หมากผู้หมากเมีย ไม้สำหรับบูชาพระ เป็นยาดีต่อระบบเลือด

0
หมากผู้หมากเมีย
หมากผู้หมากเมีย ไม้สำหรับบูชาพระ เป็นยาดีต่อระบบเลือด ใบเป็นสีแดงเขียวหรือสีแดงม่วง ดอกเป็นสีม่วงแดงหรือสีชมพูสลับด้วยสีเหลืองอ่อน

หมากผู้หมากเมีย

หมากผู้หมากเมีย

หมากผู้หมากเมีย เป็นต้นที่มีอยู่ด้วยกันหลายชนิดจากการผสมพันธุ์ เป็นพรรณไม้พุ่มขนาดเล็กที่มีใบเป็นสีแดงเขียวหรือสีแดงม่วง ส่วนของดอกเป็นสีม่วงแดงหรือสีชมพูสลับด้วยสีเหลืองอ่อนทำให้ดูสวยงาม จัดเป็นพรรณไม้กลางแจ้ง มักจะพบใกล้แหล่งน้ำ หรือใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีแสงแดดรำไร จึงนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับลงกระถางเพื่อประดับภายในอาคาร นอกจากนี้ยังเป็นต้นที่ชาวไทใหญ่และชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนนำดอกมาใช้บูชาพระ และยังเป็นต้นไม้แห่งความเชื่อของคนโบราณอีกด้วย

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของหมากผู้หมากเมีย

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cordyline fruticosa (L.) A.Chev.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Cordyline” “Ti plant” “Dracaena Palm”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “มะผู้มะเมีย” ภาคเหนือเรียกว่า “หมากผู้” จังหวัดเชียงใหม่เรียกว่า “ปูหมาก” จีนแต้จิ๋วเรียกว่า “ทิฉิ่ว ทิฉิ่วเฮียะ” จีนกลางเรียกว่า “เที่ยซู่”
ชื่อวงศ์ : วงศ์หน่อไม้ฝรั่ง (ASPARAGACEAE)

ลักษณะของหมากผู้หมากเมีย

ลำต้น : ลักษณะของลำต้นตั้งตรง ไม่มีกิ่งก้านสาขามากนัก
ใบ : ออกเป็นวงสลับกันบริเวณส่วนยอดของลำต้น ลักษณะของใบเป็นรูปยาววงรี ปลายใบแหลม เป็นสีแดงเขียวหรือสีแดงม่วง แต่ว่าลักษณะของใบและสีของใบนั้นขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่ปลูกด้วย
ดอก : ออกดอกเป็นช่อ โดยจะออกบริเวณยอดลำต้น ดอกย่อยมีกลีบเลี้ยงและกลีบดอกอย่างละ 6 กลีบ กลีบดอกเป็นรูปทรงกระบอก ดอกเป็นสีม่วงแดงหรือสีชมพูสลับด้วยสีเหลืองอ่อน มีเกสรเพศผู้ 6 อัน รังไข่ 3 ห้อง
ผล : ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลม ผลมีลักษณะฉ่ำน้ำ ภายในผลมีเมล็ดประมาณ 1 – 3 เมล็ด

สรรพคุณของหมากผู้หมากเมีย

  • สรรพคุณจากราก แก้ปวดบวมอักเสบ ช่วยแก้ฟกช้ำดำเขียว
    – เป็นยาฟอกเลือด ด้วยการนำรากสดครั้งละ 30 – 60 กรัม รากแห้งครั้งละ 15 – 20 กรัม แล้วนำมาต้มกับน้ำทาน
    – แก้ไอและไอเป็นเลือด แก้วัณโรคปอด แก้ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ แก้ปัสสาวะเป็นเลือด ด้วยการนำรากสด 30 – 60 กรัม มาต้มกับน้ำทาน
    – แก้บิด แก้ท้องเสีย แก้ลำไส้อักเสบ แก้ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ ด้วยการนำรากแห้ง 3 – 5 กรัม มาต้มเอาน้ำกิน
  • สรรพคุณจากใบ แก้ไข้หวัด แก้ไข้หวัดน้อย แก้ไข้หวัดใหญ่ แก้ไข้กำเดา แก้ไข้พิษ แก้ไข้กาฬ แก้ไข้หัวต่าง ๆ แก้ตัวร้อน แก้ร้อนในกระหายน้ำ ช่วยล้อมตับดับพิษ เป็นยาขับพิษ
    – เป็นยาแก้พิษกาฬ หรือพิษที่เกิดจากการติดเชื้อ ด้วยการนำใบมาต้มหรือแช่น้ำอาบแก้ไข้หัว หรือไข้ร่วมกับผื่นหรือตุ่ม เช่น หัด เหือด อีสุกอีใส เป็นต้น
    – แก้ไอและไอเป็นเลือด แก้อาการเจ็บกระเพาะอาหารหรือปวดกระเพาะ แก้บิด แก้ถ่ายเป็นมูกเลือด แก้ปัสสาวะเป็นเลือด ด้วยการนำใบสด 15 – 30 กรัม มาต้มเอาน้ำกินเป็นยา
    – ช่วยแก้โลหิตกำเดา ด้วยการนำใบสด 30 – 60 กรัม ใบแห้ง 15 – 20 กรัม มาต้มกับน้ำกิน
    – แก้วัณโรคปอด แก้ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ แก้ปัสสาวะเป็นเลือด ด้วยการนำใบสด 60 – 100 กรัม มาต้มเอาน้ำกินเป็นยา
    – แก้บิดถ่ายเป็นมูก ด้วยการนำใบสด 30 – 40 กรัม เปลือกลูกทับทิมแห้ง 10 กรัม ผักเบี้ยใหญ่สด 30 กรัม และดอกสายน้ำผึ้ง 15 กรัม มาต้มกับน้ำทาน
    – แก้ถ่ายเป็นเลือด ด้วยการนำใบสด 30 – 40 กรัม มาต้มกับเนื้อหมูทาน
    – รักษาบาดแผล ด้วยการนำใบสดมาตำให้ละเอียดใช้เป็นยาพอกหรือทาบริเวณที่มีอาการ
    – ช่วยแก้อาการคันตามผิวหนังหรือเม็ดผดผื่นคันตามผิวหนัง ด้วยการนำใบมาต้มกับน้ำอาบ หรือใช้ร่วมกับใบหมากและใบมะยม
    – ช่วยบำรุงร่างกายและผิวพรรณ โดยตำรับไทลื้อนำใบมาสับแล้วตากให้แห้งใช้เข้ายาห่ม
  • สรรพคุณจากดอก
    – แก้ไอและไอเป็นเลือด แก้วัณโรค แก้ปัสสาวะเป็นเลือด แก้ริดสีดวงทวาร ด้วยการนำดอกแห้ง 15 – 30 กรัม มาต้มเอาน้ำกินเป็นยา
    – แก้ประจำเดือนมามากเกินควร ด้วยการนำดอกสดครั้งละ 30 – 60 กรัม ดอกแห้งครั้งละ 10 – 15 กรัม มาต้มกับน้ำดื่ม
    – ช่วยแก้อาการปวดบวมอักเสบ ด้วยการนำดอกสดมาตำพอกบริเวณที่มีอาการ
  • สรรพคุณจากใบและดอก
    – ช่วยห้ามเลือด ด้วยการนำใบและดอกสดมาตำให้ละเอียดใช้เป็นยาพอก

ประโยชน์ของหมากผู้หมากเมีย

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนนำช่อดอกมาลวกกับน้ำพริกกินหรือนำไปแกง
2. เป็นความเชื่อและใช้บูชา ชาวไทใหญ่และชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนนำดอกมาใช้บูชาพระ คนไทยโบราณเชื่อว่าหากบ้านใดปลูกไว้เป็นไม้ประจำบ้านจะทำให้มีความอยู่เย็นเป็นสุข
3. ปลูกเป็นไม้ประดับ

ข้อควรระวังของหมากผู้หมากเมีย

1. สตรีมีครรภ์ ห้ามรับประทานเด็ดขาด
2. เป็นยาที่มีพิษ ห้ามใช้ในปริมาณที่มากเกินควร

หมากผู้หมากเมีย ถือเป็นต้นที่โดดเด่นในด้านของการนำมาบูชา และในด้านของการนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ ด้วยความที่ใบมีสีสันสวยงาม จึงนิยมนำมาปลูกประดับอาคารกัน และยังเป็นไม้สำหรับไหว้บูชาพระอีกด้วย แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าส่วนต่าง ๆ ของต้นคือยาสมุนไพรที่ไม่ควรมองข้ามอีกชนิดหนึ่ง มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของใบ มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ เป็นยาฟอกเลือด แก้บิด แก้ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ และแก้วัณโรคปอดได้ ถือเป็นยาที่ดีต่อระบบเลือดในร่างกายเป็นอย่างมาก

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “หมากผู้หมากเมีย”. หน้า 821-822.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “หมากผู้หมากเมีย”. หน้า 616.
ฐานข้อมูลพรรณไม้ที่ใช้ในงานภูมิสถาปัตยกรรม ศูนย์ความรู้ด้านการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “หมากผู้หมากเมีย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: agkc.lib.ku.ac.th. [16 ก.ค. 2014].
อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “หมากผู้หมากเมีย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.pharmacy.mahidol.ac.th/siri/. [16 ก.ค. 2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “Cordyline, Ti plant”. อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [16 ก.ค. 2014].
สวนพฤกษศาสตร์สายยาไทย. “หมากผู้หมากเมีย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.saiyathai.com. [16 ก.ค. 2014].
ศูนย์ฝึกอบรมและควบคุมระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. “หมากผู้หมากเมีย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: student.nu.ac.th/49190283/. [16 ก.ค. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง
Cordyline fruticosa (L.) A. Chev.
https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:533580-1

ว่านน้ำ เหง้าและรากเป็นยาบำรุงบำรุงกำลัง แก้ไข้ แก้ปวด

0
ว่านน้ำ
ว่านน้ำ เหง้าและรากเป็นยาบำรุงบำรุงกำลัง แก้ไข้ แก้ปวด

ว่านน้ำ

ว่านน้ำ

ว่านน้ำ เป็นพรรณไม้น้ำที่มักจะพบตามริมน้ำ คูคลอง ในที่ที่มีน้ำท่วมขัง ที่ชื้นแฉะหรือแหล่งน้ำตื้น มีถิ่นกำเนิดในทวีปยุโรป มีเหง้าเจริญไปตามยาวขนานกับพื้นดิน รสของเหง้าเผ็ดร้อนฉุนและขม แถมยังกลิ่นหอม ช่อดอกอ่อนจะมีรสหวาน รากอ่อนนั้นเด็กในประเทศเนเธอร์แลนด์นำมาเคี้ยวเป็นหมากฝรั่ง ส่วนของใบเรียวแหลมและปลายใบแหลม ทำให้ดูโดดเด่น ส่วนของเหง้าและรากเป็นยาชั้นยอด รักษาโรคและอาการยอดนิยมได้เกือบทุกอย่าง นิยมนำมาเป็นส่วนประกอบในตำรายาทั้งหลายอีกด้วย

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของว่านน้ำ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Acorus calamus L.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Calamus” “Calamus Flargoot” “Flag Root” “Mytle Grass” “Myrtle sedge” “Sweet Flag” “Sweetflag” “Sweet Sedge”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคเหนือเรียกว่า “กะส้มชื่น คาเจี้ยงจี้ ผมผา ส้มชื่น ฮางคาวบ้าน ฮางคาวน้ำ” จังหวัดเชียงใหม่เรียกว่า “ว่านน้ำเล็ก ฮางคาวผา” จังหวัดเพชรบุรีเรียกว่า “ตะไคร้น้ำ” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “ทิสีปุตอ เหล่อโบ่สะ” ชาวม้งเรียกว่า “แป๊ะอะ” ชาวเมี่ยนเรียกว่า “ช่านโฟ้ว” ชาวปะหล่องเรียกว่า “สำบู่” ชาวขมุเรียกว่า “จะเคออ้ม ตะไคร้น้ำ” จีนแต้จิ๋วเรียกว่า “แปะเชียง” จีนกลางเรียกว่า “สุ่ยชังฝู ไป๋ชัง”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ว่านน้ำ (ACORACEAE)
ชื่อพ้อง : Acorus angustifolius Schott, Acorus aromaticus Gilib., Acorus calamus var. verus L., Acorus terrestris Spreng.

ลักษณะของว่านน้ำ

เหง้า : เหง้าเจริญตามยาวขนานกับพื้นดิน เป็นรูปทรงกระบอกค่อนข้างแบน ลักษณะเป็นข้อ ผิวนอกเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือสีน้ำตาลอมชมพู เนื้อภายในเป็นสีเนื้อแก่
ราก : เป็นรากฝอยเส้นเล็กยาว พันรุงรังไปตามข้อปล้องของเหง้า
ใบ : เป็นใบเดี่ยวเรียงสลับกัน ใบแตกออกมาจากเหง้าเป็นเส้นตรงรูปเรียวแหลม ปลายใบแหลม แผ่นใบเรียบ
ดอก : ออกดอกเป็นช่อ แทงออกมาจากเหง้าเป็นแท่งทรงกระบอก มีสีเหลืองออกเขียว ดอกย่อยเรียงตัวติดกันแน่น กลีบเลี้ยง 6 กลีบ เป็นรูปกลม มีกาบใบห่อหุ้ม 1 ใบ ดอกเพศผู้และเพศเมียอยู่ในช่อเดียวกัน
ผล : เป็นผลสดขนาดเล็ก ลักษณะคล้ายลูกข่างหรือปริซึม ปลายบนคล้ายพีระมิด เมื่อสุกจะเป็นสีแดง ภายในมีเมล็ดจำนวนน้อย ลักษณะเป็นรูปวงรี

