สูตรกระยาสารทโบราณ กระยาสารทธัญพืช

0
กระยาสารทเป็นขนมไทยพื้นบ้านทำจาก ธัญพืช ได้แก่ ข้าวเม่า ข้าวตอก ถั่ว งา กะทิ เกลือป่น น้ำตาล คนโบราณบอกให้รับประทานคู่กับกล้วยไข่
สูตรกระยาสารท ธัญพืช
กระยาสารทเป็นขนมไทยพื้นบ้านทำจาก ธัญพืช ได้แก่ ข้าวเม่า ข้าวตอก ถั่ว งา กะทิ เกลือป่น น้ำตาล คนโบราณบอกให้รับประทานคู่กับกล้วยไข่

กระยาสารท

กระยาสารท ( Krayasart ) คือ ขนมโบราณที่นิยมใช้ในงานบุญสมัยก่อนที่เกี่ยวโยงกับพุทธศาสนามาช้านานตั้งแต่บรรพบุรุษ จากข้าวมธุปายาสที่จารึกไว้ในพระไตรปิฎก เป็นขนมกระยาสารทที่ใช้สำหรับงานบุญเดือนสิบ กระยาสารทนิยมทำกันในแรม 15 ค่ำ เดือน 10 หรือ วันสารทไทย ถือว่าเป็นประเพณีของภาคกลาง คำว่า “สารท” เป็นคำอินเดีย หมายถึง “ ฤดู ” เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้ญาติหรือบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งถือได้ว่าเป็นขนมในงานบุญอย่างแท้จริง วัตถุดิบหลักๆ คือพวกธัญพืช ได้แก่ ข้าวเม่า ข้าวตอก ถั่ว งา กะทิ เกลือป่น น้ำตาล หรือน้ำอ้อย เคล็ดลับการรับประทานกระยาสารทให้อร่อย คนไทยโบราณบอกให้รับประทานคู่กับกล้วยไข่ ทำให้ได้รสชาติที่ดีขึ้น

ประวัติขนมกระยาสารท

ในสมัยครั้งที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ในกรุงราชคฤห์ มีเปรตตนหนึ่งปลอมตัวเป็นพระสงฆ์เข้าเฝ้าพระเจ้าอชาตศัตรู เปรตตนนั้นได้เผยความจริงว่า ตนเคยเป็นพระสงฆ์แต่มีความโลภจึงต้องชดใช้กรรมเป็นเปรต แล้วเปรตตนนั้นก็ขอให้พระองค์พระราชทานกระยาสารท ซึ่งปรุงแต่งด้วยของ 7 อย่าง ได้แก่ น้ำตาล น้ำผึ้ง ถั่ว งา ข้าวตอก ข้าวเม่า น้ำนมวัว เพื่อประทังความหิวโหย ดังนั้นในวันรุ่งขึ้นตรงซึ่งกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 พระเจ้าอชาตศัตรูจึงทำขนมกระยาสารทแล้วกรวดน้ำอุทิศให้แก่เปรตตามที่ขอ

ขั้นตอนการทำขนมกระยาสารท

ส่วนผสม ขนมกระยาสารท

วิธีทำ ขนมกระยาสารท

1. ตั้งกระทะสำหรับกวน เปิดไฟอ่อนๆ พอร้อน นำกะทิทั้งสองชนิดผสมลงไปตามด้วยน้ำตาลปี๊บ เกลือ คนจนส่วนผสมละลาย เคียวให้เหนียว
2. นำข้าวตอก ถั่วลิสง งาขาว และข้าวเม่าเทลงไป ใช้ไฟกลางเคียวต่อจนส่วนผสมเข้ากันดีรอจนเริ่มงวด
3. จึงใส่แบะแซ กวนจนส่วนผสมเหนียวมากขึ้นอีกครั้ง ยกลงเทใส่ถาด รอตัดเสิร์ฟ

นอกจากนี้ขนมกระยาสารทยังมีประโยชน์ในด้านฟื้นฟูพลังงานให้นักกีฬาหลังแข่งเสร็จ ประกอบของกระยาสารทจะมีกะทิ ธัญพืช และน้ำตาลที่ร่างกายน้ำมาใช้ได้ทันทีเมื่อต้องกาย และสามารถให้พลังงานแก่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว เช่น โปรตีน ไขมัน วิตามินบี วิตามินอี ธาตุเหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม ทองแดงฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โครเมียม สังกะสี Medium-Chain Triglycerides

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

สูตรขนมครกสิงคโปร์

0
สูตรขนมครกสิงคโปร์
ขนมครกสิงคโปร์ คือ ขนมไทยอีกชนิดที่ใช้แป้งสาลี ไข่ไก่ น้ำตาลทราย ต้มกับใบเตยและกะทิ แล้วนำไปหยอดพิมพ์
สูตรขนมครกสิงคโปร์
ขนมครกสิงคโปร์ คือ ขนมไทยอีกชนิดที่ใช้แป้งสาลี ไข่ไก่ น้ำตาลทราย ต้มกับใบเตยและกะทิ แล้วนำไปหยอดพิมพ์

ขนมครกสิงคโปร์

ขนมครกสิงคโปร์ คือ ขนมไทยอีกชนิดที่ใช้แป้งสาลี ไข่ไก่ น้ำตาลทราย ต้มกับใบเตยและกะทิ แล้วนำไปหยอดพิมพ์ ซึ่งที่มีชื่อเรียกหลากหลายเช่น ขนมครกใบเตย ขนมเขียว จอร้อ ชาราบี ซึ่งขนมครกสิงค์โปร์นั้นมีรูปลักษณะที่จำง่ายและสะดุดตาคือรูปดอกไม้มีสีเขียวสดใส มีใบเตยและกะทิเป็นส่วนผสมหลัก รสชาติหอมหวาน มีเนื้อสัมผัสนุ่มหนึบใครยังไม่ได้ชิมถือว่าพลาด ปัจจุบันมีการปรับสูตรลดความหวานลงเพื่อให้เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ หรือควบคุมน้ำหนักที่ต้องการทานขนมหวาน เช่น ขนมครกใบเตย ขนมครกฟักทอง ขนมครกผักโขม ขนมครกชาไทย ขนมครกมันม่วง ขนมครกบร็อกโคลี่ ขนมครกแครอท ขนมครกอัญชัน

เตรียมอุปกรณ์ สำหรับทำขนมครกสิงคโปร์

1. พิมพ์เหล็กลายดอกมะยม
2. เตาแก๊ส
3. ไม้สำหรับแซะขนม
4. กระบวยหรือขวดบีบ (สำหรับใส่แป้งที่ผสมแล้ว)
5. ตะแกรงเหล็ก หรือภาชนะ (สำหรับวางพักขนมครกสิงคโปร์)
6. ตะกร้อมือ
7. ที่ร่อนแป้งแบบละเอียด

