ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด มีข้อบ่งชี้วิธีการใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสมอย่างไร

0
11660
ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด มีข้อบ่งชี้วิธีการใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสมอย่างไร
อินซูลินเป็นยาชนิดฉีดที่ใช้สำหรับการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยให้เป็นปกติหรือใกล้เคียงปกติ

โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ผ่านการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และที่สำคัญคือการใช้ ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด อย่างเหมาะสม ซึ่งการใช้ยาต้องคำนึงถึงชนิดของโรคเบาหวาน ปริมาณอินซูลินที่ตับอ่อนสร้างได้ และลักษณะเฉพาะของผู้ป่วยแต่ละราย

ความสำคัญของยาลดระดับน้ำตาลในเลือด

ยารักษาเบาหวานมีบทบาทในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน เช่น โรคไต โรคตา และโรคหัวใจ หากผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยการปรับพฤติกรรมเพียงอย่างเดียว แพทย์จะพิจารณาให้ยาลดน้ำตาลในเลือด ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่

  • ยารับประทาน (Oral Hypoglycemic Agents) สำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2

  • ยาอินซูลินฉีด (Insulin) สำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 และกรณีรุนแรงของชนิดที่ 2

ยาลดระดับน้ำตาลในเลือดชนิดรับประทาน

1. ยากลุ่มไบกัวไนด์ (Biguanides)

ยา Metformin เป็นตัวแทนสำคัญของกลุ่มนี้ โดยทำหน้าที่ลดการผลิตกลูโคสจากตับ เพิ่มความไวของเนื้อเยื่อต่ออินซูลิน และช่วยลดระดับไขมันในเลือดโดยไม่ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

  • ชื่อการค้า: Glucophage, Diamet

  • ข้อดี: ไม่ก่อให้เกิดน้ำตาลต่ำ ช่วยลดน้ำหนักเล็กน้อย ลดระดับไขมัน

  • ผลข้างเคียง: คลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดท้อง โดยเฉพาะเมื่อเริ่มใช้ยา

  • ข้อควรระวัง: ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะไตเสื่อมรุนแรง หรือโรคหัวใจรุนแรง เพราะอาจเสี่ยงต่อภาวะกรดแลคติก

2. ยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylureas)

กระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งอินซูลินออกมา จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ตับอ่อนยังมีความสามารถในการผลิตอินซูลิน

  • ตัวอย่างยา:

    • Glibenclamide (Daonil)

    • Gliclazide (Diamicron)

    • Glipizide (Minidiab)

  • ข้อดี: ลดระดับน้ำตาลหลังอาหารได้ดี

  • ผลข้างเคียง: น้ำตาลในเลือดต่ำ (โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ), น้ำหนักเพิ่ม

  • ข้อควรระวัง: ห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคตับหรือโรคไตขั้นรุนแรง

3. ยาต้านแอลฟากลูโคซิเดส (α-Glucosidase Inhibitors)

ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลจากคาร์โบไฮเดรตในลำไส้เล็ก จึงลดระดับน้ำตาลหลังอาหาร

  • ชื่อยา: Acarbose (Glucobay), Voglibose (Basen)

  • ผลข้างเคียง: ท้องอืด ลมในท้อง เรอ ท้องเสีย

  • คำแนะนำ: รับประทานก่อนอาหาร พร้อมคำแนะนำเรื่องการเลือกประเภทอาหารอย่างเหมาะสม

4. ยากลุ่มไทแอโซลิดีนไดโอน (Thiazolidinediones – TZDs)

เพิ่มความไวของอินซูลินที่ตับ กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อไขมัน

  • ชื่อยา: Pioglitazone (Actos), Rosiglitazone (Avandia)

  • ข้อดี: ลด HbA1c ได้ดี, เหมาะกับภาวะดื้อต่ออินซูลิน

  • ข้อควรระวัง: ห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว, เสี่ยงต่อภาวะบวมน้ำ

5. ยากลุ่ม DPP-4 Inhibitors (ยากลุ่มใหม่)

เพิ่มการหลั่งอินซูลินและลดการหลั่งกลูคากอน (ฮอร์โมนที่เพิ่มน้ำตาลในเลือด) ตามระดับน้ำตาล

  • ชื่อยา: Sitagliptin (Januvia), Linagliptin (Trajenta), Saxagliptin

  • ข้อดี: ไม่ทำให้น้ำตาลต่ำ น้ำหนักไม่เพิ่ม

  • เหมาะกับ: ผู้สูงอายุ ผู้ที่เสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลต่ำ

6. ยากลุ่ม SGLT2 Inhibitors

ลดการดูดซึมน้ำตาลที่ไต ช่วยให้ร่างกายขับน้ำตาลออกทางปัสสาวะ

  • ชื่อยา: Dapagliflozin (Forxiga), Empagliflozin (Jardiance)

  • ข้อดี: ลดน้ำตาล ลดน้ำหนัก ลดความดัน และมีประโยชน์ต่อหัวใจ

  • ข้อควรระวัง: ระวังภาวะขาดน้ำ ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

การฉีดอินซูลิน (Insulin Therapy)

ข้อบ่งชี้

  • ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1

  • ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมไม่ได้ด้วยยาเม็ด

  • สตรีมีครรภ์ที่เป็นเบาหวาน

  • ภาวะน้ำตาลสูงฉับพลัน หรือมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

ชนิดของอินซูลิน

ประเภท ชื่อ ออกฤทธิ์ใน อยู่นาน
Rapid-acting Lispro, Aspart 10–15 นาที 3–5 ชม.
Short-acting Regular insulin 30–60 นาที 5–8 ชม.
Intermediate-acting NPH 2–4 ชม. 18–24 ชม.
Long-acting Glargine, Detemir 1–2 ชม. 24 ชม.