สรรพคุณของว่านน้ำ

  • สรรพคุณจากเหง้า ช่วยบำรุงกำลัง บำรุงประสาท บำรุงหลอดลม ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ แก้โรคลม เป็นยาแก้ไข้มาลาเรียหรือไข้จับสั่น เป็นยาร้อนเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อหัวใจปอดและม้าม เป็นช่วยขับเสมหะ ละลายเสมหะ แก้เสมหะอุดตันในทางเดินหายใจ ช่วยแก้หลอดลมอักเสบ แก้หวัดลงคอ ช่วยแก้ลมจุกแน่นในทรวงอก แก้ลมในท้องแต่อยู่นอกกระเพาะและลำไส้ เป็นยาขับลมในท้อง แก้ลมขึ้น แก้อาการท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ แก้จุกเสียด แก้อาหารไม่ย่อย รักษาอาการปวดท้อง ช่วยแก้โรคกระเพาะอาหาร ช่วยรักษาโรคบิด แก้บิดในเด็ก แก้ท้องเสีย แก้ปวดท้องที่เกิดจากอาหารเป็นพิษ เป็นยาขับพยาธิ ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยขับระดูของสตรี รักษาแผลมีหนอง แก้โรคผิวหนัง แก้กลากเกลื้อน แก้ฝีหนอง แก้เด็กเป็นผื่นคันตามซอกก้นและซอกขา แก้อาการปวดตามข้อและตามกล้ามเนื้อ แก้ข้อกระดูกหักแพลง
    – เป็นยาบำรุงธาตุ ยาหอม แก้ธาตุพิการ บำรุงธาตุน้ำ ช่วยทำให้เจริญอาหาร ด้วยการนำเหง้าแห้ง 1 – 3 กรัม มาชงกับน้ำร้อนดื่มก่อนอาหารเย็น
    – เป็นยาระงับประสาท สงบประสาท แก้อาการสะลึมสะลือ แก้มึนงง รักษาอาการลืมง่าย แก้ตกใจง่าย แก้อาการตื่นเต้นตกใจกลัวจนสั่น แก้จิตใจปั่นป่วน ด้วยการนำเหง้าแห้ง 10 กรัม เอี่ยงจี่ 10 กรัม หกเหล้ง 10 กรัม เหล่งกุก 10 กรัม กระดองส่วนท้องของเต่า 15 กรัม มาผสมกันแบ่งกินครั้งละ 3 – 5 กรัม วันละ 3 ครั้ง
    – รักษาอาการกระจกตาอักเสบ ด้วยการนำเหง้าแห้งมาใส่น้ำ ต้มให้เดือดโดยใช้ไฟอ่อนแล้วเอากากออก จากนั้นปรับความเป็นกรดด่างให้เป็นกลาง กรองให้ใส แล้วนำไปนึ่งฆ่าเชื้อ ใช้เป็นยาหยอดตา
    – แก้อาการปวดฟัน ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน ด้วยการนำเหง้าแห้งมาบดให้เป็นผง แล้วใช้ทา
    – แก้ไข้ ด้วยการนำเหง้ามาต้มรวมกับขิงและไพล กินเป็นยา
    – รักษาอาการไอ ด้วยการนำชิ้นเล็ก มาอมเป็นยา
    – ทำให้อาเจียน ด้วยการนำผงจากรากหรือเหง้า กินมากกว่าครั้งละ 2 กรัม
  • สรรพคุณจากราก ช่วยบำรุงหัวใจ แก้โรคประสาทแบบฮีสทีเรีย แก้อาการปวดตามเส้นประสาท แก้ปวดศีรษะ ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ เป็นยาแก้ไข้มาลาเรียหรือไข้จับสั่น ช่วยแก้หืด เป็นยาระบาย เป็นยาแก้ปวดท้อง แก้ลงท้อง แก้ปวดท้องที่เกิดจากอาหารเป็นพิษ ช่วยรักษาอาการลำไส้อักเสบ แก้โรคบิดแบคทีเรีย เป็นยาถอนพิษสลอด แก้โรคผิวหนัง รักษาอาการอักเสบเรื้อรัง แก้อาการปวดตามข้อและตามกล้ามเนื้อ แก้ข้อกระดูกหักแพลง เป็นยาแก้เส้นกระตุก
    – แก้หวัดและเจ็บคอ โดยชาวอินเดียนำรากฉีกเป็นชิ้นเล็ก มาเคี้ยวประมาณ 2 – 3 นาที เป็นยา
    – ดูดพิษ แก้หลอดลม แก้ปอดอักเสบ ด้วยการนำรากฝนกับเหล้าทาหน้าอกเด็ก
    – แก้โรคลงท้องปวดท้องของเด็ก ด้วยการนำรากมาเผาให้เป็นถ่าน ทำเป็นผงทานมื้อละ 0.5 – 1.5 กรัม
  • สรรพคุณจากใบ แก้ปวดกล้ามเนื้อและข้อ เป็นยาสำหรับสตรีหลังคลอด
    – ช่วยรักษาอาการปวดศีรษะ ด้วยการนำใบสดมาตำละเอียด ผสมกับน้ำใช้สุมหัวเด็ก
  • สรรพคุณจากยอดอ่อนและดอก
    – รักษาอาการหวัด โดยชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนนำช่อดอกและยอดอ่อน มาทานสด
  • สรรพคุณจากทั้งต้น แก้อาการปวดเมื่อย
  • สรรพคุณจากน้ำมันหอมระเหยจากต้น แก้ชัก

ประโยชน์ของว่านน้ำ

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ชาวเมี่ยนนำผลอ่อนมาทานร่วมกับลาบ เด็กชอบกินช่อดอกอ่อน รากอ่อนเป็นหมากฝรั่งของเด็กในประเทศเนเธอร์แลนด์
2. เป็นความเชื่อ ชาวปะหล่องนำรากมาเป่าคาถาเพื่อไล่ผี
3. ใช้ไล่ยุงและแมลง
4. ใช้ในการเกษตร เป็นยาฆ่าปลวกที่ผิวดินและป้องกันต้นไม้ รากเป็นยาเบื่อแมลง
5. ใช้เป็นความหอม เหง้าสดนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหย ใช้แต่งกลิ่นเครื่องสำอางประเภทสบู่ ผงซักฟอก น้ำหอม ครีม และโลชั่น
6. ปลูกเป็นไม้ประดับ

ว่านน้ำ เป็นพืชน้ำที่มีประโยชน์ทางยาได้อย่างน่าทึ่ง สามารถนำมาใช้เป็นความหอมได้ด้วย ส่วนของเหง้าและรากเป็นยาสมุนไพรชั้นยอด นิยมนำมาใช้ในตำรายา ประกอบอาหาร เป็นส่วนให้ความหอม ไล่แมลงและยุงได้ มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของรากและเหง้า มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงประสาท แก้ไข้ แก้ปวด บำรุงกำลัง แก้ปอดอักเสบ เป็นยาระบาย และอื่น ๆ อีกมากมายจนนับไม่ถ้วน

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ว่านน้ำ”. หน้า 715-718.
หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ว่านน้ํา”. หน้า 35.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “ว่านน้ำ”. หน้า 510.
ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ว่านน้ำ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaicrudedrug.com. [03 มิ.ย. 2014].
หนังสือสมุนไพรลดไขมันในเลือด 140 ชนิด. (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก). “ว่านน้ํา” หน้า 168-169.
สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “ว่านน้ำ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [03 มิ.ย. 2014].
ฐานข้อมูลน้ำมันหอมระเหยไทย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.). “ว่านน้ํา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.tistr.or.th/essentialoils/. [03 มิ.ย. 2014].
หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “ฤทธิ์ยับยั้งการสะสมเซลล์ไขมันของสารประกอบในน้ำมันจากต้นว่านน้ำ (Acorus calamus)”. เข้าถึงได้จาก: www.medplant.mahidol.ac.th. [03 มิ.ย. 2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “คาเจี้ยงจี้, ว่านน้ำ , ว่านน้ำเล็ก”. อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิติ นันทน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [03 มิ.ย. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

ว่านกาบหอย เป็นยาเย็น แก้บวม ห้ามเลือด แก้กรดไหลย้อน

0
ว่านกาบหอย
ว่านกาบหอย เป็นยาเย็น แก้บวม ห้ามเลือด แก้กรดไหลย้อน ใบโดดเด่นเป็นรูปหอกสีเขียวสลับกับสีม่วงดอกสีขาว

ว่านกาบหอย

ว่านกาบหอย

ว่านกาบหอย หรือเรียกอีกอย่างว่า “ต้นกาบหอยแครง” เป็นต้นที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเม็กซิโกและคิวบา ส่วนของใบโดดเด่นเป็นรูปหอกสีเขียวสลับกับสีม่วง ดูสวยงามมาก จึงนิยมใช้ปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไปตามสวน นอกจากนั้นยังใช้ประโยชน์ได้ในอุตสาหกรรม และเป็นส่วนประกอบในอาหาร ที่สำคัญเลยก็คือเป็นยาสมุนไพรยอดนิยมของชาวอินเดีย ไต้หวัน อินโดจีนและมาเลเซีย ใบและดอกมีรสจืดชุ่ม เป็นยาเย็นที่ออกฤทธิ์ต่อตับและปอดได้

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของว่านกาบหอย

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tradescantia spathacea Sw.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Boat – lily” “Oyster Lily” “Oyster plant” “White flowered tradescantia”
ชื่อท้องถิ่น : คนกรุงเทพมหานครเรียกว่า “กาบหอยแครง ว่านหอยแครง” จีนแต้จิ๋วเรียกว่า “อั่งเต็ก ฮ่ำหลั่งเฮี๊ยะ” จีนกลางเรียกว่า “ปั้งหลานฮวา ปั้งฮัว”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ผักปลาบ (COMMELINACEAE)
ชื่อพ้อง : Rhoeo discolor (L’Hér.) Hance, Rhoeo spathacea (Sw.) Stearn, Tradescantia discolor L’Hér., Tradescantia versicolor Salisb.

ลักษณะของว่านกาบหอย

ว่านกาบหอย เป็นพรรณไม้ล้มลุกอายุหลายปีที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเม็กซิโก คิวบา และอเมริกากลาง
ลำต้น : ขึ้นเป็นกอ ไม่มีการแตกกิ่งก้าน ลำต้นอวบใหญ่
ใบ : ออกจากลำต้น เรียงเป็นวงซ้อนกันหลายชั้น เป็นใบเดี่ยวรูปหอกยาว หรือแกมขอบขนานปลายแหลม ปลายใบแหลม โคนใบตัดและโอบลำต้น ขอบใบเรียบ หน้าใบเป็นสีเขียวเข้ม หลังใบเป็นสีม่วงแดง
ดอก : ออกดอกเป็นช่อที่โคนใบหรือซอกใบ มีทั้งช่อเดี่ยวและหลายช่อ แต่ละช่อประกอบไปด้วยใบประดับเป็นกาบ 2 กาบ สีม่วงแซมเขียว ลักษณะเป็นรูปหัวใจโค้ง มี โคนกาบทั้งสองโอบหุ้มดอกขนาดเล็กสีขาวที่อยู่รวมกันเป็นกระจุก ดอกมีกลีบเลี้ยงสีขาว 3 กลีบ เป็นรูปไข่แกมรูปขอบขนาน ลักษณะบางและใส กลีบดอก 3 กลีบ เป็นสีขาว ลักษณะรูปไข่ แผ่นกลีบดอกหนา ตรงใจกลางมีเกสรเพศผู้เป็นขนฝอย 6 อัน ก้านชูอับเรณูเป็นสีขาว มักจะออกดอกในช่วงฤดูร้อน
ผล : เป็นผลแห้ง เมื่อแตกจะแยกเป็น 2 – 3 แฉก ลักษณะของผลเป็นรูปกระสวย มีขนเล็กน้อย ภายในมีเมล็ดขนาดเล็ก

สรรพคุณของว่านกาบหอย

  • สรรพคุณจากใบ เป็นยาเย็นออกฤทธิ์ต่อตับและปอด ช่วยแก้บิด ถ่ายเป็นเลือด ช่วยแก้ปัสสาวะเป็นเลือด แก้คุดทะราด แก้กลาก
    – ทำให้เลือดเย็น แก้อาการร้อนในกระหายน้ำ แก้เจ็บคอ แก้ไอ แก้อาเจียนเป็นเลือด ช่วยแก้อาการฟกช้ำ แก้ฟกช้ำภายในเนื่องจากการพลัดตกจากที่สูง แก้ช้ำจากการหกล้มฟาดถูกของแข็ง ด้วยการนำใบสด 3 ใบ มาต้มผสมกับน้ำตาลกรวดดื่มเป็นยา
    – แก้ไข้ตัวร้อน ด้วยการนำใบแก่ 10 – 15 ใบ มาต้มกับน้ำจนเดือดแล้วเอาใบออก เติมน้ำตาลกรวด แล้วดื่มเป็นยา
    – ตำรายาแก้ไอร้อนในปอด แก้อาการไอเป็นเลือด ด้วยการนำใบ 10 กรัม มาต้มกับฟัก ใส่น้ำตาลกรวดเล็กน้อย ใช้ทาน
    – แก้กรดไหลย้อน ด้วยการนำใบ ใบเตยสด อย่างละเท่ากัน มาต้มกับน้ำจนเดือด ใช้ดื่มต่างน้ำทั้งวัน
    – แก้ต่อมน้ำเหลืองบวม รักษาโรคผิวหนัง แก้โรคเท้าช้าง โดยชาวอินเดียนำใบผสมกับน้ำมันงา ใช้เป็นยาพอก
    – แก้โรคผิวหนัง แก้ผื่นคัน ช่วยป้องกันมือและเท้าเน่าเปื่อย ที่เกิดจากการทำนา ด้วยการนำใบมาคั้นเอาน้ำทาบริเวณมือและเท้า ปล่อยให้แห้งแล้วค่อยลงไปทำนา
  • สรรพคุณจากดอก ช่วยแก้บิด ถ่ายเป็นเลือด แก้อาการตกเลือดในลำไส้ ช่วยแก้ปัสสาวะเป็นเลือด เป็นยาห้ามเลือด เป็นยาพอกแผล พอกมีดบาด แก้บวม
    – แก้เลือดกำเดาไหล ด้วยการนำดอก 10 กรัม มาต้มกับน้ำทาน
    – แก้หวัด แก้ไอ แก้ไอเนื่องจากหวัด ช่วยแก้เสมหะมีเลือด แก้บิดจากแบคทีเรีย ด้วยการนำดอก 20 – 30 ดอก มาต้มกับน้ำทาน
    – ช่วยขับเสมหะ แก้ไอแห้ง ด้วยการนำดอกมาต้มกับเนื้อหมูทานเป็นยา
    – แก้บิด ด้วยการนำดอก 120 กรัม น้ำตาล 30 กรัม มาต้มกับน้ำกินตอนอุ่น ๆ
  • สรรพคุณจากใบและราก ทำให้อาเจียน เป็นยาถ่าย
  • สรรพคุณจากต้น แก้ริดสีดวงทวาร
  • สรรพคุณจากราก เป็นยาบำรุงตับและม้ามพิการ