วัตถุดิบสำหรับทำขนมครกสิงคโปร์

1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วยตวง
2. น้ำใบเตยเข้มข้น 1 ถ้วยตวง
3. นมรสจืด 1 ถ้วยตวง
4. หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
5. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
6. ไข่ไก่ 2 ฟอง
7. ผงฟู 2 ช้อนชา
8. เกลือ 1/4 ช้อนชา
9. น้ำมันพืช ( สำหรับทาพิมพ์ )

ขั้นตอนการทำขนมครกสิงคโปร์

1. เริ่มจากการนำส่วนผสมที่เตรียมไว้ทั้ง แป้งสาลี แป้งมัน และผงฟู มาเทใส่ที่ร่อนแป้งแบบละเอียดร่อนแป้งให้เข้ากัน
2. ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงในส่วนผสมกับแป้ง แล้วเคล้าให้ส่วนผสมแป้งและน้ำตาลเข้ากัน
3. ใส่ไข่ไก่ลงไปใช้มือนวดเบาๆ ให้ส่วนผสมเข้ากัน แล้วค่อยๆ ใส่น้ำกะทิ และนมสดรสจืดตามลงไปทีละน้อย
4. จากนั้นใส่น้ำใบเตยใช้ทัพพีคนจนน้ำตาลละลาย ตั้งพักไว้ 20 นาที
5. นำเตาขนมครกวางบนเตาแก๊ส ใช้ไฟอ่อนที่สุด แล้วใช้ผ้าชุบน้ำมันทาเตาบางๆ จากนั้นตักแป้งหยอดลงในเตาไม่ต้องเต็ม รอสักพักขนมครกใบเตยจะเริ่มฟูขึ้นมา ปิดฝาเพื่อให้ขนมขนมครกใบเตยสุกเร็วขึ้น
6. เมื่อขนมสุกแล้วใช้ไม้ปลายแหลม หรือไม้จิ้มฟันแซะขึ้นมาจากพิมพ์ จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

เมนูขนมครกสิงคโปร์ หรือขนมครกใบเตย สามารถทำได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะทำกินเองกับครอบครัว หรือทำขายสร้างรายได้ก็ดี แถมวัตถุดิบก็หาซื้อง่ายราคาไม่แพง อย่าลืมลองทำกันดูนะคะ

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

ขนมครก สูตรโบราณ

0
ขนมครก สูตรโบราณ
ขนมครก คือ ขนมไทยโบราณชนิดหนึ่ง ทำจากแป้งน้ำตาลและกะทิ แล้วเทลงบนเตาหลุม เป็นแผ่นวงกลม เมื่อสุกแล้วแคะออกมาวางประกบกันตอนรับประทาน
ขนมครก สูตรโบราณ
ขนมไทยโบราณชนิดหนึ่ง ทำจากแป้งน้ำตาลและกะทิ แล้วเทลงบนเตาหลุม เป็นแผ่นวงกลม เมื่อสุกแล้วแคะออกมาวางประกบกันตอนรับประทาน

ขนมครก

ขนมครก ( Ka Nom Krok ) คือ ขนมไทยโบราณชนิดหนึ่ง ทำจากแป้งน้ำตาลและกะทิ แล้วเทลงบนเตาหลุม เป็นแผ่นวงกลม เมื่อสุกแล้วแคะออกมาวางประกบกันตอนรับประทาน เป็นขนมของไทยที่มีมาตั้งแต่โบราณ

ขนมครก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้รับความนิยมมายาวนานถือได้ว่าอยู่คู่กับคนไทย ซึ่งมีหลักฐานว่าสูตรโบราณเป็นที่นิยมแพร่หลายมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ถูกยกให้ทั้งในเรื่องความอย่าง รสชาติหวานมันเค็มเล็กน้อย กลมกล่อม มีกลิ่นหอมของกะทิ ซึ่งแบบดั้งเดิมใช้ข้าวเจ้าแช่น้ำแล้วนำไปโม่รวมกับหางกะทิ ผสมเกลือเล็กน้อยใช้เป็นตัวขนม ส่วนหน้าเป็นหัวกะทิ ทำง่าย ต้นทุนต่ำ แถมยังราคาไม่แพง คนกินก็ถูกปากคนขายก็กำไรงาม หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป ขนมครบเริ่มมีการคิดค้นสูตรใหม่ๆ ออกมามากมายปรับให้เข้ากับยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น ขนมครกชาววัง ขนมครกใบเตย ขนมครกยกถาด ขนมครกไส้ทะลัก ขนมครกม้วน ขนมครกแฟนซี มีการดัดแปลงให้ดูน่ากินมากยิ่งขึ้นเพิ่มสีสันของตัวแป้ง และโรยหน้าตามใจชอบ เช่น ข้าวโพด ต้นหอม เผือก ฟักทอง มันม่วง มะพร้าวอ่อน ลูกเกด ฝอยทอง มันแครอท ถั่วแดง ถั่วดำ

ขั้นตอนการทำขนมครก

อุปกรณ์สำหรับทำ

1. เครื่องโม่แป้ง (ในกรณีทำแป้งสด)
2. เบ้า หรือพิมพ์กระทะ
3. กาสำหรับหยอดแป้ง
4. ลูกประคบ (ทำด้วยกากมะพร้าวห่อด้วยผ้าขาว)
5. ช้อนสำหรับแคะ

เคล็ดลับทำให้แป้งร่อน กรอบ

1.วอมเตา (สำหรับเตาแก๊ส) หรือตั้งเตาไฟให้ร้อนพอดีๆ ไฟกลางๆ (หากความร้อนน้อยเกินไปจะทำให้แป้งด้าน) แต่ (ถ้าร้อนมากเกินไปเวลาหยอดแป้งจะทำให้น้ำมันกระเด็นออกมา)
2.ทาน้ำมันให้ทั่วเบ้าขนมครก
3.หยอดแป้งลงไปครึ่งเบ้า แล้วทำการยกพิมพ์กระทะขนมครกขึ้น วนเร็วๆ ให้แป้งเต็มครบทุกเบ้า แล้วค่อยหยอดหน้ากะทิลงไป

เตรียมส่วนผสมแป้ง

วิธีทำแป้ง

1.นำส่วนผสมต่อไปนี้ แป้งข้าวเจ้า น้ำสะอาด น้ำปูนใส เทลงในภาชนะคนจนกว่าจะเข้ากัน
2.เติมกะทิ น้ำตาลโตนด เกลือป่น แล้วคนให้เข้ากัน