วิธีฉีดอินซูลินที่ถูกต้อง

  • ฉีดใต้ผิวหนัง (Subcutaneous)

  • บริเวณที่แนะนำ: หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา

  • ล้างมือก่อนฉีดยา ใช้สำลีแอลกอฮอล์เช็ดผิว

  • หมุนยา (ไม่เขย่าแรง) ก่อนดูด

  • เปลี่ยนจุดฉีดทุกครั้ง เพื่อป้องกันก้อนใต้ผิวหนัง

อาการข้างเคียงของยา

กลุ่มยา ผลข้างเคียงหลัก
Biguanides คลื่นไส้ ท้องเสีย
Sulfonylureas น้ำตาลต่ำ น้ำหนักเพิ่ม
α-Glucosidase Inhibitors ท้องอืด เรอ
TZDs บวมน้ำ น้ำหนักเพิ่ม
SGLT2i ปัสสาวะบ่อย ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
อินซูลิน น้ำตาลต่ำ บวมบริเวณฉีด

แนวทางเลือกยาให้เหมาะกับผู้ป่วย

สภาวะผู้ป่วย กลุ่มยาที่เหมาะสม
น้ำหนักเกิน Metformin, SGLT2i, GLP-1 RA
ผู้สูงอายุ DPP-4i, insulin basal
โรคหัวใจร่วม SGLT2i, GLP-1 RA
มีโรคไต ปรับขนาดยา, หลีกเลี่ยงบางกลุ่ม
ตั้งครรภ์ ใช้เฉพาะ อินซูลินเท่านั้น

การเก็บรักษาอินซูลิน

  • อินซูลินที่ยังไม่เปิด: แช่เย็น (2–8°C)

  • อินซูลินที่เปิดใช้แล้ว: เก็บอุณหภูมิห้องได้ 28–30 วัน

  • หลีกเลี่ยง: แสงแดดจัด ช่องแช่แข็ง

สรุป

การใช้ยาลดระดับน้ำตาลในเลือดให้ถูกต้อง ไม่เพียงช่วยควบคุมอาการเบาหวาน แต่ยังลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น เบาหวานขึ้นตา ไตวาย หรือโรคหัวใจ ควรมีการปรับยาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมติดตามผลอย่างต่อเนื่อง และอย่าลืมดูแลด้านอาหาร การออกกำลังกาย และสุขภาพจิตร่วมด้วยเพื่อการควบคุมโรคที่ดีที่สุด

FAQ (คำถามที่พบบ่อย)

Q1: ยาเม็ดลดระดับน้ำตาลในเลือดมีกี่กลุ่ม และต่างกันอย่างไร?
A: ยารับประทานแบ่งได้หลักๆ เป็น 6 กลุ่ม เช่น Metformin, Sulfonylureas, DPP-4 inhibitors, SGLT2 inhibitors โดยแต่ละกลุ่มมีกลไกการออกฤทธิ์ต่างกัน เช่น เพิ่มอินซูลิน, ลดการดูดซึมน้ำตาล หรือช่วยขับน้ำตาลออกทางปัสสาวะ

Q2: อินซูลินจำเป็นเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ใช่หรือไม่?
A: ไม่จำเป็นเสมอไป อินซูลินสามารถใช้ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ หากไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลด้วยยาเม็ดหรือมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

Q3: อินซูลินควรฉีดตรงไหนของร่างกายถึงดีที่สุด?
A: ฉีดใต้ผิวหนังบริเวณหน้าท้อง ต้นแขน หรือหน้าขา โดยหมุนเปลี่ยนจุดฉีดเป็นประจำเพื่อป้องกันก้อนแข็งใต้ผิวหนัง

Q4: มียากลุ่มไหนที่ช่วยลดน้ำหนักพร้อมควบคุมน้ำตาลในเลือดหรือไม่?
A: มียากลุ่ม SGLT2 inhibitors และ GLP-1 receptor agonists ที่ช่วยควบคุมน้ำตาลและยังมีผลลดน้ำหนัก เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะอ้วนร่วมด้วย

Q5: ต้องควบคุมอาหารร่วมกับการใช้ยาหรือไม่?
A: ต้องควบคุมอาหารเสมอ โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรต น้ำตาล และไขมัน แม้จะได้รับยารักษาเบาหวาน เพราะพฤติกรรมการกินส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของการควบคุมระดับน้ำตาล

ร่วมตอบคำถามกับเรา

[/vc_column_text]

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน พ.ศ.2557. กรุงเทพฯ: หจก. อรุณการพิมพ์, 2557.

Hutton B, McGill S. “Home telehealth for diabetes management: a systematic review and meta-analysis”. Diabetes Obes Metab 11 (10): 913–30.

[/vc_column][/vc_row]