ประโยชน์ของว่านกาบหอย

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ชาวอินเดียและชวานำใบอ่อนมาปรุงเป็นอาหาร ใช้ทำน้ำดื่มหรือทำไวน์ ทำน้ำว่านกาบหอยแครง
2. ปลูกผม ช่วยทำให้ผมดกดำ ช่วยแก้ผมหงอกก่อนวัย ด้วยการนำใบมาปิ้งให้แห้ง บดให้เป็นผงผสมกับน้ำมัน หรือใช้น้ำคั้นจากต้นเคี่ยวกับน้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันงา แล้วนำมาทาศีรษะ
3. ใช้ในอุตสาหกรรมย้อมผ้า ใช้ร่วมกับผลมะเกลือย้อมผ้า ทำให้ผ้าสีติดทนดี
4. ปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป ตามสวนสนาม โคนต้นไม้ขนาดใหญ่ ปลูกใส่กระถาง
5. ใช้ในการเกษตร แก้วัวมีบาดแผลเลือดออก ฟกช้ำ

ว่านกาบหอย เป็นต้นที่มีจุดเด่นอยู่ที่ส่วนของใบ ทั้งในด้านการใช้ภายนอกในการให้ความงามและการนำมาประยุกต์ใช้สอยต่าง ๆ รวมถึงเป็นส่วนที่นิยมนำมาใช้ประกอบอาหารด้วย ว่านกาบหอยมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของดอกและใบ มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยแก้บิด บำรุงตับและม้าม เป็นยาห้ามเลือด แก้กรดไหลย้อน แก้ไอร้อนในปอดและแก้ต่อมน้ำเหลืองบวมได้ เป็นยาเย็นที่ดีจึงช่วยดับพิษร้อนในร่างกายได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “ว่านกาบหอย”. หน้า 506.
หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ว่านกาบหอยใหญ่”. หน้า 179.
สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “ว่านกาบหอย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [02 มิ.ย. 2014].
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 7 คอลัมน์: สมุนไพรน่ารู้. (ภก.ชัยโย ชัยชาญทิพยุทธ). “ว่านกาบหอย”. อ้างอิงใน: หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรจีน ของประเทศจีน. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th. [02 มิ.ย. 2014].
ไทยรัฐออนไลน์. (นายเกษตร). “ว่านกาบหอยแครง ใบสวยมีสรรพคุณ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thairath.co.th. [02 มิ.ย. 2014].
ฝ่ายปฏิบัติการวิจัยและเรือนปลูกพืชทดลอง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “กาบหอยแครง”. (นพพล เกตุประสาท). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: clgc.rdi.ku.ac.th. [02 มิ.ย. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง
https://motherandsriaurobindo.in/The-Mother/spiritual-significance-of-flowers/divine-presence/
Tradescantia spathacea (Rhoeo spathacea)

เลี่ยน เป็นยาใช้ภายนอก ช่วยแก้โรคผิวหนัง แก้แผล แก้โรคเรื้อน

0
เลี่ยน
เลี่ยน เป็นยาใช้ภายนอก ช่วยแก้โรคผิวหนัง แก้แผล แก้โรคเรื้อน และเป็นไม้ปลูกประดับเพื่อเสริมสิริมงคลให้กับบ้าน

เลี่ยน

เลี่ยน

เลี่ยน เป็นพืชในวงศ์กระท้อนที่เป็นไม้ยืนต้นสูงผลัดใบขนาดเล็กและใหญ่ มักจะพบตามป่าดิบและป่าเบญจพรรณ ดอกเป็นสีขาวอมม่วง มีกลิ่นหอมเย็นอ่อน ๆ จึงนิยมใช้ปลูกเป็นไม้ประดับบริเวณบ้านและสวน ส่วนต่าง ๆ ของต้นนำมาใช้ทำประโยชน์ได้หลายด้าน ทั้งในด้านการย้อมผ้า ไล่แมลง เป็นความเชื่อของคนโบราณ อีกทั้งยังนำยอดและใบอ่อนมายางไฟพอสลดเพื่อลดความขมใช้ทานเป็นผักได้ด้วย

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของเลี่ยน

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Melia azedarach L.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Bastard cedar” “Bead tree” “Chaina tree” “Chinaball tree” “Persian lilac” “White cedar”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “เลี่ยนใบใหญ่ เคี่ยน เลี่ยน เกษมณี” ภาคเหนือเรียกว่า “เกรียน เคี่ยน เฮี่ยน” คนทั่วไปเรียกว่า “เลี่ยนดอกม่วง” ชาวลัวะเรียกว่า “ลำเลี่ยน” จีนแต้จิ๋วเรียกว่า “โขวหนาย” จีนกลางเรียกว่า “ขู่เลี่ยน ขู่เลี่ยนซู่”
ชื่อวงศ์ : วงศ์กระท้อน (MELIACEAE)

ลักษณะของต้นเลี่ยน

ลำต้น : แตกกิ่งก้านโปร่งบาง แผ่กว้าง โคนต้นเป็นพูพอน เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลแตกเป็นร่องตามยาวตื้น มีรูขนาดเล็กอยู่ทั่วไป กิ่งอ่อนเป็นสีเขียว กิ่งแก่เป็นสีม่วง
ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้นออกเรียงเวียนสลับกัน หรือออกเป็นช่อ ช่อหนึ่งมีใบย่อย 3 – 5 ใบ เป็นรูปไข่หรือรูปวงรีกึ่งขอบขนาน ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมน ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อย แผ่นใบเกลี้ยง บนใบเป็นสีเขียวเข้ม ด้านล่างเป็นสีเขียวอ่อน
ดอก : ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกเป็นสีขาวอมม่วง มีกลิ่นหอมเย็นอ่อน กลีบดอก 5 – 6 กลีบ เป็นรูปขอบขนาน ก้านเกสรเพศผู้มีสีม่วงเข้มติดกันเป็นหลอด กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย ปลายแยกเป็น 5 – 6 แฉก
ผล : ผลมีลักษณะกลมวงรี ผลอ่อนเป็นสีเขียว ผลสุกเป็นสีเหลืองอ่อนหรือสีน้ำตาลเหลือง ภายในผลมีเมล็ดเดี่ยวสีน้ำตาล

สรรพคุณของเลี่ยน

  • สรรพคุณจากต้น เป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงร่างกายให้แข็งแรง ช่วยทำให้เจริญอาหาร ทำให้ผิวหนังดำเกรียมแล้วลอกเป็นขุย ช่วยแก้โรคเรื้อน
  • สรรพคุณจากใบ ช่วยบำรุงธาตุไฟในร่างกาย ช่วยขับระดูของสตรี เป็นยาฝาดสมาน เป็นยาแก้ปวด แก้เมื่อย
  • สรรพคุณจากใบและดอก แก้อาการปวดศีรษะ แก้ปวดประสาท
  • สรรพคุณจากเปลือกต้น เป็นยาทำให้อาเจียน เป็นยาแก้โรคผิวหนังกลากเกลื้อน แก้เชื้อราบนหนังศีรษะ แก้น้ำกัดเท้า แก้โรคผิวหนังกลากเกลื้อน แก้ผดผื่นคัน เป็นยารักษาเหา
    – ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ด้วยการนำเปลือกต้นมาต้มกับน้ำแล้วใช้บ้วนปาก
    – เป็นยาเย็นจัดที่ออกฤทธิ์ต่อลำไส้ใหญ่ เป็นยาถ่ายพยาธิตัวกลม ถ่ายพยาธิปากขอ ถ่ายพยาธิตัวแบน ด้วยการนำเปลือกต้นสด 30 – 60 กรัม มาต้มกับน้ำทาน
    – แก้พยาธิตัวกลมในเด็ก ด้วยการนำเปลือกต้น 3 กรัม มาต้มกับน้ำทาน
    – แก้พยาธิปากขอ ด้วยการนำเปลือกต้น 600 กรัม น้ำ 3,000 มิลลิลิตร มาต้มให้เหลือ 600 มิลลิลิตร นำทับทิมจำนวน 25 กรัม น้ำ 300 มิลลิลิตร มาต้มให้เหลือ 120 มิลลิลิตร แล้วเอาส่วนที่เหลือทั้งสองชนิดมาผสมกัน
    – แก้หิด ด้วยการนำเปลือกต้นมาเผาเป็นเถ้า นำไปคุกผสมกับน้ำมันหมู แล้วใช้ทาบริเวณที่มีอาการ
  • สรรพคุณจากน้ำคั้นจากใบ เป็นยาขับปัสสาวะ แก้นิ่ว เป็นยาขับพยาธิ ช่วยบำรุงโลหิต บำรุงประจำเดือนของสตรี
  • สรรพคุณจากยาง ช่วยแก้ม้ามโต
  • สรรพคุณจากดอก เป็นยาแก้แผลพุพองที่หัว แก้แผลพุพองจากไฟไหม้หรือน้ำจากน้ำร้อนลวก เป็นยาทาแก้โรคผิวหนัง แก้โรคเรื้อน แก้กุดถึง แก้โรคผิวหนังผื่นคัน เป็นยาฆ่าเหา
  • สรรพคุณจากทั้งต้น เป็นยาแก้โรคผิวหนัง แก้โรคเรื้อนและกุดถัง
  • สรรพคุณจากผล เป็นยาทาแก้โรคผิวหนัง แก้โรคเรื้อน แก้กุดถึง เป็นยาแก้ฝีคัณฑมาลา ช่วยแก้โรคเรื้อน เป็นยาฆ่าเหา
  • สรรพคุณจากเมล็ด น้ำมันใช้เป็นยาทาแก้ปวดข้อและปวดในกระดูก

ประโยชน์ของเลี่ยน

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ยอดและใบอ่อนนำมาย่างไฟลดความขม แล้วทานเป็นผักแกล้มกับน้ำพริก
2. เป็นยาทำลายสัตว์ ใบมีประโยชน์ในการไล่แมลง ผลเป็นยาฆ่าแมลง ผลใช้เป็นยาเบื่อปลาได้
3. ใช้ในอุตสาหกรรมย้อมผ้า ใบให้สีเขียวสามารถนำมาใช้ย้อมสีผ้าได้
4. ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง เนื้อไม้นำมาใช้ในการสร้างบ้าน ใช้ทำโครงสร้างต่างของบ้าน ทำไม้อัด เยื่อกระดาษ ทำฟืน
5. ปลูกเป็นไม้ประดับ นิยมใช้ปลูกเป็นไม้ประดับบริเวณบ้านและสวน
6. ใช้ในการเกษตร ป้องกันการพังทลายของหน้าดิน
7. เป็นความเชื่อ คนไทยโบราณเชื่อว่าหากบ้านใดปลูกจะช่วยทำให้เกิดความสามัคคี

เลี่ยน เป็นต้นที่มีมาตั้งแต่โบราณเพราะมีการนำมาใช้เป็นไม้ปลูกประดับเพื่อเสริมสิริมงคลให้กับบ้าน นอกจากนั้นยังนำมาใช้ทานเป็นผักได้ ส่วนของใบจะมีกลิ่นจึงนิยมใช้ไล่แมลง ที่สำคัญเป็นไม้ที่สวยงามจึงปลูกประดับบารมีบ้านได้ดี มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของเปลือกต้น มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ บำรุงร่างกายให้แข็งแรง ช่วยทำให้เจริญอาหาร แก้อาการปวดศีรษะ แก้ปวดประสาท และแก้โรคผิวหนังต่าง ๆ ได้ดี

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคเหนือ. “เลี่ยน”. (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ). หน้า 170.
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “เลี่ยน (Lian)”. หน้า 272.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “เลี่ยน”. หน้า 703-705.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “เลี่ยน”. หน้า 504.
สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “เลี่ยน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [01 มิ.ย. 2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “Bastard cedar, Bead Tree, Bastard Cedar, China Tree, Chinaball Tree, Persian Lilac”. อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์), หนังสือสมุนไพรไทยตอนที่ 7 (ก่องกานดา ชยามฤต, ลีนา ผู้พัฒนพงศ์,). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [01 มิ.ย. 2014].
ไทยรัฐออนไลน์. (นายเกษตร). “เลี่ยน ดอกหอมยอดอร่อยสรรพคุณดี”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thairath.co.th. [01 มิ.ย. 2014].
ศูนย์ปฏิบัติการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. “เลี่ยน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.goldenjubilee-king50.com. [01 มิ.ย. 2014].
สมุนไพรไทยภูมิปัญญาชาวบ้านวิถีชีวิตชนบทไทย. “เลี่ยน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.sopon.ac.th/sopon/lms/science52/herb2/www.thai.net/thaibarn/. [01 มิ.ย. 2014].
วิทยาลัยสารพัดช่างสกลนคร. “เลี่ยน (เกษมณี)”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.sknk-ptc.ac.th. [01 มิ.ย. 2014].
ไทยเกษตรศาสตร์. “เลี่ยนตำรับยาและวิธีใช้” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaikasetsart.com. [01 มิ.ย. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง

Melia Azedarach


Melia azedarach L. 1753 (MELIACEAE)

เล็บมือนาง ดอกสีสัน กลิ่นหอมแรง ดีต่อระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย

0
เล็บมือนาง
เล็บมือนาง ดอกสีสัน กลิ่นหอมแรง ดีต่อระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย เป็นไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็งขนาดกลาง เมล็ดรสชุ่ม เป็นยาร้อนแต่มีพิษเล็กน้อย

เล็บมือนาง

เล็บมือนาง

เล็บมือนาง เป็นไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็งขนาดกลางที่พบในเอเชียเขตร้อน ส่วนของดอกมีสีสันสดใส และหลากหลาย ทำให้ต้นดูสวยสะดุดตา นอกจากนั้นยังมีกลิ่นหอมแรงอีกด้วย ส่วนของรากและใบมีรสเมาเบื่อ ส่วนของเมล็ดมีรสชุ่ม เป็นยาร้อน แต่มีพิษเล็กน้อย ส่วนของผลสุกมีรสหวานเล็กน้อย ต้นยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซียจะนำใบอ่อนของเล็บมือนางมาทาน

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของเล็บมือนาง

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Combretum indicum (L.) DeFilipps
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Rangoon Creeper” “Chinese honey Suckle” “Drunen sailor”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคเหนือเรียกว่า “มะจีมั่ง จ๊ามัง จะมั่ง” ภาคใต้เรียกว่า “นิ้วมือพระนารายณ์” จังหวัดอุตรดิตถ์เรียกว่า “อ้อยช้าง” จังหวัดชุมพรเรียกว่า “แสมแดง” จังหวัดสตูลเรียกว่า “เล็บนาว” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “ไท้หม่อง” ชาวมลายูยะลาเรียกว่า “วะดอนิ่ง อะดอนิ่ง” มีชื่ออื่น ๆ ว่า “เล็บมือนางต้น”
ชื่อวงศ์ : วงศ์สมอ (COMBRETACEAE)
ชื่อพ้อง : Quisqualis indica L.

