ทานตะวัน ไม้ประดับสีเหลือง ช่วยลดความดันและไขมันในเส้นเลือด

0
ทานตะวัน
ทานตะวัน ไม้ประดับสีเหลือง ช่วยลดความดันและไขมันในเส้นเลือด มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ดีต่อระบบภายในร่างกาย

ทานตะวัน

ทานตะวัน

ทานตะวัน เป็นไม้ล้มลุกอายุ 1 ปี ที่เป็นไม้พื้นเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา ดอกสีเหลืองสดที่คนทั่วไปรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะความสวยงามและเป็นดอกที่นิยมนำมาใช้เปรียบเทียบกับเรื่องของความรักอยู่บ่อย ๆ ทว่าวันนี้เราจะมาแนะนำในเรื่องของสรรพคุณทางยา หรือในด้านของสุขภาพ คนส่วนมากยังไม่รู้ว่าเจ้าดอกสีเหลืองนี้มีสรรพคุณมากแค่ไหน เพราะเป็นต้นที่โดดเด่นในด้านความงามและการเปรียบเทียบมากกว่าจะพูดถึงในเรื่องของประโยชน์ด้านอื่น ซึ่งดีต่อระบบเลือดเป็นอย่างมาก

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Helianthus annuus L.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Common sunflower” “Sunflower” “Sunchoke”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “ชอนตะวัน ทานตะวัน” ภาคตะวันตกเฉียงเหนือเรียกว่า “บัวผัด บัวทอง” ภาคเหนือเรียกว่า “บัวทอง บัวตอง ทานตะวัน” ภาคใต้เรียกว่า “ทานหวัน” จีนกลางเรียกว่า “ซี่ยงยื่อขุย เซี่ยงยื้อขุย” จีนแต้จิ๋วเรียกว่า “เหี่ยงหยิกขุ้ย”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ทานตะวัน (ASTERACEAE หรือ COMPOSITAE)

ลักษณะของทานตะวัน

ลำต้น : ลำต้นตั้งตรง มีสีเขียวแกนแข็ง ไม่มีการแตกแขนง มีขนยาวสีขาวปกคลุมตลอด
ราก : เป็นระบบรากแก้ว รากแขนงค่อนข้างแข็งแรง
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน จำนวนของใบอาจมี 8 – 70 ใบ เป็นรูปวงรีค่อนข้างกลม กลมเป็นรูปไข่ หรือเป็นรูปหัวใจ มีเขียวอ่อน สีเขียว หรือเขียวเข้ม ตรงปลายใบแหลม โคนใบมนเว้าเป็นรูปหัวใจ ขอบใบจักเป็นซี่ฟัน
ดอก : เป็นดอกเดี่ยวออกที่ปลายยอด เป็นดอกสมบูรณ์เพศ มีขนาดใหญ่เป็นสีเหลืองเข้ม กลีบดอกมีจำนวนมากเรียงซ้อนกันเป็นรูปไข่ ปลายกลีบดอกแหลมเป็นสีเหลืองสด ด้านในเป็นช่อดอกรูปจาน มีดอกขนาดเล็กจำนวนมาก
เมล็ด : เป็นผลแห้ง มีจำนวนมากตรงฐานดอก ผลขนาดใหญ่อยู่วงรอบนอก ผลใกล้กับกึ่งกลางมีขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นรูปวงรีแบนนูน ด้านหนึ่งมน ด้านหนึ่งแหลม เปลือกหุ้มแข็งเป็นสีเทาเข้มหรือสีดำ และเป็นลายด้วย ภายในผลมีเมล็ดสีเหลืองอ่อน 1 เมล็ด ลักษณะวงรียาว ในเมล็ดพบว่ามีน้ำมันเป็นจำนวนมาก

สรรพคุณของทานตะวัน

  • สรรพคุณจากน้ำมันจากเมล็ด ช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือด เป็นยาแก้หวัด แก้อาการไอ แก้ไข้หวัด ช่วยขับเสมหะ ขจัดเสมหะ ช่วยแก้โรคบิด เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยขับหนองใน ช่วยแก้ฝีฝักบัว เป็นยาแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
  • สรรพคุณจากใบ เป็นยาแก้เบาหวาน ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยแก้หอบหืด เป็นยารักษาแผลไฟไหม้ แก้น้ำร้อนลวก
  • สรรพคุณจากเมล็ด ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยทำให้อวัยวะภายในร่างกายชุ่มชื้น เป็นยาแก้หวัด แก้อาการไอ แก้ไข้หวัด ช่วยขับเสมหะ ขจัดเสมหะ ช่วยแก้โรคบิด ช่วยขับหนองใน ช่วยแก้อาการมูกโลหิต บำรุงตับและไต ช่วยป้องกันการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตให้ดีขึ้น ช่วยป้องกันและต่อต้านสารเคมีที่เป็นพิษที่จะก่อให้เกิดมะเร็งในปาก
  • สรรพคุณจากแกนต้น ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยแก้อาการไอกรน ช่วยรักษาฝีเต้านม ช่วยแก้อาการปวดกระเพาะ แก้มะเร็งกระเพาะอาหาร แก้มะเร็งหลอดอาหาร เป็นยาขับปัสสาวะ ขับนิ่วในไต ขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะ ช่วยขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะขุ่นขาว แก้โรคทางเดินปัสสาวะ แก้ปัสสาวะเป็นเลือด ช่วยแก้เนื้องอกเยื่อบุผิวถุงน้ำคร่ำ แก้แผลที่มีเลือดไหล
  • สรรพคุณจากฐานรองดอก ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ แก้วิงเวียนศีรษะ แก้ตาลาย ช่วยแก้อาการปวดฟัน ช่วยรักษาเต้านมอักเสบ เป็นยาแก้อาการปวดท้อง เป็นยาแก้โรคกระเพาะอาหาร แก้อาการปวดท้องเนื่องจากโรคกระเพาะอักเสบ ช่วยแก้อาการปวดประจำเดือนของสตรี แก้อาการปวดท้องน้อยก่อนหรือระยะที่รอบเดือนมา แก้อาการปวดบวมฝี
  • สรรพคุณจากเปลือกเมล็ด ช่วยแก้อาการหูอื้อ
  • สรรพคุณจากดอก ช่วยแก้อาการปวดฟัน เป็นยาแก้หลอดลมอักเสบ ช่วยขับลม ช่วยบีบมดลูก แก้ไขข้อกระดูกอักเสบและฝี ช่วยทำให้หน้าตาสดใส ช่วยรักษาใบหน้าตึงบวม
  • สรรพคุณจากรากและลำต้น เป็นยาขับพิษร้อน ถอนพิษไข้ เป็นยาแก้ไอ ช่วยแก้อาการร้อนใน ช่วยแก้หอบหืด ช่วยขับเสมหะ ขจัดเสมหะ เป็นยาแก้อาการปวดท้อง เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะปวดแสบปวดร้อน แก้นิ่วในทางเดินปัสสาวะ ช่วยแก้มุตกิดตกขาวของสตรี ช่วยแก้อาการบวมน้ำ
  • สรรพคุณจากราก แก้อาการปวดท้อง แก้แน่นหน้าอก แก้ระบาย เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยแก้อาการฟกช้ำ
  • สรรพคุณจากดอกและฝัก ช่วยแก้บิดถ่ายเป็นเลือด ช่วยแก้อาการท้องผูกสำหรับผู้สูงอายุ ช่วยแก้อาการปวดประจำเดือนของสตรี ช่วยแก้อีสุกอีใส
  • สรรพคุณจากทั้งต้น เป็นยารักษาแผลสดและแผลฟกช้ำ

ประโยชน์ของทานตะวัน

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร เมล็ดนำมาคั่วแห้งใช้กินได้ ใช้ปรุงแต่งขนมหวาน เป็นคุกกี้ เมล็ดนำมาเพาะเป็นต้นอ่อนใช้ทานจะมีรสหวานกรอบและทำเป็นอาหารได้หลากหลายเมนู น้ำมันจากเมล็ดทานตะวัน สามารถนำมาใช้ปรุงอาหารได้ รากของต้นนำมาใช้ทำเป็นแป้งเค้กและสปาเกตตีได้
2. ใช้ในอุตสาหกรรม น้ำมันทานตะวันนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ทำเนยเทียม น้ำมันสลัด ครีม นมที่มีไขมัน ใช้ในอุตสาหกรรมสี ฟอกสี ทำสบู่ น้ำมันชักเงา น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ ใช้ในการฟอกหนัง ใช้เป็นน้ำมันนวด เป็นส่วนผสมของครีมนวดผม หรือผสมในโลชันบำรุงผิว กลีบดอกนำมาต้มแล้วใช้ย้อมสีผ้าได้โดยจะให้สีเหลือง คนจีนนำเส้นใยที่ได้จากก้านมาทอผ้า เปลือกของลำต้นนำมาใช้ทำกระดาษสีขาวที่มีคุณภาพดีได้ ลำต้นหรือจานดอกนำไปเผาเป็นขี้เถ้าเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรมการหลอมเหล็ก
3. ใช้ในการเกษตร กากจากเมล็ดหลังการสกัดเอาน้ำมันจะมีโปรตีน 30 – 40% นำมาใช้เป็นส่วนผสมของอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงได้ ลำต้นยังสามารถนำมาใช้ทำเป็นเชื้อเพลิงและทำปุ๋ย ช่วยฟื้นฟูดิน
4. ใช้ในทางการแพทย์ นำมาใช้ทำ Lecithin เพื่อช่วยลดคอเลสเตอรอลในคนไข้ คนจีนนิยมนำใบแห้งมามวนเป็นแท่งแล้วนำมาจุดเพื่อรมให้จุดฝังเข็มร้อนขึ้น
5. เป็นไม้ปลูกประดับ

ทานตะวัน เป็นพืชผลมากประโยชน์ที่ใครหลายคนคงคาดไม่ถึง มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ดีต่อระบบภายในร่างกายได้หลายอย่าง อีกทั้งยังชะลอวัย และต้นโรคอีกด้วย ใครที่ชอบทานเมล็ดถือว่าคุณได้กินของดีเข้าไป มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของเมล็ดและฐานรองดอก มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ถอนพิษไข้ แก้หลอดลมอักเสบ ช่วยลดความดันโลหิต แก้โรคกระเพาะอาหาร ลดระดับไขมันในเส้นเลือดและแก้เบาหวานได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “ทานตะวัน (Tan Ta Wan)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 144.
หนังสือสมุนไพรลดไขมันในเลือด 140 ชนิด. “ทานตะวัน”. (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก). หน้า 107-108.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “ทานตะวัน”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 262.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. “ทานตะวัน”. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). หน้า 375-379.
โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว. “ทานตะวัน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: kanchanapisek.or.th/kp6/. [03 เม.ย. 2014].
การผลิตไม้กระถางและไม้ตัดดอก (PRODUCTION OF POT-PLANTS AND CUT-FLOWERS), ภาควิชาพืชศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. “ทานตะวัน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: natres.psu.ac.th/Department/PlantScience/510-111web/510-482web/index.htm. [03 เม.ย. 2014].
Khon Kaen University, Thesis. “Phytoremediation of Carbofuran Residue in Soil.”. (Teerakun, M. (2004).
พืชน้ำมัน, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “ทานตะวัน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/use/oil1.htm. [03 เม.ย. 2014].
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. ถาม-ตอบปัญหาสุขภาพ. “เมล็ดทานตะวัน”. (พญ.สกาวรัตน์ คุณาวิศรุต). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th. [03 เม.ย. 2014].
กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. “ทานตะวัน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doae.go.th/library/html/detail/sunflower/index1.htm. [03 เม.ย. 2014].
ไทยรัฐออนไลน์. “ทานตะวันอ่อน..สู้แล้ง ใช้น้ำน้อย..7วันนับเงิน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thairath.co.th. [03 เม.ย. 2014].
นิตยสารขวัญเรือน. “ทานตะวัน..สารพันสารพัดประโยชน์”.
ทะเบียนพันธุ์ไม้ในโรงเรียน, โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ. “ทานตะวัน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.wattano.ac.th. [03 เม.ย. 2014].
กรมส่งเสริมการเกษตร. “ทานตะวัน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: ssnet.doae.go.th/ssnet2/Library/plant/sun.htm. [03 เม.ย. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com

แก่นตะวัน ป้องกันโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคเบาหวาน ลดน้ำหนัก

0
แก่นตะวัน
แก่นตะวัน ป้องกันโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคเบาหวาน ลดน้ำหนัก เป็นพืชล้มลุกดอกเป็นสีเหลือง หัวสะสมอาหารคล้ายหัวขิงอวบและหัวข่า อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ

แก่นตะวัน

แก่นตะวัน

แก่นตะวัน หรือเรียกอีกอย่างว่า “แห้วบัวตอง” เป็นพืชล้มลุกที่นิยมอย่างแพร่หลายและเป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลก เป็นสารที่ให้เส้นใยสูง พืชมีหัวสะสมอาหารคล้ายหัวขิงอวบและหัวข่า ส่วนของดอกเป็นสีเหลืองสดสวยงาม ชาวอินเดียนแดงจะนิยมปลูกไว้รับประทานหัว เป็นพืชที่ช่วยลดน้ำหนักและความอ้วนได้ด้วย เป็นอาหารที่ดีและมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Helianthus tuberosus L.
ชื่อวงศ์ : วงศ์ทานตะวัน (ASTERACEAE หรือ COMPOSITAE)
ชื่อท้องถิ่น : แห้วบัวตอง , ทานตะวันหัว , มันทานตะวัน , โทปินัมเบอร์ (ฝรั่งเศส) , กิราโซล (อิตาลี)

