การดูแลผู้ป่วยเบาหวาน: ครอบคลุมทั้งสุขภาพกาย ใจ และการป้องกันภาวะแทรกซ้อน

0
9362
การดูแลสุขภาพกายและใจของผู้ป่วยเบาหวาน
การดูแลสุขภาพกายและใจของผู้ป่วยเบาหวาน

เข้าใจโรคเบาหวาน: โรคที่ต้องควบคุมตลอดชีวิต

โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลกลูโคสไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีสาเหตุมาจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือร่างกายดื้อต่ออินซูลิน โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมได้หากดูแลอย่างเหมาะสม แม้ในระยะเริ่มแรกผู้ป่วยจะไม่รู้สึกผิดปกติ แต่หากละเลย อาจเกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรงในระยะยาว เช่น โรคไต เบาหวานขึ้นตา หรือปลายประสาทเสื่อม

เป้าหมายการรักษาผู้ป่วยเบาหวานคืออะไร?

แพทย์มุ่งควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในช่วงใกล้เคียงค่าปกติ เพื่อชะลอการเกิดโรคแทรกซ้อนและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โดยแผนการดูแลประกอบด้วย:

การควบคุมอาหาร

  • รับประทานอาหารให้เป็นเวลา
  • ลดของหวาน แป้ง น้ำตาล และไขมันอิ่มตัว
  • เลือกทานผัก ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนไขมันต่ำ
  • ปรับพฤติกรรมการกินให้เป็นนิสัยตลอดชีวิต

การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม

  • อย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน
  • ส่งเสริมการเผาผลาญ ช่วยควบคุมน้ำหนัก และลดระดับน้ำตาล

การพบแพทย์และใช้ยาอย่างสม่ำเสมอ

  • รับประทานยา/ฉีดอินซูลินตามแพทย์สั่งเท่านั้น
  • ห้ามหยุดยาเองแม้จะรู้สึกดีขึ้น
  • ติดตามตรวจ HbA1c ทุก 3 เดือนเพื่อตรวจประสิทธิภาพการควบคุมเบาหวาน

จิตใจและอารมณ์: ปัจจัยสำคัญในการดูแลเบาหวาน

อารมณ์และสุขภาพจิตส่งผลต่อความร่วมมือในการรักษาและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ป่วยอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงแรกที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัย

ปฏิกิริยาทางอารมณ์ 4 รูปแบบที่พบในผู้ป่วยเบาหวาน

  1. ต่อต้าน: หงุดหงิด ไม่ยอมรับ ไม่ร่วมมือในการรักษา
  2. หลีกหนี: เปลี่ยนสถานพยาบาล หวังการรักษาที่หายขาด
  3. ปกปิด: แสร้งว่าไม่มีโรค เบี่ยงเบนพฤติกรรมเพียงเพื่อค่าตรวจในวันพบแพทย์ดูดี
  4. ยอมรับ: ผู้ป่วยที่มีสุขภาพจิตดี มีแรงสนับสนุนจากครอบครัวและพร้อมเปลี่ยนแปลง

วิธีช่วยให้ผู้ป่วยยอมรับและร่วมมือในการรักษา

  • อธิบายโรคและแผนการดูแลให้เข้าใจง่าย
  • สนับสนุนเชิงบวกจากคนในครอบครัว
  • แสดงให้เห็นตัวอย่างของผู้ที่ดูแลเบาหวานได้สำเร็จ
  • เสริมกำลังใจโดยไม่ใช้อารมณ์บีบบังคับ

การดูแลสุขภาพทั่วไปของผู้ป่วยเบาหวาน

การนอนหลับ ความเครียด และพฤติกรรมประจำวัน

  • นอนหลับอย่างน้อยวันละ 7–8 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงความเครียดโดยฝึกสมาธิ โยคะ หรือกิจกรรมผ่อนคลาย
  • หมั่นชั่งน้ำหนัก ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
  • งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทำให้ควบคุมโรคยากขึ้น

การพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ แม้ไม่มีอาการ

ผู้ป่วยหลายคนละเลยการตรวจสุขภาพเมื่อไม่มีอาการผิดปกติ ทั้งที่โรคแทรกซ้อนมักเกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัว เช่น เบาหวานขึ้นตา จึงควรพบแพทย์อย่างน้อยทุก 3–6 เดือน พร้อมตรวจจอประสาทตา ไต และปลายประสาทประจำปี

การดูแลอวัยวะสำคัญเฉพาะด้านในผู้ป่วยเบาหวาน

การดูแลสุขภาพตา

  • พบจักษุแพทย์ตรวจจอประสาทตาปีละ 1 ครั้ง
  • หากมีอาการตามัว เห็นภาพซ้อน ควรรีบพบแพทย์ทันที

การดูแลสุขภาพฟัน

  • แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟัน
  • พบทันตแพทย์ทุก 6 เดือนเพื่อตรวจเหงือกและฟัน
  • หลีกเลี่ยงแผลในช่องปากเพราะติดเชื้อได้ง่าย

การดูแลผิวหนัง

  • อาบน้ำและเช็ดให้แห้ง โดยเฉพาะซอกพับ รักแร้ ขาหนีบ
  • ใช้ครีมให้ความชุ่มชื้นหากผิวแห้ง
  • หากมีผื่น คัน ฝี หรือพุพอง ควรพบแพทย์ทันที