ลักษณะของเล็บมือนาง

เถา : เลื้อยพาดพันไปกับต้นไม้อื่น แตกกิ่งก้านสาขาเป็นพุ่มหนาทึบ เถาอ่อนมีสีเขียว ลำต้นและเถาอ่อนมีขนสีเหลืองหรือสีน้ำตาลอมเทาปกคลุมอยู่ ต้นแก่ผิวเกลี้ยง เถาแก่เปลือกเป็นสีน้ำตาลปนแดง เปลือกค่อนข้างเรียบ หรือมีหนามเล็กน้อย
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ลักษณะของใบเป็นรูปมนแกมขอบขนาน หรือเป็นรูปใบหอก ปลายใบแหลมหรือมน มีติ่งแหลม โคนใบจักเว้าเข้าเล็กน้อย ขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่น แผ่นใบเป็นสีเขียว เนื้อบาง ท้องใบมีขนปกคลุมจำนวนมาก ใบอ่อนเป็นสีเขียวอมแดง เนื้อใบค่อนข้างเหนียว
ดอก : ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ ปลายกิ่งหรือยอดของลำต้น ช่อหนึ่งมีดอก 10 – 20 ดอก กลีบเลี้ยงเป็นหลอดยาวสีเขียว เชื่อมติดกันเป็นหลอดเล็ก มี 5 กลีบ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดรูปทรงกระบอกยาว ปลายแยกเป็น 5 กลีบ มีทั้งดอกลาและดอกซ้อน เมื่อเริ่มบานจะเป็นสีขาวหรือสีชมพูอ่อน ดอกบานเต็มที่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้ม ดอกย่อยจะค่อย ๆ บาน เมื่อใกล้โรยจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ดอกมีกลิ่นหอมแรง โดยเฉพาะในตอนค่ำ มักจะออกดอกในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน
ผล : เป็นผลแห้งและแข็ง เป็นรูปกระสวย มีสัน 5 สันตามยาว ผลสุกเป็นสีน้ำตาลอมสีดำ ภายในผลมีเมล็ด 1 เมล็ด

สรรพคุณของเล็บมือนาง

  • สรรพคุณจากรากและใบ เป็นยาสุขุม ช่วยทำให้เจริญอาหาร แก้ตานซางในเด็ก แก้อาการสะอึก เป็นยาถ่ายพยาธิตัวกลมและพยาธิเส้นด้าย
  • สรรพคุณจากเมล็ด เป็นยาร้อน เป็นยาบำรุงธาตุ แก้ตานซาง แก้ตานขโมยในเด็ก แก้อาการวิงเวียนศีรษะ แก้ไข้ ช่วยในการย่อยอาหาร เป็นยาถ่าย แก้ท้องอืดเฟ้อ เป็นยาแก้อหิวาตกโรค ช่วยแก้ถ่ายปวดบิด แก้อาการปวดท้องเนื่องจากมีพยาธิอยู่ภายใน แก้อาการตกขาวของสตรี รักษาโรคผิวหนัง รักษาแผลฝี
    – ออกฤทธิ์ต่อม้าม กระเพาะ ลำไส้ เป็นยาถ่ายพยาธิ ขับพยาธิไส้เดือน ในเด็กให้ใช้ 2 – 3 เมล็ด ผู้ใหญ่ให้ใช้ 5 – 7 เมล็ด มาทุบให้แตกแล้วต้มกับน้ำดื่ม หรือป่นให้เป็นผงผสมกับน้ำผึ้งแล้วปั้นเป็นยาลูกกลอน
  • สรรพคุณจากทั้งต้น ช่วยแก้ตานขโมยพุงโร แก้อาการไอ ช่วยขับพยาธิและตานซาง
  • สรรพคุณจากราก แก้อาการไอ เป็นยาระบาย เป็นยาถ่ายพยาธิ ขับพยาธิไส้เดือน แก้อุจจาระเป็นฟองและเหม็นคาวในเด็ก
    – แก้ตานขโมย แก้เด็กเป็นซาง แก้ซางแห้ง แก้ธาตุวิปริต แก้อุจจาระพิการ แก้ตับทรุด ทำให้เจริญอาหาร ด้วยการนำรากผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น
  • สรรพคุณจากใบ แก้ไข้ แก้อาการไอ แก้ท้องอืดเฟ้อ
    – แก้ตัวร้อน แก้อาการปวดศีรษะ เป็นยาถอนพิษ แก้สารพัด แก้กาฬ แก้พิษสำแดงของแสลง ด้วยการนำใบผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น
    – แก้อาการปวดศีรษะ แก้บาดแผล เป็นยาสมาน แก้แผลฝี แก้อักเสบ ด้วยการนำใบตำแล้วพอก
  • สรรพคุณจากผล ทำให้สะอึก เป็นยาถ่ายพยาธิ ขับพยาธิไส้เดือน แก้อุจจาระเป็นฟองและเหม็นคาวในเด็ก ช่วยในการย่อยอาหาร
    – ช่วยลดอาการข้างเคียงที่เกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อกะบังลม ช่วยให้การย่อยอาหารดีขึ้น ฆ่าพยาธิ ทำให้ม้ามแข็งแรง ด้วยการนำผลครั้งละ 9 – 12 กรัม มาต้มกับน้ำดื่ม หรือเนื้อผล 6 – 9 กรัม ทำเป็นยาลูกกลอนหรือยาผงทานครั้งเดียวหรือสองครั้ง
  • สรรพคุณจากดอก
    – แก้ท้องเสีย ด้วยการนำดอกแห้งต้มกับน้ำดื่มเป็นยา

ประโยชน์ของเล็บมือนาง

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ในอินโดนีเซียนิยมนำใบอ่อนมาทาน โดนทานทั้งดิบและสุกด้วยการต้ม นึ่ง ลวก ใช้ทานร่วมกับน้ำพริก
2. ปลูกเป็นไม้ประดับ ประดับซุ้ม

คุณค่าทางโภชนาการของใบเล็บมือนาง

คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 76 แคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารที่ได้รับ
ความชื้น 76.4%
โปรตีน 4.8 กรัม
ไขมัน 0 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.1 กรัม 
ใยอาหาร 2 กรัม
วิตามินเอ 11,180 หน่วยสากล
วิตามินบี1 0.04 มิลลิกรัม
วิตามินซี 70 มิลลิกรัม
แคลเซียม 104 มิลลิกรัม 
ฟอสฟอรัส 97 มิลลิกรัม

ข้อควรระวังของเล็บมือนาง

1. เมล็ดมีพิษ ห้ามทานในปริมาณที่มากเกินควร
2. ห้ามทานยานี้ควบคู่กับน้ำชาหรือชาร้อน เพราะจะลบฤทธิ์กัน

เล็บมือนาง เป็นพืชที่ชื่อแปลกประหลาด แต่ต้นไม่ได้มีลักษณะเด่นมากนัก นอกจากดอกที่มีสีสันและมีกลิ่นหอมแรง จึงนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับพวกซุ้มต่าง ๆ เป็นต้นที่นิยมทานกันในประเทศอินโดนีเซีย มีวิตามินเอค่อนข้างสูง เล็บมือนางมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของเมล็ด มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ทำให้เจริญอาหาร เป็นยาบำรุงธาตุ แก้ตานซาง แก้ไข้ เป็นยาถ่ายพยาธิ และแก้ตับทรุดได้ สรรพคุณค่อนข้างโดดเด่นในการรักษาระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง  
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “เล็บมือนาง”. หน้า 701-703.
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “เล็บมือนาง (Lep Mue Nang)”. หน้า 271.
หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “เล็บมือนาง Rangoon Creeper”. หน้า 175.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “เล็บมือนาง”. หน้า 502.
สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “เล็บมือนาง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [31 พ.ค. 2014].
ฐานข้อมูลพรรณไม้ที่ใช้ในงานภูมิสถาปัตยกรรม ศูนย์ความรู้ด้านการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “เล็บมือนาง” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: agkc.lib.ku.ac.th. [31 พ.ค. 2014].
ผักพื้นบ้าน ในประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง. “เล็บมือนาง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: area-based.lpru.ac.th/veg/. [31 พ.ค. 2014].
สถาบันการแพทย์ไทย-จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้. “ไซ้กุงจื้อ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: tcm.dtam.moph.go.th. [31 พ.ค. 2014].
ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “เล็บมือนาง”. อ้างอิงใน: หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 4. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.qsbg.org. [31 พ.ค. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

รูปอ้างอิง
https://conservatory.cals.cornell.edu/2017/06/26/featured-plant-combretum-indicum-syn-quisqualis-indica/
https://noonwalqalam.blogspot.com/2016/11/chines-honeysuckle-rangoon-creeper.html

มะคําดีควาย ช่วยแก้ไข้ แก้นอนไม่หลับ ช่วยบำรุงน้ำดี แก้โรคผิวหนัง

0
มะคําดีควาย
มะคําดีควาย ช่วยแก้ไข้ แก้นอนไม่หลับ ช่วยบำรุงน้ำดี แก้โรคผิวหนัง เปลือกผลแก่จะสีน้ำตาลเข้ม เปลือกต้นและรากมีรสเฝื่อนขม ดอกมีรสเฝื่อนเมา

มะคําดีควาย

มะคําดีควาย

มะคําดีควาย หรือ ประคำดีควาย เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่เปลือกผลเมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ เปลือกต้นและรากมีรสเฝื่อนขม ดอกมีรสเฝื่อนเมา ผลใช้ผสมกับสมุนไพรอื่นในตำรับยา เป็นสรรพคุณทางยาสมุนไพรของชาวกะเหรี่ยงใหม่ ชาวลัวะ นิยมนำใบมานึ่งรับประทานเป็นผักจิ้มกับน้ำพริก สามารถนำมาใช้ทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในรูปแชมพูสระผมได้ ทว่ามะคําดีควายก็มีพิษอยู่ในตัว ดังนั้นก่อนนำมาใช้ต้องทำให้พิษหายไปเสียก่อน

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของมะคำดีควายชนิดที่ 1

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Sapindus rarak DC.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Soap Nut Tree”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “ประคำดีควาย” ภาคเหนือเรียกว่า “มะซัก ส้มป่อยเทศ” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “ชะแซ ซะเหล่เด”
ชื่อวงศ์ : วงศ์เงาะ (SAPINDACEAE)
ชื่อพ้อง : Dittelasma rarak (DC.) Benth. & Hook. f.

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของมะคำดีควายชนิดที่ 2

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Sapindus trifoliatus L.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Soapberry Tree”
ชื่อท้องถิ่น : มีชื่อเรียกอื่น ๆ ว่า “ประคำดีควาย”
ชื่อวงศ์ : วงศ์เงาะ (SAPINDACEAE)
ชื่อพ้อง : Sapindus emarginatus Vahl, Sapindus laurifolius Vahl

ลักษณะของมะคำดีควาย

มะคำดีควาย เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มักพบขึ้นทั่วไปตามป่าเบญจพรรณชื้น ป่าดิบแล้งในทุกภาคของประเทศไทย
ลำต้น : เรือนยอดของต้นหนาทึบ ลำต้นมักคดงอ เปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลอ่อน แตกเป็นร่องลึกตามแนวยาว ยอดอ่อนและกิ่งอ่อนมีขนสีน้ำตาล
ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกออกเรียงสลับกัน ในช่อหนึ่งมีใบย่อยประมาณ 2 – 4 ใบ ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปวงรีแกมรูปขอบขนาน ปลายใบมน โคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบเป็นสีเขียว
ดอก : ออกดอกเป็นช่อขนาดใหญ่ โดยจะออกบริเวณปลายกิ่ง เป็นแบบแยกเพศแต่อยู่บนต้นเดียวกัน ลักษณะของดอกเล็กสีขาวนวลหรือเป็นสีเหลืองอ่อน ในหนึ่งดอกมีกลีบรองดอกขนาดเล็กประมาณ 4 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกัน มีกลีบดอกประมาณ 5 กลีบ กลีบข้างนอกมีขนขนาดสั้นสีน้ำตาลปนแดงขึ้นอยู่ประปราย บริเวณกลางดอกมีเกสรเพศผู้อยู่ 10 ก้าน
ผล : ออกรวมกันเป็นพวง ผลย่อยมีลักษณะค่อนข้างกลม ผลสดมีสีเขียว ผิวผลเรียบหรืออาจมีรอยย่นที่ผลบ้าง เปลือกผลเมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ มีพู 3 พู เนื้อในผลมีลักษณะเหนียว ใส เป็นสีน้ำตาล และมีรสหวาน
เมล็ด : ภายในผลมีเมล็ด 1 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะกลมสีดำเป็นมัน มีเปลือกหุ้มแข็ง