ลักษณะของแก่นตะวัน

หัว : มีหัวสะสมอาหารเป็นตะปุ่มตะป่ำ ผิวไม่เรียบ มีหลากหลายสี แต่ทั่วไปเปลือกจะมีสีน้ำตาลอ่อน เนื้อในมีสีขาว เนื้อกรอบคล้ายแห้วดิบ
ใบ : เป็นรูปไข่ ผิวใบสาก มีขนตามกิ่งและใบ บางพันธุ์ขอบใบจะหยัก
ดอก : เป็นทรงกลมแบน ออกดอกเป็นช่อ ดอกสีเหลือง

สรรพคุณของแก่นตะวัน

  • สรรพคุณด้านระบบย่อยอาหาร ช่วยทำให้เจริญอาหาร ป้องกันการแพ้อาหารโดยเฉพาะในเด็ก ช่วยเก็บกวาดของเสียในระบบทางเดินอาหาร ช่วยลดอาการจุกเสียดแน่นท้อง
  • สรรพคุณด้านเสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยลดการติดเชื้อ ช่วยป้องกันอาการภูมิแพ้ ช่วยรักษาระดับพลังงานให้คงที่ ช่วยป้องกันสารพิษอย่างโลหะหนัก
  • สรรพคุณด้านไขมัน ช่วยลดน้ำหนักและความอ้วน ป้องกันโรคเบาหวาน ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
  • สรรพคุณด้านเลือด ช่วยป้องกันไขมันในเลือดสูง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
  • สรรพคุณด้านระบบขับถ่าย ช่วยในการทำงานของระบบขับถ่าย ช่วยในการขับถ่าย ช่วยทำความสะอาดลำไส้ แก้อาการท้องผูก ช่วยลดกลิ่นเหม็นของอุจจาระ ช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยในการทำงานของลำไส้ให้เป็นปกติ ช่วยบำรุงสุขภาพของลำไส้ใหญ่ ช่วยกระตุ้นการดูดซึมของแร่ธาตุหลายชนิด ช่วยปรับสภาพของลำไส้ให้เหมาะสมต่อการดูดซึมแร่ธาตุบางชนิด แก้อาการท้องเสีย ช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำดี ช่วยในการขับปัสสาวะ
  • สรรพคุณด้านอวัยวะสัมผัสทั้ง 5 ช่วยลดกลิ่นปากจากเชื้อแบคทีเรีย

ประโยชน์ของแก่นตะวัน

1. เป็นอาหารของคนรักสุขภาพ มีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ
2. เป็นไม้ปลูกประดับ ปลูกเป็นพืชเพื่อการท่องเที่ยว
3. เป็นส่วนประกอบในอาหาร หัวใช้รับประทานสดเป็นผัก นำมาประกอบอาหารทั้งคาวและหวาน ทำเป็นขนม นำไปผัดหรือใช้ยำได้ เป็นผลิตภัณฑ์พวก ขนมปัง ขาไก่ คุกกี้ เป็นต้น ใช้ผสมในผลิตภัณฑ์นมผงเด็ก เป็นวัตถุดิบในการแปรรูปเป็นสุราและเอทานอล
4. ใช้ในการเกษตร ลำต้นและใบนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ เพราะมีผลต่อการเจริญเติบโต ทำให้สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพแข็งแรง ช่วยลดจุลินทรีย์ที่เป็นโทษในระบบทางเดินอาหาร ช่วยลดกลิ่นเหม็นของมูลสัตว์ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้สัตว์เลี้ยง
5. ใช้ในอุตสาหกรรม เป็นวัตถุดิบในการสกัดเป็นน้ำตาลอินนูลิน ใช้เป็นพลังงานทดแทนด้วยการนำไปใช้ผสมกับน้ำมันเบนซิน ใช้ผลิตแก๊สโซฮอล์ ทำเป็นผลิตภัณฑ์แบบบรรจุถุง บดผง อบแห้ง ชา เป็นต้น

แก่นตะวัน เป็นพืชเศรษฐกิจที่กำลังได้รับความนิยม เพราะสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย แถมยังมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย อีกทั้งยังช่วยควบคุมน้ำหนักได้ด้วย จึงกลายเป็นพืชที่ทั้งโลกต้องการสูง มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยในการทำงานของระบบขับถ่าย ช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยป้องกันไขมันในเลือดสูง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด ช่วยลดน้ำหนักและความอ้วน ป้องกันโรคเบาหวานได้ ถือเป็นพืชที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

เอกสารอ้างอิง
แหล่งอ้างอิง : คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (รองศาสตราจารย์ ดร.สนั่น จอกลอย), สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล (ดร.ครรชิต จุดประสงค์), สถาบันค้นคว้าและพัฒนาระบบนิเวศเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 132, นิตยสารขวัญเรือน ฉบับ 849 (พญ.ลลิตา ธีระสิริ)
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง
https://www.tastingtable.com/1185680/jerusalem-artichokes-are-probably-not-what-you-expect/
https://fafard.com/growing-and-taming-jerusalem-artichoke/

บอน นิยมใส่แกง ช่วยแก้ไข้ แก้พิษ ห้ามเลือด

0
บอน
บอน นิยมใส่แกง ช่วยแก้ไข้ แก้พิษ ห้ามเลือด ใบคล้ายรูปหัวใจ ขึ้นบนดินโคลนหรือริมน้ำ ต้นใช้เป็นยาสมุนไพร ไหลและหัวมาใช้ประกอบอาหาร

บอน

บอน

บอน เป็นพืชในกลุ่มเอเชียอาคเนย์ที่พบได้ในทุกภาคของประเทศไทย มักจะขึ้นบนดินโคลนหรือริมน้ำ ส่วนของใบคล้ายรูปหัวใจขนาดใหญ่ ส่วนของดอกมีกลิ่นหอม หัวมีรสเมาคัน สามารถนำส่วนต่าง ๆ จากต้นมาใช้เป็นยาสมุนไพรได้ นิยมนำส่วนของไหลและหัวมาใช้ประกอบอาหารอย่าง เช่น แกง เป็นต้น มีจุดเด่นอยู่ที่ส่วนของใบที่ไม่เปียกน้ำ และยังดูสวยงามจนนิยมนำมาปลูกประดับบ้านได้ บอนนั้นยังเป็นพืชทางเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่ทำรายได้ให้กับเกษตร

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของบอน

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Colocasia esculenta (L.) Schott
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Elephant ear” “Cocoyam” “Dasheen” “Eddoe” “Japanese taro” “Taro”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “บอนเขียว บอนจีนดำ” ภาคเหนือเรียกว่า “บอนหอม” ภาคอีสานเรียกว่า “บอนจืด” ภาคใต้เรียกว่า “บอนท่า บอนน้ำ” จังหวัดเชียงใหม่เรียกว่า “ตุน” ชาวกะเหรี่ยงเชียงใหม่เรียกว่า “คึ” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “ขื่อที้พ้อ ขือท่อซู่ คึทีโบ คูชี้บ้อง คูไทย ทีพอ” ชาวมาเลย์นราธิวาสเรียกว่า “กลาดีไอย์” ชาวมาเลย์ยะลาเรียกว่า “กลาดีกุบุเฮง” คนทั่วไปเรียกว่า “เผือก บอน” มีชื่ออื่น ๆ เรียกว่า “บอนหวาน”
ชื่อวงศ์ : วงศ์บอน (ARACEAE)
ชื่อพ้อง : Colocasia esculenta var. aquatilis Hassk.

ลักษณะของบอน

บอน เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปีที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตที่ราบลุ่มของเอเชียอาคเนย์ มักจะพบตามที่ลุ่ม บนดินโคลน บริเวณริมน้ำลำธาร หรือบริเวณที่มีน้ำขังตื้น
เหง้า : มีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกอยู่ใต้ดิน มักขึ้นเป็นกลุ่มเรียงรายตามพื้นที่ลุ่มริมน้ำ
ลำต้น : ลำต้นประกอบไปด้วยหัวกลางและหัวย่อยอยู่รอบหัวใหญ่
ใบ : เป็นใบเดี่ยวเรียงสลับเวียนแผ่ออกรอบต้น ลักษณะของใบเป็นรูปไข่แกมสามเหลี่ยม รูปหัวใจหรือรูปโล่ ปลายใบแหลม โคนใบเว้าแหลม ก้านใบออกที่ตรงกลางแผ่นใบเป็นสีเขียวแกมม่วงหรือสีเขียวแกมเหลือง โคนใบแยกเป็นแฉกสองแฉก หน้าใบเป็นสีเขียว เรียบไม่เปียกน้ำเพราะผิวใบเคลือบไปด้วยไข (Wax) หลังใบเป็นสีเขียวอ่อน สีม่วงหรือสีขาวนวล แต่ละกอมีประมาณ 7 – 9 ใบ
ดอก : ออกดอกเป็นช่อ แท่งเดี่ยวออกจากลำต้นใต้ดิน มีกาบสีเหลืองอ่อนหรือสีเหลืองนวลหุ้มอยู่ ดอกย่อยแยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน ฉ่ำน้ำ มีดอกเป็นกระเปาะสีเขียวเป็นแท่งอยู่ตรงกลาง มีกลิ่นหอมและต่อมาจะกลายเป็นผลเล็ก ๆ จำนวนมาก ประกอบไปด้วยหัวกลางและหัวย่อยอยู่รอบหัวใหญ่
ผล : เป็นผลสดสีเขียว ภายในผลมีเมล็ดน้อย

สรรพคุณของบอน

  • สรรพคุณจากน้ำจากลำต้นใต้ดิน เป็นยาแก้ไข้ เป็นยาแก้พิษแมงป่อง
  • สรรพคุณจากราก
    – แก้อาการเจ็บคอ แก้เสียงแหบแห้ง แก้ท้องเสีย ด้วยการนำรากมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
  • สรรพคุณจากหัว เป็นยาระบาย ช่วยขับปัสสาวะ เป็นยาแก้เถาดานในท้อง กัดฝ้าหนอง เป็นยาห้ามเลือด ช่วยขับน้ำนมของสตรี
  • สรรพคุณน้ำจากก้านใบ เป็นยาห้ามเลือด เป็นยานวดแก้อาการฟกช้ำ
  • สรรพคุณจากลำต้น
    – รักษาแผล แผลจากงูกัด ด้วยการนำลำต้นมาบดใช้เป็นยาพอก
  • สรรพคุณจากก้านใบ
    – แก้พิษคางคก ด้วยการนำก้านใบมาตัดหัวท้ายออก แล้วนำไปลนไฟบิดเอาน้ำใช้หยอดแผล
  • สรรพคุณจากน้ำยาง เป็นยาถอนพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
  • สรรพคุณจากยาง เป็นยาช่วยกำจัดหูด
  • สรรพคุณจากไหล หัว เหง้า
    – รักษาฝีตะมอย ด้วยการนำไหล หัว หรือเหง้ามาตำผสมกับเหง้าขมิ้น กะปิ ขี้วัว เหล้าโรงเล็กน้อย ใช้เป็นยาพอก

ประโยชน์ของบอน

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ไหลและหัวใต้ดินนำมาลวกหรือต้มทานได้ ใบอ่อนและก้านใบอ่อนนำมาใช้ทำอาหารประเภทต้มเช่น แกงส้ม แกงกะทิ แกงบอน หรือจะนำมาลอกจิ้มน้ำพริกทาน แต่ต้องทำให้สุกก่อน ก้านบอนนำมาดองได้
2. ใช้ในการเกษตร ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนนำใบมาต้มให้หมูกิน หรือใช้ก้านใบมาสับผสมเป็นอาหารหมู ช่วยรักษาฝายชั่ง แม่น้ำลำคลองไม่ให้ถูกกัดเซาะจากคลื่น
3. ใช้เป็นอุปกรณ์ ใช้ห่อของได้ ใช้ตักน้ำดื่ม
4. เป็นพืชเศรษฐกิจ ต้นบอนสามารถทำรายได้ให้กับชาวบ้านด้วยการตัดก้านบอนมาลอกเปลือกแล้วตากให้แห้ง ส่งขายเป็นสินค้าส่งออก
5. ปลูกเป็นไม้ประดับ

ข้อควรระวังของบอน

1. ไม่ควรสัมผัสน้ำยางและลำต้น เพราะจะทำให้เกิดอาการคันและปวดแสบปวดร้อนได้
2. ห้ามทานสดเป็นอันขาด เพราะจะทำให้คันคออย่างรุนแรง ต้องนำมาต้มก่อน

คุณค่าทางโภชนาการของใบ

คุณค่าทางโภชนาการของใบบอน ต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 112 แคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารอาหารที่ได้รับ
คาร์โบไฮเดรต 25.8 กรัม
โปรตีน  2.1 กรัม 
ไขมัน 0.1 กรัม
เส้นใยอาหาร 1.0 กรัม
น้ำ 70.0%
เถ้า 1.0 กรัม
วิตามินเอ 103 หน่วยสากล
วิตามินบี1 0.15 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.17 มิลลิกรัม
วิตามินบี3 1.0 มิลลิกรัม
วิตามินซี 2 มิลลิกรัม
ธาตุแคลเซียม 84 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 54 มิลลิกรัม

