ระย่อม รากเป็นยาเป็นยาเย็น แก้ความดันเลือด ช่วยให้นอนหลับ

0
ระย่อม
ระย่อม รากเป็นยาเป็นยาเย็น แก้ความดันเลือด ช่วยให้นอนหลับ ไม้พุ่มเตี้ยขนาดเล็ก ดอกคล้ายดอกเข็ม มีพิษเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อตับและหัวใจ

ระย่อม

ระย่อม

ระย่อม เป็นไม้พุ่มเตี้ยขนาดเล็กที่พบได้ทั่วทุกภาคในประเทศไทย มีลักษณะของดอกคล้ายกับดอกเข็ม รากมีรสขม เป็นยาเย็น แต่มีพิษเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อตับและหัวใจได้ เป็นต้นที่อยู่ในตำรายาไทย ถือว่าเป็นต้นหนึ่งที่มีสรรพคุณได้หลากหลายมาก นิยมนำรากมาสกัดเพื่อใช้เป็นยาแก้ความดันโลหิตสูง ส่วนในประเทศอินเดียจะบดรากเตรียมเป็นยาเม็ดได้ ส่วนมากจะพบเป็นวัตถุดิบในพวกแกงเลียงหรือแกงส้ม

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของระย่อม

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Rauvolfia serpentina (L.) Benth. ex Kurz
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Rauwolfia” “Serpent wood” “Indian Snake Root”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคเหนือเรียกว่า “เข็มแดง ย่อมตีนหมา” ภาคใต้เรียกว่า “กะย่อม ระย่อมน้อย” จังหวัดสุราษฎร์ธานีเรียกว่า “ละย่อม” จังหวัดกระบี่เรียกว่า “ปลายข้าวสาร” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “กอเหม่” ชาวกะเหรี่ยงกาญจนบุรีเรียกว่า “คลาน ตูมคลาน มะโอ่งที สะมออู” จีนกลางเรียกว่า “เสอเกินมุ อิ้นตู้หลัวฟูมุ”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ตีนเป็ด (APOCYNACEAE)

ลักษณะของระย่อม

ระย่อม เป็นไม้พุ่มเตี้ยขนาดเล็ก ผลัดใบในช่วงฤดูแล้ง แล้วจะผลิใบใหม่ในช่วงฤดูฝน
ลำต้น : ลำต้นมักคดงอ เปลือกลำต้นเป็นสีขาวหรือสีน้ำตาลอมเทา มียางสีขาว รากใต้ดินแตกสาขามาก มีรอยแผลใบอยู่ตามลำต้น
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกันหนาแน่นที่ปลายยอด หรือออกเรียงรอบข้อ ข้อละ 3 – 4 ใบ ใบเรียงคู่จะมีน้อย ลักษณะของใบเป็นรูปวงรีหรือรูปวงรีแกมรูปหอก ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบค่อนข้างหนา สีเขียวเข้มเป็นมัน
ดอก : ออกดอกเป็นช่อ ลักษณะคล้ายดอกเข็ม โดยจะออกที่ปลายยอด มีดอกย่อยจำนวนมาก ดอกเป็นสีขาว กลีบดอกมี 5 กลีบ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดยาวสีชมพูเข้มหรือสีแดง เมื่อดอกโรยจะเปลี่ยนเป็นสีแดง กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ สีขาวแกมเขียว ก้านดอกเป็นสีแดง มักจะออกดอกในช่วงต้นฤดูหนาว
ผล : เมื่อดอกร่วงโรยไปก็จะติดผล ผลมีลักษณะเป็นรูปทรงกลมหรือรูปทรงวงรี บางครั้งติดกันเป็นผลแฝดตรงโคนด้านใน ผิวผลเรียบเป็นมันและฉ่ำน้ำ ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงแดงเข้มหรือสีดำ ในผลมีเมล็ด 1 เมล็ด

สรรพคุณของระย่อม

  • สรรพคุณจากราก ออกฤทธิ์ต่อตับและหัวใจ ช่วยทำให้เจริญอาหาร ช่วยบำรุงประสาท ช่วยฟอกเลือด ทำให้เลือดเย็น ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยแก้อาการปวดศีรษะเนื่องจากความดันโลหิตสูง เป็นยากล่อมประสาท ช่วยทำให้จิตใจสงบ แก้อาการนอนไม่หลับ ช่วยให้นอนหลับ แก้อาการบ้าคลั่ง แก้คลุ้มคลั่งเนื่องจากดีกำเริบและโลหิต เป็นยาขับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้พิษกาฬ แก้บ้าเพื่อดีและโลหิต เป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้หวัดตัวร้อนที่ทำให้มีอาการปวดหัว เป็นยาแก้ไข้ชัก แก้โรคเด็กเป็นซางชัก ช่วยแก้หืด แก้ลมอัมพฤกษ์ ช่วยแก้อาการจุกเสียด เป็นยาแก้บิด แก้ท้องเดิน แก้ท้องเสีย เป็นยาระบายอ่อน ๆ เป็นยาขับพยาธิ ขับพยาธิในเด็ก ขับพยาธิไส้เดือนกลมของเด็ก ช่วยขับปัสสาวะ เพิ่มการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ เป็นยาขับระดูของสตรี ช่วยบำรุงความกำหนัด แก้พิษงู แก้แมลงกัดต่อย รักษาโรคผิวหนังผดผื่นคัน ช่วยระงับอาการปวด ช่วยบำรุงน้ำนมของสตรี
    – เป็นยาลดความดันโลหิต ด้วยการนำรากแห้งขนาด 200 มิลลิกรัม มาป่นให้เป็นผงคลุกกับน้ำผึ้งทำเป็นยาเม็ดทานติดต่อกัน 1 – 3 อาทิตย์
    – แก้ไข้ป่า แก้ไข้มาลาเรีย แก้ไทฟอยด์ ด้วยการนำรากมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
    – ช่วยย่อยอาหาร ด้วยการนำรากมาบดให้เป็นผงปั้นเป็นเม็ดหรือคั่วให้กรอบ แล้วนำมาชงหรือต้มกินเป็นยา
    – เป็นยารักษาหิด ด้วยการนำรากสด 2 – 3 ราก มาตำให้ละเอียด แล้วเติมน้ำพืชให้พอแฉะ ใช้เป็นยาทาวันละ 2 – 3 ครั้ง จนกว่าจะหาย
  • สรรพคุณจากกระพี้ เป็นยาบำรุงโลหิต ทำให้โลหิตเป็นปกติ ช่วยแก้โลหิตเป็นพิษ
  • สรรพคุณจากต้น เป็นยาแก้ไข้อันทำให้หนาว
  • สรรพคุณจากไส้ เป็นยาแก้ไข้เฉียบพลัน
  • สรรพคุณจากเปลือก เป็นยาแก้ไข้พิษ แก้ไข้สันนิบาต
  • สรรพคุณจากน้ำจากใบ เป็นยารักษาโรคแก้วตามัว
  • สรรพคุณจากดอก เป็นยาแก้ตาแดง แก้โรคอันเกิดแต่จักษุ

ประโยชน์ของระย่อม

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ยอดอ่อน ดอกอ่อน และผลอ่อน นำมาปรุงเป็นอาหารได้ เช่น แกงเลียง แกงส้ม
2. เป็นยา รากใช้เป็นยาถ่ายพยาธิในม้า บางที่ใช้รากเป็นยาเบื่อสุนัข สกัดเป็นยาแก้ความดันโลหิตสูง ในอินเดียจะบดรากเตรียมเป็นยาเม็ด ทางยุโรปและอเมริกาจะเตรียมสารสกัดระย่อมทำเป็นยาฉีดลดความดันโลหิตและกล่อมประสาทได้

ข้อควรระวังของระย่อม

1. สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร ห้ามใช้สมุนไพรชนิดนี้
2. ระย่อมมีพิษเล็กน้อย จึงไม่ควรทานมากกว่าปริมาณที่กำหนด และไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป เพราะอาจเกิดอาการความดันต่ำและเป็นพิษต่อร่างกายได้
3. หากมีอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด ใจสั่น หรือมีอาการผิดปกติ ให้หยุดใช้ยาทันที

ระย่อม มีส่วนของรากอุดมไปด้วยสรรพคุณ รากมีรสขม เป็นยาเย็น แต่มีพิษเล็กน้อยจึงควรใช้อย่างระมัดระวัง นิยมนำรากมาสกัดเพื่อใช้เป็นยาแก้ความดันโลหิตสูง ระย่อมมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของราก มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ แก้ความดันโลหิตสูง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยบำรุงประสาท ช่วยให้นอนหลับ แก้อาการบ้าคลั่ง แก้ไข้ตัวร้อน แก้บิด ขับพยาธิและช่วยขับปัสสาวะได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “ระย่อม (Ra Yom)”. หน้า 257.
หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคเหนือ. (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ). “ระย่อม”. หน้า 169.
หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ระย่อมน้อย Rauwolfia”. หน้า 177.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ระย่อม”. หน้า 672-673.
หนังสือสมุนไพรบำบัดเบาหวาน 150 ชนิด. (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก). “ระย่อม”. หน้า 135-136.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “ระย่อมน้อย”. หน้า 474.
ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “ระย่อม”. อ้างอิงใน : หนังสือพืชสมุนไพร เล่ม 2. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.qsbg.org. [28 ต.ค. 2014].
สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “ระย่อมน้อย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [28 ต.ค. 2014].
ผักพื้นบ้าน ในประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง. “ระย่อมน้อย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : area-based.lpru.ac.th/veg/. [28 ต.ค. 2014].
ไทยเกษตรศาสตร์. “ประโยชน์ของระย่อมน้อย”. อ้างอิงใน : ศาสตราจารย์พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.thaikasetsart.com. [28 ต.ค. 2014].
ไทยเกษตรศาสตร์. “ระย่อม”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.thaikasetsart.com. [28 ต.ค. 2014].
สมุนไพรในร้านยาโบราณ. “ระย่อม”. อ้างอิงใน : pharmacy.msu.ac.th. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.infoforthai.com. [28 ต.ค. 2014].
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ย่อมตีนหมา”. หน้า 666-656.
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง
1.https://www.quintadosouriques.com/es/store/semillas/arbusto/rauvolfia-root-rauwolfia-sarpagandha-schlangenwurz-serpentine-wood/

รากสามสิบ รากรสเฝื่อนเย็น มากสรรพคุณ ดีต่ออวัยวะภายในของสตรี

0
รากสามสิบ รากรสเฝื่อนเย็น อุดมไปด้วยสรรพคุณ ดีต่ออวัยวะภายในของสตรี เป็นไม้เถาเนื้อแข็งเลื้อยพันต้นไม้อื่นด้วยหนาม มีเหง้าและรากอยู่ใต้ดิน ดอกเป็นสีขาวและมีกลิ่นหอมขนาดเล็กคล้ายหางกระรอก

รากสามสิบ

รากสามสิบ

รากสามสิบ เป็นไม้เถาเนื้อแข็งเลื้อยพันต้นไม้อื่นด้วยหนาม มีเหง้าและรากอยู่ใต้ดิน มีส่วนของดอกออกรอบข้อเป็นฝอยขนาดเล็กคล้ายหางกระรอก ทำให้ดูโดดเด่น ดอกเป็นสีขาวและมีกลิ่นหอม มีรากรสเฝื่อนเย็น ผลมีรสเย็น อยู่ในตำรายาไทย ประเทศอินเดียและตำรายาสมุนไพรพื้นบ้านของจังหวัดอุบลราชธานี ผลอ่อนนิยมทำเป็นแกงลูกสามสิบ สามารถนำทั้งต้นมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลายมาก

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของรากสามสิบ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Asparagus racemosus Willd.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Shatavari”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคเหนือเรียกว่า “จ๋วงเครือ” จังหวัดกาญจนบุรีเรียกว่า “สามร้อยราก” จังหวัดนครราชสีมาเรียกว่า “ผักหนาม” จังหวัดหนองคายเรียกว่า “ผักชีช้าง” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “เตอสีเบาะ” ชาวกะเหรี่ยงเชียงใหม่เรียกว่า “พอควายเมะ” มีชื่ออื่น ๆ ว่า “ชีช้าง ผักชีช้าง จั่นดิน ม้าสามต๋อน สามสิบ ว่านรากสามสิบ ว่านสามสิบ ว่านสามร้อยราก สามร้อยผัว สาวร้อยผัว ศตาวรี”
ชื่อวงศ์ : วงศ์หน่อไม้ฝรั่ง (ASPARAGACEAE)
ชื่อพ้อง : Protasparagus racemosus (Willd.) Oberm.

