มะเร็งต่อมน้ำลาย (Salivary Gland Cancer): สาเหตุ อาการ วินิจฉัย และวิธีรักษาครบถ้วน

0
13776
โรคมะเร็งต่อมน้ำลาย (Salivary Gland Cancer)
มะเร็งต่อมน้ำลาย คือ ความผิดปกติของพันธุกรรมแบบไม่ถ่ายทอด เกิดได้กับต่อมน้ำลายทั้งหมด พบในผู้ใหญ่

มะเร็งต่อมน้ำลาย (Salivary Gland Cancer) คือโรคมะเร็งที่พบได้น้อย แต่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โดยเฉพาะในด้านการพูด เคี้ยว และกลืนอาหารอย่างปกติ บทความนี้จะอธิบายตั้งแต่สาเหตุ อาการ วิธีวินิจฉัย ระยะของโรค แนวทางการรักษา ตลอดจนผลข้างเคียงจากการฉายรังสีที่ควรรู้ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจโรคได้ครบถ้วนและนำไปสู่การตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

โครงสร้างของต่อมน้ำลายและหน้าที่

ต่อมน้ำลายขนาดใหญ่ (Major Salivary Glands)

มีทั้งหมด 3 คู่ได้แก่:

  • ต่อมน้ำลายหน้าหู (Parotid gland): ขนาดใหญ่ที่สุด อยู่ด้านหน้าของหู
  • ต่อมน้ำลายใต้ขากรรไกร (Submandibular gland): อยู่ใต้กรามล่าง
  • ต่อมน้ำลายใต้ลิ้น (Sublingual gland): อยู่ใต้พื้นปาก

ต่อมน้ำลายขนาดเล็ก (Minor Salivary Glands)

  • กระจายอยู่ทั่วเยื่อบุช่องปาก คอหอย และกล่องเสียง
  • ไม่มีท่อนำส่งน้ำลายโดยตรง แต่จะหลั่งออกมาแบบกระจาย

หน้าที่หลัก คือการผลิตน้ำลายเพื่อช่วยย่อยอาหาร หล่อเลี้ยงเยื่อบุช่องปาก และควบคุมสมดุลของแบคทีเรียในช่องปาก

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งต่อมน้ำลาย

แม้สาเหตุที่แท้จริงยังไม่แน่ชัด แต่นักวิจัยพบว่าปัจจัยเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยง:

  • พันธุกรรมที่ผิดปกติ ซึ่งไม่ได้ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์
  • การได้รับรังสี โดยเฉพาะจากการรักษาโรคอื่นมาก่อน
  • ขาดสารอาหารบางชนิด เช่น วิตามิน A และ C
  • การสัมผัสสารก่อมะเร็งบางชนิด เช่น สารเคมีจากการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม
  • อายุ มักพบในผู้ที่มีอายุ 50–70 ปี
  • การสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่อง

อาการของมะเร็งต่อมน้ำลาย

อาการของโรคไม่เฉพาะเจาะจงมาก แต่สามารถสังเกตความผิดปกติได้ดังนี้:

  • คลำเจอก้อนบริเวณใบหน้า ใต้ขากรรไกร หรือใต้ลิ้น
  • ปวดบริเวณต่อมน้ำลายหรือก้อนที่พบ
  • หน้าเบี้ยว หรือชา บ่งชี้ว่าเนื้อร้ายอาจลุกลามสู่เส้นประสาท
  • กลืนลำบาก น้ำลายเหนียว พูดไม่ชัด
  • ต่อมน้ำเหลืองที่ลำคอโตอย่างผิดปกติ

หากมีอาการข้างต้นควรพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการวินิจฉัยอย่างแม่นยำ

การวินิจฉัยมะเร็งต่อมน้ำลาย

  • ซักประวัติและตรวจร่างกาย โดยแพทย์หูคอจมูก
  • อัลตราซาวด์/CT Scan/MRI เพื่อประเมินขนาดและตำแหน่งของก้อน
  • การเจาะชิ้นเนื้อ (Biopsy) หรือการผ่าตัดต่อมน้ำลายออกไปตรวจทางพยาธิวิทยา
  • PET Scan ในกรณีต้องประเมินการแพร่กระจาย

ระยะของโรคมะเร็งต่อมน้ำลาย (Cancer Staging)

ระยะ

ลักษณะอาการ

ระยะที่ 1

ก้อนเนื้อขนาด ≤ 2 ซม. ยังไม่ลุกลาม

ระยะที่ 2

ก้อนเนื้อขนาด 2–4 ซม. ยังไม่ลุกลามต่อมน้ำเหลือง

ระยะที่ 3

ขนาด > 4 ซม. หรือแพร่กระจายเข้าต่อมน้ำเหลือง ≤ 3 ซม.

ระยะที่ 4

ลุกลามไปยังกระดูก เส้นประสาท ผิวหนัง หรือต่อมน้ำเหลืองขนาด > 3 ซม.

