อาการและภาวะแทรกซ้อนผู้ป่วยเบาหวาน – รู้ทัน ป้องกัน ได้ชีวิตที่ดี

0
11891
ผู้ป่วยเบาหวานมีอาการอย่างไร
ผู้ป่วยเบาหวานจะจะหิวบ่อยและกระหายน้ำ

โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus) เป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากความผิดปกติของระดับน้ำตาลในเลือด โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก คือ เบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1), ชนิดที่ 2 (Type 2) และเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational diabetes) แม้ในช่วงแรกอาจไม่มีอาการชัดเจน แต่หากไม่ดูแลอย่างถูกวิธี ผู้ป่วยมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ซับซ้อนและอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต

ในบทความนี้ เราจะลงรายละเอียดเกี่ยวกับ:

  • อาการเบื้องต้นที่ผู้ป่วยมักรู้สึกเมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อนแต่ละชนิด

  • วิธีดูแลตนเองเบื้องต้นเมื่อเกิดอาการ

  • แนวทางป้องกันและควบคุม เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น

1. ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)

สาเหตุที่พบบ่อย

  • การฉีดอินซูลินหรือรับประทานยาลดน้ำตาลที่มากเกินไป

  • ออกกำลังกายโดยไม่ทานอาหารรองท้อง

  • กินอาหารน้อยหรือผิดเวลาที่กำหนด

อาการแสดง

  • เหงื่อออก ตัวเย็น มือสั่น หัวใจเต้นเร็ว

  • เวียนหัว มึนงง มึนศีรษะ

  • ปากชาหรือปลายนิ้วชาผิดปกติ

  • ตาพร่ามัว พูดไม่ชัด หรือเกิดอาการชัก / หมดสติ

วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น

  1. รับประทานน้ำหวาน น้ำผลไม้ หรืออาหารว่างมีน้ำตาล เช่น ขนมปังทาแยม

  2. นั่งหรือนอนพักจนระดับน้ำตาลกลับปกติ (10–15 นาที)

  3. หลังอาการดีขึ้น ควรทานอาหารมื้อหลักหรือของว่างตามมาตรฐาน

วิธีป้องกัน

  • ปฏิบัติตามแพทย์อย่างเคร่งครัด ทั้งเรื่องยา อาหาร และกิจกรรม

  • ตรวจระดับน้ำตาลก่อน–หลังออกกำลังกาย

  • เตรียมของว่างหรือขนมเล็ก ๆ ติดตัวเสมอ

  • ใส่บัตรผู้ป่วยเบาหวาน และแจ้งคนใกล้ชิดวิธีช่วยกรณีฉุกเฉิน

2. ภาวะความดันโลหิตต่ำเมื่อเปลี่ยนท่า (Postural Hypotension)

สาเหตุที่เกี่ยวข้อง

  • ร่างกายปรับความดันไม่ทันเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถ

  • การใช้ยาที่อาจลดความดันโลหิต เช่น ยาขับปัสสาวะ หรือยาเบาหวานบางชนิด

อาการ

  • เวียนศีรษะ หน้ามืดเมื่อลุกจากที่นอนหรือยืน

  • อาจสูญเสียการทรงตัวหรือเป็นลม

วิธีป้องกันและดูแล

  • เปลี่ยนท่านั่ง–ยืนช้า ๆ

  • หลีกเลี่ยงการใช้งานยาที่ลดความดันโดยไม่จำเป็น

  • ปรับท่านอนโดยยกหัวเตียงประมาณ 30–45°

  • หากจำเป็น อาจใช้ยาเฉพาะตามคำปรึกษาแพทย์

3. ภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ (Pseudomotor Dysfunction)

สาเหตุ

โรคเบาหวานอาจทำลายเส้นประสาทอัตโนมัติ ส่งผลต่อการควบคุมเหงื่อ

อาการ

  • เหงื่อออกมากผิดปกติทั้งใบหน้า ลำตัว และแขน

  • ไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิร่างกายได้

วิธีดูแล

  • หลีกเลี่ยงบริเวณร้อนหรืออากาศไม่ถ่ายเท

  • สวมเสื้อผ้าระบายอากาศ หลีกเลี่ยงการร้อนเกิน

4. ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในชาย (Impotence)

สาเหตุร่วม

  • เบาหวานทำลายหลอดเลือดและเส้นประสาท

  • ปัจจัยอื่นร่วม เช่น ความเครียด ความดันสูง และสูบบุหรี่

อาการ

  • อวัยวะเพศไม่แข็งตัวเพียงพอต่อการร่วมเพศ

วิธีดูแล

  • ปรึกษาแพทย์เรื่องการใช้ยา (ไวอากร้า, ยาฉีด Cavergject)

  • หรือใช้เครื่องช่วยทางการแพทย์จากแพทย์

  • หลีกเลี่ยงบุหรี่ และดูแลสุขภาพโดยรวม

5. ภาวะระบบทางเดินอาหารผิดปกติ

5.1 หลอดอาหาร

  • กลืนลำบาก เจ็บหน้าอก หรืออักเสบ–ติดเชื้อรา

5.2 กระเพาะอาหารช้า

  • คลื่นไส้ แน่นท้อง เรือกรดแกว่ง เสี่ยงต่อการควบคุมน้ำตาลยากขึ้น

5.3 ถุงน้ำดี

  • เสี่ยงนิ่ว แพทย์อาจแนะนำผ่าตัดในรายจำเป็น

5.4 ระบบขับถ่าย

  • ท้องเสีย สลับกับท้องผูก หรือกลั้นไม่อยู่

  • แนวทางรักษา: ใช้ยาและฝึกกล้ามเนื้อหูรูดตามแพทย์

5.5 ปวดท้องโดยทั่วไป

สาเหตุอาจเกิดจากแผลในกระเพาะ ถุงน้ำดี หรือการอักเสบอื่น ๆ

6. ภาวะกระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติ (Bladder Dysfunction)