คุณค่าทางโภชนาการของก้าน

คุณค่าทางโภชนาการของก้านใบบอน ต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 24 แคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารอาหารที่ได้รับ
คาร์โบไฮเดรต 5.8 กรัม
โปรตีน 0.5 กรัม
ไขมัน 0.9 กรัม
เส้นใยอาหาร 0.9 กรัม
น้ำ 92.7%
วิตามินเอ 300 หน่วยสากล
วิตามินบี1 0.02 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.04 มิลลิกรัม
วิตามินบี3 13 มิลลิกรัม
วิตามินซี 1 มิลลิกรัม
ธาตุแคลเซียม 49 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 25 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 0.9 มิลลิกรัม

บอน เป็นต้นที่นิยมนำมาใช้ทานในรูปแบบของแกง มักจะนำมาต้มร้อนก่อนเพื่อไม่ให้เกิดอาการคัน ถือเป็นต้นที่อุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุ มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและยังนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย บอนมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของหัวและก้านใบ มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ แก้ไข้ แก้พิษ ช่วยห้ามเลือด แก้เจ็บคอและช่วยขับน้ำนมของสตรีได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา. (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “บอน”. หน้า77.
ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “Colocasia esculenta (L.) Schott”. อ้างอิงใน: หนังสือพืชเศรษฐกิจในประเทศไทย (หน้า 207). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.qsbg.org. [30 มี.ค. 2014].
ผักพื้นบ้านในประเทศไทย, กรมส่งเสริมการเกษตร. “บอน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: 203.172.205.25/ftp/intranet/Research_AntioxidativeThaiVegetable/. [30 มี.ค. 2014].
สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์. “บอน”. อ้างอิงใน: หนังสือสมุนไพร..ไม้พื้นบ้าน 2 (นันทวัน บุญยะประภัศร). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: uttaradit.uru.ac.th/~botany/. [30 มี.ค. 2014].
การศึกษาอนุกรมวิธานของพืชสมุนไพรและพืชมีพิษในอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “บอน”. อ้างอิงใน: ฐานข้อมูลพืชพิษ สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: pirun.kps.ku.ac.th/~b4916098/. [30 มี.ค. 2014].
คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “Elephant ear”. (ประวิทย์ สุรนีรนาถ). อ้างอิงใน: กองประมงน้ำจืด กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.ku.ac.th/fish/mfish.html/aqplant/aqpindex.html. [30 มี.ค. 2014].
ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “บอน”. อ้างอิงใน: พรรณไม้น้ำบึงบอระเพ็ด. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.qsbg.org. [30 มี.ค. 2014].
อาหารพื้นบ้านล้านนา, สำนักหอสมุด และสำนักบริการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. “บอน”. อ้างอิงใน: หนังสือผักพื้นบ้านภาคกลาง (กัญจนา ดีวิเศษ และคณะ), หนังสือผักพื้นบ้าน อาหารไทย, หนังสือสารานุกรมสมุนไพร: รวมหลักเภสัชกรรมไทย (วุฒิ วุฒิธรรมเวช). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: library.cmu.ac.th/ntic/lannafood/. [30 มี.ค. 2014].
อาหารพื้นบ้านล้านนา, สำนักหอสมุด และสำนักบริการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. “แกงบอน”. อ้างอิงใน: หนังสือสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคเหนือ เล่ม 1 หน้า 479 (รัตนา พรหมพิชัย). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: library.cmu.ac.th/ntic/lannafood/. [30 มี.ค. 2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน). “Taro, Cocoyam”. อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์), สมุนไพรใกล้ตัว เล่ม 6 : สมุนไพรที่เป็นพิษ (สมพร ภูติยานันต์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [30 มี.ค. 2014].
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 194 คอลัมน์: ต้นไม้ใบหญ้า. “บอน : ผักพื้นบ้านที่มากับความคัน”. (เดชา ศิริภัทร). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th. [30 มี.ค. 2014].
หนังสือผักพื้นบ้าน 1. (อุไร จิรมงคลการ).
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง
https://www.gardeningknowhow.com/ornamental/bulbs/elephant-ear/elephant-ear-plant-diseases.htm
https://fineartamerica.com/art/paintings/elephant+ear+plant

บานไม่รู้โรย ทั้งต้นมีรสหวานเย็น ดีต่อปอดและตับ

0
บานไม่รู้โรย
บานไม่รู้โรย ทั้งต้นมีรสหวานเย็น ดีต่อปอดและตับ มีทั้งสีขาวและสีแดงอมม่วง กลีบดอกที่ไม่หลุดร่วงได้ง่าย

บานไม่รู้โรย

บานไม่รู้โรย

บานไม่รู้โรย เป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก นิยมใช้ปลูกกันอยู่ด้วยกัน 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ Tall Mixture ซึ่งมีทั้งสีขาวและสีแดงอมม่วง และพันธุ์ Buddy ที่มีดอกเป็นสีแดงอมม่วง มีกลีบดอกที่ไม่หลุดร่วงได้ง่าย แม้ว่าดอกจะแก่หรือแห้งแล้วก็ตาม จึงเป็นที่มาของชื่อ “บานไม่รู้โรย” เป็นต้นที่คนทั่วไปรู้จักกันอย่างกว้างขวางเพราะเป็นดอกที่นำมาใช้ทำเป็นดอกไม้ประดิษฐ์ และใช้ในงานพิธีกรรมต่าง ๆ รวมถึงเป็นไม้มงคลและเป็นไม้ปลูกประดับตามบ้านเรือนทั่วไปด้วย

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของบานไม่รู้โรย

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Gomphrena globosa L.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Bachelor’s button” “Button agaga” “Everlasting” “Gomphrena” “Globe amaranth” “Pearly everlasting”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคเหนือเรียกว่า “กะล่อม ตะล่อม” ภาคใต้เรียกว่า “ดอกสามเดือน สามเดือนดอกขาว กุนนีดอกขาว กุนหยินขาว กุนหยี” จังหวัดขอนแก่นเรียกว่า “สามปีบ่เหี่ยว” คนจีนเรียกว่า “โขยหยิกแป๊ะ”
ชื่อวงศ์ : วงศ์บานไม่รู้โรย (AMARANTHACEAE)

ลักษณะของบานไม่รู้โรย

บานไม่รู้โรย เป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็กอายุประมาณ 1 ปี ที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้ หรือมีถิ่นกำเนิดในเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป และอเมริกา
ลำต้น : แตกกิ่งก้านบริเวณยอดต้น กิ่งก้านเป็นเหลี่ยมและมีร่อง ลำต้นอ่อนมีขนสีขาวปกคลุม ตามข้อต้นพองออกเล็กน้อย ข้อต้นเป็นสีแดง แต่บางต้นข้อต้นก็เป็นสีเขียว
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปวงรี ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ หลังใบและท้องใบมีขนสีขาว เนื้อใบมีลักษณะนิ่ม ก้านใบสั้น และมีขนสีขาว
ดอก : ออกดอกเป็นกระจุกทรงกลมบริเวณปลายกิ่ง มีดอกย่อยอัดกันแน่น แต่ละช่อมีดอกย่อยประมาณ 2 – 3 ดอก ลักษณะของดอกเป็นรูปทรงกลมขนาดเท่าผลพุทรา ดอกเป็นสีขาว สีแดงแก่ สีม่วง หรือสีชมพูอ่อน แต่จะใช้ดอกขาวมาเป็นยา เพราะสีขาวเป็นสีที่บริสุทธิ์ มีลักษณะแข็ง กลีบดอกมีขนาดเล็กเรียงซ้อนกันเป็นชั้น ทั้งดอก ปลายกลีบแหลมคล้ายขนแข็ง และมีใบประดับหรือกลีบเลี้ยงดอกเป็นสีเขียว กลีบดอกยังไม่หลุดร่วงได้ง่าย แม้ว่าดอกจะแก่หรือแห้งแล้วก็ตาม จึงเป็นที่มาของชื่อ “บานไม่รู้โรย”
ผล : มีผลแห้งเป็นกระเปาะ ลักษณะเป็นรูปทรงกลมหรือเป็นรูปไข่แกมรูปขอบขนาน
เมล็ด : ภายในมีเมล็ดสีน้ำตาลอ่อน เมล็ดมีลักษณะแบนหรือเป็นรูปไข่

สรรพคุณของบานไม่รู้โรย

  • สรรพคุณจากทั้งต้นและราก ช่วยแก้อาการไอ ช่วยรักษาโรคบิด
    – แก้กษัย ขับปัสสาวะ ขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ แก้กามโรค แก้หนองใน แก้มุตกิดหรือตกขาว ช่วยขับระดูขาวของสตรี ช่วยขับระดูขาวให้แห้ง ด้วยการนำทั้งต้นและรากมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
  • สรรพคุณจากต้นและดอก ออกฤทธิ์ต่อปอดและตับ เป็นยาแก้ตับร้อนหรือธาตุไฟเข้าตับ ช่วยแก้ตาเจ็บ ตามัว อันเนื่องจากธาตุไฟเข้าตับ แก้อาการไอเป็นเลือด แก้เลือดออกตามทวารทั้งเก้า
  • สรรพคุณจากดอก ช่วยแก้อาการไอ แก้ไอกรน ช่วยขับเสมหะ ช่วยรักษาวัณโรคในปอด ช่วยรักษาโรคบิด เป็นยาบำรุงตับ เป็นยารักษาแผลผื่นคัน ใช้รักษาฝีประคำร้อย ตำรับยารักษามะเร็งมดลูกและมุตกิดระดูเสียของสตรี
    – แก้เด็กตัวร้อนตาเจ็บ ด้วยการนำดอกสด 10 – 14 ดอก มาต้มกับน้ำทาน หรือใช้ผสมกับฟักเชื่อมแห้ง แล้วนำมาต้มกับน้ำทานเป็นยา
    – ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ แก้ลมขึ้นศีรษะ ด้วยการนำดอก 10 กรัม หญ้าแซ่ม้า 20 กรัม มาต้มกับน้ำทาน
    – แก้เด็กเป็นโรคลมชัก ด้วยการนำดอก 10 ดอก มาผสมกับตั๊กแตนแห้ง 7 ตัว แล้วนำมาตุ๋นเป็นยา
    – แก้หืดหอบ แก้ไอหืด แก้ไอหอบ แก้หลอดลมอักเสบ ด้วยการนำดอกแห้ง 10 – 15 กรัม มาต้มกับน้ำทาน หรือนำดอก 10 ดอก มาต้มผสมกับเหล้าเล็กน้อย ใช้ดื่มวันละ 3 ครั้ง หรือใช้สารที่สกัดได้จากดอกทำเป็นยาฉีด โดยใช้ครั้งละ 0.3 ซีซี
    – ช่วยแก้บิดมูก ด้วยการนำดอก 10 ดอก มาต้มกับน้ำผสมกับเหล้าเล็กน้อย ใช้ดื่มเป็นยา
    – ขับปัสสาวะ ขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ ด้วยการนำดอกมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
    – ช่วยแก้ปัสสาวะขัด แก้ปัสสาวะกะปริดกะปรอย ด้วยการนำดอก 10 กรัม มาต้มกับน้ำทานบ่อย ๆ
  • สรรพคุณจากราก เป็นยาแก้พิษต่าง ๆ
  • สรรพคุณจากต้น ตำรับยากระทุ้งไข้แก้เหือดหัดในเด็ก
    – แก้ฝีหนอง ด้วยการนำต้นสดในปริมาณพอควร มาตำพอกเป็นยา
  • สรรพคุณจากทั้งห้าส่วน ตำรับยารักษามะเร็ง
  • สรรพคุณจากรากและต้น ตำรับยาแก้มดลูกเคลื่อนหรือกะบังลมเคลื่อน

ประโยชน์ของบานไม่รู้โรย

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ชาวเกาะมอลัคคัสในหมู่เกาะชวาใช้บานไม่รู้โรยมาทานเป็นผักชนิดหนึ่ง
2. เป็นดอกไม้ประดิษฐ์ ทำบุหงา ร้อยพวงมาลัย ร้อยอุบะ เป็นพานพุ่ม เป็นดอกไม้แห้งเพื่อใช้ในงานอุตสาหกรรม ทำเป็นสินค้าส่งออกได้ ใช้ในงานพิธีกรรมต่าง ๆ ใช้ในงานมงคล ใช้ในงานศพ
3. ปลูกเป็นไม้ประดับ ดอกมีความสวยงาม ปลูกเลี้ยงได้ง่าย
4. เป็นไม้มงคล เชื่อว่าหากนำมาปลูกไว้ในบริเวณบ้านจะช่วยเสริมดวงในเรื่องของความรักและความผูกพันของคู่สามีภรรยา ทำให้มีความรักที่มั่นคงและยั่งยืน