ลักษณะของรากสามสิบ

รากสามสิบ เป็นไม้เถาเนื้อแข็งเลื้อยพันต้นไม้อื่นด้วยหนาม สามารถเลื้อยปีนป่ายต้นไม้อื่น มักจะพบขึ้นตามป่าในเขตร้อนชื้น ป่าเขตร้อนแห้งแล้ง ป่าผลัดใบ ป่าโปร่งหรือตามเขาหินปูน
ลำต้น : แตกแขนงเป็นเถาห่าง ๆ ลำต้นเป็นสีเขียวหรือสีขาวแกมเหลือง เถามีขนาดเล็กเรียว กลม เรียบ ลื่นและเป็นมัน เถาอ่อนเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีหนามแหลม หนามมีลักษณะโค้งกลับ บริเวณข้อมีกิ่งแตกแขนงแบบรอบข้อ กิ่งนี้จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวลักษณะแบนเป็นรูปขอบขนาน ปลายแหลม ทำหน้าที่แทนใบ
เหง้าและราก : มีเหง้าและรากอยู่ใต้ดิน ออกเป็นกระจุกคล้ายกระสวย ลักษณะของรากออกเป็นพวงคล้ายรากกระชาย มีลักษณะอวบน้ำ เป็นเส้นกลมยาว และมีขนาดโตกว่าเถามาก
ใบ : เป็นใบเดี่ยวลักษณะแข็ง ออกรอบข้อเป็นฝอยเล็กคล้ายหางกระรอก หรือออกเรียงสลับเป็นกระจุก 3 – 4 ใบ ใบเป็นสีเขียวดก ลักษณะของใบเป็นรูปเข็มขนาดเล็ก ปลายใบแหลม เป็นรูปเคียว โคนใบแหลม แผ่นมักโค้ง สันเป็นสามเหลี่ยม มี 3 สัน มีหนามที่ซอกกระจุกใบ
ดอก : ออกดอกเป็นช่อกระจะ โดยจะออกที่ปลายกิ่งหรือตามซอกใบและข้อเถา ดอกย่อยมีขนาดเล็ก เป็นสีขาวและมีกลิ่นหอม มีประมาณ 12 – 17 ดอก กลีบรวม 6 กลีบ มีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน ปลายกลีบมน ขอบเรียบ กลีบดอกมีลักษณะบางและย่น โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอดรูปดอกเข็ม มักจะออกดอกในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน
ผล : ลักษณะของผลเป็นรูปทรงค่อนข้างกลม หรือเป็น 3 พู ผิวผลเรียบเป็นมัน ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดงหรือสีม่วงแดง ภายในผลมีเมล็ดประมาณ 2 – 6 เมล็ด เมล็ดเป็นสีดำ เปลือกหุ้มมีลักษณะแข็งแต่เปราะ มักจะออกผลในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคม

สรรพคุณของรากสามสิบ

  • สรรพคุณจากราก เป็นยาบำรุงกำลัง เป็นยาชูกำลัง เป็นยาแก้กระษัย เป็นยากระตุ้นประสาท ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เป็นยาแก้พิษร้อนในกระหายน้ำ ช่วยขับเสมหะ แก้การติดเชื้อที่หลอดลม รักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้ แก้อาการอาหารไม่ย่อย รักษาแผลในกระเพาะอาหาร รักษาโรคกระเพาะ แก้ขัดเบา ขับปัสสาวะ ช่วยหล่อลื่นและกระตุ้น ช่วยรักษาอาการประจำเดือนผิดปกติของสตรี เป็นยากระตุ้นสมรรถภาพทางเพศทั้งชายและหญิง แก้ตกขาว แก้มีบุตรยาก แก้หมดอารมณ์ทางเพศ ช่วยบำรุงครรภ์ บำรุงน้ำนม ป้องกันการแท้ง เป็นยาบำรุงตับและปอดให้เกิดกำลังเป็นปกติ แก้ตับและปอดพิการ ช่วยบรรเทาอาการระคายเคือง แก้อาการปวดเมื่อย แก้ครั่นตัว ช่วยแก้อาการปวดข้อและคอ เป็นยาบำรุงเด็กทารกในครรภ์ บำรุงน้ำนม บำรุงร่างกายหลังการคลอดบุตรของสตรี แก้โรคผอมแห้ง แก้หอบหืด แก้ปิดตะ แก้โรคลม แก้ไข้กำเดา แก้โรคที่มีอาการเสียดแทงในลำไส้ใหญ่ ช่วยสร้างสมดุลให้แก่ระบบฮอร์โมนเพศหญิง แก้วัยทอง เพิ่มขนาดหน้าอกและสะโพก ช่วยแก้ปัญหาช่องคลอดอักเสบ ดับกลิ่นในช่องคลอด ช่วยกระชับช่องคลอด ทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว ช่วยกระชับสัดส่วน ลดไขมันส่วนเกิน บำรุงโลหิต บำรุงผิวพรรณ ลดสิว ลดฝ้า ทำให้ผิวขาวใส ช่วยชะลอความแก่ชรา ลดกลิ่นตัว กลิ่นปาก ช่วยเสริมสร้างและพัฒนาความจำและสติปัญญา
    – แก้วิงเวียน ด้วยการนำรากผสมกับเหง้าขิงป่าและต้นจันทน์แดง ผสมกับเหล้าโรงใช้เป็นยา
    – ลดความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด รักษาโรคคอพอก แก้ไอ ช่วยขับลม ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร แก้อาการท้องเสีย แก้บิด แก้ริดสีดวงทวาร แก้ตกเลือด ด้วยการนำรากต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
    – แก้พิษจากแมงป่องกัดต่อย แก้อาการปวดฝี ทำให้เย็น ช่วยถอนพิษฝี แก้พิษปวดแสบปวดร้อน ด้วยการนำรากใช้ฝนทา
  • สรรพคุณจากทั้งต้น
    – รักษาโรคคอพอก แก้ตกเลือด ด้วยการนำทั้งต้นมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
  • สรรพคุณจากผล เป็นยาแก้พิษไข้เซื่องซึม แก้พิษไข้กลับไข้ซ้ำ เป็นยาดับพิษไข้จากบิดเรื้อรัง
  • สรรพคุณจากใบ เป็นยาระบาย ช่วยขับน้ำนม ช่วยทำให้เจริญอาหาร

ประโยชน์ของรากสามสิบ

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ผลอ่อนนำมาทานได้ โดยนำมาทำเป็นแกงลูกสามสิบ รากนำมาต้ม เชื่อม หรือนำมาแช่อิ่ม ใช้รับประทานเป็นอาหาร ทำเป็นน้ำรากสามสิบ ทางภาคอีสานนำยอดมาลวกทานเป็นผักเคียง ทางภาคใต้นำส่วนที่อยู่เหนือดินมาใส่ในแกงส้มและแกงเลียง แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมรากสามสิบ
2. เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด รากนำมาทุบหรือขูดกับน้ำ ทำเป็นน้ำสบู่สำหรับซักเสื้อผ้าได้
3. ปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป

ข้อควรระวังในการใช้รากสามสิบ

รากสามสิบจะมีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ดังนั้นจึงห้ามนำมาใช้ในสตรีที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง

รากสามสิบ ถือเป็นสุดยอดของยาอีกชนิดหนึ่งที่นิยมอย่างมากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะในอินเดีย เป็นยาพื้นบ้านในตำรามากมายจนนับไม่ถ้วน รากสามสิบมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของราก มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ บำรุงกำลัง กระตุ้นประสาท ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด รักษาโรคคอพอก เป็นยากระตุ้นสมรรถภาพทางเพศทั้งชายและหญิง บำรุงตับและปอด ดีอย่างมากต่อระบบอวัยวะของผู้หญิงทั้งมดลูกและน้ำนม

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “สามสิบ (Sam Sip)”. หน้า 298.
หนังสือสมุนไพรลดไขมันในเลือด 140 ชนิด. (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก). “รากสามสิบ” หน้า 157.
หนังสือสมุนไพรบำบัดเบาหวาน 150 ชนิด. (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก). “รากสามสิบ”. หน้า 176/13.
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “รากสามสิบ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.phargarden.com. [09 ต.ค. 2014].
สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “สามสิบ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [09 ต.ค. 2014].
ว่านและสมุนไพรไทย, คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร. “ว่านสามสิบ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : natres.skc.rmuti.ac.th/WAN/. [09 ต.ค. 2014].
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. “ผักชีช้าง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : th.wikipedia.org/wiki/ผักชีช้าง. [09 ต.ค. 2014].
รายงานการศึกษาพันธุ์ไม้ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2553, ส่วนจัดการป่าชุมชน สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (สุราษฎร์ธานี) กรมป่าไม้. “สามสิบ Asparagus racemosus willd. ASPARAGACEAE”.
หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “รากสามสิบ”., “ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของรากสามสิบในการยับยั้งการย่อย การดูดซึมคาร์โบไฮเดรต และเพิ่มการทำงานของอินซูลิน“. เข้าถึงได้จาก : www.medplant.mahidol.ac.th/pubhealth/. [09 ต.ค. 2014].
หนังสือพิมพ์มติชนบทเทคโนโลยีชาวบ้าน ฉบับที่ 465, วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552. (ไพบูลย์ แพงเงิน). “สาวร้อยผัว…ผักพื้นบ้านและสมุนไพรที่น่าสนใจ”.
กระปุกดอทคอม. (เภสัชกรหญิง สุภาภรณ์ ปิติพร). “สาวร้อยผัว เคล็ดลับความงามสองพันปี”. เข้าถึงได้จาก : hilight.kapook.com. [09 ต.ค. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง
1.https://www.saraswatiayurveda.com/blog/2019/9/8/shatavari
2.https://www.iafaforallergy.com/herbs-a-to-z/satavari-asparagus-racemosus/

หวดหม่อน ยาสมุนไพรของชาวเขา ดีต่อระบบเลือดลมในร่างกาย

0
หวดหม่อน
หวดหม่อน ยาสมุนไพรของชาวเขา ดีต่อระบบเลือดลมในร่างกาย เป็นไม้พุ่มสูง พบตามป่าดงดิบและป่าละเมาะ ยอดอ่อนและใบอ่อนสามารถเป็นส่วนประกอบของอาหารได้

หวดหม่อน

หวดหม่อน

หวดหม่อน เป็นพืชในวงศ์ส้มที่เป็นไม้พุ่มสูง พบตามป่าดงดิบและป่าละเมาะ ในหมู่ชาวเขานิยมนำมาใช้เป็นยาสมุนไพร ได้แก่ ชาวไทใหญ่ ชาวเขาเผ่าอีก้อ แม้ว มูเซอ ลีซอ ชาวม้ง ชาวกะเหรี่ยง ตำรับยาสมุนไพรพื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานี และตำรับยาสมุนไพรพื้นบ้านจังหวัดมุกดาหาร ต้นมีรสหอมร้อน ดอกมีรสร้อน เปลือกต้นมีกลิ่นหอมและรสร้อน ผลมีรสเปรี้ยวร้อน ค่อนข้างที่จะเป็นยาร้อนต่อร่างกาย ทำให้ดีต่อระบบเลือดลมเป็นอย่างมาก

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของหวดหม่อน

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Clausena excavata Burm.f.
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “สีสม หมอน้อย หวดหม่อน” ภาคเหนือเรียกว่า “เพี้ยฟาน หญ้าสาบฮิ้น หมี่” ภาคอีสานเรียกว่า “หัสคุณเทศ สมัดน้อย สมัดขาว” ภาคใต้เรียกว่า “มะหลุย” จังหวัดเพชรบูรณ์เรียกว่า “สมัดใหญ่ สมัดใบใหญ่ หัสคุณโคก” จังหวัดนครราชสีมาเรียกว่า “ขี้ผึ้ง แสนโศก” จังหวัดกาญจนบุรีเรียกว่า “ยม รุ้ย” จังหวัดจันทบุรีเรียกว่า “สามโสก” จังหวัดสระบุรีเรียกว่า “หัสคุณ อ้อยช้าง” จังหวัดอุบลราชธานีเรียกว่า “ชะมัด” จังหวัดชลบุรีเรียกว่า “สามเสือ” จังหวัดยะลาเรียกว่า “สำรุย” ชาวเขมรเรียกว่า “กันโทร๊ก” ชาวม้งเรียกว่า “เต็งละ” ชาวขมุเรียกว่า “ระยอลร์” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “เส่เนอซี” คนเมืองเรียกว่า “ขี้ฮอก เพี้ยฟาน เหมือดหม่น เฮือดหม่อน” มีชื่ออื่น ๆ ว่า “มุ่น ไม้หมี สามโซก หมุยขาว หมุยหอม หอมพาน”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ส้ม (RUTACEAE)

ลักษณะของหวดหม่อน

ลำต้น : ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้านมากแบบไม่เป็นระเบียบ ตามกิ่งก้านมีขนสั้นที่บริเวณปลายกิ่ง
เปลือกต้น : เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาล ผิวเรียบ
ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ออกเรียงสลับกัน มีใบย่อยประมาณ 15 – 30 ใบ ปลายช่อเป็นใบเดี่ยว ก้านใบย่อยเป็นสีเขียว ใบย่อยเป็นรูปขอบขนาน รูปเคียว รูปไข่ รูปวงรี หรือรูปใบหอก เห็นเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ปลายใบแหลม โคนใบเบี้ยวด้านหนึ่งสอบเป็นรูปลิ่ม อีกด้านโค้งมน ขอบใบเรียบหรืออาจมีซี่จักเล็กน้อย ใบมีขนนุ่มสีน้ำตาล
ดอก : ออกดอกเป็นช่อแบบแยกแขนง มักจะออกที่ปลายกิ่ง มีดอกย่อยจำนวนมาก วงกลีบเลี้ยงมีขนาดเล็กมาก กลีบดอกมี 4 – 5 กลีบ เป็นรูปไข่แกมขอบขนาน มีสีขาวแกมเหลือง หรือสีขาวปนเขียว ดอกมีเกสรเพศผู้ 8 อัน มักจะออกดอกในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน
ผล : เป็นผลสดรูปกระสวย เป็นรูปกลม รูปวงรี หรือรูปไข่ยาว ขนาดเล็ก ผิวผลใสฉ่ำน้ำ ผิวเกลี้ยงหรืออาจมีขนละเอียดบาง ผลอ่อนเป็นสีเขียวปนเหลือง ผลแก่เป็นสีส้มอมชมพูหรือสีแดง ภายในผลมีเมล็ดมาก

