณีที่ร่างกายไม่มีโรคแทรกซ้อน แต่ระยะยาวมีโอกาสเกิดโรคได้มากขึ้น

Q: ออกกำลังกายแต่ไม่ลดน้ำหนัก เกิดจากอะไร?
A: อาจเป็นเพราะอาหารยังเกินความต้องการ หรือร่างกายเริ่มสร้างกล้ามเนื้อซึ่งหนักกว่าไขมัน

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม[/vc_column_text]

เอกสารอ้างอิง

Body mass index. http://en.wikipedia.org/wiki/Body_mass_index [2014,March6].

Jitnarin, N.et al. (2009). Risk factors for overweight and obesity among Thai adults:

results of the National Thai Food Consumption Survey. Nutrients. 2, 60-74.

ดัชนีมวลกาย http://th.wikipedia.org/wiki/ดัชนีมวลกาย.

ขอบคุณคลิปดี ๆ มีสาระจาก หมอปุ้ม พญ. สิรนาถ.

[/vc_column][/vc_row]