เตรียมส่วนผสม กะทิสำหรับหยอดหน้า

วิธีทำ กะทิสำหรับหยอดหน้า

1.นำส่วนผสมต่อไปนี้ หัวกะทิ หางกะทิ เกลือป่น น้ำตาลทราย เข้าด้วยกัน
2.นำไปตั้งไฟ คนให้น้ำตาลและเกลือละลาย จากนั้นยกลงทิ้งไว้ให้เย็น
3.ใส่ภาชนะเตรียมหยอดหน้า

วิธีทำขนมครก

1. ตั้งกระทะขนมครก ใช้ไฟอ่อนปานกลาง รอจนเตาร้อนเต็มที่
2. นำลูกประคบ (ซึ่งด้านในทำด้วยกากมะพร้าวห่อด้วยผ้าขาว) นำลูกประคบแตะน้ำมันพืชแล้วเช็ดที่เบ้าขนมครกให้ครบทุกเบ้า
3. ตักตัวแป้งขนมครบใส่ในกาแล้วค่อยๆหยอดแป้งลงในเบ้าปริมาณ 3/4
4. เสร็จแล้วให้ปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที
4. ตักหางกะทิใส่ในกาแล้วค่อยๆหยอดตามด้วยหัวกะทิ ประมาณ 1 ช้อนชา ต่อ 1 เบ้า
5. โรยหน้าตามใจชอบ ปิดฝาทิ้งไว้ รอจนขอบแป้งเหลือง ใช้ช้อนแซะขึ้นใส่ภาชนะที่เตรียมไว้

เพื่อน ๆ คนไหนอยากลองทำขนมครกหน้าต่างๆก็สามารถทำได้ตามใจ และที่สำคัญไส้หนัก ๆ ทำเองแคะเองกินแล้วเต็มปากเต็มคำสุด ๆ ต้องการสั่งซื้อไส้ขนมสำเร็จรูป คลิ๊ก : @ Desserts Mate

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

สูตรวิธีทำขนมต้ม แป้งเหนียวหนึบ

0
สูตรวิธีทำขนมต้ม แป้งเหนียวหนึบ
ขนมต้ม เป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนกลม ใส่ไส้มะพร้าวขูดมาเคี่ยวกับน้ำตาลจนเหนียว ลงไปต้มให้สุก โรยด้วยมะพร้าวขูด
สูตรวิธีทำขนมต้ม แป้งเหนียวหนึบ
เป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนกลม ใส่ไส้มะพร้าวขูดมาเคี่ยวกับน้ำตาลจนเหนียว ลงไปต้มให้สุก โรยด้วยมะพร้าวขูด

ขนมต้ม

ขนมต้ม ( Ka Nom Tom ) คือ ขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนกลม ใส่ไส้มะพร้าวขูดมาเคี่ยวกับน้ำตาลจนเหนียว ลงไปต้มให้สุก โรยด้วยมะพร้าวขูด ขนมต้มแบบดั้งเดิมจะเป็นขนมต้มขาว ปัจจุบันมีการประยุกต์เติมสีเป็น ขนมตั้มสี่สี เพิ่มสีสันความสวยงามชวนรับประทาน

ประวัติขนมต้ม

ขนมต้มเป็นขนมที่มีหลักฐานกล่าวอ้างว่ามีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เข้ามาพร้อมกับศาสนาพราหมณ์และลัทธิความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้า โดยเชื่อกันว่าพระพิฆเนศโปรดขนมนี้มาก ครั้งหนึ่งเสวยเข้าไปจนเต็มพุง เมื่อขี่หนูกลับวิมาน ระหว่างทางหนูมาเจองู ตกใจจึงหยุดทันที พระพิฆเนศตกจากหลังหนู พุงแตก พระพิฆเนศเสียดายขนมจึงกอบเข้าใส่พุงใหม่แล้วเอาซากงูที่ตีตายแล้วมาพันพุงไว้ แล้วจึงกลับไปวิมาน ต่อมาได้มีบทบาทสำคัญในพิธีบวงสรวงเทวดา ในพิธีกรรมต่างๆ เช่น ยกเสาเอก ตั้งศาลพระภูมิ ในประเพณีสู่ขอแต่โบราณซึ่งบางท้องที่ใช้ขนมต้มด้วย

วิธีทำขนมต้ม

ส่วนผสม ไส้ขนมต้ม (มะพร้าวผัด)

ส่วนผสม แป้งขนมต้ม

ส่วนผสม มะพร้าวสำหรับคลุก

ขั้นตอนการทำขนม

1.ทำไส้ขนมโดยนำน้ำตาลปี๊บมาตั้งไฟให้ละลายแล้วใส่มะพร้าวขูดลงไป 500 กรัม เคี่ยวจนเหนียว ปั้นได้ จึงปั้นเป็นลูกกลมๆ
2.ทำตัวขนมโดยการนำแป้งข้าวเหนียวมาผสมน้ำใบเตยทีละนิดแล้วนวดจนแป้งไม่ติดมือ
3.นำแป้งมาแบเป็นวงกลม แล้วนำไส้มาวางตรงกลางแล้วห่อปิดให้มิด
4.แล้วนำไปต้มน้ำเดือด จนแป้งลอยขึ้นมาเป็นอันสุก ตักมาใส่น้ำเย็น แล้วเอาขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
5.นำมะพร้าวขูดส่วนที่เหลือมาคลุกเกลือนิดหน่อยแล้วนำแป้งที่สุกแล้วมาคลุกให้ทั่วทั้งลูก

สำหรับวิธีทำขนมต้มนั้น ไม่ยุ่งอยากอย่างที่คิด ซึ่งวัตถุดิบก็มีแค่มะพร้าว แป้งข้าวเหนียว น้ำตาลปี๊บ แถมยังสามารถทำให้มีสีสันตามชอบได้อีก หยุดอยู่บ้านอย่าลืมลองทำกันดูนะคะ และใช้เวลาไม่นาน

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

สูตรขนมไข่หงส์ ขนมไข่เหี้ย ขนมโบราณไส้หอมอร่อย

0
สูตรขนมไข่หงส์ ขนมไข่เหี้ย ขนมโบราณไส้หอมอร่อย
ขนมไข่หงส์ ขนมไข่เหี้ย เป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวแป้งข้าวเจ้า มีไส้ถั่วเขียวผัดเค็มด้านใน และมีน้ำตาลเคลือบด้านนอก
สูตรขนมไข่หงส์ ขนมไข่เหี้ย ขนมโบราณไส้หอมอร่อย
ขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวแป้งข้าวเจ้า มีไส้ถั่วเขียวผัดเค็มด้านใน และมีน้ำตาลเคลือบด้านนอก