สรรพคุณของหวดหม่อน

  • สรรพคุณ เป็นยาแก้ผอมแห้ง แก้หืดไอ ขับลมในท้อง แก้ริดสีดวง ช่วยขับเลือดและหนองให้ตก
  • สรรพคุณจากราก แก้ไข้ ช่วยกระจายเลือดลม แก้แน่น เป็นยาขับพยาธิ รักษาริดสีดวง ช่วยขับเลือดและหนองให้ตก เป็นยาพอกแผล แก้โรคผิวหนัง แก้คุดทะราด
    – บำรุงกำลัง โดยชาวไทใหญ่นำรากมาต้มกินเป็นยา
    – แก้โรคงูสวัด โดยตำรับยาพื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานีนำรากมาฝนกับน้ำดื่มเป็นยา
    – แก้พิษงู ด้วยการนำรากและเหง้ามาบดผสมกับแอลกอฮอล์เล็กน้อย ใช้ปิดตรงบริเวณที่ถูกงูกัด
  • สรรพคุณจากใบ แก้ไข้ รมแก้ริดสีดวงจมูก ช่วยแก้หืดไอ เป็นยาแก้ลมอันผูกเป็นก้อนให้กระจาย ช่วยกระจายเลือดลมให้เดินสะดวก ช่วยแก้ลมอัมพฤกษ์อัมพาต แก้ขัดยอก แก้เสียดแทง
    – รักษาไข้มาลาเรีย รักษาวัณโรค เป็นยาแก้พิษ โดยชาวเขาเผ่าอีก้อ แม้ว มูเซอ และลีซอ นำใบมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
    – แก้ไข้มาลาเรีย โดยชาวม้งนำใบมาตำและผสมกับใบของสมุนไพรอื่น เช่น ส้มโอ เครือเขาดำ ท้อ แล้วนำผ้ารัดที่ข้อมือด้านหนึ่งและข้อเท้าอีกด้านหนึ่ง
    – รักษาแผลสด รักษาแผลถลอก ช่วยห้ามเลือด แก้อาการอักเสบบวมอันเกิดจากไฟ แก้ผื่นคัน ฆ่าหิด ฆ่าเหา แก้ข้อเคล็ด ด้วยการนำใบมาตำแล้วพอก
    – ช่วยแก้แผลเปื่อย แก้แผลอันเกิดจากอาการคันและเกา ช่วยแก้โรคผิวหนัง แก้อาการคัน ช่วยฆ่าเชื้อโรค ด้วยการนำใบมาต้มกับน้ำอาบ
  • สรรพคุณจากทั้งต้น เป็นยาแก้ไอ
    – รักษาไข้มาลาเรีย รักษาวัณโรค เป็นยาแก้พิษ โดยชาวเขาเผ่าอีก้อ แม้ว มูเซอ และลีซอ นำทั้งต้นมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
    – แก้อาการวิงเวียนศีรษะ โดยชาวกะเหรี่ยงนำทั้งต้นมาต้มอาบ
    – แก้อาการปวดฟัน โดยตำรับยาสมุนไพรพื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานีนำทั้งต้นมาต้มกับน้ำกลั้วปาก
    – แก้ผื่นคัน โดยคนเมืองนำทั้งต้นมาต้มกับน้ำอาบ
  • สรรพคุณจากลำต้นและใบ แก้พิษ
  • สรรพคุณจากเปลือกต้น รมแก้ริดสีดวงจมูก เป็นยาแก้โลหิตในลำคอและลำไส้ให้กระจาย
  • สรรพคุณจากกิ่งและใบ
    – แก้ไข้ยามไม่สบายหลังจากคลอดลูก โดยชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน นำกิ่งและใบมาต้มกับน้ำอาบหรือใช้อบตัว
  • สรรพคุณจากดอก ช่วยแก้เสมหะให้ตก
  • สรรพคุณจากกระพี้และแก่น เป็นยาแก้โลหิตในลำไส้ เป็นยาช่วยขับลมภายใน เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน
  • สรรพคุณจากยอดอ่อน เป็นยาแก้อาการท้องผูก
  • สรรพคุณจากผล เป็นยาฆ่าพยาธิอันบังเกิดแต่ไส้ด้วนและไส้ลาม เป็นยาถ่าย

ประโยชน์ของหวดหม่อน

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ยอดอ่อนและใบอ่อนทานร่วมกับขนมจีน น้ำพริก ลาบ แกงหน่อไม้
2. ใช้ในการเกษตร ลำต้นและใบนำมาเผารมควันตามเล้าไก่เพื่อกำจัดไรไก่ ใบไปใส่ไว้ในรังไข่จะช่วยไล่ไรไก่ ชาวเขาเผ่าลีซอจะใช้ใบนำมาต้มกับน้ำอาบให้ไก่เพื่อกำจัดไรไก่
3. เป็นส่วนประกอบของยาสมุนไพร เป็นส่วนประกอบของสมุนไพร “สันโศก”

หวดหม่อน เป็นต้นที่นิยมนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรกันอย่างแพร่หลายมาก โดยเฉพาะชาวเขา อีกทั้งยังมีการนำมาทำเป็นส่วนประกอบของยาสมุนไพรต่าง ๆ อีกด้วย ทั้งต้นคาดว่าน่าจะเป็นยาร้อน มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของใบและทั้งต้น มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ แก้ริดสีดวง ช่วยกระจายเลือดลม เป็นยาพอกแผล ช่วยแก้ลมอัมพฤกษ์อัมพาต และแก้ไข้ได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา. (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “หวดหม่อน”. หน้า 71.
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “สมัดใหญ่”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.phargarden.com. [26 ก.ย. 2014].
ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “Clausena excavata Burm.f.”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.qsbg.org. [26 ก.ย. 2014].
ฐานข้อมูลความปลอดภัยของสมุนไพรที่มีการขึ้นทะเบียนยาแผนโบราณ, สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “สันโศก”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.medplant.mahidol.ac.th/poisonpr/. [26 ก.ย. 2014].
ผักพื้นบ้าน ในประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง. “มุ่น”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : area-based.lpru.ac.th/veg/. [26 ก.ย. 2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “สันโสก, เพี้ยฟาน”. อ้างอิงใน : หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : eherb.hrdi.or.th. [26 ก.ย. 2014].
มูลนิธิชีววิถี. “วิจัยสมุนไพรสันโศก ห่วงสิทธิบัตร”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.biothai.net. [26 ก.ย. 2014].
รองศาสตราจารย์ ดร.งามผ่อง คงคาทิพย์ และคณะ หน่วยปฏิบัติการวิจัยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ และเคมีอินทรีย์สังเคราะห์ ภาควิชาเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
1.https://www.picturethisai.com/es/wiki/Clausena.html
2.https://www.inaturalist.org/taxa/345598-Clausena-excavata

ผักตบชวา พืชน้ำแห่งระบบนิเวศ แก้พิษ ขับลม ดับร้อนในร่างกายได้

0
ผักตบชวา
ผักตบชวา พืชน้ำแห่งระบบนิเวศ แก้พิษ ขับลม ดับร้อนในร่างกายได้ ซึ่งพืชไม้น้ำชนิดที่พบได้ทั่วไปในแม่น้ำเจ้าพระยา มีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการ

ผักตบชวา

ผักตบชวา

ผักตบชวา เป็นพรรณไม้น้ำที่คนไทยรู้จักกันอย่างแพร่หลาย มักจะพบได้ทั่วไปในแม่น้ำเจ้าพระยา คาดว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักเจ้าต้นไม้น้ำชนิดนี้ ทว่าแต่เดิมนั้นผักชนิดนี้ไม่ได้กำเนิดขึ้นที่ไทย มีการนำเข้ามาปลูกครั้งแรกไว้ที่วังสระปทุมในกรุงเทพมหานครเมื่อปี พ.ศ.2444 หลังจากนั้นก็เกิดการแพร่หลายกระจายไปทั่ว แต่พืชไม้น้ำชนิดนี้ก็มีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของผักตบชวา

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Eichhornia crassipes (Mart.) Solms
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Water Hyacinth” “Floating water hyacinth” “Java Weed”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “ผักตบป่อง สวะ” ภาคตะวันตกเฉียงเหนือเรียกว่า “ผักตบ” จังหวัดเชียงรายเรียกว่า “บัวลอย” จังหวัดนครราชสีมาเรียกว่า “ผักปง” จังหวัดอ่างทองเรียกว่า “ผักปอด” จังหวัดสุพรรณบุรีเรียกว่า “ผักป่อง”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ผักตบ (PONTEDERIACEAE)
ชื่อพ้อง : Eichhornia speciosa Kunth

ลักษณะของผักตบชวา

ผักตบชวา เป็นพรรณไม้น้ำที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ สามารถขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว พบได้ทั่วไปตามริมน้ำ
ลำต้น : ลำต้นสั้นอวบน้ำ แตกใบเป็นกอลอยไปตามน้ำ มีไหล ผิวลำต้นเรียบเป็นสีเขียวอ่อนและเข้ม จะมีขนาดสั้นหรือยาวจะขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำ ภายในมีลักษณะเป็นรูพรุน จึงช่วยพยุงลำต้นให้ลอยน้ำได้
ราก : รากจะแตกออกจากลำต้น บริเวณข้อ รากมักจะมีสีม่วงดำ
ใบ : เป็นใบเดี่ยว แตกจากลำต้นเป็นกอ โคนก้านใบแผ่เป็นกาบหุ้ม ใบจะป่องออก เพื่อช่วยให้ลอยตัวอยู่ในน้ำได้ ใบเป็นรูปไข่หรือเกือบกลม ก้านใบอวบน้ำตรงกลาง ภายในเป็นช่องอากาศคล้ายกับฟองน้ำ ใบมีขนาดกว้างใหญ่ รูปร่างค่อนข้างกลม ปลายใบมน โคนใบเว้าเข้าหาก้านใบ มีหูใบ ขนาดของใบและความยาวของก้านจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม แผ่นใบเป็นสีเขียวสด ใบสดจะประกอบไปด้วยสารแคโรทีนในปริมาณที่ค่อนข้างสูง
ดอก : ออกดอกเป็นช่ออยู่กลางกอ ช่อหนึ่งมีดอกขนาดเล็กประมาณ 3 – 25 ดอก ดอกย่อยเป็นสีชมพูอมฟ้าหรือสีม่วง กลีบดอก 6 กลีบ ลักษณะบาง จะเริ่มบานตั้งแต่แสงอาทิตย์เริ่มส่อง และจะบานเต็มที่เมื่อแสงแดดส่องแรง โดยดอกจะบานแค่เพียง 1 วัน มักจะออกดอกช่วงปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน ช่อดอกมีลักษณะคล้ายกับดอกไฮยาซินธ์ จึงมีชื่อสามัญว่า Water Hyacinth
ผล : ผลเป็นแบบแคปซูล แห้งและแตกได้ เป็นรูปทรงกระบอก แบ่งเป็น 3 พู เมื่อแก่จะแตกกลางพู
เมล็ด : ภายในผลมีเมล็ดจำนวนมาก ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปกลมขนาดเล็ก

สรรพคุณของผักตบชวา

สรรพคุณจากผักตบชวา เป็นยาแก้พิษในร่างกาย ช่วยขับลม ตำพอกแก้แผลอักเสบ ช่วยระบายความร้อนในร่างกาย

ประโยชน์ของผักตบชวา

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ยอดอ่อน ใบอ่อน และดอกอ่อนนำมาลวกจิ้มกับน้ำพริกทาน หรือนำมาทำแกงส้ม
2. ใช้ในการเกษตร นำมาเลี้ยงสุกร เลี้ยงไก่ แต่ควรเลือกผักตบชวาจากแหล่งน้ำที่ปลอดสารพิษจำพวกยาฆ่าแมลงหรือโลหะหนักเท่านั้น ทำปุ๋ยหมักสำหรับการปลูกพืชผักต่าง ๆ นำมาใช้คลุมต้นไม้ที่ปลูกเอาไว้ให้เกิดความชุ่มชื้นได้ นำมาตากแห้งใช้เพาะเห็ดฟางเพื่อสร้างรายได้ ช่วยบำบัดน้ำเสียได้โดยตรง ช่วยทำให้น้ำสะอาดขึ้น ช่วยสะสมพลังงานจากดวงอาทิตย์ ทำให้อากาศบริสุทธิ์และเย็นสบาย ช่วยลดปัญหาที่เกิดจากวัชพืชใต้น้ำ เป็นที่อยู่อาศัยของปลาและสัตว์น้ำ
3. ใช้ทำเชื้อเพลิง นำผักตบชวาแห้งทั้งต้นมาทำเป็นแอลกอฮอล์ และ gas แต่ผลไม่ค่อยน่าพอใจมากนัก ทำเป็นเชื้อเพลิงแท่งโดยการนำมาผสมกับแกลบอัดเป็นแท่งเชื้อเพลิง
4. เป็นผลิตภัณฑ์ แปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์จักสานหรือสินค้าอื่น ๆ เช่น กล่อง กล่องใส่กระดาษทิชชู ตะกร้า กระเป๋า เก้าอี้ เปลญวน รองเท้าแตะ ถาดรองผลไม้ ถาดรองแก้วน้ำ แจกันสาน เสื่อ กระดาษ เป็นต้น