บานไม่รู้โรย ทั้งต้นและรากมีรสเย็นขื่น ดอกและต้นมีรสหวาน ขื่นและชุ่ม เป็นยาสุขุมชนิดหนึ่ง นิยมนำมาใช้เป็นดอกไม้ประดิษฐ์ เอาไว้ใช้ในงานพิธีกรรมต่าง ๆ บานไม่รู้โรยมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของดอก มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยแก้อาการไอ ช่วยรักษาโรคบิด แก้โรคทางเดินปัสสาวะ ช่วยขับระดูขาวของสตรี ช่วยรักษาวัณโรคในปอด แก้หลอดลมอักเสบ บำรุงตับ รักษามะเร็งและแก้มดลูกเคลื่อนหรือกะบังลมเคลื่อนได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “บานไม่รู้โรย (Ban Mai Ru Roy)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 164.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. “บานไม่รู้โรยดอกขาว”. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). หน้า 425-426.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “บานไม่รู้โรยดอกขาว”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 306.
สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “บานไม่รู้โรยดอกขาว”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [02 เม.ย. 2014].
กรุงเทพธุรกิจ. “สีสมุนไพร…บำบัดอารมณ์”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.bangkokbiznews.com. [02 เม.ย. 2014].
กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. “บานไม่รู้โรย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doae.go.th. [02 เม.ย. 2014].
การผลิตไม้กระถางและไม้ตัดดอก (PRODUCTION OF POT-PLANTS AND CUT-FLOWERS), ภาควิชาพืชศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. “บานไม่รู้โรย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: natres.psu.ac.th/Department/PlantScience/510-111web/510-482web/index.htm. [02 เม.ย. 2014].
ฐานข้อมูลพรรณไม้ที่ใช้ในงานภูมิสถาปัตยกรรม ศูนย์ความรู้ด้านการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “บานไม่รู้โรย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: agkc.lib.ku.ac.th. [02 เม.ย. 2014].
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 288 คอลัมน์: ต้นไม้ใบหญ้า. “บานไม่รู้โรย : ความงามที่ยั่งยืนฝืนกาลเวลา”. (เดชา ศิริภัทร). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th. [02 เม.ย. 2014].
สำนักแชลั้ง. “ต้นไม้มงคล ภาค1”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.sumnakcharang.com. [02 เม.ย. 2014].
ตำรับยาไทยแผนโบราณ สำหรับโรคเรื้อรัง โดย หมอเมือง สันยาสี.
หนังสือเพชรน้ำเอก กรุยอดตำรับยาสมุนไพร. (พฤฒาจารย์ วิพุธโยคะ รัตนรังษี และคณะ).
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

รูปอ้างอิง
https://housing.com/news/gomphrena-globosa-know-more-about-this-medicinal-plant/

มะนาว ใช้ปรุงรสเปรี้ยว ดีต่อเลือด ทำให้ผิวสวย แก้โรคกระเพาะ

0
มะนาว
มะนาว ใช้ปรุงรสเปรี้ยว ดีต่อเลือด ทำให้ผิวสวย แก้โรคกระเพาะ ดีต่อผิวหนัง นิยมนำมาทำเป็นน้ำผลไม้ หรือนำมาปรุงในอาหาร

มะนาว

มะนาว

มะนาว เป็นพืชผลที่คนทั่วโลกรู้จัก และใช้ปรุงเป็นอาหารกันอย่างแพร่หลาย มีรสเปรี้ยวอย่างที่ทุกคนรู้กันดี เป็นพืชในวงศ์ส้ม เป็นพืชพื้นเมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ประเทศไทยเรา นิยมนำมาทำเป็นน้ำผลไม้ หรือนำมาปรุงในอาหาร ถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในชีวิตประจำวันของทุกคน

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Citrus aurantiifolia (Christm.) Swingle
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Lime”
ชื่อท้องถิ่น : ส้มนาว (ภาคใต้) ,สีมานีปีห์ (มลายู) ,หมากผ้า (ไทยใหญ่) , โกรยชะม้า (เขมร) , มะเน้าเลย์ , มะนอเกละ , ปะนอเกล (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน) , ปะโหน่งกลยาน (กะเหรี่ยง กาญจนบุรี)
ชื่อวงศ์ : วงศ์ส้ม (RUTACEAE)

สรรพคุณของมะนาว

  • สรรพคุณด้านบรรเทาอาการ ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ ช่วยแก้อาเจียน แก้เป็นลมวิงเวียนศีรษะ แก้เมาเหล้า แก้อาการวิงเวียนหลังคลอดบุตร แก้อาการลมเงียบ เป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้ทับระดู ช่วยในการขับเสมหะ ช่วยแก้ไอหรืออาการไอที่มีเลือดปนออกมา ช่วยบรรเทาอาการต่อมทอนซิลอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการเสียงแหบแห้ง ช่วยในการขจัดคราบบุหรี่ แก้เล็บขบ แก้ก้างติดคอ แก้ผิดสำแดง แก้ร้อนในกระหายน้ำ ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลีย ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อ แก้หัวโน แก้อาการปวดบวม แก้ปูดแดง แก้แผลบาดทะยัก ช่วยลดเลือนรอยแผล แก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด แก้พิษจากการโดนงูกัด ป้องกันภัยจากงู แก้แมงคาเรืองเข้าหู
  • สรรพคุณด้านเลือด ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูงและต่ำ ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิดหรือเลือดออกตามไรฟัน ช่วยฟอกโลหิต ช่วยบำรุงโลหิต รักษาโรคโลหิตจาง
  • สรรพคุณด้านเสริมภูมิคุ้มกัน เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยฆ่าเชื้อโรค
  • สรรพคุณด้านระบบย่อยอาหาร ช่วยในการเจริญอาหาร ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ แก้ปวดท้อง แก้แน่นท้อง ช่วยรักษาโรคกระเพาะ
  • สรรพคุณด้านประสาทสัมผัสทั้ง 5 แก้โรคตาแดง ช่วยลดอาการเหงือกบวม เป็นยาบ้วนปาก ทำให้ช่องปากสะอาดมากยิ่งขึ้น ช่วยแก้ลิ้นเป็นฝ้า ช่วยบำรุงตา
  • สรรพคุณด้านโรค แก้โรคเหน็บชา รักษาโรคน้ำกัดเท้าหรือปูนซีเมนต์กัดเท้า
  • สรรพคุณด้านระบบขับถ่าย แก้อาการท้องร่วง ช่วยการขับพยาธิไส้เดือน ช่วยรักษาอาการท้องผูก เป็นยาระบาย แก้อาการบิด แก้อาการปัสสาวะกะปริดกะปรอย รักษาโรคนิ่ว
  • สรรพคุณต่ออวัยวะเพศหญิง แก้อาการระดูขาว
  • สรรพคุณด้านผิวหนัง รักษาโรคผิวหนัง บรรเทาอาการคันบริเวณผิวหนัง แก้สังคัง แก้กากเกลื้อน แก้หิด แก้หูด แก้ฝี แก้ปวดฝี แก้ฝีมะตอย แก้ผิวหนังฟกช้ำ แก้แผลไฟไหม้ แก้น้ำร้อนลวก แก้พุพองแสบร้อน ช่วยบรรเทาอาการคันหนังศีรษะ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออก ช่วยรักษาสิว ทำให้ลดการอุดตันรูขุมขนจากสิว ช่วยในการขจัดความมัน กำจัดเชื้อโรคบนใบหน้า แก้ปัญหาผิวแตก แก้ปัญหาขาลาย แก้ปัญหาส้นเท้าแตก
  • สรรพคุณด้านความหอม ช่วยดับกลิ่นเต่าหรือกลิ่นกาย

ประโยชน์ของมะนาว

1. เป็นสารทำความสะอาด นำมาใช้ประโยชน์ในการผสมเป็นน้ำยาทำความสะอาด เช่น น้ำยาล้างจาน ช่วยทำให้เล็บมือสีดำเปลี่ยนมาขาวสะอาด เปลือกนำมาเช็ดภาชนะให้เงางามได้
2. เป็นสารให้ความหอม ให้กลิ่นหอมสดชื่น
3. เป็นส่วนประกอบของอาหาร เป็นเครื่องปรุงรสชาติอาหาร ช่วยลดกลิ่นคาวจากปลา ช่วยป้องกันมอดในข้าว แต่งรสชาติให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางชนิด ทำเป็นเครื่องดื่มผสมน้ำมะนาว แช่อิ่มตากแห้ง

มะนาว เป็นเครื่องปรุงรสชาติที่นิยมใช้กันทั่วโลก เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ทว่าบางคนอาจจะไม่รู้ว่ามีผลดีต่อร่างกายด้วย ซึ่งสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยแก้สิว บำรุงเลือด รักษาโรคความดันโลหิตสูงและต่ำ ช่วยรักษาโรคกระเพาะ แก้บิด แก้นิ่ว ดีต่อระบบไหลเวียนเลือด ระบบขับถ่าย ระบบย่อยอาหาร และที่สำคัญคือดีต่อผิวหนังเป็นอย่างมาก

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (EN), USDA Nutrient database
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

มะพร้าว เป็นยาธาตุเย็น ทำให้ผิวสวย ช่วยบำรุงเลือดและช่วยดีท็อกซ์

0
มะพร้าว
มะพร้าว เป็นยาธาตุเย็น ทำให้ผิวสวย ช่วยบำรุงเลือดและช่วยดีท็อกซ์ เป็นผลไม้ที่นิยมในแถบเอเชีย นำผลมาทานเป็นเครื่องดื่ม หรือเป็นส่วนประกอบในอาหาร

มะพร้าว

มะพร้าว

มะพร้าว เป็นพืชยืนต้นในตระกูลปาล์มที่คนทั่วโลกรู้จัก และนิยมนำผลมาทานเป็นเครื่องดื่ม หรือเป็นส่วนประกอบในอาหาร เป็นผลไม้ที่นิยมกันอย่างมากในแถบเอเชีย เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นพืชผลที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ว่าส่วนต่าง ๆ ของต้นก็นำมาใช้เป็นยาสมุนไพรได้ เราจะมาเจาะลึกถึงสรรพคุณทั้งหมด ที่บางคนอาจจะไม่รู้ นอกจากจะเป็นของกินแล้วนั้น และยังเป็นพืชผลทางอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจอีกด้วย

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cocos nucifera L.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Coconut”
ชื่อท้องถิ่น : จังหวัดจันทบุรีเรียกว่า “ดุง” จังหวัดกาญจนบุรีเรียกว่า “โพล” จังหวัดแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “คอส่า” คนจีนเรียกว่า “เอี่ยจี้” คนทั่วไปเรียกว่า “หมากอุ๋น หมากอูน”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ปาล์ม (ARECACEAE)

สรรพคุณของมะพร้าว

  • สรรพคุณจากน้ำ ช่วยทำให้ผิวพรรณสดใส สร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ทำให้ผิวกระชับ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและการแบ่งเซลล์ ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ช่วยดับร้อนในร่างกาย ช่วยล้างพิษ ขับพิษของเสียออกจากร่างกาย ช่วยดีท็อกซ์ ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยปรับสมดุลของร่างกาย ทำให้กลไกการทำงานของระบบต่าง ๆ เป็นปกติ ให้เกลือแร่ ช่วยแก้กระหายน้ำ ลดบวม ช่วยแก้อาการบวมน้ำ แก้อาการขาดน้ำหรือปริมาณเลือดลดแบบผิดปกติ ช่วยทำให้ร่างกายดูดซึมกลูโคส แก้อาเจียนและท้องร่วงในเวลาเดียวกัน ช่วยแก้อาการอาเจียนเป็นเลือด ช่วยรักษาโรคดีซ่าน ถ่ายพยาธิ ช่วยลดอาการเมา แก้อาเจียนหลังการดื่มแอลกอฮอล์
  • สรรพคุณจากดอก ช่วยบำรุงโลหิต ช่วยแก้กระหายน้ำ แก้อาการเจ็บปากเจ็บคอ ช่วยกล่อมเสมหะ แก้อาการท้องเสีย
  • สรรพคุณจากน้ำผลอ่อน ช่วยป้องกันหรือชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ รักษาภาวะความจำเสื่อมในสตรีวัยทอง ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ช่วยรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยทำให้ระดับน้ำตาลลด ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวปวดศีรษะ ช่วยแก้อาการตาอักเสบ ช่วยลดอาการไข้สูง แก้ตัวร้อน รักษาคนไข้ที่มีภาวะความเป็นกรดในเลือดสูง ช่วยแก้อาการร้อนใน ช่วยรักษาโรคกระเพาะ ช่วยแก้โรคบิด ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลียจากอาการท้องเสียท้องร่วง ช่วยเติมพลังหลังการเสียเหงื่อ ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยรักษาโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ ช่วยแก้นิ่ว ช่วยแก้อาการเม็ดผดผื่นคันตามตัว ช่วยแก้พิษเบื่อเมา
  • สรรพคุณจากเปลือกหุ้มราก รักษาโรคคอตีบ
  • สรรพคุณจากเนื้อ ช่วยแก้อาการระคายเคือง ช่วยลดอาการไข้สูง แก้ตัวร้อน ช่วยขับปัสสาวะ ถ่ายพยาธิ
  • สรรพคุณจากกาบช่วยแก้ไข้ทับระดู
  • สรรพคุณจากน้ำมะพร้าวห้าว ช่วยแก้อาการไอ
  • สรรพคุณจากน้ำกะทิสด ช่วยแก้อาการปากเปื่อย แก้ปากเป็นแผล
  • สรรพคุณจากเปลือกต้นสด แก้อาการเจ็บฟัน ช่วยรักษาโรคลำไส้อักเสบ แก้หิด
  • สรรพคุณจากราก แก้อาการเจ็บคอ แก้อาการท้องเสีย ช่วยขับปัสสาวะ
  • สรรพคุณจากน้ำผลอ่อนผสมมะนาว ช่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน
  • สรรพคุณจากน้ำมันจากกะลา ช่วยแก้อาการปวดฟัน ช่วยบำรุงและแก้อาการปวดกระดูกและเอ็น รักษาโรคผิวหนัง ช่วยสมานแผลให้หายเร็วขึ้น ป้องกันการเกิดแผลเป็น รักษาแผลเรื้อรัง แก้กลากเกลื้อน ช่วยรักษาเล็บขบ แก้ฝ่ามือแตกลาย
  • สรรพคุณจากกะลา ช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ แก้จุกเสียดแน่นท้อง
  • สรรพคุณจากน้ำกะทิเคี่ยว ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ แก้อักเสบ แก้ช้ำบวม
  • สรรพคุณจากใบ ช่วยรักษาโรคอีสุกอีใส
  • สรรพคุณจากกะทิ รักษาแผลไฟไหม้ แก้น้ำร้อนลวก