ขนมไข่หงส์ ขนมไข่เหี้ย

ขนมไข่หงส์ ขนมไข่เหี้ย (ka-nom-kai-hong) คือ ของหวานชนิดหนึ่งที่มีมาแต่โบราณ ทำจากแป้งข้าวเหนียวแป้งข้าวเจ้า มีไส้ถั่วเขียวผัดเค็มด้านใน และมีน้ำตาลเคลือบด้านนอก

ประวัติขนมไข่หงส์

สมัยก่อนมีตำนานเล่าว่า เจ้าจอมแว่นหรือที่เรียกกันว่า คุณเสือ เป็นต้นคิดทำขนมไข่เหี้ยขึ้นเป็นครั้งแรก คือครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (ร.1) มีพระประสงค์จะเสวยไข่เหี้ย ซึ่งในสมัยนั้นกินกับมังคุด แต่ว่าไข่เหี้ยในระยะนั้นหายาก เจ้าจอมแว่นจึงได้ประดิษฐ์ขนมไข่เหี้ยขึ้นถวายแทน

ขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ

ส่วนผสมแป้งขนมไข่หงส์

ขั้นตอนการทำขนมไข่หงส์

วิธีทำตัวแป้ง

1. ผสมน้ำตาลทราย น้ำกะทิ นำไปตั้งไฟพอน้ำตาลทรายละลาย ยกลง
2. ผสมแป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้ารวมกัน แล้วใส่กะทิที่เตรียมไว้ลงไป จากนั้นนวดจนแป้งนุ่มแล้วพักไว้

วิธีทำไส้

1. โขลกรากผักชี พริกไทย กระเทียม ให้ละเอียด (3 เกลอ)
2. ใส่น้ำมันลงในกระทะ นำ 3 เกลอที่เตรียมไว้ลงผัดให้หอม ใส่ถั่วเขียวซีกบด น้ำตาลและเกลือ ถ้าส่วนผสมแห้งเติมน้ำเล็กน้อย ผัดจนน้ำตาลละลาย แล้วยกลง
3. จากนั้นปั้นเป็นก้อนกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1/2 นิ้ว สั่งซื้อผงไส้ถั่วเขียวกวน ผงไส้ขนมกึ่งสำเร็จรูป คลิ๊ก @ Desserts Mate หรือสอบถาม 085-509-6624 

วิธีปั้นแป้งขนมไข่หงส์

1. แบ่งแป้งแต่ละก้อนให้มีขนาดใหญ่กว่าไส้ แผ่แป้งให้เป็นแผ่นกลมหนาประมาณ 2 – 3 มิลลิเมตร
2. นำไส้ที่ปั้นเตรียมไว้ใส่ตรงกลางแป้ง ห่อหุ้มไส้ให้มิด และทำจนหมดเครื่องที่เตรียม

วิธีทอด

ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟพอร้อน ใส่ขนมที่ปั้นไว้ อย่าให้แน่นกระทะ คอยคนขนมเบาๆ ทอดจนขนมเหลือง แล้วตักขึ้นวางบนกระดาษซับน้ำมัน

วิธีเคลือบ

ผสมน้ำตาล น้ำ ใส่ลงในกระทะนำไปตั้งไฟปานกลางเคี่ยวจนเหนียวและเดือดเป็นฟองเล็ก ๆ เต็มกระทะ ยกลงจากเตา ใส่ขนมที่ทอดแล้วลงไปคลุกให้เคลือบทั่วก้อน จนน้ำตาลตกผลึกเคลือบเป็นสีขาวและแห้งสนิท แล้วใจจานเสริฟ

ขั้นตอนการทำดูแล้วอาจจะมีขั้นตอนหลายขั้นสักหน่อย ลองค่อยๆปรับสูตรให้ได้รสที่ต้องการ หรืออยากทำขายก็สามารถปรับเพิ่มส่วนผสมตามสัดส่วนได้ตามต้องการเลยนะคะ

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

สูตรบ๊ะจ่าง แบบง่าย ๆ ที่ใครก็สามารถทำได้

0
สูตรบ๊ะจ่าง แบบง่าย ๆ ที่ใครก็สามารถทำได้
บ๊ะจ่าง เป็นอาหารคาวชนิดหนึ่ง ทำด้วยข้าวเหนียวผัดน้ำมัน ใส่หมู กุนเชียง ไข่แดงเค็ม กุ้งแห้ง เห็ดหอม แล้วห่อด้วยใบไผ่แล้วนึ่งให้สุก
สูตรบ๊ะจ่าง แบบง่าย ๆ ที่ใครก็สามารถทำได้
เป็นอาหารคาวชนิดหนึ่ง ทำด้วยข้าวเหนียวผัดน้ำมัน ใส่หมู กุนเชียง ไข่แดงเค็ม กุ้งแห้ง เห็ดหอม แล้วห่อด้วยใบไผ่แล้วนึ่งให้สุก

บ๊ะจ่าง

บ๊ะจ่าง ( Zongzi ) หรือ ขนมจ้าง คือ อาหารคาวของจีนชนิดหนึ่ง ทำด้วยข้าวเหนียวนำมาผัดน้ำมัน มีไส้หมูเค็มหรือหมูพะโล้ กุนเชียง ไข่เค็มเฉพาะไข่แดง กุ้งแห้ง เห็ดหอม เป็นต้น ห่อด้วยใบไผ่แล้วนึ่งให้สุก เป็นอาหารที่คนจีนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ ๆ อย่าง เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง

ประวัติเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง

สำหรับเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง (端午节 ตวนอู่เจี๋ยหรือ เทศกาลตวงโหงว) เป็นเทศกาลที่สืบทอดกันมาแต่โบราณของประเทศจีน ตรงกับวันที่ 5 เดือน 5 ตามปฏิทินจีน (จันทรคติ) ของทุกปี ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 9 มิถุนายน 2559 เพื่อเป็นการระลึกถึงวันที่ ชวีหยวน ขุนนางผู้รักชาติแห่งแคว้นฉู่ นอกจากนี้ ในประเทศจีน บริเวณแม่น้ำฉางเจียน (แยงซีเกียง), ฮ่องกง, ไต้หวัน, มาเก๊า ยังมีการละเล่นแข่งเรือมังกร ที่เป็นการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่