คุณค่าทางโภชนาการของส่วนที่รับประทานได้ของผักตบชวา

คุณค่าทางโภชนาการของส่วนที่รับประทานได้ต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 30 แคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารอาหารที่ได้รับ
น้ำ 89.8%
โปรตีน 0.5 กรัม 
ไขมัน 0.1 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 7.5 กรัม 
ใยอาหาร 2.4 กรัม

ผักตบชวา ต้นมีรสจืด เป็นพืชน้ำที่กระจายได้อย่างรวดเร็ว มักจะพบในแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นพืชที่มีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม และยังมีคุณค่าทางโภชนาการ สามารถนำมาใช้ประกอบอาหารได้ ผักตบชวามีสรรพคุณทางยา คือ ช่วยแก้พิษ ช่วยขับลม แก้แผลอักเสบ และช่วยระบายความร้อนในร่างกายได้ เป็นพืชที่พบเห็นบ่อยในประเทศไทย แต่ทว่าน้ำในประเทศเรานั้นมักจะมีสารพิษปนเปื้อน จึงไม่น่าเป็นผลดีมากนัก หากจะลงไปเก็บแล้วนำมารับประทาน

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ผักตบชวา”. หน้า 490-491.
“ผักตบชวา Water hyacinth”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : webserv.kmitl.ac.th/notyBurin/arjarnsodpdf/P_central/PDF_01central/. [31 ส.ค. 2014].
ผักพื้นบ้านในประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร. “ผักตบชวา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : ftp://smc.ssk.ac.th/intranet/Research_AntioxidativeThaiVegetable/. [31 ส.ค. 2014].
ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “ผักตบชวา”. อ้างอิงใน : หนังสือพรรณไม้น้ำบึงบอระเพ็ด, หนังสือสยามไภษัชยพฤกษ์ ภูมิปัญญาของชาติ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.qsbg.org. [31 ส.ค. 2014].
ฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน. “ชีววิทยาของผักตบชวา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : irrigation.rid.go.th/rid15/ppn/om/om.htm. [31 ส.ค. 2014].
“การจัดการผักตบชวา”. (นางศุภฤกษ์ ดวงขวัญ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการ).
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

ผักแขยง ผักในตำรายาพื้นบ้าน ต้านมะเร็ง ป้องกันเส้นเลือดตีบตัน

0
ผักแขยง
ผักแขยง ผักในตำรายาพื้นบ้าน ช่วยต้านมะเร็ง ป้องกันเส้นเลือดตีบตัน ต้นและใบมีกลิ่นหอมคล้ายกับน้ำมันสน รสเผ็ดร้อน มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

ผักแขยง

ผักแขยง

ผักแขยง สามารถพบได้ทั่วทุกภาคในประเทศไทย ทั้งต้นและใบเมื่อนำมาหักจะมีกลิ่นหอมและรสเผ็ดร้อน เป็นต้นที่มี 2 ชนิด แต่ละชนิดอยู่กันคนละวงศ์พืชอีกด้วย ทว่าทั้ง 2 ชนิดก็มีสรรพคุณและสามารถนำมารับประทานได้ทั้งคู่ ภายในต้นผักแขยงจะมีน้ำมันหอมระเหยซึ่งมีกลิ่นคล้ายกับน้ำมันสน เป็นผักพื้นบ้านในกลุ่มที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ถือเป็นผักชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดี แต่ก็มีโทษเช่นกัน

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของผักแขยงชนิดที่ 1

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Limnophila aromatica (Lam.) Merr.
ชื่อท้องถิ่น : ภาคเหนือเรียกว่า “ผักพา” จีนแต้จิ๋วเรียกว่า “จุ้ยหู่โย้ง” จีนกลางเรียกว่า “สุ่ยฝูโหยง” มีชื่ออื่น ๆ ว่า “ผักกะแยง แขยง คะแยง ผักกะออม มะออม ผักลืมผัว ควันเข้าตา อีผวยผาย”
ชื่อวงศ์ : วงศ์เทียนเกล็ดหอย (PLANTAGINACEAE)

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของผักแขยงชนิดที่ 2

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Limnophila geoffrayi Bonati
ชื่อท้องถิ่น : ภาคเหนือเรียกว่า “ผักพา” ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกว่า “กะแยง กะออม” จังหวัดอุบลราชธานีเรียกว่า “กะแยงแดง”
ชื่อวงศ์ : วงศ์มณเฑียรทอง (SCROPHULARIACEAE)

ลักษณะของผักแขยง

ลักษณะของผักแขยงชนิดที่ 1

ผักแขยงชนิดที่ 1 เป็นพรรณไม้ล้มลุกเนื้ออ่อนฤดูเดียวหรือหลายฤดู เป็นวัชพืชในนาข้าว มักจะขึ้นตามริมคูหรือคันนา อ่างเก็บน้ำ บริเวณที่มีน้ำขังเล็กน้อย และพื้นที่ชุ่มชื้น
ลำต้น : ลำต้นกลม กลวงและเป็นข้อ อาจแตกกิ่งมากหรือไม่แตกกิ่งเลย ลำต้นทอดเลื้อย ผิวเกลี้ยงหรือมีต่อม แตกรากจากข้อ ทั้งต้นและใบเมื่อนำมาหักจะมีกลิ่นหอมและเผ็ดร้อน
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ตามข้อทุกข้อตลอดลำต้น ลักษณะของใบเป็นรูปใบหอก ปลายใบแหลม โคนใบห่อติดกับลำต้น ส่วนขอบใบจักเป็นฟันเลื่อย แผ่นใบเป็นสีเขียว เส้นใบเป็นแบบขนนก ไม่มีก้านใบ
ดอก : ออกดอกเดี่ยวตามซอกใบ จะออกเป็นช่อกระจะตรงส่วนยอดของต้น ลักษณะของดอกเป็นรูปกรวย ปลายบานออกเล็กน้อย แยกออกเป็น 4 กลีบ กลีบดอกเป็นสีแดง สีม่วง สีขาว หรือสีชมพูอ่อน ก้านชูเกสรเพศผู้ส่วนปลายพองออก ก้านชูเกสรเพศเมียสั้นแยกเป็น 2 แฉก
ผล : ออกผลเป็นฝักยาววงรี เมื่อแก่จะแตกออก

ลักษณะของผักแขยงชนิดที่ 2

ผักแขยงชนิดที่ 2 เป็นพรรณไม้ล้มลุกอายุฤดูเดียว มักจะขึ้นตามริมคูหรือคันนา อ่างเก็บน้ำ บริเวณที่มีน้ำขังเล็กน้อย และพื้นที่ชุ่มชื้นที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่มากนัก
ลำต้น : ลำต้นเรียวยาว กลมกลวง อวบน้ำ และมีขนหนาแน่น ลำต้นตั้งตรงและเป็นข้อ ทั้งต้นและใบเมื่อนำมาหักจะมีกลิ่นหอมและเผ็ดร้อน
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ตามข้อทุกข้อตลอดลำต้น ลักษณะของใบเป็นรูปไข่แกมวงรี รูปขอบขนาน หรือรูปขอบขนานแกมรูปใบหอก ปลายใบแหลม โคนใบห่อติดกับลำต้น ส่วนขอบใบจักเป็นฟันเลื่อย แผ่นใบเป็นสีเขียว ไม่มีก้านใบ
ดอก : ออกดอกเป็นช่อกระจะตรงซอกใบและส่วนยอดของต้น มีดอกย่อยประมาณ 2 – 10 ดอก จะออกพร้อมกันทั้งต้น ลักษณะของดอกเป็นรูปหลอดขนาดเล็กคล้ายถ้วย หรือรูปกรวย ตรงปลายบานออกเล็กน้อย แยกออกเป็น 4 กลีบ กลีบดอกเป็นสีม่วง ผิวด้านนอกเรียบ ส่วนด้านในตอนล่างของกลีบดอกมีขน
ผล : ลักษณะของผลเป็นรูปกระสวย เมื่อแก่จะแตกออก
เมล็ด : เมล็ดมีลักษณะรูปร่างกลมวงรี เป็นสีน้ำตาลดำ และมีขนาดเล็กมาก

สรรพคุณของผักแขยง

  • สรรพคุณจากผักแขยง ต้านอนุมูลอิสระสูง ต้านมะเร็ง ต้านการเจริญของเชื้อโรค
  • สรรพคุณจากทั้งต้น ช่วยทำให้เจริญอาหาร ลดอาการเบื่ออาหาร ป้องกันเส้นเลือดตีบตันและไข้ร้อนใน เป็นยาขับลมและเป็นยาระบายท้อง เป็นยาระบายอ่อน ๆ พอกแก้อาการบวม ช่วยแก้น้ำนมแม่ที่มีรสเปรี้ยว
    – เป็นยาแก้ไข้ ลดไข้ ด้วยการนำทั้งต้นสดประมาณ 15 – 30 กรัม มาต้มกับน้ำกิน
    – แก้ไข้หัวลม โดยตำรายาพื้นบ้านภาคอื่นนำทั้งต้นและรากในปริมาณตามต้องการมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำกิน
    – แก้อาการคัน แก้กลากและฝี ด้วยการนำทั้งต้นสดมาต้มกับน้ำใช้ชะล้างบริเวณที่มีอาการ หรือนำมาคั้นเอาน้ำทา หรือนำมาตำพอกบริเวณที่เป็น
    – แก้พิษเบื่อเมา ด้วยการนำทั้งต้นแห้งที่เก็บไว้นาน 1 ปี มาต้มกับน้ำดื่ม
    – ช่วยขับน้ำนมของสตรี โดยตำรายาพื้นบ้านทางภาคอีสานนำทั้งต้นมาใช้หลังจากการคลอดบุตร
  • สรรพคุณจากต้น
    – เป็นยาแก้พิษงูที่ไม่มีพิษร้ายแรง ด้วยการนำต้นสดประมาณ 15 กรัม มาตำให้ละเอียดผสมกับต้นฟ้าทะลายโจรสด ประมาณ 30 กรัม แล้วนำไปผสมกับน้ำส้มในปริมาณพอควร คั้นเอาน้ำดื่ม ส่วนกากที่เหลือให้เอามาพอกรอบบาดแผล แต่อย่าพอกบนบาดแผล

ประโยชน์ของผักแขยง

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ทั้งต้น ยอดอ่อน และใบอ่อน สามารถทานเป็นผักสดร่วมกับลาบ ก้อย แจ่ว น้ำพริก ส้มตำ ซุบหน่อไม้ หรือนำไปเป็นเครื่องปรุงรสและแต่งกลิ่นช่วยดับกลิ่นคาวสำหรับต้มส้ม แกงหน่อไม้ แกงอ่อมได้
2. ช่วยดับกลิ่น ช่วยดับกลิ่นตัวและกลิ่นเต่าด้วยการทานสด
3. ใช้ในด้านเศรษฐกิจ ผักแขยงแห้งเป็นสินค้าสำหรับการส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
4. ใช้ในด้านอุตสาหกรรม เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ สารสกัดด้วยไอน้ำช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มักพบปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์อาหารและนม รวมถึงเนื้อสัตว์และไข่ไก่ ซึ่งทำให้เกิดอาหารเป็นพิษ
5. ใช้ในด้านการเกษตร เป็นยาฆ่าแมลงในกลุ่มที่ทำลายผลไม้
6. เป็นความเชื่อ ผู้ที่รับประทานผักแขยงสดก่อนนอน ผีพ่อม่ายหรือผีแม่ม่ายจะไม่กล้ามาเอาไปเป็นผัวเมีย

คุณค่าทางโภชนาการของผักแขยงต่อ 100 กรัม

คุณค่าทางโภชนาการของผักแขยงต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 26 แคลอรี

สารอาหาร ปริมาณที่ได้รับ
น้ำ 92%
โปรตีน 1.2 กรัม
ไขมัน 0.5 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 4.2 กรัม 
ใยอาหาร 1.2 กรัม เถ้า
0.9 กรัม วิตามินเอ 3,833 หน่วยสากล
วิตามินบี1 0.85 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.12 มิลลิกรัม
วิตามินบี3 0.44 มิลลิกรัม 
วิตามินซี 10 มิลลิกรัม
แคลเซียม 10 มิลลิกรัม 
ธาตุเหล็ก 2.7 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 3.3 กรัม

ข้อควรระวังในการใช้ผักแขยง

1. สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทาน
2. ผักแขยงมีสารแคลเซียมออกซาเลต (oxalate) ในปริมาณสูง เพราะมีส่วนทำให้เกิดนิ่วในอวัยวะต่าง ๆ แต่สามารถนำมาทำให้ดองเปรี้ยวได้ เพราะสารที่ให้รสเปรี้ยวนี้จะสามารถทำให้ออกซาเลตละลาย
3. ไม่ควรทานในปริมาณมากจนเกินควร และไม่ทานบ่อยจนเกินไป