สรรพคุณของมะคำดีควาย

  • สรรพคุณจากมะคำดีควาย ลดการอักเสบ ยับยั้งการเจริญของเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคกลากและโรคผิวหนัง ทำให้เส้นผมสะอาด ช่วยลดอาการคันบนหนังศีรษะ ต้านเชื้อรา
  • สรรพคุณจากเปลือกต้น เป็นยาแก้ฝีอักเสบ แก้ฝีหัวคว่ำ
    – แก้กระษัย แก้ไข้ แก้พิษไข้ แก้พิษร้อน ด้วยการนำเปลือกต้นมาต้มเอาน้ำทานเป็นยา
  • สรรพคุณจากผล รักษาโรคตัวร้อน แก้นอนไม่หลับ แก้นอนสะดุ้ง แก้ผวา แก้สลบ แก้สารพัดพิษ แก้สารพัดกาฬ แก้ไข้สารพัดไข้ทั้งปวง แก้ไข้จับเซื่องซึม แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้ปากเปื่อย แก้ฝีเกลื้อน แก้พิษ แก้หัด แก้สุกใส ช่วยแก้หืดหอบ ช่วยบำรุงน้ำดี ช่วยแก้โรคผิวหนัง
    – รักษาชันนะตุบนศีรษะ แก้เชื้อรา แก้รังคาหรือโรคผิวหนังพุพองบนศีรษะเด็ก ด้วยการนำผล 4 – 5 ลูก มาแกะเอาแต่เนื้อ ต้มกับน้ำประมาณ 1 ถ้วย แล้วใช้น้ำทาบนศีรษะที่เป็นชันนะตุวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น จนกว่าจะหาย หรือใช้เนื้อ 1 ผล มาตีกับน้ำจนเกิดเป็นฟอง แล้วใช้สระผมวันละ 1 ครั้ง จนกว่าจะหาย แต่ต้องระวังอย่าให้เข้าตา
    – เป็นยาดับพิษทุกชนิด แก้พิษตานซาง แก้กาฬ แก้กาฬภายใน แก้ไข้เลือดออก แก้ไข้เซื่องซึม ด้วยการนำผลแห้งมาคั่วให้เกรียม
    – แก้หอบอันเนื่องมาจากปอดชื้นปอดบวม แก้ไข้ แก้จุดกาฬ แก้เสลด แก้สุมฝีที่เปื่อยพัง ด้วยการนำผลมาใช้ร่วมกับเมล็ดมะกอกสุมไฟทาน
    – ดับพิษร้อนในร่างกาย แก้ร้อนในกระหายน้ำ ด้วยการนำผลมาสุมให้เป็นถ่านแล้วปรุงเป็นยา
    – แก้หวัด แก้คัดจมูก ด้วยการนำผลมาต้มเอาฟองใช้สุมหัวเด็ก
    – ช่วยรักษาผิวหนังพุพอง แก้น้ำเหลืองเสีย ด้วยการนำผล 10 – 15 ผล มาต้มกับน้ำพอประมาณ แล้วนำน้ำมาชะล้างหรือแช่บริเวณที่เป็นแผลประมาณ 5 นาที ทำทั้งเช้าและเย็น
    – รักษาผิว ด้วยการนำผลมาทุบให้แตกแล้วนำไปแช่กับน้ำ ใช้ล้างหน้า
  • สรรพคุณจากใบ แก้พิษกาฬ ดับพิษกาฬ ช่วยแก้ทุราวสา
    – แก้อาการท้องผูก ด้วยการนำใบอ่อนมาต้มกับน้ำดื่ม
  • สรรพคุณจากราก ช่วยแก้หืด แก้ไอ ช่วยรักษาโรคหลอดลมโป่งพองที่มีเสมหะแห้งอยู่ในช่องหลอดลม แก้ฝีในท้อง ช่วยแก้ริดสีดวง
  • สรรพคุณจากต้น ช่วยแก้ลมคลื่นเหียน
  • สรรพคุณจากเมล็ด ทำให้ท้องเสีย เป็นยาถ่ายพยาธิ
    – ช่วยแก้โรคผิวหนัง ด้วยการนำทั้งเมล็ดสดและแห้งมาตำให้ละเอียด ใช้เป็นยาพอกหรือเอามาละลายกับน้ำล้างแผล
  • สรรพคุณจากยอดอ่อน
    – แก้อาการถ่ายไม่ออก แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ โดยชาวลัวะนำยอดอ่อนมานึ่งทานเป็นยา
  • สรรพคุณจากดอก เป็นยาแก้พิษ แก้เม็ดผดผื่นคัน

ประโยชน์ของมะคำดีควาย

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ใบนำมานึ่งทานเป็นผักจิ้มกับน้ำพริก
2. ใช้เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ชาวบ้านตามชนบทนำผลมาใช้เป็นสารชะล้างแทนสบู่เพื่อชำระล้างร่างกาย สระผม หรือนำไปใช้ซักผ้า ทำความสะอาดเครื่องใช้ ด้วยการนำผลมาทุบแล้วจะเกิดฟองคล้ายสบู่
3. ใช้ทำเครื่องประดับ เมล็ดนำไปใช้ร้อยทำเป็นลูกประคำได้
4. ใช้ในการเกษตร ผลใช้ในการเบื่อปลา เป็นยาฆ่าแมลง ผลหรือลูกประคำดีควายที่สกัดเอาน้ำแล้วนำไปคลุกกับเหยื่อพิษ หรือใช้ฉีดพ่นต้นเพื่อช่วยกำจัดหอยเชอรี่

ข้อควรระวังของมะคำดีควาย

1. การรับประทานผลอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน มีอาการท้องร่วง ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหารได้
2. หากผงซึ่งมีสารซาโปนินอยู่เข้าทางจมูก จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองและทำให้จาม ถ้าหากเข้าเส้นเลือดจะทำให้เม็ดเลือดแดงแตก
3. การใช้ในการสระผมต้องระวังอย่าให้เข้าตา เพราะจะทำให้แสบตา และตาอักเสบได้ ไม่ควรใช้ในปริมาณมากหรือใช้บ่อยจนเกินไป หากใช้แล้วต้องล้างออกให้หมด ไม่งั้นอาจทำให้ผมร่วงได้

มะคำดีควาย มีสรรพคุณทางยาสมุนไพรได้จากทั้งต้น แต่ส่วนของผลนั้นมีพิษปะปนอยู่ด้วยเช่นกัน เป็นต้นที่สามารถนำมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดได้ โดยเฉพาะนำมาใช้ในการสระผม มะคำดีควายมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของผล มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ แก้ไข้ แก้นอนไม่หลับ ช่วยบำรุงน้ำดี ช่วยแก้โรคผิวหนัง ช่วยรักษาโรคหลอดลมโป่งพองที่มีเสมหะแห้งอยู่ในช่องหลอดลมได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. “ประคำดีควาย”. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). หน้า 445-446.
สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “ประคําดีควาย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [18 เม.ย. 2014].
ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “มะคําดีควาย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaicrudedrug.com. [18 เม.ย. 2014].
ศาสตราจารย์พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ.
หนังสือพืชสมุนไพรในสวนป่าสมุนไพรเขาหินซ้อน ฉบับสมบูรณ์. (พงษ์ศักดิ์ พลเสนา).
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “มะคําดีควาย”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 218.
หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคเหนือ. “มะคำดีควาย”. (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ). หน้า 151.
หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “มะคำดีควาย Soapberry”. หน้า 183.
หนังสือสมุนไพรสำหรับงานสาธารณสุขมูลฐาน. (ภาควิชาเภสัชเวทและเภสัชพฤกษศาสตร์ และศูนย์สมุนไพรทักษิณ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์). “มะคําดีควาย”.
ข่าวประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. “อาจารย์ มมส เผยงานวิจัย… ใช้ประคำดีควายกำจัดหอยเชอรี่ได้ผล”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.web.msu.ac.th/ssystem/msuhotnews/index.php. [18 เม.ย. 2014]
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง

The soap plant (Sapindus mukorossi). The soap nut tree


https://www.thaiaromatherapy.net/product/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A2-soap-nut-extract/

ผักกาดน้ำ ยาชั้นยอดของตำรายาไทย ดีต่อเส้นเอ็น และระบบปัสสาวะ

0
ผักกาดน้ำ
ผักกาดน้ำ ยาชั้นยอดของตำรายาไทย ดีต่อเส้นเอ็น และระบบปัสสาวะ ใช้เป็นยาสมุนไพรได้ทั้งต้นและสามารถทานเป็นผักสดจิ้มน้ำพริกได้

ผักกาดน้ำ

ผักกาดน้ำ

ผักกาดน้ำ หรือเรียกกันอีกอย่างว่า “หญ้าเอ็นยืด” เป็นไม้ล้มลุกที่พบได้ทั่วทุกภาคในประเทศไทย สามารถนำทั้งต้นมาใช้เป็นยาสมุนไพรได้ เป็นต้นที่อยู่ในตำรับยาไทย หรือนำมาปรุงกับยาชนิดอื่น ส่วนของต้นและเมล็ดมีรสหวาน เป็นยาเย็นที่ส่งผลต่อตับและม้าม พบวิตามินบี1 วิตามินซีและวิตามินเค อยู่ภายในต้นผักกาดน้ำ ส่วนของใบนำมาใช้ทานในรูปแบบของผักสดจิ้มกับน้ำพริก อีกทั้งยังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากมายอีกด้วย

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของผักกาดน้ำ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Plantago major L.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Common plantain” “Greater plantain” “Waybread”
ชื่อท้องถิ่น : จังหวัดกรุงเทพมหานครเรียกว่า “หมอน้อย” จังหวัดเชียงใหม่เรียกว่า “หญ้าเอ็นอืด” คนไทยเรียกว่า “ผักกาดน้ำ ผักกาดน้ำไทย ผักกาดน้ำใหญ่” คนจีนเรียกว่า “เชียจ่อยเช่า ตะปุกชี้ ยั้วเช่า ฮำผั่วเช่า เซียแต้เฉ้า” จีนกลางเรียกว่า “ต้าเชอเฉียนเฉ่า” มีชื่ออื่น ๆ ว่า “หญ้าเอ็นยืด หญ้าเอ็นหยืด”
ชื่อวงศ์ : วงศ์เทียนเกล็ดหอย (PLANTAGINACEAE)

ลักษณะของผักกาดน้ำ

ผักกาดน้ำ เป็นพรรณไม้ล้มลุกขนาดเล็กที่มีเนื้ออ่อนอายุหลายปี มักจะขึ้นตามทุ่งหญ้า พื้นที่โล่งแจ้งที่มีความชุ่มชื้น
ลำต้น : โคนต้นติดอยู่กับดิน มีรากสั้น มีการแตกแขนงเป็นฝอยมาก
ใบ : ใบจะแทงขึ้นมาจากใต้ดินคล้ายกับใบผักกาด เป็นใบเรียงสลับกัน โคนลำต้นมีกาบใบห่อหุ้มอยู่ แผ่นใบมีลักษณะหนาเป็นรูปไข่กลับและมีขนาดกว้าง โคนใบสอบ ขอบใบเป็นคลื่น มีเส้นใบตามยาวประมาณ 5 – 7 เส้น ลักษณะของใบจะคล้ายกับช้อนสังกะสีขนาดใหญ่ และใบจะแตกออกรอบบริเวณต้น เมื่อนำก้านใบมาหักแล้วค่อย ๆ ดึงออกจะเห็นเส้นเอ็นยืดออกมา
ดอก : ออกดอกเป็นช่อ โดยช่อดอกจะชูขึ้นมาจากกลางกอ มีดอกย่อยขนาดเล็ก และแห้ง เป็นสีเขียวอ่อนหรือสีน้ำตาล ไม่มีก้านดอก
ผล : พบได้ในดอก เป็นผลแห้ง ลักษณะค่อนข้างกลม มีรูปร่างไม่แน่นอน ผลมีขนาดเล็กสีเขียวอมสีน้ำตาลหรือเป็นสีน้ำตาลจนถึงสีดำ เมื่อสุกแล้วจะแตกออก ภายในผลมีเมล็ดประมาณ 8 – 15 เมล็ด หรืออาจมีมากถึง 15 เมล็ด เมล็ดมีขนาดเล็ก

สรรพคุณของผักกาดน้ำ

  • สรรพคุณจากผักกาดน้ำ เป็นยารักษากระดูกหัก รักษากระดูกแตก ช่วยกำจัดพิษออกจากร่างกาย เป็นยาระบายอ่อน ๆ รักษาอาการไอและหลอดลมอักเสบจากการติดเชื้อ รักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร รักษาโรคลำไส้อักเสบ รักษาโรคผิวหนังอักเสบ เป็นสมุนไพรเพื่อการเลิกบุหรี่
    – แก้บิด ด้วยการนำมาต้มร่วมกับผักพลูคาว
  • สรรพคุณจากราก
    – แก้กระษัย แก้ไอ ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้ปวดหลัง แก้ปวดเอว แก้อาการช้ำใน ด้วยการนำรากมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
  • สรรพคุณจากต้นและใบ
    – แก้ความดันโลหิตสูง ด้วยการนำต้นและใบมารวมกับพลูคาวอย่างละ 35 กรัม แล้วต้มกับน้ำกิน
  • สรรพคุณจากเมล็ด ช่วยทำให้ตาสว่าง เป็นยาแก้ร้อน ช่วยขับเสมหะ แก้อาการไอ แก้ปัสสาวะเป็นเลือด
    – เป็นยาขับปัสสาวะ ด้วยการนำเมล็ด 500 กรัมมาต้มกับน้ำ 3 ลิตร โดยต้มจนเหลือน้ำ 1 ลิตรแล้วนำมาแบ่งกิน 3 ครั้ง
  • สรรพคุณจากต้น ช่วยรักษาตาแดงเฉียบพลัน แก้ตาเป็นต้อ ช่วยแก้ไอหวัด แก้หลอดลมอักเสบ ช่วยขับน้ำชื้น แก้ท้องเสีย แก้ลำไส้อักเสบ ช่วยแก้ไตอักเสบ แก้บวมน้ำ แก้ขาบวมน้ำ
    – รักษาอาการอักเสบของเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ ช่วยแก้อาการปวดตึงบริเวณคอ หลัง เอว แขนและขา แก้ฟกช้ำบวมจากการหกล้มกระทบกระแทก แก้ข้อเท้าแพลง ด้วยการนำต้นมาทุบให้น้ำออกแล้วนำไปพอกบริเวณที่มีอาการ
    – ช่วยทำให้เอ็นยืดและสมานกระดูกที่แตกและหัก ด้วยการนำน้ำมันมะพร้าวเทใส่กระทะพอประมาณ แล้วเอาหญ้าเอ็นยืดประมาณ 4 – 5 ต้น มาโขลกให้พอแหลก เอามาทอดเคี่ยวกับน้ำมัน แล้วทาบริเวณที่เส้นเอ็นตึง
  • สรรพคุณจากทั้งต้น แก้ขอบตาเป็นเม็ดบวม ช่วยแก้ท้องร่วง ช่วยแก้ปัสสาวะแดง แก้ปัสสาวะเป็นเลือด แก้ปัสสาวะขุ่น ช่วยแก้กามโรค แก้หนองใน รักษาแผลที่หายยาก ช่วยดับพิษฝี เป็นยาพอกรักษาอาการนิ้วซ้น แก้เคล็ดขัดยอก แก้เส้นเอ็นพลิก ช่วยรักษาอาการปวดเมื่อย ใช้พอกบริเวณที่เอ็นยึด เป็นยาประคบเพื่อคลายเส้น
    – แก้อาการร้อนใน แก้เจ็บคอ มีฤทธิ์เป็นยาเย็น ด้วยการนำทั้งต้นมาต้มกับน้ำตาลกรวด ใช้กินเป็นยา
    – เป็นยาขับปัสสาวะ แก้นิ่ว ละลายก้อนนิ่วในไต แก้นิ่วในถุงน้ำดี ขับล้างทางเดินปัสสาวะ แก้ช้ำรั่ว หรือทางเดินปัสสาวะ แก้ปัสสาวะกะปริดกะปรอย โดยตำรายาไทยนำทั้งต้นประมาณ 1 กำมือมาต้มกับน้ำกิน หรือนำมาปั่นให้ละเอียด แล้วผสมกับน้ำซาวข้าวประมาณ 1 ขวดแม่โขง นำมาดื่มให้หมดภายใน 1 วัน และให้ดื่มติดต่อกัน 2 – 3 วัน
  • สรรพคุณจากใบ เป็นยาขับประจำเดือนของสตรี เป็นยาห้ามเลือดภายนอก รักษาบาดแผลจากการที่ทำให้เลือดหยุดไหลและช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บ ช่วยลดอาการอักเสบ ช่วยลดอาการบวม รักษาอาการไหม้จากการถูกแสงแดดและถูกลม แก้ปวดหลังปวดเอว เป็นยารักษาอาการปวดเข่า ใช้พอกต่อเส้นเอ็น
    – แก้เลือดกำเดาไหล ด้วยการนำใบมาต้มกินเป็นยา
    – บำรุงกำหนัด เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ด้วยการนำไปตากแดดให้แห้งแล้วทำเป็นชาชงดื่ม หรือกินเป็นผักสด
    – รักษาแผลสด แก้แผลเรื้อรัง แก้ผิวหนังอักเสบ แก้อาการคัน ลดอาการแพ้ ต้านการอักเสบจากการแพ้พืช แก้พิษจากการถูกผึ้งต่อยหรือแมลงสัตว์กัดต่อย ด้วยการนำใบมาตำใช้เป็นยาพอกบริเวณที่มีอาการ
    – เป็นยารักษาโรคผิวหนังได้หลายชนิด เช่น อาการอักเสบของผิวหนังของทารกที่เรียกว่า “ผ้าอ้อมกัด” ด้วยการนำใบแห้งมาแช่ในน้ำมันแล้วนำไปตากแดด แล้วนำน้ำมันที่ได้มาใช้ทาบริเวณที่มีอาการ
    – แก้โรคเชื้อราที่เท้า ด้วยการนำใบสดมาบดใส่และห่อผ้าพอกทิ้งไว้