พิธีการไหว้บ๊ะจ่าง

ปัจจุบัน คนจีนจะไหว้ในตอนเช้า โดยไหว้ด้วยธูป 3 ดอก หรือ 5 ดอก การไหว้ด้วยธูป 5 ดอก เพื่อระลึกถึงครูบาอาจารย์ พ่อแม่ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือตามหลัก 5 ธาตุ ( โหงวเฮ้งของจีน ) ประกอบด้วย ธาตุดิน ทอง น้ำ ไม้ และไฟ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวกับวิถีชีวิตโดยตรง และถ้าเป็นการไหว้ในไทย ช่วงเช้าก็จะไหว้เจ้าและบรรพบุรุษ แต่ที่พิเศษหน่อยก็ตรงที่มีบ๊ะจ่างเพิ่มเข้ามา

วิธีทำบ๊ะจ่าง

อุปกรณ์

1. ​ใบไผ่ (แช่น้ำทิ้งไว้จนนิ่ม และต้มฆ่าเชื้อแล้ว)
2. เชือกสำหรับมัด

ส่วนผสมไส้เผือกกวน (โอวหนี่)
ส่วนผสมไส้เค็ม

  • ข้าวเหนียว (แช่น้ำ 1 ชั่วโมง หรือข้ามคืน)
  • เห็ดหอม (แช่น้ำจนนิ่ม หั่นชิ้น)
  • กุ้งแห้ง
  • ถั่วลิสงดิบ
  • แปะก๊วย
  • ซีอิ๊วขาว
  • ซีอิ๊วดำ
  • น้ำตาลทราย 
  • พริกไทยป่น
  • ไข่แดงเค็ม
  • กุนเชียง
  • เนื้อหมู (หั่นเป็นชิ้นบาง)

วิธีทำไส้เค็ม

1. ผัดเห็ดหอมกับน้ำมันจนหอม ​ใส่กุ้งแห้ง ถั่วลิสงดิบ และข้าวเหนียวที่แช่เตรียมไว้ลงไปผัด ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำเล็กน้อย น้ำตาลทราย และพริกไทยป่น ผัดจนเข้ากันดี ชิมรสให้เข้มข้น
2. หมักหมูกับซี้อิ๊วขาว เตรียมไว้

วิธีห่อ

1. ซ้อนใบไผ่ 2 ใบ พับเข้าหากันเป็นทรงกรวย
2. ​ตักข้าวเหนียวที่ผัดเตรียมไว้ลงไป
3. แต่งหน้าด้านบนด้วยเม็ดแปะก๊วย ไข่แดงเค็ม กุนเชียง และหมู
4. จากนั้นทับด้วยข้าวเหนียวผัดอีกครั้ง ห่อให้เป็นทรงสามเหลี่ยม ​มัดด้วยเชือกฟาง
5. เสร็จแล้วนำไปนึ่งประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจนข้าวข้างในนิ่ม พร้อมเสิร์ฟ

เมื่อเห็นสูตรแล้วไม่ยากอย่างที่คิดกันใช่มั้ย ตอนนี้มาลองทำตามสูตรด้วยฝีมือตัวเองกัน ซึ่งมีทั้งทำในหม้อหุงข้าว ห่อใบตอง และไมโครเวฟ มีอุปกรณ์แบบไหนสะดวกแบบนั่นค่ะ ลองทำกันดู แนะนำแหล่งขายผงไส้ขนมสำเร็จรูป ที่ทำง่ายและสะดวก คลิ๊ก : @ Desserts Mate

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

สูตรกะหรี่ปั๊บ ขนมของฝากยอดฮิต

0
สูตรกะหรี่ปั๊บ ขนมของฝากยอดฮิต
กะหรี่ปั๊บ เป็นของว่างชนิดหนึงที่ทำด้วยแป้งสาลีแผ่นกลม ห่อไส้ที่ผสมผงกะหรี่ พับครึ่งแล้วจีบพับริมแป้งให้เป็นเกลียวแล้วทอดในน้ำมัน ปัจจุบันสามารถดัดแปลงไส้ได้หลากหลาย
สูตรกะหรี่ปั๊บ ขนมของฝากยอดฮิต
กะหรี่ปั๊บ เป็นของว่างชนิดหนึงที่ทำด้วยแป้งสาลี ไส้ด้านในผสมผงกะหรี่ พับครึ่งแล้วจีบพับริมแป้งให้เป็นเกลียวแล้วทอดในน้ำมัน

กะหรี่ปั๊บ

กะหรี่ปั๊บ ( Curry Puff ) คือ ของว่างชนิดหนึ่งที่นวดแป้งสาลีเป็นแผ่นกลม ห่อกับไส้ที่ผสมด้วยผงกะหรี่ พับครึ่งแล้วจีบพับริมแป้งให้เป็นเกลียวแล้วทอดในน้ำมัน เป็นอาหารตะวันตกผสมอินเดียซึ่งเป็นที่นิยมของชาวมุสลิมในประเทศไทย ประวัติของกะหรี่ปั๊บเชื่อว่าเป็นการดัดแปลงมาจากขนมโปรตุเกสคือ ปัสแตล โดยท้าวทองกีบม้าได้นำมาเผยแพร่ในราชสำนัก ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลาง เดิมใช้ชื่อว่า curry puff ต่อมาได้เพี้ยนมาเป็น กะหรี่พัฟฟ์ และเพี้ยนเป็นกะหรี่ปั๊บในที่สุด กะหรี่ปั๊ปไส้ไก่เป็นสูตรดั้งเดิมที่นิยมอย่างมาก และมีไส้อื่น ๆ อีก เช่น เผือกกวน มันม่วง องุ่น แยมสตรอว์เบอร์รี สับปรด แยมมัลเบอร์รี่ ไส้ถั่วดำ ไส้ถั่วเหลือง กะหรี่ปั๊บไส้ถั่วแดง ไส้เห็ดหอม ไส้มะพร้าว บลูเบอร์รี่ ลูกเกด พริกเผาหมูหยอง ไส้ทูน่า ไส้หมูแดง ไส้ปลา ไส้กุ้ง

สูตรการทำกะหรี่ปั๊บ

ส่วนผสม แป้งชั้นนอก

  • น้ำมันพืช 6 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปูนใส 6 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • น้ำเย็น 6 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม แป้งชั้นใน

  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 140 กรัม
  • น้ำมันพืช 6 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม ไส้กะหรี่ปั๊บ