ผักแขยง เป็นผักที่นำมาใช้กันมาตั้งแต่อดีต เป็นผักที่อยู่ในผักพื้นบ้านทั่วไป มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและเป็นยาสมุนไพร ทว่าก็เป็นผักที่มีโทษเช่นกัน ผักแขยงมีสรรพคุณทางยาจากส่วนของทั้งต้น มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ต้านมะเร็ง ต้านการเจริญของเชื้อโรค ป้องกันเส้นเลือดตีบตันและแก้ไข้ได้ ถือเป็นผักที่ค่อนข้างนิยมในทางภาคอีสานมากกว่าที่อื่น

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ผักแขยง”. หน้า 470-471.
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ผักแขยง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.phargarden.com. [23 ส.ค. 2014].
ผักพื้นบ้านในประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร. “ผักแขยง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : ftp://smc.ssk.ac.th/intranet/Research_AntioxidativeThaiVegetable/. [23 ส.ค. 2014].
มูลนิธิสุขภาพไทย. “ผักแขยง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.thaihof.org. [23 ส.ค. 2014].
ไทยโพสต์. “หอมผักแขยง ผักกลางนารสร้อนแรง ต้านมะเร็ง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.thaipost.net. [20 ส.ค. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com
http://www.epharmacognosy.com/2022/11/limnophila-aromatica.html

มะหาด ทำให้ผิวขาว ดีต่อระบบเลือดและระบบลม

0
มะหาด
มะหาด ทำให้ผิวขาว ดีต่อระบบเลือดและระบบลม แก่นมะหาดมีรสร้อน ผงปวกหาดมีรสร้อนเมา เป็นยาสมุนไพร ผลสุกจะมีรสหวานเปรี้ยว

มะหาด

มะหาด

มะหาด เป็นไม้ยืนต้นที่มักจะพบตามภาคใต้ของประเทศไทย แก่นมะหาดมีรสร้อนจึงดีต่อระบบเลือดเป็นอย่างมาก ผงมะหาดมีรสร้อนเมา เป็นยาสมุนไพรที่มาจากแก่นไม้มะหาดมาเคี่ยว เนื่องจากเป็นต้นรสร้อนจึงไม่ควรกินกับน้ำร้อน เพราะจะทำให้ปวดท้องได้ ส่วนของผลสุกจะมีรสหวานเปรี้ยวจึงนำมาทานได้ นอกจากนั้นมะหาดยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ครีมทาผิวอย่าง ครีมมะหาด โลชั่นมะหาด และเซรั่มมะหาดได้

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของมะหาด

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Artocarpus lacucha Buch.-Ham.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Monkey Jack” “Monkey Fruit”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางและทั่วไปเรียกว่า “หาด” ภาคเหนือเรียกว่า “หาดขนุน” ภาคตะวันตกเฉียงเหนือเรียกว่า “ฮัด” จังหวัดเชียงใหม่เรียกว่า “ปวกหาด” จังหวัดตรังเรียกว่า “มะหาดใบใหญ่” ชาวกะเหรี่ยงกำแพงเรียกว่า “เซยาสู้” ชาวมลายูนราธิวาสเรียกว่า “กาแย ตาแป ตาแปง” มีชื่ออื่น ๆ ว่า “ขนุนป่า”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ขนุน (MORACEAE)
ชื่อพ้อง : Artocarpus ficifolius W.T.Wang, Artocarpus lakoocha Roxb., Artocarpus yunnanensis H.H.Hu

ลักษณะของมะหาด

มะหาด เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่ไม่ผลัดใบ มักจะพบตามที่กึ่งโล่งแจ้งตามป่าดงดิบ ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าคืนสภาพ ป่าหินปูน พบได้มากทางภาคใต้ของประเทศไทย
ลำต้น : ลำต้นมีลักษณะเปลาตรง เป็นทรงพุ่มกลมหรือแผ่กว้าง เปลือกเป็นสีดำ สีเทาแกมน้ำตาล หรือสีน้ำตาลอมแดงจนถึงน้ำตาลเข้ม ต้นแก่มีผิวเปลือกค่อนข้างหยาบ ขรุขระและแตกเป็นสะเก็ดเล็ก บริเวณเปลือกมีรอยแตกและมียางไหลซึม แห้งติด
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกัน เป็นรูปวงรี รูปไข่ หรือรูปขอบขนาน ปลายใบมนหรือแหลมเป็นติ่งแหลม โคนใบมนเว้า ขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อยหรือมีซี่ฟัน ผิวใบด้านบนมีขนหยาบ ด้านล่างเป็นสีเขียวอมเทา มีขนหยาบสีเหลืองเล็กน้อย ใบอ่อนมีขนแต่พอแก่ขึ้นจะหลุด ใบแก่เป็นสีเขียวเข้ม และเหนียวคล้ายหนัง
ดอก : ออกดอกเป็นช่อกระจุกแน่นกลมสีเหลืองหม่นจนถึงสีชมพูอ่อน จะออกตามซอกใบ ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่ในต้นเดียวกันแต่อยู่คนละช่อ ช่อดอกเพศผู้จะกลม มีเกสรเพศผู้จำนวนมาก ช่อดอกเพศเมียเป็นรูปไข่หรือเป็นรูปขอบขนานสีเหลืองอ่อน มีกลีบเลี้ยง 4 กลีบ มักจะออกดอกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน
ผล : เป็นผลสดและมีเนื้อ ผลรวมสีเหลือง เป็นรูปทรงกลมค่อนข้างบิดเบี้ยวตะปุ่มตะป่ำ มีขนนุ่มคล้ายกำมะหยี่ ผลอ่อนเป็นสีเขียว พอสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อนถึงส้ม เมื่อแก่จะเป็นสีเหลืองปนน้ำตาล เนื้อผลนุ่มเป็นสีเหลืองจนถึงสีชมพู
เมล็ด : ภายในผลมีเมล็ดจำนวนมาก เป็นรูปขอบขนานหรือเกือบกลม เมล็ดเป็นสีน้ำตาลเทา

สรรพคุณของมะหาด

  • สรรพคุณจากแก่นและผงปวกหาด แก้กระษัย ละลายเลือด กระจายโลหิต ช่วยแก้อาการเบื่ออาหาร เป็นยาแก้ลม ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ ช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยแก้ฝีในท้อง ช่วยขับปัสสาวะกะปริดกะปรอย
  • สรรพคุณจากแก่น ช่วยแก้โรคกระษัยไตพิการ แก้กระษัยเสียด แก้กระษัยดาน แก้กระษัยกร่อน แก้กระษัยลมพานไส้ แก้กระษัยทำให้ท้องผูก ช่วยแก้ตานขโมย แก้ดวงจิตขุ่นมัว แก้ระส่ำระสาย แก้อาการนอนไม่หลับ แก้ไข้ ช่วยแก้เสมหะ ช่วยแก้หอบหืด ช่วยแก้ท้องโรพุงโต แก้จุกผามม้ามย้อย ช่วยขับโลหิต ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ช่วยแก้ประดวงทุกชนิด เป็นยาแก้เส้นเอ็นพิการ
  • สรรพคุณจากเปลือกต้น เป็นยาฝาดสมาน
    – แก้ไข้ ช่วยขับพยาธิ ถ่ายพยาธิ พยาธิตัวตืด ด้วยการนำต้นสดมาต้มกับน้ำกินเป็นยา
  • สรรพคุณจากราก บำรุงและบรรเทาการอุดตัน
    – แก้ไข้ แก้พิษร้อนใน ขับพยาธิ แก้กระษัยในเส้นเอ็น ด้วยการนำรากสดและแห้ง มาต้มกับน้ำกินเป็นยา
  • สรรพคุณจากแก่นเนื้อไม้ แก้จุกแน่น แก้ท้องขึ้นอดเฟ้อ ช่วยขับลมและผายลม เป็นยาระบาย แก้ท้องผูกไม่ถ่าย เป็นยาถ่ายพยาธิไส้เดือนตัวกลม แก้พยาธิเส้นด้าย แก้พยาธิตัวตืด แก้พยาธิตัวแบน ช่วยขับโลหิต เป็นยาแก้เส้นเอ็นพิการ
  • สรรพคุณจากยาง เป็นยาถ่าย
  • สรรพคุณจากเมล็ด เป็นยาถ่าย
  • สรรพคุณจากผงปวกหาด เป็นยาถ่ายพยาธิ ช่วยขับโลหิต แก้ผื่นคัน แก้เคือง ช่วยแก้อาการปวด
  • สรรพคุณจากใบ ช่วยแก้โรคบวมน้ำ

ประโยชน์ของมะหาด

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ผลรสหวานอมเปรี้ยวจึงทานได้ ชาวม้งนำใบอ่อนเป็นผักจิ้มกับน้ำพริกทาน เปลือกต้นมีรสฝาดจึงนำมาเคี้ยวกับหมากแทนได้
2. ใช้ในการเกษตร ประเทศเนปาลนำใบเป็นอาหารสัตว์ เพื่อช่วยการขับน้ำนมของสัตว์เลี้ยงได้
3. เป็นยารักษาสิว เปลือกต้นนำมาต้มกับน้ำทารักษาสิวได้
4. เป็นอุปกรณ์ ชาวกะเหรี่ยงนำใบใช้แทนกระดาษทราย ใยจากเปลือกต้นทำเชือกได้
5. ใช้ในอุตสาหกรรมย้อมผ้า รากนำมาสกัดเป็นสีเหลืองสำหรับย้อมผ้าได้
6. ใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เนื้อไม้มีความเหนียวและทนทานมาก จึงนิยมใช้ทำเสา สร้างบ้าน ทำสะพาน ทำหมอนรองรางรถไฟ ด้ามเครื่องมือทางการเกษตร
7. ด้านสิ่งแวดล้อม สามารถปลูกเป็นไม้เพื่อให้ร่มเงา ช่วยป้องกันการพังทลายของหน้าดิน
8. แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ทำเป็นผลิตภัณฑ์ครีมทาผิวหรือ ครีมมะหาด โลชั่นมะหาด เซรั่มมะหาด มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการสร้างเมลานิน ทำให้ผิวขาวขึ้นได้

มะหาด เป็นไม้ยืนต้นทั่วไปที่พบมากทางภาคใต้ของไทย เป็นต้นที่นำส่วนต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ไม่ใช่แค่เฉพาะด้านสรรพคุณทางยาเท่านั้น ถือเป็นหนึ่งในไม้ที่มีผลต่อเศรษฐกิจ การเกษตร และสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้เรามาดูกันว่าส่วนต่าง ๆ ของต้นนี้ช่วยอะไรบ้าง มะหาดมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของแก่นและผงปวกหาด มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ละลายเลือด แก้ลม ช่วยแก้โรคกระษัย แก้ไข้และทำให้ผิวขาวขึ้นได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคเหนือ. (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ). “มะหาด”. หน้า 60.
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “มะหาด (Mahat)”. หน้า 240.
หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “มะหาด”. หน้า 57.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “มะหาด”. หน้า 643-645.
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “มะหาด”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com. [30 ก.ค. 2014].
ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ปวกหาด”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaicrudedrug.com. [30 ก.ค. 2014].
สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “มะหาด”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [30 ก.ค. 2014].
ศูนย์ปฏิบัติการพืชเศรษฐกิจ, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “มะหาด”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.dnp.go.th. [30 ก.ค. 2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “หาด, มะหาด”. อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์)., หนังสือสมุนไพรไทยตอนที่ 6 (ก่องกานดา ชยามฤต). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [30 ก.ค. 2014].
ภาควิชาเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. (ดร.จุฑามาศ เจียรนัยกุลวานิช). “จริงหรือไม่? มะหาดทำให้ขาวขึ้นได้”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.pharmacy.mahidol.ac.th. [30 ก.ค. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

รูปอ้างอิง
https://www.flickr.com/photos/
https://efloraofindia.com/2011/02/08/artocarpus-lakoocha/

ชา เครื่องดื่มสมุนไพรยอดนิยม ดีต่อหัวใจและระบบเลือด

0
ชา
ชา เครื่องดื่มสมุนไพรยอดนิยม ดีต่อหัวใจและระบบเลือด เป็นเครื่องดื่มที่รู้จักกันเป็นอย่างดี เป็นไม้ยืนต้น เป็นยาชั้นยอดดีต่อสุขภาพ

ชา

ชา

ชา (Tea) เป็นเครื่องดื่มสมุนไพรที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายมากแค่ไหน ต้นชาเป็นไม้ยืนต้นที่เชื่อกันว่ามีถิ่นกำเนิดมาจากเทือกเขาทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน แบ่งเป็น 2 สายพันธุ์ใหญ่ ซึ่งตัวชาก็จะนำมาสกัดเป็น ชาเขียว ชาดำ ที่เราทานกันเป็นประจำ ใบชาถือได้ว่าเป็นยาชั้นยอด คนรักสุขภาพส่วนมากไม่เคยมองข้ามเครื่องดื่มชนิดนี้ เพียงแต่ว่ามีการนำมาแปรรูปหลากหลายจนต้องดูรายละเอียดให้ดี หากคุณได้ดื่มชาดี สุขภาพย่อมดีแน่นอน

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของชา

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Camellia sinensis (L.) Kuntze
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Tea” “Thea”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “ชา” ภาคเหนือเรียกว่า “เมี่ยง เมี่ยงป่า” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “นอมื่อ” จีนแต้จิ๋วเรียกว่า “แต๊” จีนกลางเรียกว่า “ฉา”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ชา (THEACEAE)