ประโยชน์ของมะพร้าว

1. ใช้ทำความสะอาด ช่วยกำจัดริ้วรอยของครกหินที่ซื้อมาใหม่
2. เป็นน้ำนม ใช้น้ำแทนน้ำนมแม่ได้ชั่วคราว
3. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ใช้ทำเป็นน้ำส้มสายชูได้ ใช้ทำอาหารได้หลายอย่าง นำไปแปรรูปเป็นวุ้นได้ นำไปเผา ผลแก่นำมาคั้นกะทิสด กะทิกล่อง อบน้ำผึ้ง เนื้อในวแก่ใช้ทำเป็นกะทิได้ กากที่เหลือจากการคั้นน้ำกะทินำไปใช้ทำเป็นอาหารสัตว์ได้
4. ใช้ในอุตสาหกรรม กาบหรือเปลือกใช้ทำเชือก พรม กระสอบ แปรง อวน ไม้กวาด เส้นใบสั้นใช้อัดไส้ที่นอน เบาะรถยนต์ได้ ใยใช้ยัดฟูกทำเสื่อได้ จั่นหรือช่อดอกนำน้ำหวานส่วนนี้มาทำเป็นน้ำตาล ใบสานเป็นภาชนะใส่ของได้ รกหรือเยื่อหุ้มคอใช้ทำเป็นกระเป๋า หมวก รองเท้าแตะ ดอกไม้ประดิษฐ์ กล่องใส่ของได้ กะลานิยมนำไปใช้ทำสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ
5. ใช้ในการเกษตร จาวช่วยกระตุ้นการเติบโตของพืช

มะพร้าว เป็นยาธาตุเย็น ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุจำเป็นสำหรับร่างกาย มีทั้งวิตามินซีและบี กรดอะมิโน ธาตุแคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส มีไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ถือว่าเป็นยาดีที่กินได้ง่าย สรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของน้ำมีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยรักษาโรคลำไส้อักเสบ แก้ไข้ ชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ช่วยรักษาโรคกระเพาะ รักษาเบาหวาน ช่วยบำรุงโลหิตและช่วยดีท็อกซ์ได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (EN), กูรู สนุก, ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา ประธานเครือข่ายพืชปลูกพื้นเมืองไทย, www.GotoKnow, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

บวบ ดีต่อระบบเลือดและระบบทางเดินทางเดินหายใจ

0
บวบ
บวบ ดีต่อระบบเลือดและระบบทางเดินทางเดินหายใจ สามารถนำมาใช้ทำอาหารได้ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง

บวบ

บวบ

บวบ หรือเรียกอีกอย่างว่า บวบหอม เป็นบวบกลมที่อยู่ในวงศ์แตง ส่วนของดอกเป็นสีเหลืองสดสวยงาม สามารถนำส่วนของผลอ่อนและยอดอ่อนมาประกอบในอาหารอย่างพวกแกงเลียง นอกจากนั้นส่วนของน้ำมันจากเมล็ดบวบหอมสามารถนำมาใช้ทำอาหารได้ด้วย เป็นพืชผลที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ส่วนต่าง ๆ ของต้นนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรแก้อาการได้

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของบวบ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Luffa cylindrica (L.) M.Roem.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Sponge gourd” “Smooth loofah” “Vegetable sponge” “Gourd towel”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “บวบกลม บวบขม บวบหอม” ภาคเหนือเรียกว่า “มะบวบอ้ม มะนอยขม มะนอยอ้ม มะบวบ บวบกลม บวบอ้ม” คนเมืองเรียกว่า “บวบ” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “ตะโก๊ะสะ” ชาวปะหล่องเรียกว่า “เบล่จูจ้า” ชาวเมี่ยนเรียกว่า “เล่ยเซ” ชาวม้งเรียกว่า “เต้าหยัวเยี่ยะ” ชาวมลายูปัตตานีเรียกว่า “กะตอร่อ” จีนแต้จิ๋วเรียกว่า “เทียงล้อ ซีกวย” จีนกลางเรียกว่า “ซือกวา”
ชื่อวงศ์ : วงศ์แตง (CUCURBITACEAE)

ลักษณะของบวบหอม

บวบหอม เป็นพรรณไม้เถาล้มลุกอายุ 1 ปี
ลำต้น : เลื้อยพาดพันตามต้นไม้ชนิดอื่น เป็นเถาสี่เหลี่ยมหรือเถากลม มีร่องเป็นเส้นตามยาว มีมือสำหรับยึดเกาะ 3 เส้น ลำต้นอ่อนและยอดอ่อนมีขนอ่อนนุ่ม เมื่อแก่ขนจะหลุด
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน ค่อนข้างกลม ปลายใบแหลม โคนใบเว้าเข้าหากันคล้ายรูปหัวใจ ริมขอบใบเป็นรอยหยักหรือคลื่นเล็กน้อย หลังใบเป็นสีเขียวแก่ ท้องใบเป็นสีเขียวอ่อน เส้นใบนูนชัดเจนประมาณ 3 – 7 เส้น ก้านใบเป็นเหลี่ยมและมีขนอ่อนนุ่ม
ดอก : เพศผู้จะออกดอกเป็นช่อ กลีบรองดอกที่โคนเชื่อมติดกันเป็นท่อสั้น กลีบดอก 5 กลีบ เป็นรูปไข่กลีบหรือเป็นรูปวงรี เป็นสีเหลืองหรือสีเหลืองอ่อน ขอบกลีบดอกมีรอยย่นเป็นคลื่น ดอกมีเกสรเพศผู้ประมาณ 3 ก้าน ดอกเพศเมียออกดอกเป็นดอกเดี่ยว กลีบดอกและกลีบรองดอกมีลักษณะเหมือนดอกเพศผู้ มีอับเรณูมี 2 ห้อง งอเป็นลักษณะรูปตัวเอส (S)
ผล : เป็นรูปทรงกระบอก ผลอ่อนเป็นสีเขียวและมีลายเป็นสีเขียวแก่ ผิวผลมีนวลเป็นสีขาว ผลแก่จะเป็นสีเขียวออกเหลืองหรือสีเขียวเข้มออกเทา เนื้อด้านในมีเส้นใยเหนียวมาก ลักษณะเป็นร่างแห เนื้อผลนิ่มเป็นสีขาว
เมล็ด : แบนวงรีหรือกลมแบน ผลแก่มีเมล็ดข้างในเป็นสีดำ หรือมีปีกออกทั้งสองข้างเมล็ด รสขม

สรรพคุณของบวบหอม

  • สรรพคุณจากเถา ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ช่วยทะลวงเส้นลมปราณ ช่วยแก้อาการร้อนใน ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ ช่วยรักษาโพรงจมูกอักเสบ ช่วยรักษาจมูกอักเสบหรือเป็นแผล รักษาอาการอักเสบเรื้อรังในจมูก เป็นยารักษาจมูกมีหนองและมีกลิ่นเหม็น รักษาอาการปวดเสียวฟัน เป็นยาแก้ไอ เป็นยาขับเสมหะ เป็นยารักษาหลอดลมอักเสบเรื้อรัง แก้อาการอักเสบเรื้อรังในคนแก่ ช่วยรักษาหลอดลมอักเสบ ช่วยแก้ประจำเดือนที่ผิดปกติของสตรี ช่วยบำรุงม้าม เป็นยาใส่แผลช่วยห้ามเลือด รักษาโรคผิวหนัง รักษากลากเกลื้อน แก้ฝีหนอง เป็นยาแก้อาการปวดหลัง รักษาแขนขาเป็นเหน็บชา
  • สรรพคุณจากใยบวบ ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ช่วยทะลวงเส้นลมปราณ ช่วยแก้อาการร้อนใน เป็นยาลดไข้ เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยรักษาทางเดินปัสสาวะอักเสบ ช่วยรักษาริดสีดวงทวาร เป็นยาฟอกเลือด ช่วยขับประจำเดือน แก้ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ เป็นยาช่วยขับน้ำชื้นในร่างกาย ช่วยลดอาการบวม ช่วยแก้อาการปวดเอว แก้อาการปวดเส้น แก้ปวดกระดูก
  • สรรพคุณจากใบ ผล ใยบวบ เมล็ด เป็นยาขับพิษร้อนถอนพิษไข้
  • สรรพคุณจากดอก ช่วยดับร้อนในร่างกาย ช่วยรักษาโพรงจมูกอักเสบ เป็นยาแก้ไอ แก้อาการเจ็บคอ เป็นยาแก้หอบ เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยรักษาริดสีดวงทวาร รักษาฝีบวมแดงและมีหนอง รักษาฝีไม่มีหัว แก้หูด
  • สรรพคุณจากผล ช่วยทำให้เลือดเย็น ช่วยแก้อาการร้อนใน รักษาคางทูม เป็นยาลดไข้ ช่วยแก้อาการไอร้อยวัน รักษาอาการเจ็บคอ เป็นยารักษาโรคบิดถ่ายเป็นเลือด ช่วยแก้อาการปวดท้องเนื่องจากดื่มเหล้ามาก ช่วยขับลม เป็นยาระบาย ช่วยแก้อาการเลือดออกตามทางเดินอาหารและจากกระเพาะปัสสาวะ แก้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยรักษาทางเดินปัสสาวะอักเสบ ช่วยแก้อาการปวดประจำเดือนของสตรี ช่วยแก้ประจำเดือนที่ผิดปกติของสตรี แก้ประจำเดือนของสตรีมามากผิดปกติ เป็นยาทารักษาฝี แก้ฝีไม่มีหัว แก้แผลมีหนอง แก้แผลที่เกิดจากการกดทับนาน ๆ รักษาฝีบวม แก้แผลมีหนองและมีเนื้อนูน ช่วยขับน้ำนมของสตรีที่มีน้ำนมน้อยหลังการคลอดบุตร
  • สรรพคุณจากเมล็ด ช่วยลดความร้อนในปอด ทำให้ปอดชุ่มชื่น ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ แก้อาการปวดเสียวฟัน ช่วยขับเสมหะ ละลายเสมหะ เป็นยาทำให้อาเจียน ช่วยแก้อาการท้องผูก เป็นยาระบาย เป็นยาขับพยาธิตัวกลม เป็นยาขับปัสสาวะ เป็นยาแก้ประจำเดือนผิดปกติ ช่วยแก้อาการปวดเอว
  • สรรพคุณจากใบ แก้อาการเหงื่อออกมาก ช่วยแก้อาการร้อนใน ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ รักษาเยื่อตาอักเสบในเด็ก ช่วยรักษาจมูกอักเสบหรือเป็นแผล รักษาอาการอักเสบเรื้อรังในจมูก เป็นยาแก้ไอ ช่วยขับเสมหะ ละลายเสมหะ ช่วยรักษาหลอดลมอักเสบ รักษาโรคบิด เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยแก้ปัสสาวะเป็นเลือด ช่วยรักษาริดสีดวงทวาร เป็นยาฟอกเลือด ช่วยขับประจำเดือน แก้ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ รักษาสตรีที่มีอาการตกเลือด เป็นยาใส่แผลช่วยห้ามเลือด แก้แผลมีเลือดออก แก้อาการอักเสบและฝี ช่วยรักษาผดผื่นคัน รักษาโรคผิวหนัง รักษากลากเกลื้อน แก้ฝีหนอง รักษากลาก รักษาบาดแผลเรื้อรัง รักษาแผลจากแมลงสัตว์กัดต่อย รักษาเกลื้อน เป็นยาทาแก้กลากบนศีรษะ เป็นยาแก้อาการปวดหลัง
  • สรรพคุณจากน้ำจากเถา บรรเทาอาการร้อนใน ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ เป็นยาแก้หวัด เป็นยาแก้ไอ รักษาอาการเจ็บคอ เป็นยาขับเสมหะ ช่วยแก้อาการปวดท้อง ช่วยแก้อาการบวมน้ำ
  • สรรพคุณจากราก ช่วยแก้อาการร้อนใน ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ แก้อาการปวดศีรษะข้างเดียว รักษาเยื่อจมูกอักเสบและเสื่อมสมรรถภาพ ช่วยรักษาจมูกอักเสบหรือเป็นแผล รักษาอาการอักเสบเรื้อรังในจมูก เป็นยาแก้ไอ รักษาอาการเจ็บคอ ช่วยรักษาหลอดลมอักเสบ เป็นยาถ่ายอย่างแรง เป็นยาระบาย เป็นยาใส่แผลช่วยห้ามเลือด ช่วยรักษาแผลเน่าเปื่อยอักเสบ รักษาโรคผิวหนัง รักษากลากเกลื้อน แก้ฝีหนอง แก้แผลมีหนองเรื้อรังและช่วยรักษาฝี เป็นยาแก้อาการปวดหลัง
  • สรรพคุณจากรังบวบ รักษาคางทูม
  • สรรพคุณจากขั้วผล ช่วยรักษาเด็กที่ออกหัด ช่วยทำให้ออกหัดได้เร็วขึ้น