  • หอมใหญ่ (หั่นเต๋าเล็ก) 100 กรัม
  • หอมแดงสับ 20 กรัม
  • เนื้ออกไก่ 200 กรัม
  • มันเทศสีม่วง, เหลือง, ส้ม หรือมันฝรั่ง (หั่นเต๋าเล็ก) 300 กรัม (นำไปต้มให้สุกแล้วสะเด็ดน้ำพักไว้)
  • ซอสปรุงรส 2-3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา
  • พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
  • ผงกะหรี่ 1½ ช้อนชา หรือตามชอบ
  • เนยสด หรือน้ำมันพืช (สำหรับผัด)

วิธีทำกะหรี่ปั๊บ

1. ทำแป้งชั้นใน
1.1 ร่อนแป้ง 1 ครั้ง แล้วทำหลุมตรงกลางแป้ง ใส่น้ำมันพืชลงไปในหลุม ใช้ไม้พายคนตะล่อมจนแป้งจับตัวเป็นก้อน จากนั้นใช้มือนวดจนแป้งเนียน
2. ทำแป้งชั้นนอก
2.1 ร่อนแป้ง 1 ครั้ง แล้วทำแป้งเป็นหลุมตรงกลาง
2.2 ผสมน้ำปูนใส น้ำตาลทราย เกลือป่น และน้ำเย็นเข้าด้วยกัน คนผสมให้ละลาย เทลงไปในหลุมแป้ง ตามด้วยน้ำมันพืช นวดพอเข้ากัน (หรือใครอยากเติมสีให้เป็นกะหรี่ปั๊บสายรุ้งก็ลองดูจร้า)
3. แบ่งแป้งทั้งสองเป็น 10 ก้อนขนาดเท่ากัน (แป้งใน 30 กรัม แป้งนอก 50 กรัม จะได้กะหรี่ปั๊บทั้งหมด 30 ตัว) แผ่แป้งชั้นนอกเป็นแผ่น ๆ แล้วนำไปหุ้มแป้งชั้นในให้มิด คลึงเป็นก้อนกลม ๆ แล้วพักแป้งทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที นำแป้งที่พักแล้วมารีดเป็นแผ่นยาว ๆ โดยรีดขึ้น-ลงเท่านั้นแล้วม้วนแป้งให้แน่น
4. ทำไส้กะหรี่ปั๊บโดยใส่เนยลงในกระทะเล็กน้อย ใส่หอมใหญ่ลงไปผัดให้หอม ตามด้วยหอมแดง ผัดให้หอม จากนั้นใส่เนื้อไก่ลงไปผัดจนสุก ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ซอสปรุงรส เกลือป่น พริกไทยป่น ผงกะหรี่ และมันต้มสุก ผัดให้เข้ากันจนส่วนผสมแห้งดี แล้วยกลงตักใส่จานพักไว้ให้เย็น
5. ห่อกะหรี่ปั๊บโดยนำแป้งที่ม้วนไว้ 1 ก้อน มารีดตามยาวให้ได้ความยาวประมาณ 5-6 นิ้ว (ให้รีดขึ้น-ลงเท่านั้น ห้ามรีดไปด้านข้าง) จากนั้นม้วนแป้งให้แน่น จับแป้งวางแนวตั้งแล้วรีดให้ได้ความยาวประมาณ 10-11 นิ้ว จากนั้นม้วนแป้งให้แน่นอีกครั้ง จากนั้นตัดแบ่งแป้งเป็น 3 ส่วน พักแป้งประมาณ 10 นาทีแล้วรีดอีกครั้ง เอาด้านที่โดนมีดหั่นคว่ำลง รีดแป้งออกเป็นแผ่นวงรี หนาประมาณ 1⁄8 นิ้ว ตักไส้ที่เตรียมไว้ใส่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วพับริมแป้งทบเข้าหากัน บีบริมแป้งให้แน่นแล้วจับจีบให้สวยงาม ทำจนหมด เตรียมไว้
6. นำกะหรี่ปั๊บที่ห่อแล้วใส่กระชอนเพื่อจะได้ลายที่ชัดสวย ทอดในน้ำมันร้อน ๆ ใช้ไฟค่อนข้างอ่อน หมั่นพลิกไปพลิกมาเรื่อย ๆ จนขนมเป็นสีเหลืองแล้วเร่งไฟแรงก่อนตักขึ้นเพื่อจะได้ไม่อมน้ำมัน จากนั้นตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน หรือ ใครจะการอบแทนก็ให้ใช้เตาอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 25 นาที จากนั้นนำออกมาพร้อมเสิร์ฟ

สนใจสอบถาม/สั่งซื้อ ผงไส้เผือกสำเร็จรูป คลิ๊ก : @ Desserts Mate

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

สูตรสาคูไส้หมู ไส้แน่น เหนียวนุ่ม

0
สูตรสาคูไส้หมู ไส้แน่น เหนียวนุ่ม
สาคูไส้หมู คือ อาหารว่างทานเล่นที่ทำด้วยสาคูเม็ดเล็กปั้นเป็นก้อนกลม ห่อไส้ทำด้วยหมูสับผัดสามเกลอกับเครื่องปรุง แล้วนำไปนึ่งให้สุก
สูตรสาคูไส้หมู ไส้แน่น เหนียวนุ่ม
สาคูไส้หมู คือ อาหารว่างทานเล่นที่ทำด้วยสาคูเม็ดเล็กปั้นเป็นก้อนกลม ห่อไส้ทำด้วยหมูสับผัดสามเกลอกับเครื่องปรุง แล้วนำไปนึ่งให้สุก

สาคูไส้หมู

สาคูไส้หมู ( Saku Sai Moo ) คือ อาหารว่างอย่างหนึ่งทำด้วยสาคูเม็ดเล็กปั้นเป็นก้อนกลม ห่อไส้ทำด้วยหมูสับผัดสามเกลอกับเครื่องปรุง แล้วนำไปนึ่งให้สุก เป็นเมนูอาหารว่างทานเล่นที่หลายคนชื่นชอบในความนุ่มเหนียว รสชาติกลมกล่อม หอมอร่อย

การทำสาคูไส้หมู

ส่วนผสม ตัวแป้งสาคู ( ทาน3-4 คน )

  • เม็ดสาคูเล็ก 250 กรัม
  • น้ำมันกระเทียมเจียว
  • น้ำมันพืช (สำหรับทา)

ส่วนผสม ไส้หมู

  • หมูสับ 270 กรัม (อาจเปลี่ยนเป็นไส้ปลา หรือไส้อื่นๆตามชอบได้)
  • รากผักชี 2 ราก
  • กระเทียม 3 กลีบ
  • พริกไทย 1 ช้อนชา
  • หอมแดงสับ 5 หัว
  • น้ำตาลปี๊บ 150 กรัม
  • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • ถั่วลิสงคั่วบด 55 กรัม
  • หัวไชโป๊เค็ม (ล้างน้ำ 2 ครั้ง) 100 กรัม