ประโยชน์ของต้นผักกาดน้ำ

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร แถบภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคกลางนำใบอ่อนใช้กินเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก
2. เป็นส่วนประกอบของยา ผักกาดน้ำนำมาใช้ในการรักษาโรคกันมานานนับพันปี เพราะเป็นสมุนไพรที่มีความปลอดภัยสูง เป็นสมุนไพรที่หมอนวดมักนำมาปลูกไว้หน้าบ้านเพื่อเป็นการตัดไม้ข่มนาม ใครที่เข้ามานวดที่นี่แล้วเอ็นต้องยืดสมดังชื่อ
3. เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ มีการนำมาใช้ทำเป็นครีมหรือโลชันบำรุงผิวเพื่อช่วยลบรอยเหี่ยวย่น

คุณค่าทางโภชนาการของใบผักกาดน้ำ

คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 61 แคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารที่ได้รับ
น้ำ  81.4%
โปรตีน 2.5 กรัม
ไขมัน 0.3 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 14.6 กรัม
วิตามินเอ 4,200 หน่วยสากล
วิตามินบี2 0.28 มิลลิกรัม
วิตามินบี3 0.8 มิลลิกรัม
วิตามินซี 8 มิลลิกรัม
แคลเซียม 184 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 52 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 1.2 มิลลิกรัม

ผักกาดน้ำ เป็นผักที่อยู่ในตำรายาสมุนไพรมาเนิ่นนาน และมีจุดเด่นอยู่ที่ใบ เมื่อยืดใบจะมีเส้นเอ็นยืดออกมา และยังเป็นยาที่ดีต่อเอ็นในร่างกายอีกด้วย ส่วนของใบอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์มากมาย ผักกาดน้ำมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของใบ มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ รักษาแผล รักษาโรคผิวหนัง แก้นิ่ว แก้โรคที่เกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ แก้เส้นเอ็นยึดหรือพลิก ช่วยคลายเส้นเอ็น รักษาอาการอักเสบของเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ สมานกระดูกที่แตกหักและอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่น่าแปลกใจที่ผักกาดน้ำเป็นยาสมุนไพรของคนในอดีตมาจนปัจจุบัน

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. “ผักกาดน้ํา”. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). หน้า 464-465.
หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ผักกาดน้ำ Common Plantain”. หน้า 167.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “ผักกาดน้ำใหญ่”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 336.
บทความวิทยุรายการสาระความรู้ทางการเกษตร, งานศูนย์บริการวิชาการและฝึกอบรม ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ, คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่. “เรื่องผักกาดน้ำ”. (ดวงจันทร์ เกรียงสุวรรณ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: natres.psu.ac.th. [23 เม.ย. 2014].
หนังสือพืชอาหารและสมุนไพรท้องถิ่นบนพื้นที่สูง ชุดที่ 1. (เกรียงไกรและคณะ).
ผักพื้นบ้านในประเทศไทย, กรมส่งเสริมการเกษตร. “ผักกาดน้ํา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: 203.172.205.25/ftp/intranet/Research_AntioxidativeThaiVegetable/. [23 เม.ย. 2014].
ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “หมอน้อย”. อ้างอิงใน: หนังสือพืชสมุนไพร เล่ม 2. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.qsbg.org. [23 เม.ย. 2014].
ไตรย (THRAI) ฐานข้อมูลตำรายาสมุนไพรไทย, หน่วยปฏิบัติการวิจัยเคมีสารสนเทศ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “เรื่องน่ารู้ของผักกาดน้ำ : ยาเอ็น ยากระดูก ยานิ่ว”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: thrai.sci.ku.ac.th. [23 เม.ย. 2014].
ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน, สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน). “ผักกาดน้ํา, หมอน้อย, หญ้าเอ็นหยืด”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.bedo.or.th. [23 เม.ย. 2014].
จำรัส เซ็ลนิล. “หญ้าเอ็นยืด “ยาเอ็น-ยากระดูก-ยานิ่ว” ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.jamrat.net. [23 เม.ย. 2014].
ข่าวสดออนไลน์. “อจ.เภสัชมช.เผยประโยชน์หญ้าเอ็นยืด ”. (ภญ.รศ.ดร.พาณี ศิริสะอาด อาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์เภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.khaosod.co.th. [23 เม.ย. 2014].
กรีนคลินิก. “ผักกาดน้ำ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.greenclinic.in.th. [23 เม.ย. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง
https://www.aquaportail.com/fiche-plante-3741-plantago-major.html

มันแกว แก้ความดันเลือดสูง ป้องกันโรคหัวใจ ป้องกันเส้นเลือดตีบ

0
มันแกว
มันแกว แก้ความดันเลือดสูง ป้องกันโรคหัวใจ ป้องกันเส้นเลือดตีบ มีรสคล้ายแป้งแต่จะออกหวานที่มาจากอินูลิน

มันแกว

มันแกว

มันแกว เป็นพืชทั่วไปที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะผลจากต้นจะนิยมนำมาทานเป็นผลไม้ได้ ชนิดที่ปลูกกันมากในประเทศไทยมี 2 ชนิดใหญ่ คือ พันธุ์หัวเล็กและพันธุ์หัวใหญ่ เป็นพืชพื้นเมืองของชาวเม็กซิโกและประเทศในแถบอเมริกากลาง ส่วนของดอกมีสีสันสวยงาม เป็นพืชผักที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ถือเป็นผลในการนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรได้

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของมันแกว

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pachyrhizus erosus (L.) Urb.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Yam bean” “Jicama”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “มันแกว” ภาคเหนือเรียกว่า “เครือเขาขน ถั่วกินหัว ถั่วหัว ถั้วบ้ง ละแวก มันละแวก มันแกวละแวก มันลาว มันแกวลาว” ภาคอีสานเรียกว่า “มันเพา มันเภา” ภาคใต้เรียกว่า “หัวแปะกัวะ” จังหวัดเพชรบูรณ์เรียกว่า “หมากบ้ง” ชาวไทลื้อเรียกว่า “มะคะตุ๋ม”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE)

ลักษณะของมันแกว

มันแกว เป็นไม้เถาเลื้อยพันต้นไม้อื่น เป็นพืชพื้นเมืองของประเทศเม็กซิโกและประเทศในแถบอเมริกากลาง สามารถพบได้ทุกภาคของประเทศไทย
ลำต้น : ลำต้นมีขน ไม่มีมือเกาะ ต้นไม่แตกแขนง
หัว : มีหัวใต้ดินเป็นรากสะสมอาหาร ลักษณะอวบใหญ่ หัวเป็นสีน้ำตาลอ่อน หนึ่งต้นจะมีหัวเดียว รสชาติคล้ายแป้ง ส่วนที่อยู่ใต้ดินจะมีอายุข้ามปี ส่วนบนดินจะมีอายุเพียงปีเดียว
ใบ : เป็นประกอบแบบขนนก ใบย่อย 3 ใบ เป็นรูปจักใหญ่หรือเป็นรูปสามเหลี่ยม ปลายใบแหลม
ดอก : ออกดอกเป็นช่อกระจะเดี่ยวที่ซอกใบ มีขนสีน้ำตาล เป็นรูปดอกถั่วหรือรูปไต กลีบดอกสีม่วงแกมน้ำเงิน สีชมพู หรือสีขาว
ผล : ออกผลเป็นฝักรูปขอบขนานแบน มีขนปกคลุมทั้งฝัก เมื่อแก่จะเรียบ มีเมล็ดเรียงกัน 4 – 10 เมล็ด เป็นรูปจัตุรัสแบน เมล็ดเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือสีแดง ผิวมัน

สรรพคุณของมันแกว

  • สรรพคุณ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ช่วยควบคุมไม่ให้หลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ช่วยในการป้องหวัด ป้องกันมะเร็ง ต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยป้องกันโรคท้องผูก ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของมะเร็งในลำไส้ใหญ่
  • สรรพคุณจากหัว ช่วยทำให้เกิดน้ำหล่อเลี้ยง แก้กระหายน้ำ แก้ร้อนกระสับกระส่าย ลดไข้ รักษาโรคร้อนดับพิษ ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ แก้หน้าแดง แก้ความดันโลหิตสูง เป็นยารักษาพิษสุราเรื้อรัง
  • สรรพคุณจากใบ เป็นยาถ่ายพยาธิ รักษาโรคผิวหนังกลากเกลื้อน
  • สรรพคุณจากเมล็ด เป็นยารักษาโรคผิวหนัง ช่วยรักษาหูด

ประโยชน์ของมันแกว

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร มีรสคล้ายแป้งแต่จะออกหวาน นำมาจิ้มกับพริกเกลือ ต้มหรือปรุงเป็นอาหารทั้งคาวและหวานได้ ฝักอ่อนและเมล็ดอ่อนใช้ทานเป็นผักสดกับส้มตำ หรือต้มทานเป็นผัก เมล็ดจะมีน้ำมันอยู่ สามารถนำมารับประทานได้
2. ใช้ในการเกษตร เศษของหัวนำมาใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ได้ ใบช่วยป้องกันแมลงที่จะเข้ามาทำลายสวนพืชผัก เมล็ดแก่มีสารพิษมาก จึงนิยมนำมาบดใช้ทำยาฆ่าแมลงหรือยาเบื่อปลา ประเทศฟิจินำต้นและเถามาใช้เป็นแหหรืออวน

คุณค่าทางโภชนาการของมันแกวดิบ

คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 38 กิโลแคลอรี่

สารอาหาร ปริมาณสารที่ได้รับ
คาร์โบไฮเดรต 17.47 กรัม
น้ำตาล 1.8 กรัม
ใยอาหาร 4.9 กรัม
ไขมัน 0.09 กรัม
โปรตีน 0.72 กรัม
น้ำ 90.07 กรัม
วิตามินเอ 21 หน่วยสากล
วิตามินบี1 0.020 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.029 มิลลิกรัม 
วิตามินบี3 0.200 มิลลิกรัม
วิตามินบี6 0.042 มิลลิกรัม
วิตามินบี9 12 ไมโครกรัม 
วิตามินซี 20.2 มิลลิกรัม 
วิตามินอี 0.46 มิลลิกรัม
วิตามินเค 0.3 ไมโครกรัม
แคลเซียม 12 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 0.60 มิลลิกรัม
แมกนีเซียม 12 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 18 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 150 มิลลิกรัม 
โซเดียม 4 มิลลิกรัม
สังกะสี (ซิงค์) 0.16 มิลลิกรัม

มันแกว เป็นพืชผลที่นิยมนำมาทานเป็นผลไม้ในประเทศไทย ซึ่งรสหวานมาจากอินูลิน ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญได้ อุดมไปด้วยกรดโฟลิก มีเส้นใยอาหารสูง เหมาะสำหรับทานเพิ่มสารอาหารได้ มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของผล มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ แก้ความดันโลหิตสูง ควบคุมไม่ให้หลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ช่วยในการป้องหวัด ป้องกันมะเร็งและช่วยป้องกันโรคท้องผูกได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
เอกสารอ้างอิง โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว. “มันแกว”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: kanchanapisek.or.th/kp6/. [26 พ.ค. 2014].
ระบบวินิจฉัยและการรักษาอาการอันเนื่องจากพืชพิษในประเทศไทย, สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “มันแกว” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.medplant.mahidol.ac.th/tpex/. [26 พ.ค. 2014].
ผักพื้นบ้าน ในประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง. “มันแกว”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: area-based.lpru.ac.th/veg/. [26 พ.ค. 2014].
มหัศจรรย์แห่งสมุนไพรไทย. “มันแกว”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: thaiherb-tip108.blogspot.com. [26 พ.ค. 2014].
กลุ่มสื่อส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร, ศูนย์วิทยุบริการเพื่อส่งเสริมการเกษตร สำนักพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี กรมส่งเสริมการเกษตร. “มันแกว”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: esc.agritech.doae.go.th/webpage/e-book/mun-kaew.pdf. [26 พ.ค. 2014].
น้ำของประเทศไทย. “ผลไม้รักษาโรค”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.waterthailand.com. [26 พ.ค. 2014].
FoodFacts. “What Is Jicama (Yambean) Good For?”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: foodfacts.mercola.com. [26 พ.ค. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

ข้าวเย็นเหนือ ทั้งต้นมีรสหวานจืด มีหัวอุดมไปด้วยสรรพคุณมากมาย

0
ข้าวเย็นเหนือ
ข้าวเย็นเหนือ ทั้งต้นมีรสหวานจืด มีหัวอุดมไปด้วยสรรพคุณมากมาย เป็นไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็ง เป็นไม้ที่เลี้ยงยากและหาดูได้ยาก