ลักษณะของต้นชา

ชา เป็นไม้ยืนต้นที่เชื่อว่ามีถิ่นกำเนิดมาจากเทือกเขาด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ชาที่ผลิตทางการค้าส่วนใหญ่มี 2 สายพันธุ์ ได้แก่
1. กลุ่มชาพันธุ์จีน (Chinese Tea) เป็นพรรณไม้ขนาดย่อมจนถึงขนาดกลาง เป็นพันธุ์เดิมของประเทศจีน
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกันเป็นรูปหอก ปลายใบแหลม ขอบใบเป็นฟันเลื่อย หลังใบเป็นสีเขียวเข้ม ท้องใบเป็นสีเขียวอ่อน เส้นใบเป็นตาข่าย
ดอก : ออกดอกเป็นช่อหรือเป็นกระจุกตามง่ามใบ ดอกมีขนาดใหญ่สีสวย เป็นสีขาวนวล มีกลิ่นหอม ช่อหนึ่งมี 1 – 4 ดอก กลีบดอก 5 กลีบ กลีบเลี้ยง 2 กลีบ มีเกสรเพศผู้อยู่กลางดอกจำนวนมาก
ผล : เป็นแบบแคปซูล เมื่อแก่จะแตกออก หนึ่งผลมี 1 – 3 เมล็ด เป็นรูปสามเหลี่ยมแบน หรือค่อนข้างกลม ผิวเรียบเป็นสีน้ำตาลเข้มเกือบดำหรือสีน้ำตาลอมแดง
2. กลุ่มชาพันธุ์อัสสัม (Assam tea) เป็นไม้พุ่มขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ พบได้ที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง แพร่ และน่าน
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกสลับกัน ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อยประมาณ 9 หยัก แผ่นใบเป็นสีเขียวอ่อนถึงเข้ม ก้านใบและท้องใบมีขนอ่อนปกคลุม
ดอก : เจริญจากตาบริเวณง่ามใบบนกิ่ง มักจะออกติดกันเป็นกลุ่ม ช่อละ 2 – 4 ดอกต่อตา ดอกมีกลีบเลี้ยง 5 – 6 กลีบ เป็นรูปทรงโค้งมนยาว กลีบดอก 5 – 6 กลีบ โคนกลีบติดกับฐานดอกแคบ ปลายกลีบบานออก วงเกสรเพศผู้มีอับละอองเกสรสีเหลืองติดอยู่ ปลายก้านชูอับละอองเกสรเป็นสีขาว เกสรเพศเมียเป็นก้านกลม ภายในรังไข่แบ่งเป็น 1 – 3 ช่อง
ผล : เป็นแบบแคปซูล เมื่อแก่เต็มที่เปลือกจะแตกออก ภายในมีเมล็ดลักษณะกลม ผิวเรียบแข็ง เป็นสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลอมแดง

สรรพคุณของชา

  • สรรพคุณจากเครื่องดื่มชา ช่วยทำให้คุณรู้สึกสดชื่น ช่วยกระจายความร้อนส่วนเกินในร่างกาย ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยกระตุ้นระบบประสาทและร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยหมุนเวียนโลหิต รักษาโรคไมเกรน เพื่อช่วยเพิ่มฤทธิ์ในการรักษาและทำให้ยาออกฤทธิ์ได้นานยิ่งขึ้น ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชราและมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยสลายไขมัน ลดระดับคอเลสเตอรอล ควบคุมการเกิดโรคอ้วน มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค ต้านจุลชีพ ลดการอักเสบ สมานแผล ช่วยป้องกันโรคที่ก่อการอักเสบเรื้อรัง ช่วยลดการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร ดีต่อระบบหัวใจและการไหลเวียนของโลหิต ช่วยขยายหลอดเลือด ป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน ช่วยรักษาอาการเจ็บหน้าอก รักษากล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหารจำพวกวิตามินกลุ่มต่าง ๆ ช่วยป้องกันภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป ช่วยป้องกันฟันผุและเสริมมวลกระดูก
  • สรรพคุณจากใบ ช่วยกระตุ้นทำให้กระชุ่มกระชวย ไม่ง่วงนอน ทำให้ตาสว่าง กระตุ้นให้หายเหนื่อย ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ แก้หน้ามืดตามัว ช่วยทำให้คอชุ่ม แก้อาการกระหายน้ำได้ดีมาก ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ช่วยบำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เป็นยาฝาดสมาน ลดอาการท้องร่วง เป็นยาแก้บิด รักษาอาการปวดท้อง ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยขับปัสสาวะ เป็นยาแก้พิษ ชะล้างแผล สมานแผล แก้บวม รักษากลากเกลื้อน ช่วยรักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย
  • สรรพคุณจากราก ช่วยกระตุ้นให้หัวใจบีบตัวแรงขึ้น แก้โรคหัวใจบวมน้ำ แก้ท้องเสีย ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยแก้ตับอักเสบ ช่วยต้านเชื้อ แก้ปากเป็นแผล เป็นยาภายนอก แก้แผลไฟไหม้ แก้น้ำร้อนลวก แก้แผลเปื่อย แก้โรคผิวหนัง แก้กลากเกลื้อน
  • สรรพคุณจากกิ่งและใบ เป็นยาแก้หืด รักษาอาการเป็นพิษของยาอันตรายที่เป็นอัลคาลอยด์ เป็นน้ำยาสมานของกรดแทนนิน ใส่แผลไหม้พอง
  • สรรพคุณจากกิ่ง เป็นยาสมานแผล
  • สรรพคุณจากเมล็ดและน้ำมัน เป็นยาภายนอก แก้แผลไฟไหม้ แก้น้ำร้อนลวก แก้แผลเปื่อย แก้โรคผิวหนัง แก้กลากเกลื้อน
  • สรรพคุณจากกากใบ เป็นยาพอกแผล แก้แผลที่ถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวก

ประโยชน์ของชา

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ใบอ่อนมีรสฝาด นำมายำกินได้ ใบอ่อนนำมาปรุงแต่งอาหาร นำมาอบกลิ่นเป็นใบชาส่งขายได้
2. เป็นยาสระผม กากเมล็ดนำมาใช้สระผม น้ำมันที่ติดกากช่วยทำให้เส้นผมชุ่มชื้น เป็นมัน
3. เป็นสารให้ความหอม กากชาช่วยดูดกลิ่น
4. เป็นพืชเศรษฐกิจ คนเมืองนำใบอ่อนหมักเป็นเมี่ยงขาย ยอดอ่อนเก็บเป็นผลผลิตขาย ส่งขายต่างประเทศ

ชา เป็นพืชที่คนทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี ขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มสุขภาพที่คนมีอายุชอบทานกันเป็นประจำ ทว่าในปัจจุบันมีการนำชามาแปรรูปได้หลากหลาย จนบางทีการแปรรูปนั้นได้มีการผสมหลายอย่าง อาจทำให้บางผลิตภัณฑ์นั้นไม่ได้มีประโยชน์อย่างแท้จริง การดื่มชาที่ดีคือ การชงจากใบชาด้วยน้ำร้อน จึงจะดีต่อสุขภาพมากที่สุด ชามีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะใบ มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ เป็นยาสมานแผล แก้โรคหัวใจ ดีต่อระบบหัวใจและการไหลเวียนของโลหิตในร่างกาย

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ชา”. หน้า 262-264.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “ชา”. หน้า 200.
หนังสือสมุนไพรลดไขมันในเลือด 140 ชนิด. (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก). “ชา” หน้า 81-82.
Mae Fah Luang University. “เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับชา ตอนที่ 1: สายพันธุ์ชา”. เข้าถึงได้จาก: www.mfu.ac.th. [11 ส.ค. 2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “Tea plant”. อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [11 ส.ค. 2014].
ผู้จัดการออนไลน์. “รู้ลึกรู้จริงเรื่องชา กูรูระดับโลกบินมาแนะวิธีชงดื่มสไตล์อังกฤษแท้ ๆ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.manager.co.th. [11 ส.ค. 2014].
ศูนย์วิทยบริการ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข. “เคล็ด(ไม่)ลับ เลือกดื่มชาเพื่อสุขภาพ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: elib.fda.moph.go.th. [11 ส.ค. 2014].
ข่าวสด คอมลัมน์ : เก็บเรื่องมาเล่า. (ชนา ชลาสัย).
ผู้จัดการออนไลน์. (เอมอร คชเสนี). “ดื่มชาทั้งที ต้องให้มีประโยชน์”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.manager.co.th. [12 ส.ค. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

เอื้องหมายนา ไม้ประดับสีขาว ช่วยระบบขับถ่ายและอวัยวะของเพศหญิง

0
เอื้องหมายนา
เอื้องหมายนา ไม้ปลูกประดับสีขาว ดีต่อระบบขับถ่ายและอวัยวะของเพศหญิง มีดอกสีขาว รากและเหง้ามีรสขมเมา พบได้ทุกภาคของประเทศไทย

เอื้องหมายนา

เอื้องหมายนา

เอื้องหมายนา เป็นต้นที่มีดอกสีขาวจึงนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ แถมยังปลูกเลี้ยงได้ง่ายอีกด้วย เป็นที่นิยมนำมาใช้ประกอบพิธีกรรมของชาวไทลื้อและชาวลัวะ ต้นมีถิ่นกำเนิดมาจากอินเดีย สามารถพบได้ทุกภาคของประเทศไทย ส่วนต่าง ๆ ของต้นเป็นยาสมุนไพรที่นิยมของชาวม้ง ชาวไทใหญ่ คนเมือง หมอยาบางพื้นที่ และตำรายาสมุนไพรพื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานี รากและเหง้ามีรสขมเมา จึงอุดมไปด้วยสรรพคุณทางยาชั้นยอด

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของเอื้องหมายนา

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cheilocostus speciosus (J.Koenig) C.D.Specht
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Crape ginger” “Malay ginger” “Spiral Flag” “Wild ginger”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “เอื้องเพ็ดม้า” ภาคใต้เรียกว่า “เอื้องดิน เอื้องใหญ่ บันไดสวรรค์” จังหวัดนครศรีธรรมราชเรียกว่า “เอื้องช้าง” จังหวัดอุบลราชธานีเรียกว่า “เอื้อง” จังหวัดยะลาเรียกว่า “เอื้องต้น” ชาวกะเหรี่ยงเชียงใหม่เรียกว่า “ซูแลโบ” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “ชู้ไลบ้อง ซูเลโบ” ชาวม้งเรียกว่า “กู่เก้ง” ชาวเมี่ยนเรียกว่า “ชิ่งก๋วน” ชาวลัวะเรียกว่า “ลำพิย้อก” ชาวปะหล่องเรียกว่า “ดื่อเหม้” คนจีนเรียกว่า “จุยเจียวฮวย”
ชื่อวงศ์ : วงศ์เอื้องหมายนา (COSTACEAE)
ชื่อพ้อง : Costus speciosus (J.Koenig) Sm.

ลักษณะของเอื้องหมายนา

เอื้องหมายนา เป็นพืชล้มลุกที่มีถิ่นกำเนิดในอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จนถึงเกาะนิวกินี มักจะพบตามบริเวณที่มีความชุ่มชื้น ใต้ต้นไม้ใหญ่ น้ำตก ชายน้ำ ริมทางน้ำ ริมหนองบึง ตามบริเวณเชิงเขา และป่าดิบชื้น
เหง้า : เหง้าอยู่ใต้ดิน มักขึ้นเป็นกอ
ลำต้น : ลำต้นกลมฉ่ำน้ำ เป็นสีแดง
ราก : เป็นหัวใหญ่ยาว โคนแข็งเหมือนไม้
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเวียนสลับกันรอบลำต้น เป็นรูปวงรีแกมขอบขนาน รูปใบหอก ปลายใบแหลม โคนใบมนเรียวขอบใบเรียบ กาบใบอวบเป็นสีเขียวหรือสีน้ำตาลแดงโอบรอบลำต้น ท้องใบมีขนนุ่มสั้นคล้ายกำมะหยี่
ดอก : ออกเป็นช่อที่ปลายของลำต้น เป็นรูปไข่ กาบรองดอกเป็นรูปไข่ปลายแหลม ปลายแข็ง มีสีเขียวปนแดง แต่ละกาบรองรับดอกย่อย 1 ดอก ดอกจะทยอยบานครั้งละ 1 – 2 ดอก กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นหลอด มี 3 สัน ตรงปลายแยก 3 กลีบ แยกออกเป็น 2 ปาก กลีบดอก 3 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกันเล็กน้อยเป็นสีขาว เกสรเพศผู้ที่ไม่สมบูรณ์เป็นรูปไข่กลับสีขาว ดอกมีเกสรเพศผู้ที่สมบูรณ์ 1 อัน เกสรเพศเมีย 1 อัน มีรังไข่ 3 ช่อง มักจะออกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม
ผล : เป็นรูปทรงกลม รูปขอบขนานแกมรูปสามเหลี่ยม เมื่อแห้งแล้วจะแตก มีเนื้อแข็ง เนื้อสุกสีแดงสด ตรงปลายยอดมีกลีบเลี้ยง 1 กลีบ หรือเป็นกระจุกแหลม 3 แฉก กาบหุ้มผลเป็นสีแดง ภายในผลมีเมล็ดสีดำเป็นมัน