ประโยชน์ของบวบหอม

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ผลอ่อนและยอดอ่อนนำมาประกอบอาหารอย่างแกง แกงเลียง ผัด ลวกกินกับน้ำพริก น้ำมันจากเมล็ดนำมาใช้ทำอาหารได้
2. ใช้ในอุตสาหกรรม ใยผล ใยบวบ รังบวบ นำมาใช้ในการทำความสะอาดเครื่องแก้ว เครื่องครัว เป็นที่บุรองภายในของหมวกเหล็ก ทำเบาะรองไหล่ ยัดในหมอน ใช้ทำหน้าที่สำหรับจับหม้อที่ร้อน ใช้สานเป็นเสื่อ หมวก ผ้าปูโต๊ะ ใช้ทำเป็นเยื่อกระดาษได้

บวบ หรือบวบหอม เป็นยาสมุนไพรชั้นยอดที่น่าสนใจ สามารถนำส่วนของใยบวบมาใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมได้ ส่วนของผลอ่อนจะนำมาใช้ในการประกอบอาหาร บวบมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของเถา ผลและใบ มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยแก้อาการร้อนใน รักษาแผลภายนอก ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ช่วยรักษาโพรงจมูกอักเสบ รักษาหลอดลมอักเสบ เป็นยาลดไข้ รักษาโรคผิวหนังและอื่น ๆ อีกมากมาย

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. “บวบกลม“. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). หน้า 405-410.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “บวบหอม“. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 298.
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 66 คอลัมน์: อาหารสมุนไพร. “บวบหอม“. (วิทิต วัณนาวิบูล). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th. [29 มี.ค. 2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน). “Smooth loofah“. อ้างอิงใน: หนังสือสมุนไพรไทยตอนที่ 5 (ลีนา ผู้พัฒนพงศ์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [29 มี.ค. 2014].
สำนักโภชนาการ, กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. “ผักและผลิตภัณฑ์ (Vegetables and products)“. เข้าถึงได้จาก: nutrition.anamai.moph.go.th/FoodTable/Html/gr_04_2.html. [29 มี.ค. 2014].
บทความวิทยุรายการสาระความรู้ทางการเกษตร, งานศูนย์บริการวิชาการและฝึกอบรม ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ, คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่. “บวบหอมและบวบเหลี่ยม“. (ดวงจันทร์ เกรียงสุวรรณ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: natres.psu.ac.th. [29 มี.ค. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

บวบเหลี่ยม เป็นยาเย็น ช่วยบำรุงร่างกาย ลดไข้ แก้คางทูม รักษาบิด

0
บวบเหลี่ยม เป็นยาเย็น ช่วยบำรุงร่างกาย ลดไข้ แก้คางทูม รักษาบิด ใช้ประกอบในอาหารหลากหลายเมนู เนื้อนุ่ม ฉ่ำน้ำ และมีรสหวาน

บวบเหลี่ยม

บวบเหลี่ยม

บวบเหลี่ยม พืชวงศ์แตงที่มาจากประเทศอินเดีย ทั้งต้นค่อนข้างมีรสเย็นจึงช่วยดับร้อนได้ ส่วนของผลอ่อนมีเนื้อนุ่ม ฉ่ำน้ำ และมีรสหวาน จึงนำมาใช้ประกอบในอาหารหลากหลายเมนู เป็นพืชอีกชนิดที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่อร่างกาย และเป็นที่รู้กันว่าบวบก็คือผักอีกชนิดหนึ่ง ดังนั้นจึงเป็นที่แน่นอนว่ามีสรรพคุณทางยาสมุนไพรที่ดีต่อตัวเราด้วยเช่นกัน

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของบวบเหลี่ยม

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Luffa acutangula (L.) Roxb.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Angled loofah”
ชื่อท้องถิ่น : คนไทยเรียกว่า “บวบเหลี่ยม” ภาคเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือเรียกว่า “มะนอยงู มะนอยข้อง มะนอยเหลี่ยม” จังหวัดเชียงใหม่เรียกว่า “มะนอย หมักนอย” จังหวัดแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “บวบหวาน” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “เดเรเนอมู เดเรส่า” ชาวมลายูปัตตานีเรียกว่า “กะตอรอ” คนจีนเรียกว่า “อ๊อซีกวย”
ชื่อวงศ์ : วงศ์แตง (CUCURBITACEAE)

ลักษณะบวบเหลี่ยม

บวบเหลี่ยม เป็นไม้ล้มลุกอายุปีเดียวที่เชื่อว่ามีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย มักจะเลื้อยพาดพันตามต้นไม้อื่นหรือตามพื้นดิน มักจะตามที่รกร้าง ริมห้วย หนอง คลอง และตามบึงทั่วไป
เถา : เถาหรือลำต้นเป็นเหลี่ยม ข้อเถามีมือใช้ยึดเกาะเป็นเส้นยาว
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกัน ใบมีรอยเว้าเข้าตื้นเป็นรูป 5 – 7 เหลี่ยม ปลายใบแหลม โคนใบมนเว้าเป็นรูปหัวใจ ขอบใบหยักเว้าตื้น ก้านใบเป็นเหลี่ยม
ดอก : เป็นแบบแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน ดอกจะบานในช่วงเย็น ดอกจะเพศผู้จะออกเป็นช่อตามซอกใบ กลีบดอกมีสีเหลือง 5 กลีบ เป็นรูปไข่กลีบ บางและย่น กลีบเลี้ยงหรือกลีบรองดอกเป็นสีเขียว 5 กลีบ ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ด้านนอกมีขนสั้น
ผล : เป็นรูปทรงกระบอก มีเหลี่ยมเป็นสันขอบคม 10 สัน ตามความยาวของผล ปลายผลจะโต โคนเรียวเล็ก เปลือกของผลจะหนา เมื่อแก่จะเป็นเส้นใบเหนียว เนื้อในผลมีรสขม ภายในผลมีเมล็ดสีดำแบนจำนวนมาก

สรรพคุณของบวบเหลี่ยม

  • สรรพคุณจากผล ช่วยบำรุงร่างกาย แก้ปวด เป็นยาลดไข้ ช่วยแก้ร้อนใน ช่วยขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ รักษาโรคบิดถ่ายเป็นเลือด แก้อาการปวดท้องเนื่องจากดื่มเหล้ามาก เป็นยาระบาย เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ประจำเดือนของสตรีมาผิดปกติ แก้แผลมีหนองและมีเนื้อนูน ช่วยขับน้ำนมของสตรีที่มีน้ำนมน้อยหลังการคลอดบุตร ทำให้เหงื่อออก
  • สรรพคุณจากดอก ช่วยดับร้อน รักษาเยื่อจมูกอักเสบและเสื่อมสมรรถภาพ รักษาจมูกอักเสบจนกลายเป็นโพรงจมูกอักเสบเรื้อรัง รักษาอาการไอ แก้อาการเจ็บคอและหอบ เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยรักษาริดสีดวงทวาร แก้ฝีบวมแดงและมีหนอง รักษาฝีไม่มีหัว
  • สรรพคุณจากเถา ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดี รักษาเยื่อจมูกอักเสบและเสื่อมสมรรถภาพ รักษาจมูกอักเสบจนกลายเป็นโพรงจมูกอักเสบเรื้อรัง รักษาจมูกมีหนองและมีกลิ่นเหม็น แก้อาการปวดเสียวฟัน เป็นยารักษาหลอดลมอักเสบเรื้อรัง เป็นยาขับพยาธิ แก้ประจำเดือนของสตรีมาผิดปกติ ช่วยบำรุงม้าม ช่วยรักษาแขนขาเป็นเหน็บชา
  • สรรพคุณจากทั้งต้น เข้าในตำรับยาแก้ลม บำรุงหัวใจ
  • สรรพคุณจากใบ แก้เหงื่อออกมาก รักษาเยื่อตาอักเสบในเด็ก เป็นยาขับเสมหะ แก้บิด เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะเป็นเลือด ช่วยรักษาริดสีดวงทวาร แก้ประจำเดือนของสตรีมาผิดปกติ เป็นยารักษาสตรีที่ตกเลือด เป็นยาพอกทาถอนพิษในคนไข้ม้ามโต แก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย แก้พิษคัน ช่วยรักษาบาดแผลเรื้อรัง แก้ผดผื่นคัน รักษากลากเกลื้อน
  • สรรพคุณน้ำจากเถา ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ช่วยแก้ร้อนใน เป็นยาแก้หวัด เป็นยาแก้ไอ แก้อาการเจ็บคอ เป็นยาขับเสมหะ แก้อาการปวดท้อง ช่วยแก้อาการบวมน้ำ
  • สรรพคุณจากราก แก้อาการปวดศีรษะข้างเดียว รักษาเยื่อจมูกอักเสบและเสื่อมสมรรถภาพ รักษาจมูกอักเสบจนกลายเป็นโพรงจมูกอักเสบเรื้อรัง แก้อาการเจ็บคอ เป็นยาระบาย เป็นยาถ่าย ช่วยแก้อาการบวมน้ำ
  • สรรพคุณจากรังบวบ แก้คางทูม ช่วยรักษาริดสีดวงทวาร ช่วยขับน้ำนมของสตรีที่มีน้ำนมน้อยหลังการคลอดบุตร
  • สรรพคุณจากเมล็ด รักษาอาการปวดเสียวฟัน ช่วยแก้ร้อนใน เป็นยาขับเสมหะ ทำให้คลื่นไส้อาเจียน แก้บิด ช่วยหล่อลื่นลำไส้ ช่วยรักษาโรคบิด เป็นยาถ่าย เป็นยาขับพยาธิตัวกลม เป็นยาขับปัสสาวะ เป็นยาขับนิ่ว แก้อาการปวดเอวเรื้อรัง
  • สรรพคุณจากขั้วผล เป็นยารักษาอาการเจ็บคอ ช่วยทำให้ออกหัดได้เร็วขึ้น
  • สรรพคุณจากน้ำมันจากเมล็ด ทารักษาโรคผิวหนัง

ประโยชน์ของบวบเหลี่ยม

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ผลอ่อนมีรสหวาน ใช้ประกอบอาหารพวก ต้ม แกง ผัด หรือจิ้มกับน้ำพริก
2. ใช้เป็นยาอื่น ๆ ใช้เป็นยาสระผมช่วยรักษารังแค เป็นยาฆ่าแมลง
3. ใช้ในอุตสาหกรรม นำใยผลมาใช้ในการทำความสะอาดรถยนต์ เครื่องแก้ว เครื่องครัว ใช้ใส่ในหีบห่อ เป็นที่บุรองภายในหมวกเหล็ก ใช้ทำเบาะรองไหล่ ใช้ผสมทำแผ่นเก็บเสียง ใช้สานเป็นเสื่อ หมวก และผ้าปูโต๊ะ ใช้ทำเป็นเยื่อกระดาษ

คุณค่าทางโภชนาการของผลบวบ

คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 18 กิโลแคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารที่ได้รับ
โปรตีน 0.7 กรัม
ไขมัน 0.2 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 3.3 กรัม
เส้นใยอาหาร 0.3 กรัม
เถ้า 0.4 กรัม
น้ำ 95.4 กรัม
เบตาแคโรทีน 30 ไมโครกรัม
วิตามินเอรวม 5 RE
วิตามินบี1 0.02 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.04 มิลลิกรัม
วิตามินบี3 0.4 มิลลิกรัม
วิตามินซี 15 มิลลิกรัม
ธาตุแคลเซียม 5 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 24 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 0.7 มิลลิกรัม

บวบเหลี่ยม เป็นยาเย็นที่ผลมีรสหวาน และนิยมนำมาใช้ประกอบอาหารได้มากมาย นอกจากนั้นยังเป็นต้นที่ดีต่อระบบร่างกายอีกด้วย แถมยังช่วยกำจัดรังแคได้ มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของเถาและผล มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยบำรุงร่างกาย แก้ร้อนใน ลดไข้ ขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ แก้คางทูม รักษาโรคบิดถ่ายเป็ด เป็นยาระบาย ขับปัสสาวะและขับน้ำนมของสตรีได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. “บวบเหลี่ยม”. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). หน้า 410-412.
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “ขยัน (Khayan)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 58.
หนังสือผักกินใบ, 2541. (สุนทร เรืองเกษม).
หนังสือผักพื้นบ้าน 2, 2547. (อุไร จิรมงคลการ).
หนังสือสวนผัก, 2525. (เมืองทอง ทวนทวี และสุรีรัตน์ ปัญญาโตนะ).
หนังสือ Tropical Crops : Dicotyledons., 1974. (Purseglove, J. W.).
หนังสือ Vegetable Crops of India., 2003. (Wang, H. Y., C. L. Chen and J. M. Sung).
สำนักโภชนาการ, กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. “ผักและผลิตภัณฑ์ (Vegetables and products)”. เข้าถึงได้จาก: nutrition.anamai.moph.go.th/FoodTable/Html/gr_04_2.html. [28 มี.ค. 2014].
บทความวิทยุรายการสาระความรู้ทางการเกษตร, งานศูนย์บริการวิชาการและฝึกอบรม ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ, คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่. “บวบหอมและบวบเหลี่ยม”. (ดวงจันทร์ เกรียงสุวรรณ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: natres.psu.ac.th. [29 มี.ค. 2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “Angled loofah”. อ้างอิงใน: หนังสือสมุนไพรไทยตอนที่ 5 (ลีนา ผู้พัฒนพงศ์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [29 มี.ค. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com

น้ำเต้า เป็นยาเย็น ช่วยคุมเบาหวาน ป้องกันมะเร็ง แก้กระหาย

0
น้ำเต้า
น้ำเต้า เป็นยาเย็น ช่วยคุมเบาหวาน ป้องกันมะเร็ง แก้กระหาย เป็นยาระบาย รสชาติอร่อย สามารถประกอบได้ทั้งของคาวและของหวาน

น้ำเต้า

น้ำเต้า

น้ำเต้า เป็นไม้เถาล้มลุกที่มีหลายสายพันธุ์ มีถิ่นกำเนิดทางทวีปแอฟริกาตอนใต้ ส่วนของใบมีรสเย็นจึงใช้แก้ร้อนได้ มีสรรพคุณเป็นยาเย็นและชื้น ชาวจีนและอินเดียนิยมนำมาใช้ในการรักษาโรคเบาหวาน ส่วนต่าง ๆ ของต้นเป็นยารักษาโรคยอดนิยมได้ แถมส่วนของยอดอ่อนนำมาประกอบในแกงส้มกับปลาเนื้ออ่อนหรือกุ้งสด จะมีรสชาติอร่อยมาก ถือเป็นต้นที่นำมาใช้ประโยชน์ได้มากอีกชนิดหนึ่ง

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของน้ำเต้า

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lagenaria siceraria (Molina) Standl.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Bottle gourd” “Calabash gourd” “Flowered gourd” “White flowered gourd”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคเหนือเรียกว่า “มะน้ำเต้า” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “คิลูส่า คูลูส่า” ชาวลัวะเรียกว่า “ลุ้นออก แผละลุนอ้อก” คนอินเดียเรียกว่า “Dudhi Lauki” มีชื่ออื่น ๆ ว่า “หมากน้ำ น้ำโต่น”
ชื่อวงศ์ : วงศ์แตง (CUCURBITACEAE)
ชื่อพ้อง : Lagenaria leucantha Rusby, Lagenaria vulgaris Ser.