ข้าวเย็นเหนือ

ข้าวเย็นเหนือ

ข้าวเย็นเหนือ เป็นพืชที่พบได้มากทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตามชื่อ ทว่าเป็นไม้ที่เลี้ยงยากและหาดูได้ยาก จึงไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนัก เป็นไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็งที่มีหนามแหลมโดยรอบ มีหัวเป็นเหง้าอยู่ใต้ดินและมีรากแตกอยู่ใต้ดินมาก นิยมนำส่วนหัวมาใช้เป็นยา ทั้งต้นมีรสหวานจืด เป็นยาสุขุมที่มีฤทธิ์ต่อตับและกระเพาะ มีสรรพคุณทางยาสมุนไพรได้หลากหลายมาก

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของข้าวเย็นเหนือ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Smilax corbularia Kunth
ชื่อท้องถิ่น : ภาคเหนือเรียกว่า “หัวยาข้าวเย็น หัวข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นวอก” ภาคใต้เรียกว่า “หัวยาจีนปักษ์เหนือ” จังหวัดอุบลราชธานีเรียกว่า “ข้าวเย็นโคกแดง ค้อนกระแต หัวข้าวเย็นเหนือ หัวข้าวเย็นวอก ยาหัวข้อ” จีนแต้จิ๋วเรียกว่า “เสี้ยมโค่ฮก เสี้ยมโถ่ฮก” จีนกลางเรียกว่า “ควงเถียวป๋าเชี๋ย”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ข้าวเย็นเหนือ (SMILACACEAE)

ลักษณะของข้าวเย็นเหนือ

ข้าวเย็นเหนือ เป็นไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็งที่เลื้อยพาดพันต้นไม้อื่นหรือเลื้อยไปตามพื้นดิน มักจะพบขึ้นตามป่าดงดิบเขา ป่าดิบชื้น ป่าโปร่ง ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง พบได้มากทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นไม้ที่เลี้ยงยากและหาดูได้ยาก
ลำต้น : ลำต้นมีลักษณะกลมหรือเป็นเหลี่ยมเล็กน้อย เถามีหนามแหลมโดยรอบกระจายอยู่ ที่โคนใบยอดอ่อนมีมือเป็น 2 เส้นไว้สำหรับจับยึด มีหัวเป็นเหง้าอยู่ใต้ดินและมีรากแตกอยู่ใต้ดินมาก หัวมีลักษณะกลมยาวเป็นท่อน เนื้อไม้แข็ง ผิวแดงและขรุขระ เนื้อในเหง้าเป็นสีเหลืองอ่อน เมื่อแก่เต็มที่จะเป็นสีแดงน้ำตาลอ่อน เนื้อละเอียด มีรสมัน
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปวงรียาว รูปวงรีแกมรูปใบหอกหรือรูปกลมวงรี ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ หน้าใบเป็นสีเขียว หลังใบมีขนสีขาวปกคลุม มีเส้นใบหลักประมาณ 5 – 7 เส้น มีเส้นกลาง 3 เส้นที่เด่นชัดกว่าเส้นที่เหลือด้านข้าง
ดอก : ออกดอกตามซอกใบที่โคนหรือกลางต้น ลักษณะของช่อดอกเป็นช่อซี่ร่ม มีประมาณ 1 – 3 ช่อดอก ดอกมีขนาดเล็ก ก้านช่อดอกสั้น เป็นแบบแยกเพศอยู่กันคนละต้น ดอกมีใบประดับย่อยลักษณะรูปไข่กว้าง เป็นสีเขียวปนขาว มีกลีบรวม 6 กลีบ ลักษณะเป็นรูปวงรีหรือเป็นรูปวงรีแกมรูปขอบขนาน กลีบวงในมักแคบกว่ากลีบวงนอก มักจะออกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม
ผล : ออกผลเป็นกระจุกชิดกันแน่นคล้ายทรงกลม ผลมีลักษณะกลม เป็นผลแบบมีเนื้อ เมื่อสุกจะเป็นสีม่วงดำ ผิวผลมีผงแป้งสีขาวปกคลุม ภายในผลมีเมล็ดประมาณ 1 – 2 เมล็ด มักจะออกผลในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม

สรรพคุณของข้าวเย็นเหนือ

  • สรรพคุณจากหัว ต้านมะเร็งเต้านม ออกฤทธิ์ต่อตับและกระเพาะ เป็นยาขับพิษร้อน ถอนพิษไข้ เป็นยาแก้ประดง ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ช่วยแก้ตาแดง เป็นยาแก้นิ่ว ช่วยแก้กามโรค แก้ระยะของกามโรคที่เกิดมีเม็ดผื่นเป็นดอกขึ้นตามตัว ช่วยรักษาริดสีดวงทวาร แก้ระดูขาวของสตรีและโรคบุรุษ ช่วยขับน้ำชื้นในร่างกาย เป็นยาแก้พิษ แก้พิษจากสารปรอท ช่วยแก้มะเร็งคุดทะราด ช่วยรักษาฝีแผลเน่าเปื่อยพุพอง ทำให้แผลฝียุบแห้ง แก้เม็ดผื่นคัน แก้ฝีทุกชนิด ช่วยแก้โรคแผลกลาย รักษาแผลในหลอดลมและในลำไส้ เป็นยาแก้โรคผิวหนัง แก้ผดผื่นคัน แก้กลากเกลื้อน แก้ผิวหนังอักเสบ แก้น้ำกัดเท้า ช่วยฆ่าเชื้อหนอง เป็นยาแก้อักเสบในร่างกาย ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้อาการปวดหลังปวดเอว แก้ปวดเมื่อยในผู้สูงอายุ ช่วยแก้อาการปวดข้ออันเนื่องมาจากลมชื้นหรือฝีหนองทั้งภายนอกและภายใน แก้เส้นเอ็นพิการ ช่วยดับพิษในกระดูก
    – เป็นยาบำรุง โดยตำรายาพื้นบ้านมุกดาหารและประเทศมาเลเซียนำหัวเป็นยา
    – บำรุงเลือด ลดอาการปวดสำหรับหญิงอยู่ไฟหลังการคลอดบุตร ด้วยการนำหัวมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
    – บำรุงกำลัง ด้วยการนำหัวมาตากแห้งแล้วหั่นทาน
    – แก้มะเร็ง ด้วยการนำหัวมาบดให้ละเอียดผสมกับส้มโมง ต้มจนแห้งแล้วผสมกับน้ำผึ้งทานวันละ 1 เม็ด
    – แก้เบาหวาน ด้วยการนำหัวข้าวเย็นทั้งสอง ใบโพธิ์ และไม้สัก มาต้มในหม้อดินเป็นยาดื่ม หรือใช้หัวข้าวเย็นทั้งสองผสมกับต้นลูกใต้ใบมาต้มกับน้ำดื่ม
    – แก้ไข้ทับระดู แก้ระดูทับไข้ ด้วยการนำหัวข้าวเย็นทั้งสองผสมกับตัวยาอื่นในตำรับยา แล้วนำมาต้มเอาแต่น้ำดื่ม
    – แก้ไอ ด้วยการนำหัวข้าวเย็นเหนือ 5 บาทและหัวข้าวเย็นใต้ 5 บาท มาต้มในหม้อดินและเติมเกลือทะเลเล็กน้อย ใช้ดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
    – ช่วยขับลมชื้น ด้วยการนำข้าวเย็นเหนือและข้าวเย็นใต้อย่างละ 30 กรัม โกฐเขมา โกฐหัวบัว เจตมูลเพลิง เถาวัลย์เปรียงอย่างละ 20 กรัม มาต้มรวมกันใช้เป็นน้ำดื่ม หรือนำมาแช่กับเหล้า โดยใส่เหล้าให้ท่วมตัวยา ทิ้งไว้ 7 วัน แล้วนำมาทาน
    – เป็นยาแก้โรคหนองในทั้งหญิงและชาย แก้โรคโกโนเรีย ด้วยการนำหัวข้าวเย็นทั้งสองร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นอีก ทั้งหมด 14 อย่าง มาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
    – รักษาโรคเนื้องอกบริเวณปากมดลูก ด้วยการนำข้าวเย็นเหนือและข้าวเย็นใต้อย่างละ 25 กรัม มาต้มด้วยไฟอ่อนประมาณ 3 ชั่วโมง หรือต้มให้เหลือน้ำประมาณ 100 ซีซี แล้วแบ่งทาน 4 ครั้ง ครั้งละ 25 ซีซี
    – เป็นยาทารักษาแผลไฟไหม้ แก้แผลน้ำร้อนลวก ด้วยการนำข้าวเย็นเหนือและข้าวเย็นใต้มาบดเป็นผงผสมกับน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันงา แล้วนำมาใช้ทาบริเวณแผล
    – ช่วยแก้อาการตุ่มแดง แก้ผื่นคัน แก้ถ่ายเหลว ด้วยการนำหัวใต้ดินมาต้มกับน้ำให้เด็กอาบ
  • สรรพคุณจากผล เป็นยาแก้ไข้เรื้อรัง แก้ไข้ตัวร้อน เป็นยาแก้ลมริดสีดวง
  • สรรพคุณจากใบ เป็นยาแก้ไข้เหนือ แก้ไข้สันนิบาต
  • สรรพคุณจากราก เป็นยาแก้พยาธิในท้อง ช่วยแก้พุพอง
  • สรรพคุณจากหัวและราก เป็นยาแก้ปัสสาวะพิการ ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย
  • สรรพคุณจากดอก เป็นยาแก้พิษงูเห่า

ประโยชน์ของข้าวเย็นเหนือ

ยอดอ่อนอาจใช้รับประทานเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริกได้ แต่ไม่มีข้อมูลยืนยัน

ข้าวเย็นเหนือ ส่วนของเมล็ดมีน้ำมันหอมระเหย 11.2% มีส่วนของเหง้าและหัวใต้ดินเป็นยาสมุนไพรชั้นดี ทั้งต้นมีรสหวานจืด เป็นยาสุขุมที่พบได้มากทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของหัว มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ต้านมะเร็งเต้านม แก้ไข้หลายชนิด แก้เบาหวาน บำรุงกำลัง บำรุงเลือด แก้โรคผิวหนังและแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง. “ข้าวเย็นเหนือ”. (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, กัญจนา ดีวิเศษ). หน้า 78.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “ข้าวเย็นเหนือ”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 132.
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ข้าวเย็น”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com. [06 เม.ย. 2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “ข้อมูลของข้าวเย็นเหนือ”. อ้างอิงใน: หนังสือพืชอาหารและสมุนไพรท้องถิ่นบนพื้นที่สูง (อัปสร และคณะ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [06 เม.ย. 2014].
มติชนออนไลน์. “ข้าวเย็นเหนือ และ ข้าวเย็นใต้ ในตำรับยาแผนไทย” อ้างอิงใน: หนังสือตำรายาหลวงพ่อศุข. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.matichon.co.th. [06 เม.ย. 2014].
มูลนิธิสุขภาพไทย. “หมอพื้นบ้าน 3 จ.ใต้ ใช้สมุนไพรรักษามะเร็ง 26 ตำรับ” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaihof.org. [06 เม.ย. 2014].
ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ข้าวเย็น”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaicrudedrug.com. [07 เม.ย. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง
https://www.ydhvn.com/news/cay-duoc-lieu-cay-kim-cang-la-thuon-kim-cang-la-mac-smilax-lanceifolia-roxb

บัวหลวง ยาชั้นยอด ดีต่อระบบเลือด บำรุงอวัยวะสำคัญ ป้องกันโรค

0
บัวหลวง
บัวหลวง ยาชั้นยอด ดีต่อระบบเลือด บำรุงอวัยวะสำคัญ ป้องกันโรค เป็นยาสมุนไพร ดีต่อสุขภาพมากโดยเฉพาะผู้สูงอายุ

บัวหลวง

บัวหลวง

บัวหลวง เป็นพืชที่มีหลายสายพันธุ์มากมาย ขึ้นอยู่กับลักษณะของดอก ส่วนของรากและเม็ดบัวมีรสหวานเย็นและมันเล็กน้อย เม็ดบัวมีคุณค่าทางอาหารสูง รากก็เช่นกันจึงนิยมนำมาใช้ต้มเป็น “น้ำรากบัว” เป็นสมุนไพรมากประโยชน์ที่ไม่ควรมองข้าม ส่วนของไหลบัวยังนำมาประกอบอาหารได้ทั้งสดและแห้งอีกด้วย และที่สำคัญเป็นดอกที่นำมาบูชาพระหรือนำมาใช้ในทางศาสนากันเป็นอย่างมาก สุดท้ายดอกบัวหลวงเป็นพืชน้ำที่มีดอกสวยงาม แถมดอกบัวก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นของประเทศไทย จึงนิยมปลูกประดับในสวนน้ำโดยเฉพาะในวัด

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของบัวหลวง

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Nelumbo nucifera Gaertn.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Lotus” “Sacred lotus” “Egyptian lotus”
ชื่อท้องถิ่น : มีชื่อเรียกว่า “โกกระณต, บัว, บัวอุบล, บัวฉัตรขาว, บัวฉัตรชมพู, บัวฉัตรสีชมพู, บุณฑริก, ปุณฑริก, ปทุม, ปัทมา, สัตตบงกช, สัตตบุษย์” ชาวเขมรเรียกว่า “โช้ค”
ชื่อวงศ์ : วงศ์บัวหลวง (NELUMBONACEAE)