อาการ

  • ปัสสาวะไม่ถี่ หรือเบ่งนาน

  • ปัสสาวะหยุด–เริ่มไม่ได้ หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

วิธีดูแล

  • ฝึกพฤติกรรมการปัสสาวะ

  • รับยาควบคุมตามคำแนะนำแพทย์

  • ในบางรายอาจต้องสวนปัสสาวะ

7. ภาวะติดเชื้อต่าง ๆ (Infections)

ผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงติดเชื้อง่าย เนื่องจากภูมิต้านทานต่ำกว่าคนทั่วไป เช่น

7.1 ติดเชื้อผิวหนัง/เนื้อตาย

  • มีฝี อักเสบบ่อย ต้องรักษาเร่งด่วน

7.2 หูชั้นนอกติดเชื้อรุนแรง

  • เกิดจาก Pseudomonas aeruginosa ต้องรักษาเฉพาะ

7.3 กระเพาะปัสสาวะ-ท่อปัสสาวะอักเสบ

  • ปัสสาวะขัด, บ่อย, ขุ่น

7.4 ปอด (วัณโรค/ปอดอักเสบ)

  • ไอเรื้อรัง หรือมีไข้

การดูแลผู้ป่วยเบาหวานอย่างยั่งยืน

  1. ควบคุมน้ำตาลอย่างสม่ำเสมอ – ทานยา และตรวจน้ำตาลตามแผน

  2. ปรับพฤติกรรมชีวิต – เล่นกีฬา หลีกเลี่ยงบุหรี่และแอลกอฮอล์

  3. โภชนาการสมดุล – เน้นผัก ผลไม้ ไขมันดี ลดแป้ง – น้ำตาล

  4. ตรวจสุขภาพประจำปี – ตรวจตา ไต หัวใจ และประเมินภาวะแทรกซ้อน

  5. ฝึกสังเกตอาการผิดปกติ – และรีบปรึกษาแพทย์

บทสรุป

โรคเบาหวานอาจไม่มีอาการเฉียบพลันในช่วงแรก แต่เมื่อเข้าสู่ระยะยาว ผู้ป่วยอาจเผชิญกับภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่ซับซ้อนและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้ ผู้ที่เป็นเบาหวานควรเข้าใจและดูแลตัวเองอย่างรอบด้าน ทั้งด้านการทานยา การควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย การเฝ้าระวังสัญญาณผิดปกติ และพฤติกรรมชีวิตสุขภาพ เมื่อนำทุกส่วนผสมนี้มารวมกัน จะช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้อย่างปกติ มีสุขภาพดี และลดผลกระทบจากโรคเรื้อรังได้อย่างยั่งยืน

FAQ – คำถามที่พบบ่อย

Q1: ถ้ามีอาการใจสั่น เหงื่อออก ควรกินอะไรกรณีน้ำตาลต่ำ?
A: ทานน้ำตาลกลูโคสหรือขนมขบเคี้ยวหวาน เช่น น้ำผลไม้ขวดเล็ก ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาลุกลาม และควรตรวจน้ำตาลซ้ำหลัง 15 นาที

Q2: น้ำตาลต่ำระหว่างออกกำลังกาย ป้องกันอย่างไร?
A: ทานของว่างที่มีแป้งหรือโปรตีน (เช่น ขนมปัง, กล้วย) ก่อนออกกำลังกาย และพกขนมกรณีฉุกเฉิน

Q3: ลุกแล้วเวียนหัว เป็นภาวะความดันต่ำตอนเปลี่ยนท่า ต้องทำอย่างไร?
A: ยืน–นั่งช้า หลีกเลี่ยงยาแรงที่อาจลดความดัน ปรับท่านอนชันสูงขึ้น 30–45°

Q4: ถ้าชายเบาหวานมีปัญหาเรื่องสมรรถภาพทางเพศควรทำอย่างไร?
A: ควรปรึกษาแพทย์เรื่องการใช้ยา เช่นไวอากร้า และปรับพฤติกรรม เช่น ลดเครียด หยุดสูบบุหรี่ ออกกำลังกาย

Q5: เบาหวานเกี่ยวข้องกับอาการท้องผูกหรือเบ่งปัสสาวะลำบากไหม?
A: ใช่—เบาหวานอาจทำให้ลำไส้และกระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ มีแนวทางฝึก และใช้ยาสมดุลตามอาการที่เป็น

Q6: วิธีป้องกันการติดเชื้อนอกจากยาคืออะไร?
A: รักษาน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ ดื่มน้ำเพียงพอ รักษาสุขอนามัย รักษาแผลให้สะอาด และพบแพทย์เมื่อมีการอักเสบหรือไข้

ร่วมตอบคำถามกับเรา

[/vc_column_text]

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน พ.ศ.2557. กรุงเทพฯ: หจก. อรุณการพิมพ์, 2557.

แก้ว กังสดาลอำไพ. ความสัมพันธ์ระหว่างแอลกอฮอล์กับอาหาร [เว็บไซต์]. กรุงเทพฯ. หมอชาวบ้าน, 2531.

[/vc_column][/vc_row]