ลักษณะของต้นน้ำเต้า

น้ำเต้า เป็นไม้เถาล้มลุกอายุปีเดียวที่มีถิ่นกำเนิดทางทวีปแอฟริกาตอนใต้ พบได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย
ลำต้น : เลื้อยตามพื้นดินหรือไต่กับต้นไม้อื่น ลำต้นแข็งแรง มีมือสำหรับใช้ยึดเกาะ ตามเถามีขนยาวสีขาว
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกัน รูปห้าเหลี่ยม ขอบใบหยักเว้า 5 – 7 แฉก โคนใบเว้า ใบมีขนตลอดทั้งใบและก้าน มีต่อมเทียม 2 ต่อม อยู่ตรงรอยต่อระหว่างก้านใบกับแผ่นใบ
ดอก : ออกดอกเดี่ยวตามซอกใบ ดอกเพศผู้และเพศเมียอยู่บนต้นเดียวกัน กลีบดอกเป็นสีขาว 5 กลีบ
ผล : รูปร่างและขนาดแตกต่างกันตามสายพันธุ์ ทั่วไปจะมีลักษณะกลมโต คอดกิ่วบริเวณยอด โคนขั้วคอดคดงอหรือขดเป็นวง ผิวผลเกลี้ยง เปลือกผลแข็งและทนทาน ผลอ่อนเป็นสีเขียว
เมล็ด : ภายในผลมีเมล็ดจำนวนมาก ตามแนวรัศมี เป็นรูปทรงแบนป้านคล้ายเล็บมือ ตรงปลายมีติ่งยื่น 2 ข้าง เป็นสีขาวหรือสีน้ำตาลอ่อน มีแถบสีน้ำตาลเข้มพาดตามยาวของเมล็ด

สรรพคุณของน้ำเต้า

  • สรรพคุณจากผล สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจและผู้ชราภาพ ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง ป้องกันโรคมะเร็งปอด ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยทำให้อาเจียน ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย แก้แผลในกระเพาะอาหาร เป็นยาระบาย ช่วยขับปัสสาวะ ขับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ รักษาท่อปัสสาวะอักเสบ ช่วยลดการอักเสบของทางเดินปัสสาวะและอาการปัสสาวะยาก ช่วยทำให้เกิดน้ำนม
    – ควบคุมเบาหวาน โดยชาวอินเดียนำผลมาให้ผู้ป่วยเบาหวานและผู้เป็นโรคความดันโลหิตทาน
    – แก้อาการปวดท้องที่เกิดจากไข้ ช่วยรักษาโรคลูกอัณฑะบวม ด้วยการนำผลมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
    – รักษาโรคทางลำคอ ด้วยการนำลูกน้ำเต้าแก่มาตัดจุก ใส่น้ำทานเป็นประจำ
    – ช่วยแก้อาการปวดฝีในเด็ก ด้วยการนำผลหั่นเป็นชิ้น ผสมกับของต้มเป็นน้ำซุปทาน
  • สรรพคุณจากราก ช่วยทำให้เจริญอาหาร ช่วยบำรุงน้ำดี แก้ดีแห้ง ขับน้ำดีให้ตกลำไส้
    – แก้อาการบวมน้ำตามร่างกาย ด้วยการนำรากมาต้มกับน้ำกินเป็นยา
  • สรรพคุณจากเมล็ด ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ เป็นยาขับพยาธิ ช่วยแก้อาการบวมน้ำ
    – ช่วยเจริญอาหาร โดยชาวจีนนำเมล็ดมาต้มกับเกลือทาน
  • สรรพคุณจากใบ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยดับพิษ เป็นยาแก้ไข้ตัวร้อน ช่วยแก้อาการร้อนใน แก้กระหายน้ำ เป็นยาระบาย เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยรักษาโรคเริม แก้โรคดีซ่าน รักษางูสวัด แก้ไฟลามทุ่ง
    – เป็นยาทาถอนพิษร้อน ดับพิษ แก้อาการฟกช้ำบวม แก้พุพอง แก้โรคผิวหนัง แก้ผื่นคัน รักษาอาการพองตามผิวหนังตามตัว แก้เริม แก้งูสวัด ด้วยการนำใบสดมาโขลกผสมกับเหล้าขาวหรือคั้นเอาแต่น้ำ หรือนำใบสดผสมกับขี้วัวแห้งหรือขี้วัวสด โขลกให้เข้ากันแล้วผสมเหล้าขาว 40 ดีกรี
  • สรรพคุณจากเนื้อในผล ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยแก้อาการไอ เป็นยาระบาย
  • สรรพคุณน้ำมันจากเมล็ด ช่วยแก้อาการทางประสาทบางชนิด ช่วยทำให้อาเจียน
  • สรรพคุณจากทั้งต้น ช่วยแก้อาการร้อนใน แก้กระหายน้ำ ช่วยบำรุงน้ำดี
  • สรรพคุณจากเปลือกผล
    – ลดอาการไข้ ด้วยการนำผลใช้ผสมหัวทารก
    – ช่วยรักษาโรคปวดอักเสบ ด้วยการนำเปลือกสดมาทาน

ประโยชน์ของน้ำเต้า

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ผลและใบอ่อนใช้ทานได้ ยอดอ่อนใช้ประกอบในแกงส้มกับปลาเนื้ออ่อนหรือกุ้งสด มีรสชาติดีมาก ตอนใต้ของทวีปแอฟริกานำใบทานเป็นผัก หรือใส่ในซุปข้าวโพด หรือดองสด และใช้น้ำมันจากเมล็ดน้ำเต้าในการปรุงอาหาร ชาวไทยนิยมน้ำเต้าพันธุ์ผลกลมแป้นมีคอยาวมาต้มหรือนึ่งทานเป็นผักร่วมกับน้ำพริก ลาบ แจ่ว หรืออาจนำไปทำแกง ส่วนของผลยังนำมาเชื่อมเป็นของหวานได้ ชาวอินเดียนำผลมาประกอบอาหารทั้งคาวและหวาน คนอเมริกานำเนื้อผลอ่อนมานึ่งผัด ชุบแป้งท้อง ต้มสตู
2. เป็นอุปกรณ์ ผลน้ำเต้าแห้งนำมาใช้ทำเป็นภาชนะได้ ผลน้ำเต้าแก่ใช้บรรจุน้ำดื่ม ใช้ทำเป็นที่ใส่เหล้าห้อยเอวได้น้ำเต้างาช้างที่มีจุกยาวนิยมทำเป็นเครื่องดนตรีประเภทต่าง ๆ ในอดีตนำผลน้ำเต้าแห้งหลายลูกมาผูกรวมกันเพื่อทำเป็นเสื้อชูชีพ ใช้ทำเป็นรังนกกระจอกบ้าน ใช้ทำเป็นทุ่นประกอบการจับปลา ใช้ทำเป็นเครื่องประดับหรือใช้ทำงานศิลปะ งานแกะสลักผิวเป็นรูปร่างต่าง ๆ ใช้ประดับหรือปกปิดร่างกาย
3. เป็นความเชื่อ ชาวจีนนิยมแขวนน้ำเต้าไว้ในบ้าน เพราะเชื่อว่าจะทำให้บ้านเกิดความร่มเย็น

คุณค่าทางโภชนาการของใบน้ำเต้าอ่อน

คุณค่าทางโภชนาการของใบ 100 กรัม ให้พลังงาน 27 แคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารที่ได้รับ
คาร์โบไฮเดรต 4.1 กรัม
โปรตีน 5.1 กรัม
ไขมัน 0 กรัม 
ใยอาหาร 1.5 กรัม
น้ำ 90.1%
วิตามินเอ 15,400 หน่วยสากล
วิตามินบี1 0.05 มิลลิกรัม 
วิตามินบี2 0.06 มิลลิกรัม
วิตามินซี 95 มิลลิกรัม 
ธาตุแคลเซียม 56 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 11.5 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 140 มิลลิกรัม

 

คุณค่าทางโภชนาการของผลน้ำเต้าอ่อน

คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 10 แคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารที่ได้รับ
คาร์โบไฮเดรต 2.2 กรัม
โปรตีน 0.3 กรัม
ไขมัน 0 กรัม
ใยอาหาร 1.7 กรัม 
น้ำ 96.8%
เถ้า 0.3 กรัม
วิตามินเอ 391 หน่วยสากล
วิตามินบี1 0.02 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.04 มิลลิกรัม
วิตามินบี3 0.1 มิลลิกรัม
วิตามินซี 12 มิลลิกรัม
ธาตุแคลเซียม 14 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 0.1 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 1 มิลลิกรัม

น้ำเต้า เป็นต้นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งชาวจีน ชาวอินเดียและแอฟริกา เป็นยาเย็นที่ช่วยดับพิษ ช่วยทำให้ร่างกายเย็นขึ้น มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย นอกจากนั้นยังนำมาใช้ทำอุปกรณ์ครัวเรือนได้หลายอย่าง น้ำเต้ามีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของผล มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด แก้กระหาย คุมเบาหวาน ป้องกันมะเร็งและดีต่อระบบขับถ่ายในร่างกาย

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “น้ำเต้า (Nam Tao)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 157.
หนังสือสมุนไพรไทยตอนที่ 5. “Bottle gourd”. (ลีนา ผู้พัฒนพงศ์).
ผักพื้นบ้านในประเทศไทย, กรมส่งเสริมการเกษตร. “น้ำเต้า”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: 203.172.205.25/ftp/intranet/Research_AntioxidativeThaiVegetable/. [27 มี.ค. 2014].
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 339 คอลัมน์: บทความพิเศษ. “น้ำเต้า ควบคุมเบาหวาน”. (รศ.ดร.สุธาทิพ ภมรประวัติ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th. [27 มี.ค. 2014].
แผนกวิชาพืชศาสตร์ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษ. “น้ำเต้า ผักสารพัดประโยชน์ของชาวโลก”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: 202.143.140.85/plant/index.php. [27 มี.ค. 2014].
หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “ในกลุ่ม triterpenoids จากน้ำเต้ากับความเป็นพิษต่อเซลล์”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.medplant.mahidol.ac.th. [27 มี.ค. 2014].
สมุนไพรไพรไทย, สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองอ่างทอง. “น้ำเต้า”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: mueang.angthong.doae.go.th/data/น้ำเต้า.doc. [27 มี.ค. 2014].
โอเคเนชั่น. “ตำราพันธุ์ไม้และสมุนไพรในคัมภีรอัล-กุรอาน”. (อาลี เสือสมิง). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.oknation.net/. [27 มี.ค. 2014].
หนังสือผักพื้นบ้าน 1. “น้ำเต้า”. (อุไร จิรมงคลการ).
หนังสือสมุนไพรลดไขมันในเลือด 140 ชนิด. “น้ำเต้า”. (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก). หน้า 113-114.
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
https://krishijagran.com/agripedia/how-to-grow-bottle-gourd-lauki-at-home-a-complete-guide/

เทียนบ้าน ดอกสีสันตามสายพันธุ์ โดดเด่นในการเป็นยาภายนอก

0
เทียนบ้าน
เทียนบ้าน ดอกสีสันตามสายพันธุ์ โดดเด่นในการเป็นยาภายนอกและภายใน มีสรรพคุณทางยา นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ

เทียนบ้าน

เทียนบ้าน

เทียนบ้าน มีดอกหลากหลายสีแล้วแต่สายพันธุ์ อย่างเช่น สีชมพู สีแดง สีม่วง สีขาว หรืออาจเป็นสีผสม แต่ส่วนที่นิยมนำมาใช้ทำยาสมุนไพรจะเป็นสีขาว ด้วยความที่มีสีสันจึงเป็นพรรณไม้ที่นิยมปลูกกันเป็นไม้ประดับตามบ้านเรือน ตามสถานที่ราชการต่าง ๆ ส่วนต่าง ๆ ของต้นทำเป็นยาได้ ในอดีตชาวบาหลีจะนำใบเทียนบ้านมารับประทานเป็นอาหาร ส่วนของใบสดมีสรรพคุณช่วยบำรุงผมได้ด้วย