ลักษณะของบัวหลวง

บัวหลวง เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชีย
ลำต้น : เป็นเหง้าอยู่ใต้ดินและเป็นไหลอยู่เหนือดินใต้น้ำ เหง้าเป็นท่อนยาว มีปล้องสีเหลืองอ่อน แข็งเล็กน้อย ส่วนของไหลเป็นส่วนเจริญไปเป็นต้นใหม่
ใบ : เป็นใบเดี่ยว ใบอ่อนลอยปริ่มน้ำ ใบแก่แผ่นใบจะชูขึ้นเหนือน้ำ ใบเป็นรูปเกือบกลมและมีขนาดใหญ่ ขอบใบเรียบและเป็นคลื่น ผิวใบด้านบนเป็นนวลเคลือบ ก้านใบแข็งและเป็นหนาม หากตัดตามขวางจะเห็นรูอยู่ภายใน มีน้ำยางสีขาว ใบอ่อนจะเป็นสีเทานวล ปลายม้วนงอขึ้นเข้าหากันทั้งสองด้าน
ดอก : ออกดอกเดี่ยว เป็นสีขาว สีชมพู มีกลิ่นหอม กลีบเลี้ยง 4 – 5 กลีบ ขนาดเล็กและมีสีขาวอมเขียวหรือสีเทาอมชมพู ร่วงได้ง่าย กลีบดอกมีจำนวนมากเป็นรูปไข่กว้าง เรียงซ้อนกันอยู่หลายชั้น ในดอกมีเกสรตัวผู้สีเหลืองอยู่เป็นจำนวนมาก ล้อมรอบอยู่บริเวณฐานรองดอกเป็นรูปกรวยหงาย หรือเรียกกันว่า ฝักบัว เกสรตัวเมียมีรังไข่ฝังอยู่ในฐานรองดอก เมื่ออ่อนเป็นสีเหลือง เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว ก้านดอกมีสีเขียว ยาวและมีหนามเหมือนก้านใบ ดอกบัวหลวงจะเริ่มบานในตอนเช้า มักจะออกดอกและผลในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนธันวาคม
ฝัก : ฝักมีผลอ่อนสีเขียวนวลจำนวนมาก ผลจะฝังอยู่ในส่วนที่เป็นฝักรูปกรวยในดอก เมื่ออ่อนจะเป็นสีเหลือง เมื่อแก่จะขยายใหญ่ขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีเทาอมเขียว ผลสีเขียวอ่อนฝังอยู่ในฝักรูปกรวย
เมล็ด : ออกเป็นกลุ่มเป็นรูปกลมวงรี ผลอ่อนมีสีเขียวนวลจำนวนมาก ในเมล็ดมีดีบัวหรือต้นอ่อนที่ฝังอยู่กลางเมล็ดมีสีเขียว
ดีบัวหลวง : ต้นอ่อนที่อยู่ในเม็ดบัวหลวง คล้ายสาก ใบอ่อน 2 ใบ ใบหนึ่งสั้น อีกใบยาว ใบมีสีเขียวเข้มหรือสีเขียวอมเหลือง ปลายใบม้วนเป็นรูปคล้ายลูกศร มีต้นอ่อนตรง รสขมจัด แต่ไม่มีกลิ่น

สรรพคุณของบัวหลวง

  • สรรพคุณจากราก ช่วยบำรุงกำลัง เป็นยาชูกำลัง แก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยเสริมฤทธิ์ยานอนหลับ ทำให้หลับสบาย เป็นยาแก้ธาตุไม่ปกติในเด็ก ช่วยลดไข้ ช่วยแก้อาการไอ ช่วยแก้เสมหะ ช่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ช่วยระงับอาการท้องร่วง ช่วยขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะบ่อย ช่วยแก้ดีพิการ ช่วยแก้พุพอง ช่วยห้ามเลือด ทำให้เลือดหยุด
  • สรรพคุณจากเม็ดบัว ช่วยบำรุงกำลัง เป็นยาชูกำลัง ช่วยบำรุงร่างกาย แก้กษัย ช่วยเพิ่มพลังงานและไขมันในร่างกาย เป็นอาหารบำรุงกำลังของหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการแพ้ท้อง ทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย ช่วยบำรุงโลหิต ช่วยบำรุงประสาทและสมอง ช่วยป้องกันมะเร็ง ป้องกันมะเร็งตับ ช่วยชะลอความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ และผิวพรรณ เป็นยาบำรุงหัวใจ ช่วยแก้เสมหะ ช่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ช่วยรักษาอาการท้องร่วงและบิดเรื้อรัง ช่วยแก้ลำไส้อักเสบ ช่วยแก้อาการประจำเดือนมามากกว่าปกติ ช่วยแก้ดีพิการ ช่วยบำรุงไตและม้ามและตับ ช่วยแก้พุพอง ช่วยแก้อาการน้ำกามเคลื่อนหรืออาการฝันเปียก ช่วยบำรุงไขข้อ บำรุงเส้นเอ็น แก้โรคข้อต่าง ๆ ช่วยบำรุงครรภ์ของสตรี
  • สรรพคุณจากดอก ช่วยบำรุงกำลัง เป็นยาชูกำลัง เป็นยาบรรเทาอาการอ่อนเพลีย ทำให้สดชื่นขึ้น ช่วยลดอาการใจสั่น เป็นยาบำรุงหัวใจ ช่วยแก้ไข้ ช่วยแก้ไข้รากสาดและไข้มีพิษร้อน ช่วยแก้เสมหะ ช่วยขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะบ่อย ช่วยห้ามเลือด ทำให้เลือดหยุด เป็นยาฝาดสมาน ช่วยสมานแผล ช่วยแก้อาการผดผื่นคัน ช่วยแก้อาการช้ำใน ช่วยทำให้คลอดบุตรง่าย
  • สรรพคุณจากใบอ่อน ช่วยบำรุงร่างกาย แก้กษัย
  • สรรพคุณจากกลีบดอก ช่วยบำรุงร่างกาย แก้กษัย เป็นยาบรรเทาอาการอ่อนเพลีย ทำให้สดชื่นขึ้น ช่วยลดอาการใจสั่น ช่วยห้ามเลือด ทำให้เลือดหยุด
  • สรรพคุณจากเกสร เป็นยาบรรเทาอาการอ่อนเพลีย ทำให้สดชื่นขึ้น ช่วยลดอาการใจสั่น ช่วยบำรุงประสาทและสมอง ช่วยแก้ไข้รากสาดและไข้มีพิษร้อน ช่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ช่วยแก้ลม
  • สรรพคุณจากใบแก่ ช่วยบำรุงโลหิต ช่วยแก้ไข้ ช่วยแก้ริดสีดวงจมูก ช่วยเพิ่มแรงเบ่งขณะคลอดบุตรของสตรี
  • สรรพคุณจากใบ ช่วยลดความดันโลหิตสูง ลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยระงับอาการหวัดคัดจมูก ลดเสมหะ แก้อาการร้อนในกระหายน้ำ แก้อาการท้องร่วง รักษาอาการปวดบวมและอาการอักเสบ
  • สรรพคุณจากดีบัว ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยขยายเส้นเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจในกรณีที่เส้นเลือดตีบ ช่วยผ่อนคลายความเครียด แก้อาการหงุดหงิดนอนไม่หลับ ช่วยทำให้นอนหลับสบาย ช่วยทำให้เส้นเลือดขยาย เป็นยาขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ แก้เส้นเลือดตีบในหัวใจเนื่องจากมีไขมันไปเกาะที่ผนังหลอดเลือด เพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจ ช่วยบำรุงหลอดเลือดหัวใจ ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ช่วยแก้ไข้ ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยลดไข้ ช่วยแก้อาการติดเชื้อในช่องปาก ช่วยแก้อาการอาเจียนเป็นเลือด ช่วยแก้กระหายน้ำ ช่วยอาการกระหายหลังอาเจียนเป็นเลือด ช่วยบำรุงถุงน้ำดี ช่วยแก้อหิวาตกโรค ช่วยแก้อาการน้ำกามเคลื่อนหรืออาการฝันเปียก ช่วยบำรุงครรภ์ของสตรี
  • สรรพคุณจากเกสรตัวผู้ เป็นยาชูกำลัง บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ ทำให้ชุ่มชื่นใจ แก้อาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ เป็นยาสงบประสาท ช่วยขับเสมหะ เป็นยาบำรุงหัวใจ ช่วยคุมธาตุในร่างกาย ช่วยแก้ไข้ ช่วยแก้เสมหะ ช่วยแก้อาการเลือดกำเดาไหล ช่วยบำรุงปอด ช่วยแก้อาการท้องเสีย ช่วยขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะบ่อย ช่วยแก้อาการตกขาวของสตรี ช่วยแก้อาการประจำเดือนมามากกว่าปกติ ช่วยบำรุงตับ เป็นยาฝาดสมาน ช่วยสมานแผล ช่วยแก้อาการน้ำกามเคลื่อนหรืออาการฝันเปียก
  • สรรพคุณจากฝัก ช่วยแก้อาการท้องเสีย ช่วยแก้พิษเห็ดเมา ช่วยขับรกออกมาให้เร็วขึ้น
  • สรรพคุณจากยางจากก้านใบและก้านดอก ช่วยแก้อาการท้องเดิน
  • สรรพคุณจากเปลือกฝัก ช่วยแก้อาการท้องเดิน ช่วยสมานแผลในมดลูก เป็นยาฝาดสมาน ช่วยสมานแผล
  • สรรพคุณจากกลีบดอกชั้นใน แก้อาการท้องร่วง แก้โรคซิฟิลิส
  • สรรพคุณจากทั้งต้น แก้เห็ดพิษ แก้อาการเป็นพิษจากพิษสุราเรื้อรัง

ประโยชน์ของบัวหลวง

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร รากนำมาใช้ปรุงเป็นอาหารได้ทั้งคาวหวาน นำมาเชื่อมแห้งทานเป็นของหวาน ทำเป็นน้ำรากบัว ไหลบัวนำมาประกอบอาหารได้ทั้งสดและแห้ง สายบัวนำมาปรุงเป็นอาหารหรือใช้แทนผักได้ กลีบดอกนำไปทำเมี่ยงดอกบัว ยำดอกไม้หรือทำเมนูกลีบัวชุบแป้งทอด เม็ดบัวทั้งอ่อนและแก่ใช้ทำอาร์ซีข้าวอบใบบัว
2. ใช้ในทางศาสนา ดอกนำมาบูชาพระหรือนำมาใช้ในทางศาสนา ดอกบัวหลวงเป็นสัญลักษณ์แห่งความดีงามทางพระพุทธศาสนา
3. เป็นอุปกรณ์หีบห่อ กลีบดอกแห้งใช้มวนเป็นบุหรี่ได้ ใบนำมาใช้สำหรับห่อข้าว ห่ออาหาร ห่อขนม
4. เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง สารสกัดจากเกสรนำมาใช้ทำเป็นเครื่องสำอาง
5. เป็นส่วนผสมของยา เกสรตัวผู้นำมาตากแห้งใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องยาไทยและจีน ใบบัวแก่นำมาตากแห้งใช้เป็นส่วนผสมของยากันยุงได้
6. ใช้ในอุตสาหกรรม ก้านใบและก้านดอกนำมาใช้ทำเป็นกระดาษ เส้นใยใช้ทำไส้ตะเกียง
7. ใช้ในการเกษตร เปลือกบัวนำมาใช้เป็นวัสดุในการปลูกเห็ด หรือเรียกว่าเห็ดบัว เปลือกเมล็ดและฝักแก่ใช้ทำเป็นปุ๋ยได้
8. เป็นไม้ปลูกประดับ นิยมปลูกไว้ประดับในสระน้ำหรือปลูกไว้ในกระถางสูง

บัวหลวง ถือเป็นยาสมุนไพรดั้งเดิมชั้นยอดที่ทุกส่วนของต้นมีประโยชน์และนำมาใช้ได้ทั้งหมด ดีอย่างมากต่อสุขภาพโดยเฉพาะผู้สูงอายุ แถมยังนำมาใช้ในด้านอื่น ๆ ได้อีกด้วย บัวหลวงมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของดีบัวและเม็ดบัว มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยบำรุงร่างกาย ทำให้นอนหลับ ดีต่อระบบเลือด บำรุงอวัยวะสำคัญในร่างกาย และดีต่อระบบขับถ่าย เรียกว่าแค่ทานส่วนต่าง ๆ ของบัวหลวงก็ถือเป็นยาดีต่อร่างกายแทบจะทุกส่วน

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “บัวหลวง“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th. [2 ธ.ค. 2013].
ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “บัวหลวง“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.qsbg.org. [2 ธ.ค. 2013].
ฐานข้อมูลพรรณไม้ที่ใช้ในงานภูมิสถาปัตยกรรม ศูนย์ความรู้ด้านการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “บัวหลวง“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: agkc.lib.ku.ac.th. [2 ธ.ค. 2013].
ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “เกสรบัวหลวง“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaicrudedrug.com. [2 ธ.ค. 2013].
รายการสาระความรู้ทางการเกษตร ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่. บทความวิทยุรายการสาระความรู้ทางการเกษตร ประจำวันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม 2546. “บัวสายและบัวหลวง“. (ดวงจันทร์ เกรียงสุวรรณ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: natres.psu.ac.th. [2 ธ.ค. 2013].
โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์. “บัวหลวง“. (คุณครูสุวรีย์ เปรมมงคล). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.shc.ac.th. [2 ธ.ค. 2013].
สำนักงานเกษตรอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี. “ประโยชน์ของเม็ดบัว“. (นายบุญลิน บุญมาแคน นักวิชาการเกษตรชำนาญการ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: banphue.udonthani.doae.go.th. [2 ธ.ค. 2013].
ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม. “บัวหลวง ดอกไม้ประจำจังหวัดปทุมธานี“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.m-culture.in.th. [2 ธ.ค. 2013].
จำรัส เซ็นนิล. “เม็ดบัว สุดยอดธัญพืชป้องกันมะเร็ง“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.jamrat.net. [2 ธ.ค. 2013].
GotoKnow. “เหง้าบัว อาหารและยาที่ได้มาจากใต้ดิน“. (ครูไพฑูรย์ ศิริรักษ์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.gotoknow.org. [2 ธ.ค. 2013].
ศูนย์ฝึกอบรมและควบคุมระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. “ดอกบัวหลวง ดอกไม้ประจำจังหวัดพิจิตร“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: student.nu.ac.th. [2 ธ.ค. 2013].
บทความเผยแพร่ทางวิทยุกระจายเสียง โดย สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา. “นานาสรรพคุณของบัว“. (ชฎาพร นุชจังหรีด). อ้างอิงใน: หนังสือมหัศจรรย์แห่งบัว (ภัทราพร ตั้งสุขฤทัย), หนังสือสมุนไพรน่าใช้ เล่ม 1 (ลัดดาวัลย์ บุญรัตนกรกิจ), หนังสือสมุนไพรน่ารู้ (วันดี กฤษณพันธ์), หนังสือเพชรน้ำเอก กรุยอดตำรับยาสมุนไพร (วิพุธโยคะ รัตนรังษี, สุวัตร์ ตั้งเจริญ และปริญญา อุทิศชลานนท์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.uniserv.buu.ac.th. [2 ธ.ค. 2013].
ไทยเกษตรศาสตร์. “บัวหลวง“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaikasetsart.com. [2 ธ.ค. 2013].
ไทยโพสต์. “บัวหลวง : บำรุงหัวใจ ขยายหลอดเลือด สารสกัดทำให้ผิวขาว ต้านชรา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaipost.net. [2 ธ.ค. 2013].
ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ดีบัว“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaicrudedrug.com. [2 ธ.ค. 2013].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/