สรรพคุณของเอื้องหมายนา

  • สรรพคุณจากเหง้า แก้ซางเด็ก เป็นยาถ่าย ยาแก้พยาธิ ฆ่าพยาธิ เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยแก้โรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ช่วยแก้อาการตกขาวของสตรี ทำให้แท้ง ช่วยแก้อาการบวมน้ำ
    – รักษาโรคความดันโลหิตต่ำ แก้อาการหน้าซีด เป็นยาสมานแผลภายใน เป็นยาช่วยบำรุงมดลูก โดยชาวม้งนำเหง้ามาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
    – รักษาโรคท้องมาน ด้วยการนำเหง้ามาตำพอกบริเวณสะดือเป็นยา
    – แก้แผลหนอง แก้อักเสบ แก้บวม ด้วยการนำเหง้ามาต้มเอาน้ำใช้ล้างหรือตำพอกบริเวณที่มีอาการ
  • สรรพคุณจากราก เป็นยาแก้ไข้หวัด ช่วยแก้อาการไอ ช่วยขับเสมหะ ช่วยในการย่อยอาหาร เป็นยาขับพยาธิ ช่วยกระตุ้นความต้องการทางเพศ เป็นยาขม ยาฝาดสมาน รักษาพิษงูกัด เป็นยาแก้โรคผิวหนัง
    – บำรุงกำลัง โดยชาวไทใหญ่นำรากมาดองกับเหล้าดื่มเป็นยา
  • สรรพคุณจากหน่อและดอก เป็นยาบำรุงกำลัง แก้ตัวเหลือง แก้อาการอ่อนเพลียไม่มีแรง
  • สรรพคุณจากลำต้น
    – ต้านโรคมะเร็ง เป็นยาขับปัสสาวะ แก้อาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ โดยคนเมืองนำลำต้นมาต้มกินเป็นยา
    – แก้หูน้ำหนวก ด้วยการนำลำต้นมาย่างไฟคั้นเอาน้ำใช้หยอดหู
    – แก้นิ่ว ด้วยการนำลำต้นมาตัดให้มีความยาวหนึ่งวา เอาไปย่างไฟคั้นเอาน้ำดื่ม
    – รักษาอาการผิวหนังเป็นผื่น แก้อาการคันตามผิวหนัง แก้อาการคันจากพิษหมามุ่ย โดยชาวไทใหญ่นำลำต้นมาตัดประมาณ 1 นิ้ว พกใส่กระเป๋าป้องกันไม่ให้ขนหมามุ่ยติด
  • สรรพคุณจากใบ เป็นยาแก้ไข้
    – รักษาโรคหูเป็นหนอง โดยชาวไทใหญ่นำใบมารมไฟ บีบเอาน้ำมาหยอดหู
    – รักษาริดสีดวงจมูก โดยหมอยาบางพื้นที่นำใบเอื้องหมายนากับใบเปล้าใหญ่ มาซอยตากแห้งอย่างละเท่ากัน แล้วมวนสูบเป็นบุหรี่
    – รักษาโรคนิ่ว โดยชาวลัวะนำใบใช้ร่วมกับใบของมะละกอตัวผู้ และพืชอื่น ๆ
  • สรรพคุณจากต้นตลอดถึงราก ช่วยบำบัดอาการปวดมวนในท้องคล้ายโรคกระเพาะ แก้ถ่ายเป็นเลือด แก้กินอาหารแสลงแล้วมีอาการปวดและออกทางทวาร ช่วยแก้อาการท้องผูกเป็นประจำ เป็นยาสมานมดลูก
  • สรรพคุณจากน้ำคั้นจากลำต้น เป็นยารักษาโรคบิด
  • สรรพคุณจากน้ำคั้นจากเหง้าสด เป็นยาถ่ายอย่างแรง เป็นยารักษาซิฟิลิส

ประโยชน์ของต้นเอื้องหมายนา

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร หน่ออ่อนใช้ทานได้แต่ต้องทำให้สุกเสียก่อน ด้วยการนำมาต้มหรือลวกทานเป็นผักจิ้มกับน้ำพริก หรือประกอบในอาหาร ประเทศอินเดีย มาเลเซียและฟิลิปปินส์ใช้หน่ออ่อนใส่แกง และทานเป็นผัก
2. ใช้ในการเกษตร เป็นอาหารสัตว์จำพวก โค กระบือใช้กำจัดหอยเชอรี่
3. เป็นความเชื่อ ชาวลัวะนำใบมาเป็นส่วนประกอบในการทำพิธีสู่ขวัญควาย ชาวไทลื้อนำทั้งต้นมาประกอบพิธีกรรมก่อนการทำนา
4. เป็นไม้ปลูกประดับ นิยมนำมาตัดไว้ประดับแจกันทั้งต้นที่มีช่อดอก ปลูกเป็นไม้ประดับ

เอื้องหมายนา เป็นต้นที่มีสรรพคุณทางยาพื้นบ้านได้หลากหลาย ดีต่ออวัยวะของเพศหญิง แต่ก็เป็นพิษด้วยเช่นกัน เพราะมีฤทธิ์ทำให้แท้งได้ ดังนั้นสตรีมีครรภ์ควรระวังในการใช้พืชชนิดนี้ นอกจากนั้นยังมีดอกเป็นสีขาวดูสวยงามสะอาดตา จึงนิยมนำมาใช้ทำประดับแจกัน เอื้องหมายนามีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของเหง้า มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ รักษาโรคบิด แก้ถ่ายเป็นเลือด รักษาโรคนิ่ว แก้หูน้ำหนวก ต้านโรคมะเร็ง เป็นยาขับปัสสาวะและยาบำรุงกำลังได้ ดีต่อระบบขับถ่ายเป็นอย่างมาก

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “เอื้องหมายนา (Ueang Mai Na)”. หน้า 345.
หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง. (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, กัญจนา ดีวิเศษ). “เอื้องหมายนา”. หน้า 155.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “เอื้องหมายนา”. หน้า 845-847.
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “เอื้องหมายนา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com. [27 ก.ค. 2014].
พรรณไม้บริเวณสวนสมุนไพรสาธิต, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “เอื้องหมายนา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/palace/chitralada/cld6-5_2.htm. [27 ก.ค. 2014].
ฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. (ไพร มัทธวรัตน์). “เอื้องหมายนา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: clgc.rdi.ku.ac.th. [27 ก.ค. 2014].
ฐานข้อมูลพันธุกรรมพืช กรมวิชาการเกษตร. (สัจจะ ประสงค์ทรัพย์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการ). “เอื้องหมายนา (ด่าง)”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: th.apoc12.com. [27 ก.ค. 2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “เอื้องหมายนา”. อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [27 ก.ค. 2014].
ไทยบ้าน. “เอื้องหมายนา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: thaibarn.net. [27 ก.ค. 2014].
พันทิป. (pakeeranung). “เอื้องหมายนา กับคุณค่าบางอย่าง ที่บางท่านอาจยังไม่เคยรู้…”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: pantip.com. [27 ก.ค. 2014].
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. “เอื้องหมายนา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: th.wikipedia.org/wiki/เอื้องหมายนา. [27 ก.ค. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

รูปอ้างอิง
https://indiabiodiversity.org/group/bangalore_birdrace_2013/observation/show/323885
https://indiabiodiversity.org/group/VNCIndia/observation/show/1813481

อัคคีทวาร เป็นยาเย็น ดีต่อระบบหายใจ แก้อักเสบ แก้ไข้

0
อัคคีทวาร
อัคคีทวาร เป็นยาเย็น ดีต่อระบบหายใจ แก้อักเสบ แก้ไข้ ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์ เป็นไม้พุ่มดอกสีม่วงฟ้า ผลมีรสเปรี้ยวขื่นร้อน ต้นมีรสขมเผ็ด

อัคคีทวาร

อัคคีทวาร

อัคคีทวาร ไม้พุ่มดอกสีม่วงฟ้าสวยงาม จึงนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ ทว่าทั้งต้นยังเป็นยาสมุนไพรที่น่าทึ่ง แต่ยาชนิดนี้ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์ ค่อนข้างนิยมนำมาใช้กับชาวลัวะ ผลมีรสเปรี้ยวขื่นร้อน ทั้งต้นมีรสขมเผ็ด มีพิษเล็กน้อย ใช้เป็นยาเย็น สามารถแก้ไข้ได้ คนอีสานจะนำช่อดอกของต้นมาหมกไฟหรือย่างกินกับซุบหน่อไม้ มักจะพบตามป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณที่เปิดและค่อนข้างชื้น

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของอัคคีทวาร

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Rotheca serrata (L.) Steane & Mabb.
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “ตรีชวา อัคคี” ภาคเหนือเรียกว่า “ตั่งต่อ ปอสามเกี๋ยน สามสุม” จังหวัดเชียงใหม่เรียกว่า “หลัวสามเกียน” จังหวัดเชียงรายเรียกว่า “แข้งม้า” จังหวัดสกลนครเรียกว่า “หมากดูกแฮ้ง” จังหวัดปราจีนบุรีเรียกว่า “มักแค้งข่า” จังหวัดนครราชสีมาเรียกว่า “พรายสะเลียง สะเม่าใหญ่” จังหวัดสุราษฎร์ธานีเรียกว่า “อัคคี” วาริชภูมิเรียกว่า “พายสะเมา” ชาวกะเหรี่ยงเชียงใหม่เรียกว่า “ควีโดเยาะ” ชาวไทใหญ่เรียกว่า “ผักห้าส้วย” ชาวลัวะเรียกว่า “ลำกร้อล” จีนกลางเรียกว่า “ซานไถหงฮวา ซานตุ้ยเจี่ย” มีชื่ออื่น ๆ ว่า “ชะรักป่า แคว้งค่า ผ้าห้ายห่อคำ มักก้านต่อ หมอกนางต๊ะ หูแวง ฮังตอ”
ชื่อวงศ์ : วงศ์กะเพรา (LAMIACEAE หรือ LABIATAE)
ชื่อพ้อง : Clerodendrum serratum (L.) Moon, Clerodendrum serratum var. wallichii C.B.Clarke

ลักษณะของอัคคีทวาร

อัคคีทวาร เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก มักจะพบตามป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณที่เปิด ค่อนข้างชื้น
ลำต้น : ลำต้นตั้งตรงและแยกเป็นช่อ ลักษณะกลมหรือเป็นเหลี่ยมเล็กน้อย เปลือกลำต้นเรียบเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือสีเทาเข้ม กิ่งอ่อนและยอดอ่อนเป็นเหลี่ยม เปลือกมีรูสีขาวและมีขนปกคลุม
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกัน หรือเรียงซ้อนกันเป็นวง ใบแตกตามข้อ แต่ละข้อออกเป็น 3 ใบวงเป็นรอบ บางข้อมี 3 – 4 ใบ เป็นรูปวงรียาวหรือรูปใบหอก ปลายใบแหลมเป็นติ่งสั้น โคนใบสอบหรือแหลม ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย หลังใบเรียบเป็นสีเขียวเข้มเป็นมัน ท้องใบเรียบเป็นสีอ่อนกว่า เส้นกลางใบเป็นสีเขียวเข้มหรือสีม่วง
ดอก : ออกดอกเป็นช่อ มักจะออกตามซอกใบและที่ปลายยอด ดอกย่อยเป็นสีม่วงอ่อนเข้ม สีม่วงอ่อนอมสีฟ้า หรือสีชมพูอ่อน กลีบดอก 5 กลีบ รูปทรงกระบอก โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้น ดอกมีขนสีน้ำตาลเข้มปกคลุม มีกลีบเลี้ยงเป็นรูปไข่กลับ 2 ใบหุ้มอยู่ มีขนาดเล็ก เป็นสีชมพูอ่อน
ผล : เป็นรูปค่อนข้างกลมหรือกลมแป้น ผิวผลเรียบเป็นมัน เมื่ออ่อนเป็นสีเขียว พอแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีดำ
เมล็ด : ภายในผลมีเมล็ดสีดำ 1 เมล็ด เป็นรูปกลมวงรี