การดูแลสุขภาพเท้าแบบละเอียด

ผู้ป่วยเบาหวานมักมีปัญหาปลายประสาทเสื่อม ทำให้ความรู้สึกลดลง หากเกิดแผลอาจไม่รู้ตัว และแผลจะหายช้าเนื่องจากเลือดมาเลี้ยงไม่เพียงพอ

การดูแลเท้าควรทำดังนี้:

  • ล้างเท้าทุกวัน เช็ดให้แห้ง โดยเฉพาะซอกนิ้ว
  • ตัดเล็บอย่างระมัดระวัง ไม่ตัดสั้นเกินไป
  • ทาครีมหรือโรยแป้งฝุ่นบางๆ หากผิวแห้งหรือชื้นง่าย
  • ตรวจเท้าทุกวัน มีแผล รอยแดง รอยแตก ควรพบแพทย์ทันที
  • เลือกถุงเท้าผ้าฝ้ายระบายอากาศดี เปลี่ยนทุกวัน
  • สวมรองเท้าที่นุ่ม กระชับ ไม่บีบเท้า และป้องกันแรงกระแทก
  • ห้ามเดินเท้าเปล่า แม้ในบ้าน เพื่อป้องกันบาดเจ็บโดยไม่รู้ตัว

สิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

  • ไม่ควรเดินเท้าเปล่า หลีกเลี่ยงของมีคมทุกชนิด
  • ไม่ควรวางกระเป๋าน้ำร้อนหรือแช่เท้าในน้ำร้อนโดยไม่ทดสอบอุณหภูมิก่อน
  • ไม่ควรตัดตาปลาหรือหนังด้านเอง
  • ห้ามสูบบุหรี่เด็ดขาด เพราะทำให้หลอดเลือดตีบตันมากขึ้น

สรุป: ครอบครัวและผู้ป่วยต้องเดินไปด้วยกัน

การดูแลผู้ป่วยเบาหวานต้องอาศัยความเข้าใจทั้งจากตัวผู้ป่วยเองและบุคคลรอบข้าง ต้องมีความอดทนในการปรับพฤติกรรม และกำลังใจในการรักษา การดูแลไม่ใช่เพียงการให้ยาหรืออาหารเท่านั้น แต่รวมถึงการดูแลจิตใจ การติดตามอาการ และการใส่ใจในสุขภาพองค์รวมของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง หากทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ผู้ป่วยเบาหวานก็สามารถมีชีวิตที่สมดุล แข็งแรง และมีความสุขได้ในระยะยาว

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน

Q1: ผู้ป่วยเบาหวานจำเป็นต้องควบคุมอาหารแม้ไม่มีอาการหรือไม่?

A: จำเป็นมาก เพราะแม้ไม่มีอาการ แต่ระดับน้ำตาลอาจสูงโดยไม่รู้ตัว หากไม่ควบคุมอาหารจะเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนเรื้อรัง เช่น โรคไต เบาหวานขึ้นตา หรือปลายประสาทเสื่อม

Q2: ควรพาผู้ป่วยเบาหวานไปพบแพทย์บ่อยแค่ไหน?

A: ควรพบแพทย์ทุก 3–6 เดือน และตรวจจอประสาทตา ไต และเท้าอย่างน้อยปีละครั้ง แม้จะไม่มีอาการผิดปกติ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่ตรวจไม่เจอจากอาการเพียงอย่างเดียว

Q3: ผู้ป่วยเบาหวานสามารถออกกำลังกายได้หรือไม่?

A: ได้และควรทำอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่ม หากมีโรคแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจหรือปลายประสาทเสื่อม

Q4: การดูแลเท้าของผู้ป่วยเบาหวานต้องทำอย่างไร?

A: ต้องล้างเท้าทุกวัน เช็ดให้แห้งโดยเฉพาะซอกนิ้ว ห้ามเดินเท้าเปล่า และตรวจดูแผลหรือความผิดปกติทุกวัน ควรสวมรองเท้านุ่ม สบาย และไม่บีบเท้า หลีกเลี่ยงการตัดตาปลาด้วยตนเอง

Q5: ทำไมผู้ป่วยเบาหวานถึงมีปัญหาทางจิตใจได้ง่าย?

A: การรับรู้ว่าเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาด ทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า หรือแม้แต่การปฏิเสธโรค พฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลต่อการรักษา หากไม่ได้รับแรงสนับสนุนที่ดีจากครอบครัวและทีมแพทย์

ร่วมตอบคำถามกับเรา

[/vc_column_text]

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง 

ศาสตราจารย์ นพ. เทพ หิมะทองคำ และคณะบรรณาธิการ ศาสตราจารย์ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน และรองศาสตราจารย์ ภญ.ธิดา นิงสานนท์. ความรู้เรื่องเบาหวานฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพฯ: วิทยพัฒน์, 2557.

บุษบา จินดาวิจักษณ์. ยารักษาโรคเบาหวานใช้อย่างไร [เว็บไซต์]. กรุงเทพฯ. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล; 2553.

[/vc_column][/vc_row]