วิธีทำไส้หมู

  • นำรากผักชี กระเทียม และพริกไทยมาตำให้ละเอียด (สามเกลอ)
  • จากนั้นนำสามเกลอไปผัด (ใช้น้ำมันไม่ต้องเยอะ) และตามด้วยหอมแดงสับ ผัดจนหอม แล้วตามด้วยหมูสับผัดต่อจนสุก
  • ปรุงรสด้วย น้ำตาลปี๊บ ซีอิ๊วขาว ผัดให้เข้ากัน
  • จากนั้นใส่ถั่วลิสงคั่วบด หัวไชโป๊เค็มที่ล้างน้ำเตรียมไว้ ลงผัด แล้วชิมรสให้พอดี
  • เมื่อเสร็จแล้วให้น้ำไส้มาพักให้เย็น แล้วปั้นเป็นก้อน ๆ เตรียมไว้

วิธีทำสาคู

  • นำสาคูเม็ดเล็กมาแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที (แช่น้ำอัญชัน หรือน้ำกระเจี๊ยบเพื่อเพิ่มสีสัน)
  • พอครบเวลาให้ให้เทน้ำออก แล้วขยำเม็ดสาคูเบาๆพอให้เม็ดติดกัน จะได้เป็นป้งสาคู (ถ้าขยำแรงไปจะทำให้สาคูเหนียวเกินไป)
  • จากนั้นนำแป้งสาคูพอประมาณคำมาแผ่เป็นแผ่นบาง ๆ แล้วนำไส้ที่ปั้นเตรียมไว้วางตรงกลาง เสร็จแล้วห่อไส้ให้มิดและปั้นให้กลม
  • เมื่อห่อไส้ครบหมดแล้ว ให้นำซึ้งนึ่งตั้งน้ำให้เดือด หรือใครจะใครผ้าขึงก็เตรียมขึงผ้าตั้งน้ำรอได้เลย
  • ขั้นตอนนี้ใครใช้ซึ้งนึ่งให้วางสาคูไส้หมูในซึ้งแล้วทาด้วยน้ำมันพืช สาคูไส้หมูจะได้ไม่ติดกัน แล้วปิดฝา ( แบบขึงผ้าวางแล้วปิดฝาได้เลย )
  • นึ่งประมาณ 10 นาที หรือจนสาคูเริ่มใส (อาจมีเป็นเม็ดบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะความร้อนยังระอุอยู่จะทำให้เม็ดๆนั้นใสขึ้นมาอีก)
  • เมื่อนำสาคูไส้หมูออกมาหมดซึ้งแล้วให้ทาน้ำมันกระเทียมเจียวอีกรอบเพื่อสาคูไส้หมูจะได้ไม่ติดกัน
  • จัดจานเสิร์ฟสาคูไส้หมูให้สวยงาม โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว แนมด้วยพริกขี้หนู ผักสลัด และผักชี

วันหยุดนี้เรามาลองทำเมนูอาหารว่าสาคูไส้หมูนุ่มๆกินกันเถอะค่ะ ด้วยสูตรสาคูไส้หมูจาก Amprohealth ไม่ว่าจะมีผ้าขึงหรือไม่มีผ้าขึงก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปค่ะ หรืออยากจะลองเปลี่ยนไส้ให้แปลกตามใจตัวเองก็ยังได้

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

ข้าวต้มมัด ขนมภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย

0
ข้าวต้มมัด ขนมภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย
ข้าวต้มมัด หรือ ข้าวต้มผัด คือ ขนมชนิดหนึ่งที่ทำด้วยข้าวเหนียวผัดกับกะทิ แล้วนำไปห่อด้วยใบตอง ใส่ไส้กล้วย มัดด้วยตอก นำไปนึ่งให้สุก
ข้าวต้มมัด ขนมภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย
ขนมที่ทำด้วยข้าวเหนียวผัดกับกะทิ แล้วนำไปห่อด้วยใบตอง ใส่ไส้กล้วย มัดด้วยตอก นำไปนึ่งให้สุก

ข้าวต้มมัด

ข้าวต้มมัด ( Khao Tom Mud ) หรือ ข้าวต้มผัด คือ ขนมชนิดหนึ่งที่ทำด้วยข้าวเหนียวผัดกับกะทิ แล้วนำไปห่อด้วยใบตอง ใส่ไส้กล้วย มัดด้วยตอก นำไปนึ่งให้สุก ซึ่งจะใช้เฉพาะกล้วยน้ำว้า เพราะเป็นกล้วยที่สุกยาก พอนึ่งกับข้าวเหนียวแล้วจะทำให้สุกพร้อมกันพอดี นอกจากนี้ ยังสามารถใส่ไส้อื่นได้อีกด้วย เช่น ไส้เผือก หรือไส้ถั่วดำ ในสมัยก่อนนิยมทำรับประทานกันในงานบุญต่างๆ และปัจจุบันนี้ได้มีการปรับสูตรให้หลายหลายขึ้น เช่น เผือกกวน ถั่วกวนไข่เค็ม ธัญพืช กุ้งมะพร้าว ใบเตย ไก่เห็ดหอม คั่วกลิ้งไก่ งาดำ มันม่วง ถั่วเหลือง ทุเรียน เป็นต้น

ประวัติความเป็นมา ทำไมต้องมัดเป็นคู่

สมัยก่อนคนโบราณยกให้เป็นขนมของสัญลักษณ์ของคนที่มีคู่ เพราะจะมีลักษณะการนำขนม 2 ชิ้น มามัดคู่กัน และเชื่อกันว่า ถ้าหนุ่มสาวได้ทำบุญวันเข้าพรรษาด้วย ความรักจะดี ชีวิตคู่ครองจะคงอยู่นานตลอดกาล เหมือนกับข้าวต้มมัดที่ผูกติดกัน คนโบราณสมัยก่อนเลยนิยมทำไปถวายพระในวันเข้าพรรษา