แนวทางการรักษามะเร็งต่อมน้ำลาย

1. การผ่าตัด (Surgery)

  • วิธีการหลักที่ใช้มากที่สุด
  • พิจารณาผ่าตัดเฉพาะก้อน หรือรวมถึงการตัดต่อมน้ำเหลือง

2. การฉายรังสี (Radiotherapy)

  • ใช้หลังการผ่าตัด หรือในกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้
  • ผลข้างเคียง: ปากแห้ง กลืนลำบาก ลิ้นชา

3. การทำเคมีบำบัด (Chemotherapy)

  • ใช้ในผู้ป่วยที่โรคลุกลามหรือกลับมาเป็นซ้ำ
  • มักใช้ร่วมกับการฉายรังสี

4. การรักษาแบบตรงเป้า (Targeted Therapy)

  • อยู่ระหว่างการวิจัย อาจใช้ในมะเร็งบางชนิดที่มีตัวรับพิเศษ

ผลข้างเคียงจากการฉายแสงที่ต่อมน้ำลาย

อาการสำคัญ:

  • น้ำลายแห้ง (Xerostomia)
  • ปวดในช่องปาก
  • เสี่ยงฟันผุสูง
  • พูด กลืน และรับรสลำบาก

วิธีลดผลข้างเคียง:

  • ใช้เทคนิค IMRT (Intensity-Modulated Radiation Therapy)
  • กระตุ้นต่อมน้ำลายด้วยยาหรือวิธีธรรมชาติ
  • ใช้น้ำลายเทียมหรือหมากฝรั่งกระตุ้นน้ำลาย

การพยากรณ์โรค (Prognosis)

  • หากพบในระยะต้น โอกาสรอดชีวิต 5 ปี > 70%
  • มะเร็งชนิด low-grade รักษาง่ายกว่า high-grade
  • การรักษาอย่างต่อเนื่องช่วยควบคุมโรคได้นาน

การดูแลตัวเองและการติดตามผลหลังการรักษา

  • หมั่นตรวจติดตามทุก 3–6 เดือนในช่วง 2 ปีแรก
  • ตรวจร่างกาย CT/MRI ซ้ำตามคำแนะนำแพทย์
  • บำรุงสุขภาพช่องปากอย่างเคร่งครัด
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ 

แนวทางป้องกันโรคมะเร็งต่อมน้ำลาย

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสรังสีโดยไม่จำเป็น
  • สวมหน้ากากและอุปกรณ์ป้องกันหากทำงานเกี่ยวกับสารเคมี
  • รักษาสุขภาพช่องปากให้ดี
  • ตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะหากพบก้อนผิดปกติในบริเวณใบหน้าและลำคอ

สรุป

มะเร็งต่อมน้ำลาย แม้จะพบได้น้อย แต่ก็มีความรุนแรงโดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ระยะลุกลาม การรู้เท่าทันสัญญาณเตือนเบื้องต้น และเข้ารับการตรวจวินิจฉัยตั้งแต่ระยะแรก สามารถเพิ่มโอกาสหายขาดได้อย่างมาก การผ่าตัดร่วมกับการฉายรังสีเป็นวิธีรักษาหลัก และหากมีเทคนิคใหม่ๆ เช่น การรักษาแบบตรงเป้าเข้ามาเสริม ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาให้มากขึ้นในอนาคต

FAQ คำถามที่พบบ่อย

Q1: มะเร็งต่อมน้ำลายพบได้บ่อยแค่ไหน?
A: มะเร็งต่อมน้ำลายจัดว่าเป็นโรคมะเร็งที่พบได้ไม่บ่อย คิดเป็น <5% ของมะเร็งศีรษะและลำคอทั้งหมด

Q2: มีกลุ่มเสี่ยงใดที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ?
A: ผู้มีอายุ >50 ปี ผู้เคยได้รับการฉายรังสีบริเวณศีรษะและคอ ผู้ที่ทำงานกับสารเคมี หรือมีประวัติเกี่ยวกับมะเร็งต่อมน้ำลายในครอบครัว

Q3: ถ้าฉายแสงแล้วน้ำลายแห้ง ควรทำอย่างไร?
A: ดื่มน้ำบ่อยๆ ใช้น้ำลายเทียม เคี้ยวหมากฝรั่งไม่ผสมน้ำตาล และหลีกเลี่ยงอาหารเค็มหรือแห้งจนเกินไป

Q4: มะเร็งต่อมน้ำลายสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้หรือไม่?
A: ได้ โดยเฉพาะในผู้ที่รักษาไม่ครบวงจร หรือมีมะเร็งชนิด high-grade จำเป็นต้องตรวจติดตามสม่ำเสมอ

Q5: ป้องกันมะเร็งต่อมน้ำลายได้อย่างไร?
A: ยังไม่มีวิธีป้องกัน 100% แต่การเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น รังสี สารเคมี การสูบบุหรี่ และตรวจสุขภาพประจำปีสามารถช่วยลดโอกาสเกิดโรคได้

ร่วมตอบคำถามกับเรา

[/vc_column_text]

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

WHO (October 2010). Cancer. World Health Organization. Retrieved 5 January 2011.

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงพวงทอง ไกรพิบูลย์. รู้ก่อนเข้าใจการตรวจรักษามะเร็ง.กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2557.

[/vc_column][/vc_row]