สรรพคุณของอัคคีทวาร

  • สรรพคุณจากใบ แก้อาการปวดศีรษะ แก้ปวดศีรษะเรื้อรัง เป็นยาแก้อาการจุกเสียด แก้ท้องท้องอืด รักษาริดสีดวงทวาร
    – แก้หลอดลมอักเสบ ด้วยการนำใบมาต้มกับขิงกินเป็นยา
    – ช่วยแก้อาการเจ็บหน้าอก ด้วยการนำใบมาลนไฟแล้วนำมาประคบบริเวณหน้าอก
    – ช่วยแก้อาการเสียดท้อง ด้วยการนำใบมาต้มกับน้ำทาน
    – แก้แผลฝีหนองเรื้อรัง รักษารอยแผลจากการถูกแมลงกัดและปากนกกระจอก ด้วยการนำใบสดมาอังไฟแล้วขยี้ใส่
    – ให้มดลูกเข้าอู่ดีขึ้นและแก้อักเสบ ด้วยการนำใบสดมาโขลกเอาน้ำกินให้คุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งคลอดลูก
  • สรรพคุณจากผล
    – แก้โรคเยื่อตาอักเสบ แก้ไอ ด้วยการนำผลสุกหรือดิบมาเคี้ยว กลืนน้ำกิน
  • สรรพคุณจากต้น แก้ไข้จับสั่น ขับปัสสาวะ รักษาริดสีดวงทวาร
    – ลดความดันโลหิต แก้ไข้ป่า แก้ปวดท้อง โดยชาวบ้านนำลำต้นมาฝานเป็นชิ้นบาง ตากแห้งแล้วนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยา
  • สรรพคุณจากทั้งต้น เป็นยาขับพิษร้อนถอนพิษไข้ แก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้อาการเจ็บคอ แก้คออักเสบ แก้ทอนซิลอักเสบ แก้ตับอักเสบ แก้ฝีหนอง แก้โรคผิวหนัง แก้อาการฟกช้ำ แก้ปวดบวม ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยเนื่องจากลมชื้นเข้าข้อ
    – แก้กระดูกร้าว แก้กระดูกแตก ด้วยการนำต้นสดมาตำพอกบริเวณที่มีอาการ
    – แก้อาการปวดเมื่อยของหญิงที่เพิ่งคลอดบุตร ด้วยการนำทั้งต้นมาต้มกับน้ำอาบ
  • สรรพคุณจากราก ช่วยทำให้เสมหะแห้ง ช่วยในระบบทางเดินหายใจได้ดี แก้ริดสีดวงจมูกหรืออาการอักเสบเรื้อรังของโพรงจมูก รักษาสุขภาพของระบบกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยในการย่อยอาหาร ขับลม แก้อาการเบื่ออาหาร แก้ปวดเกร็งท้อง รักษาริดสีดวงทวาร
    – แก้คลื่นเหียน แก้อาเจียน ด้วยการนำรากมาต้มผสมกับขิงและลูกผักชี กินเป็นยา
  • สรรพคุณจากแก่นและเนื้อไม้
    – เป็นยาขับปัสสาวะ ขับนิ่ว โดยชาวบ้านนำลำต้นมาฝานเป็นชิ้นบาง ตากให้แห้งแล้วต้มทาน
  • สรรพคุณจากต้นและใบ แก้โรคผิวหนัง แก้กลากเกลื้อน แก้โรคเรื้อน ช่วยดูดหนอง แก้อาการขัดตามข้อ
  • สรรพคุณจากรากและต้น
    – แก้เกลื่อนฝี รักษาแผลบวม ด้วยการนำรากแห้งหรือต้นแห้งมาฝนกับน้ำปูนใสให้ข้น

ประโยชน์ของอัคคีทวาร

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ชาวลัวะนำยอดอ่อนและดอกมาทานสดร่วมกับน้ำพริก หรือนำมายำ ใช้แกง หรือผัด คนอีสานนำช่อดอกมาหมกไฟหรือย่างกินกับซุบหน่อไม้ แกงหน่อไม้ หมกหน่อไม้
2. ใช้ในการเกษตร ใช้รักษากระเพาะอาหาร ของโคกระบือ
3. ปลูกเป็นไม้ประดับ

อัคคีทวาร เป็นไม้พุ่มที่นิยมของชาวลัวะ และนิยมนำมาแกงกับหน่อไม้ นอกจากนั้นยังมีดอกสีฟ้าม่วงที่ชวนให้น่ามองอีกด้วย เป็นต้นที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้จักนัก เพราะจะพบตามป่ามากกว่าพบได้ทั่วไป มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของราก ต้นและใบ มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ แก้โรคผิวหนัง แก้อาการปวดศีรษะ แก้หลอดลมอักเสบ แก้กระดูกร้าวและแตก ช่วยในการย่อยอาหาร แก้ไข้และแก้อักเสบได้ ถือเป็นยาสมุนไพรชั้นยอดอีกชนิดหนึ่ง

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “อัคคีทวาร (Akkhi Thawan)”. หน้า 342.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “อัคคีทวาร”. หน้า 646.
สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “อัคคีทวาร”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [26 ก.ค. 2014].
หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 2. “อัคคีทวาร”.
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “ชะรักป่า, อัคคีทวาร”. อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [26 ก.ค. 2014].
อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “อัคคีทวาร”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.pharmacy.mahidol.ac.th/siri/. [26 ก.ค. 2014].
สมุนไพรดอทคอม. “อัคคีทวาร ยาโบราณแก้ริดสีดวง”. อ้างอิงใน: มูลนิธิสุขภาพไทย. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.samunpri.com. [26 ก.ค. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com
รูปอ้างอิง
Rotheca serrata (L.) Steane & Mabb.
https://commons.wikimedia.org/wiki/

หูปลาช่อน ทั้งต้นเป็นยาเย็น ช่วยดับพิษร้อน ทำให้เลือดเย็น

0
หูปลาช่อน
หูปลาช่อน ทั้งต้นเป็นยาเย็น ช่วยดับพิษร้อน ทำให้เลือดเย็น เป็นวัชพืชและยาสมุนไพร ดอกเป็นช่อสีแดงม่วงมี 5 แฉก

หูปลาช่อน

หูปลาช่อน

หูปลาช่อน เป็นไม้ล้มลุกที่มีสีเขียวแกมม่วง เป็นวัชพืชที่มีการกระจายพันธุ์ได้รวดเร็ว ทว่าสิ่งที่น่าแปลกใจเลยก็คือ พืชชนิดนี้อยู่ในวงศ์ทานตะวัน ในด้านสรรพคุณนั้นทั้งต้นมีรสขมฝาด เป็นยาเย็นต่อร่างกาย แม้ว่าจะเป็นยาสมุนไพรแต่ในทางกลับกัน ก็มีพิษต่ออวัยวะภายในเช่นกัน ดังนั้นการนำมารับประทานก็ควรระมัดระวัง พืชชนิดนี้สามารถนำมารับประทานเป็นผักสดจิ้มกับน้ำพริกหรือลาบได้ และยังเป็นผักที่มีสรรพคุณทางยา ใครที่รักสุขภาพห้ามพลาดเด็ดขาด

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของหูปลาช่อน

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Emilia sonchifolia (L.) DC. ex DC.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Cupid’s shaving brush” “Emilia” “Sow thistle”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางและจังหวัดเพชรบุรีเรียกว่า “หางปลาช่อน” จังหวัดลำปางเรียกว่า “ผักบั้ง” จังหวัดเลยเรียกว่า “ผักแดง” จีนแต้จิ๋วเรียกว่า “เอี่ยโต่ยเช่า เฮียะแอ่อั้ง” จีนกลางเรียกว่า “หยางถีฉ่าว หยางถีเฉ่า เยวียะเสี้ยหง อีเตี่ยนหง”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ทานตะวัน (ASTERACEAE หรือ COMPOSITAE)
ชื่อพ้อง : Cacalia sonchifolia Hort ex L.

ลักษณะของหูปลาช่อน

หูปลาช่อน เป็นพรรณไม้ล้มลุกจำพวกหญ้าที่พบในเขตร้อนของทวีปเอเชีย เป็นพรรณไม้วัชพืชที่มักขึ้นตามที่ชื้น ทุ่งหญ้าโล่ง หรือขึ้นปะปนกับวัชพืชทั่วไป
ลำต้น : ลำต้นตั้งตรง มีสีเขียวแกมม่วง ปกคลุมไปด้วยขนนุ่มทั่วไป
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกัน ใบมีลักษณะห่อหุ้มลำต้นอยู่ ปลายใบแหลมเรียว โคนใบกว้างเป็นรูปไข่ ขอบใบโค้งหยักเล็กน้อยหรือหยักเว้า หลังใบเป็นสีเขียวเข้ม ท้องใบเป็นสีม่วงแดง ใบที่โคนต้นมีขนาดใหญ่กว่าใบที่อยู่บนยอด ใบบนเป็นรูปหอกโคนเว้าขอบจักแคบ ไม่มีก้านใบ
ดอก : ออกดอกเป็นช่อ มักจะออกตามบริเวณกลางลำต้นหรือยอดต้น ก้านดอกแบ่งออกเป็น 2 แขนง ดอกย่อยประมาณ 20 – 45 ดอก เป็นดอกแบบสมบูรณ์เพศ ดอกขนาดเล็ก โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปทรงกระบอก กลีบดอกส่วนโคนเชื่อมติดกันเป็นรูปท่อ ดอกเป็นสีแดงม่วงมี 5 แฉก มีเกสรเพศผู้ 5 อัน เกสรเพศเมีย 1 อัน
ผล : เป็นผลเดี่ยวรูปทรงกระบอก เปลือกผลแข็ง มีจรสีขาวปกคลุมที่เส้นสันผิวเปลือก ผลแห้งจะไม่แตกหรืออ้าออก
เมล็ด : เมล็ดล่อน สีน้ำตาล และมีขน

สรรพคุณของหูปลาช่อน

สรรพคุณจากทั้งต้น ออกฤทธิ์ต่อปอด ตับและลำไส้เล็ก เป็นยารักษาระบบทางเดินหายใจติดเชื้อ เป็นยาขับพิษร้อน ถอนพิษไข้ เป็นยาแก้ไข้ ทำให้เลือดเย็น ช่วยขับน้ำชื้นในร่างกาย ช่วยแก้หืดไอ ช่วยแก้เลือดกำเดา แก้อาเจียนเป็นเลือด ช่วยแก้ตาเจ็บตาแดง ช่วยขับเสมหะ ช่วยขับปัสสาวะ แก้อาการบวมน้ำ ช่วยรักษาฝีในลำไส้ ห้ามเลือด และสมานแผล แก้ไฟไหม้ แก้น้ำร้อนลวก
– แก้ช่องคลอดอักเสบหรือคัน ด้วยการนำทั้งต้นมาต้มกับน้ำสะอาดแล้วใช้ล้าง
สรรพคุณจากราก ช่วยแก้ท้องเสีย
– เป็นยาแก้โรคตานซางขโมยในเด็ก ด้วยการนำรากสดประมาณ 10 กรัม มานึ่งกับเนื้อหมูแดง
– แก้อาการปวดหลัง แก้ปวดเอว ด้วยการนำรากมาตำคั้นผสมกับน้ำตาลเมาแล้วดื่ม
สรรพคุณจากใบ น้ำคั้นจากใบใช้หยอดแก้เจ็บตา ใบนำมาขยี้ทารักษาหูด
สรรพคุณจากลำต้น แก้อาการบวมน้ำ
– แก้เจ็บคอ คอตีบ คออักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้บิดถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด แก้ท้องร่วง ช่วยแก้ฝีฝักบัว ด้วยการนำลำต้นสด 30 – 90 กรัม ส่วนแห้ง 15 – 30 กรัม มาต้มเอาน้ำกินเป็นยา วันละ 2 – 3 ครั้ง
– แก้ผดผื่นคัน แก้ฝีต่าง ๆ ด้วยการนำลำต้นสดมาตำให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำมาพอกหรือทาบริเวณที่มีอาการ
สรรพคุณจากต้น
– ช่วยรักษาโรคเริม ด้วยการนำต้นสดมาพอกบริเวณที่มีอาการ เปลี่ยนยาวันละครั้ง

ประโยชน์ของหูปลาช่อน

เป็นส่วนประกอบของอาหาร ยอดอ่อนและใบอ่อน นำมาใช้ทานเป็นผักสดจิ้มกับน้ำพริกหรือลาบได้

ข้อควรระวังของหูปลาช่อน

1. สตรีมีครรภ์ห้ามใช้สมุนไพรหูปลาช่อน
2. เป็นพิษต่อตับ สารที่เป็นพิษคือสาร Pyrrolizidine alkaloid หากได้รับในครั้งแรกจะทำให้อาเจียน หลังจากนั้นประมาณ 8 – 10 ชั่วโมง จะมีอาการชักกระตุกควบคู่ไปกับมีอาการอาเจียน ท้องเดิน ปวดท้อง และหมดสติได้

หูปลาช่อน เป็นยาที่ออกฤทธิ์เย็น ทำให้มีส่วนช่วยดับพิษร้อนในร่างกายได้ ช่วยแก้ไข้พิษต่าง ๆ แม้ว่าจะเป็นวัชพืชเล็ก ๆ ที่ดูไม่ค่อยน่าสนใจนัก แต่กลับมีประโยชน์ทั้งด้านสมุนไพร และการนำมาใช้เป็นผักสดจิ้มกินได้ เป็นต้นที่มีสีเขียวแกมม่วงขนาดเล็ก ภายนอกไม่ค่อยเด่นมากนัก หูปลาช่อนมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของลำต้นและราก มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ รักษาระบบทางเดินหายใจติดเชื้อ ขับพิษร้อน แก้อาการบวมน้ำ แก้ช่องคลอดอักเสบหรือคัน และช่วยรักษาโรคเริมได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “หูปลาช่อน“. หน้า 827-829.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “หูปลาช่อน“. หน้า 620.
ระบบวินิจฉัยและการรักษาอาการอันเนื่องจากพืชพิษในประเทศไทย, สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “หูปลาช่อน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.medplant.mahidol.ac.th/tpex/. [18 ก.ค. 2014].
อุทยานธรรมชาติวิทยาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เครือข่ายกาญจนาภิเษก. “หูปลาช่อน“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.kanchanapisek.or.th. [18 ก.ค. 2014].
หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “ฤทธิ์ระงับปวดของสารสกัดจากต้นหูปลาช่อน (Emilia sonchifolia)”. เข้าถึงได้จาก: www.medplant.mahidol.ac.th. [18 ก.ค. 2014].
ศูนย์รวมข้อมูลสิ่งมีชีวิตในประเทศไทย, สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน). “หางปลาช่อน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaibiodiversity.org. [18 ก.ค. 2014].
ไทยเกษตรศาสตร์. “สมุนไพรหูปลาช่อน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaikasetsart.com. [18 ก.ค. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง
Emilia sonchifolia
https://portal.wiktrop.org/observation/show/15187