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของเทียนบ้าน

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Impatiens balsamina L.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Garden balsam”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “เทียนดอก เทียนสวน เทียนไทย เทียนขาว เทียน” คนจีนเรียกว่า “จึงกะฮวย จี๋กะเช่า เซียวก่ออั้ง ห่งเซียง” มีชื่ออื่น ๆ ว่า “จือเจี่ยฮวา จี๋ซิ่งจื่อ เฟิ่งเซียนฮวา ฝู่เฟิ่งเซียนฮวาจื่อ”
ชื่อวงศ์ : วงศ์เทียนดอก (BALSAMINACEAE)

ลักษณะของเทียนบ้าน

เทียนบ้าน เป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็กอายุ 1 ปี ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดียและแอฟริกา
ลำต้น : แตกกิ่งก้านใกล้กับโคนต้น ลำต้นกลมเป็นสีเขียวอ่อนอมสีแดงและอวบน้ำ มีข้อกลวงเป็นรูปกลมทรงกระบอก
ใบ : เป็นใบเดี่ยวที่ออกเรียงสลับเวียนรอบต้น เป็นรูปวงรีกว้าง ตรงปลายใบแหลม โคนใบเป็นรูปลิ่ม ขอบใบจักเป็นซี่ฟัน แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม
ดอก : ออกดอกเป็นช่อ 2 – 3 ดอก หรือออกดอกเดี่ยว มักจะออกตามซอกใบ มีหลายสีแล้วแต่สายพันธุ์ มีกลีบดอก 4 – 5 กลีบ อาจซ้อนกันหรือไม่ก็ได้ ปลายของกลีบหยักเว้าเป็นลอน กลีบรองดอกมีลักษณะเป็นรูปถ้วยปากบานออก มีงวงน้ำหวาน มีเกสรเพศผู้จำนวน 5 ก้านเกิดติดกันอยู่รอบรังไข่ โดยรังไข่แบ่งเป็น 5 ห้อง กลีบเลี้ยงมี 3 กลีบเป็นสีเขียว ออกดอกตลอดทั้งปี
ผล : เป็นรูปทรงวงรี ผิวมีขนยาวสีขาวปกคลุม ผลเป็นกระเปาะมีรอยแยกเป็น 5 กลีบ เมื่อแก่เต็มที่แล้วจะแตกออกตามยาว เปลือกจะบิดม้วนขมวดและดีดเมล็ดออกมา
เมล็ด : ภายในผลมีเมล็ดสีน้ำตาลเข้มถึงดำ มีรอยกระอยู่หลายที่ เมล็ดมีลักษณะกลมหรือเป็นรูปไข่แบน

สรรพคุณของเทียนบ้าน

  • สรรพคุณจากราก ใช้กระจายเลือด ขับลมชื้นในร่างกาย เป็นยาฟอกเลือด เป็นยาแก้ตกขาวของสตรี เป็นยาแก้ตกเลือด รักษาแผลเรื้อรัง เป็นยาแก้ฝีหนอง แก้อาการฟกช้ำดำเขียว แก้ฟกช้ำเป็นก้อน แก้หกล้ม แก้บวมแดง ช่วยลดบวม ช่วยแก้อาการปวดกระดูก
    – แก้อาการบวมน้ำ ด้วยการนำรากสด 4 – 5 ราก มาต้มกับเนื้อหมูทาน 3 – 4 ครั้ง
  • สรรพคุณจากเมล็ด ช่วยกระจายเลือด ช่วยแก้ก้างติดคอ เป็นยาขับเสมหะข้น เป็นยาขับลูกที่ตายในท้องของสตรี ช่วยขับรกค้าง เป็นยาแก้ซีสต์หรือก้อนเนื้อในมดลูกของสตรี ช่วยแก้ตับแข็ง แก้แผลติดเชื้ออักเสบเรื้อรัง รักษาแผลไฟไหม้ รักษาน้ำร้อนลวก เป็นยาแก้พิษงู ช่วยแก้อาการปวดบวม
    – แก้คอเป็นเม็ดเดี่ยวหรือเม็ดคู่ ด้วยการนำเมล็ดมาบดเป็นผง ใช้กระดาษม้วนเป่าเข้าไป แล้วอมไว้วันละ 2 – 3 ครั้ง
    – เป็นยาขับเลือด ขับประจำเดือนของสตรี แก้ประจำเดือนไม่มา เป็นยากระจายเลือด ด้วยการนำเมล็ดแห้งของชนิดดอกขาว 60 กรัม มาบดเป็นผงรวมกับตังกุย 10 กรัม ผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาเม็ด ใช้ทานหลังอาหารครั้งละ 3 กรัม วันละ 3 เวลา
    – สำหรับสตรีที่คลอดบุตรยาก ด้วยการนำเมล็ด 6 กรัม มาบดเป็นผงกินกับน้ำ
  • สรรพคุณจากลำต้น ช่วยทำให้เลือดเดินสะดวก ช่วยทำให้อาเจียน เป็นยาขับลม เป็นยาขับปัสสาวะ รักษาแผลเน่าเปื่อย แก้ปวด แก้บวมเป็นพิษ ช่วยแก้เหน็บชา ช่วยทำให้เส้นเอ็นคลายตัว
    – แก้ก้างปลาหรือกระดูกติดคอ ด้วยการนำลำต้นมาตำให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำดื่มหรือกลืน
  • สรรพคุณจากดอก เป็นยาเย็น ช่วยบำรุงร่างกาย
  • สรรพคุณจากเมล็ด ใบ ดอก ทั้งต้น เป็นยาฟอกเลือด
  • สรรพคุณจากยอดสด
    – แก้จมูกอักเสบ แก้บวมแดง ด้วยการนำยอดสดมาตำผสมกับน้ำตาลทรายแดง แล้วพอกบริเวณที่มีอาการ ทำการเปลี่ยนเช้าและเย็น
  • สรรพคุณจากทั้งต้น เป็นยาแก้ฝีบริเวณต่อมทอนซิล เป็นยาขับลม ช่วยแก้อาการปวดบวม
  • สรรพคุณจากใบ เป็นยาสลายลม เป็นยาแก้บิด แก้มูกเลือด รักษาแผลเรื้อรัง เป็นยาแก้งูกัด เป็นยาถอนพิษ แก้ปวดแสบ แก้ปวดร้อน รักษาฝี เป็นยาแก้แผลหนองเรื้อรัง แก้น้ำกัดมือ แก้ฝีประคำร้อย แก้ฝีตะมอย แก้เล็บขบเล็บช้ำ เป็นยากันเล็บถอด กันจมูกเล็บหรือซอกข้างเล็บอักเสบบวม ช่วยแก้บวม แก้อาการเจ็บปวดเนื่องจากการกระทบกระแทก แก้ปวดไขข้อ
    – รักษาแผลที่ถูกน้ำร้อนลวก แก้แผลพุพอง แก้แผลไฟไหม้ ด้วยการนำใบสดที่ล้างสะอาด 5 – 10 ใบ มาตำให้ละเอียด ใช้พอกวันละ 3 ครั้ง จนกว่าจะหาย
    – แก้แผลอักเสบ แก้แผลเน่าเปื่อย แก้ฝีหนอง ด้วยการนำใบแห้ง 10 – 15 กรัม มาต้มกับน้ำดื่มเช้าเย็น
    – เป็นยารักษากลากเกลื้อน ด้วยการนำใบสด 1 กำมือมาตำให้ละเอียด ใช้พอกหรือทาบริเวณที่เป็นจนกว่าจะหาย
    – ช่วยแก้ฝีอักเสบเกิดที่หลัง ด้วยการนำใบสดมาตำพอกหรือใช้ยาสดล้างสะอาดตำและต้ม รินเอาน้ำมารวมกันเคี่ยวให้ข้น ใช้ทากระดาษแก้ว ปิดที่แผล เปลี่ยนยาวันละ 1 ครั้ง
  • สรรพคุณจากดอก เป็นยาสลายลม แก้อาการปวดก่อนมีประจำเดือน เป็นยากันเล็บถอด ช่วยแก้ปวด แก้ปวดเอว แก้ลดบวม แก้ปวดไขข้อ
    – รักษาแผลที่ถูกน้ำร้อนลวก แก้แผลพุพอง แก้แผลไฟไหม้ ด้วยการนำดอกมาตำให้ละเอียดแล้วพอก
  • สรรพคุณจากต้น รักษาฝี ช่วยขับลมชื้น แก้ปวดไขข้อ รักษาอาการปวดข้อกระดูกอันเนื่องมาจากลมชื้น ช่วยบำรุงผิวและลดริ้วรอย
    – แก้แผลงูสวัด ด้วยการนำต้นสดมาตำคั้นเอาแต่น้ำดื่มเป็นยา
    – แก้พิษงู แก้แผลงูกัด ด้วยการนำต้นสด 160 กรัม มาตำเอาน้ำดื่มเป็นยา และนำกากที่เหลือพอกแผล
    – แก้ฝีมีหนอง ด้วยการนำต้นสดผสมกับน้ำตาลทรายแดงเล็กน้อย แล้วพอกบริเวณที่มีอาการ
    – แก้เล็บเท้าอักเสบบวม แก้แผลบริเวณเล็บมือ ด้วยการนำต้นสดผสมกับน้ำตาลทรายแดงเล็กน้อย ใช้พอก
  • สรรพคุณจากรากและใบ
    – ช่วยแก้หน้าบวมและขาบวม ด้วยการนำรากและใบสดผสมกับน้ำตาลทราย ตำให้ละเอียดแล้วใช้พอก
    – แก้แผลที่ถูกเศษแก้วตำเนื้อ รักษาเสี้ยน ด้วยการนำใบและรากมาตำให้ละเอียด ใช้พอกบริเวณแผล
  • สรรพคุณจากดอกและใบ แก้อาการปวดตามข้อมือข้อเท้าของผู้ป่วยที่เป็นโรคเกาต์ รักษาอาการเล็บขมมีหนอง

ประโยชน์ของเทียนบ้าน

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ชาวบาหลีในอดีตนำใบมาทานเป็นอาหาร
2. บำรุงผม ใบสดนำมาต้มกับน้ำใช้สระผม ช่วยบำรุงผม ทำให้ผมดกดำ น้ำคั้นจากใบสดนำมาใช้ย้อมสีผมได้
3. เป็นของเล่นเด็ก เด็กใช้กลีบและผลเป็นของเล่น ชาวมาเลเซียในอดีตนำกลีบของต้นทาสีเล็บ ดอกและใบสดใช้ย้อมเล็บ ทำให้เล็บเป็นสีส้ม
4. ใช้เป็นเชื้อเพลิง เมล็ดบีบให้น้ำมันสำหรับหุงต้มหรือใช้จุดตะเกียงได้
5. ปลูกเป็นไม้ประดับ ตามบ้านเรือน ตามสถานที่ราชการต่าง ๆ

เทียนบ้าน พรรณไม้ดั้งเดิมที่นำมาแปรรูปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ในปัจจุบันจะนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับตามสถานที่ต่าง ๆ เป็นต้นที่ดีต่อผมเป็นอย่างมาก เทียนบ้านมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของเมล็ดและใบ มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ แก้แผลอักเสบ เป็นยาฟอกเลือด แก้บวมอักเสบ เป็นยาแก้บิด และแก้ปวดประจำเดือนของสตรี เทียนบ้านจะมีสรรพคุณเป็นยาใช้ภายนอกมากกว่าภายใน

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “เทียนดอก (Tian Dok)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 147.
หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “เทียนบ้าน Garden Balsam”. หน้า 124.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. “เทียนดอก”. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). หน้า 382-384.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “เทียนดอก”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 268.
สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “เทียนบ้าน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [22 มี.ค. 2014].
สถาบันการแพทย์แผนไทย. “เทียนบ้าน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: ittm-old.dtam.moph.go.th. [22 มี.ค. 2014].
สมุนไพร, สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. “เทียนบ้าน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: aidsstithai.org/herbs/. [22 มี.ค. 2014].
ไทยโพสต์. “เทียนบ้านรักษาเล็บขบ และวิธีรักษาเชื้อราที่เล็บอย่างได้ผล”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaipost.net. [22 มี.ค. 2014].
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 13 คอลัมน์: สมุนไพรน่ารู้. “ดาวเรืองและเทียน”. (ภก.ชัยโย ชัยชาญทิพยุทธ). อ้างอิงใน: หนังพจนานุกรมสมุนไพรจีน (ของประเทศจีน). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th. [22 มี.ค. 2014].
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 334 คอลัมน์: ต้นไม้ใบหญ้า. “เทียนไม้ดอกงามที่ได้นามจากลำต้น”. (เดชา ศิริภัทร). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th. [22 มี.ค. 2014].
บทความวิทยุรายการสาระความรู้ทางการเกษตร, งานศูนย์บริการวิชาการและฝึกอบรม ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ, คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่. “เทียนบ้าน”. (ดวงจันทร์ เกรียงสุวรรณ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: natres.psu.ac.th. [22 มี.ค. 2014].
ไทยเกษตรศาสตร์. “เทียนบ้านมีสรรพคุณดังนี้”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaikasetsart.com. [22 มี.ค. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง
https://www.emporiodassementes.com.br/flores/impatiens-maria-sem-vergonha/impatiens-balsamina-dobrada-beijo-de-frade