ข้าวต้มมัดแต่ละภาค

ข้าวต้มมัดไต้ หรือ ขนมมัดไต้ เป็นชื่อเรียกข้าวต้มมัดของคนภาคใต้ มีเอกลักษณ์โดดเด่นก็คือ การนำข้าวเหนียวไปห่อแล้วมัดให้มีลักษณะเหมือนไต้ที่ใช้จุดไฟ มัดเป็นปล้อง ๆ 4-5 ปล้อง ซึ่งมีขนาดยาวกว่าข้าวต้มมัดทั่วไป ไม่มีไส้ มีรสชาติเค็มที่ทำมาจากส่วน ผสมถั่วทองโขลกกับเครื่อง เช่น รากผักชี กระเทียม และพริกไทย แถมยังใส่หมูและมันหมูลงไปด้วย และยังแยกออกไปอีกด้วยว่า ถ้าห่อด้วยใบกะพ้อ เรียก “ห่อต้ม” แต่ถ้าห่อด้วยใบมะพร้าวและมัดด้วยเชือกเรียกว่า “ห่อมัด”
ข้าวต้มกล้วย เป็นชื่อเรียกของคนภาคอีสาน มี 2 แบบด้วยกันคือ ใช้ข้าวเหนียวดิบปรุงรสด้วยเกลือ ใส่ถั่วลิสงต้มสุก เคล้าให้เข้ากัน นำไปห่อเป็นมัด ใส่ไส้กล้วย แล้วเอาไปต้มให้สุก ส่วนแบบที่ 2 คือ แบบผัด จะผัดข้าวเหนียวกับกะทิ นำไปห่อใส่ไส้กล้วยแล้วต้มให้สุก จะไม่ใส่น้ำตาลลงไปในส่วนผสม แต่จะใช้วิธีนำมาจิ้มกินกับน้ำตาลแทน
ข้าวต้มหัวหงอก ของคนภาคเหนือ จะนำข้าวต้มมัดที่สุกแล้วมาหั่นเป็นชิ้น ๆ คลุกกับมะพร้าวขูด แล้วโรยน้ำตาลทราย
ข้าวต้มญวน มีลักษณะคล้ายข้าวต้มมัด แต่ห่อให้ใหญ่กว่า นำไปต้ม เวลากินให้หั่นเป็นชิ้น ๆ คลุกกับมะพร้าวขูด เกลือและน้ำตาลทราย
ข้าวต้มลูกโยน เป็นขนมที่ใช้ในเทศกาลออกพรรษา ห่อด้วยใบพ้อหรือยอดมะพร้าวเป็นรูปรี ข้างในเป็นข้าวเหนียวผสมถั่วดำไม่มีไส้ ผูกเข้าด้วยกันเป็นพวงแล้วนำไปต้ม

อุปกรณ์

  • ใบตอง
  • ตอก แช่น้ำให้นิ่มประมาณ 2-3 ชั่วโมง (หรือเชือกมัดอาหาร)
  • หม้อนึ่งขนม

ส่วนผสม

  • ข้าวเหนียวเขี้ยวงูดิบ 1 กิโลกรัม
  • ถั่วดำสุก 1/2 ถ้วยตวง
  • หัวกะทิ 3 ถ้วยตวง
  • เกลือป่น 2 ช้อนชา
  • ใบเตย
  • ตาลทราย 1 ถ้วยตวง + 1/2 ถ้วยตวง
    ล้วยน้ำว้าสุก 10-15 ลูก (หรือไส้อื่น ๆ ตามต้องการ)

วิธีทำ

  •  แช่ถั่วดำทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วนำมานึ่งให้พอสุก
  • ล้างข้าวเหนียวให้สะอาด (ประมาณ 2 รอบ) แล้วนำไปแช่น้ำ ทิ้งไว้ 4 ชั่วโมง เสร็จแล้วตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำพักไว้
  • ตั้งกระทะใส่กะทิและใบเตยลงไปเปิดไฟแรงปานกลาง พอกะทิเริ่มเดือด ตักใบเตยออกแล้วใส่เกลือกับน้ำตาลลงไป
  • เบาไฟแล้วใส่ข้าวเหนียวลงผัดกับกะทิ ผัดจนข้าวเหนียวเริ่มแห้ง ( ประมาณ 15 นาที ) แล้วพักข้าวเหนียวไว้ให้เย็น
  • นำกล้วยมาปลอกเปลือกแล้วผ่าครึ่งเตรียมไว้ ฉีกใบตองเป็น2ขนาด วางใบตองประกบด้านสีอ่อนเข้าหากัน โดยใบใหญ่ไว้ข้างนอกใบเล็กไว้ข้างใน
  • ใช้ช้อนตักข้าวเหนียววางบนใบตองประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วข้าวเหนียวให้แบน วางกล้วยลงตรงกลางและปิดด้วยข้าวเหนียวอีกรอบ จากนั้นโรยหน้าด้วยถั่วดำ
  • จากนั้นห่อพับใบตองให้แน่นแล้วมัดด้วยตอกหรือเชือก ทำจนหมด
  • นำข้าวต้มไปเรียงใส่ลังนึ่ง นึ่งด้วยไฟแรงใช้เวลา 20 นาที จากนั้นปิดไฟยกลงจากลังนึ่งจัดใส่จานเสิร์ฟได้เลย

ปัจจุบันนี้เริ่มหาทานได้ยาก เพราะเป็นขนมไทยโบราณที่ต้องใช้เวลาการทำแต่ละขั้นตอนค่อนข้างนาน หากใครอยากลองทำทานเอง หรือวันหยุดเทศกาลจะทำไปทำบุญก็ดีนะคะ และที่สำคัญยังมีความเชื่อว่าถ้าได้นำปทำบุญคู่กับคนรักจะทำให้ความรักนั้นดีอีกด้วยนะ หากสนใจใช้ไส้ขนมรสชาติต่าง ๆ สั่งซื้อคลิ๊ก : @ Desserts Mate

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

สูตรเค้กไข่ไต้หวัน

0
สูตรเค้กไข่ไต้หวัน
เค้กไข่ไต้หวัน คือ เค้กเนื้อนุ่มฟูละลายในปาก หน้าเค้กเรียบเนียนชุ่มช่ำกว่าเค้กสปันจ์ทั่วไป มีสูตรทำแสนง่าย
สูตรเค้กไข่ไต้หวัน
เค้กไข่ไต้หวัน คือ เค้กเนื้อนุ่มฟูละลายในปาก หน้าเค้กเรียบเนียนชุ่มช่ำกว่าเค้กสปันจ์ทั่วไป มีสูตรทำแสนง่าย

เค้กไข่ไต้หวัน

เค้กไข่ไต้หวัน (Taiwanese Castella Cake) คือ เค้กที่แสนอร่อยเนื้อเค้กนุ่มเด้งละลายในปากเป็นที่รู้จักกันดีว่า เค้กไข่ไต้หวันมีหน้าเค้กเรียบเนียนไม่มีรอยแตก และขึ้นชื่อในเรื่องเนื้อนุ่มและฟู เคล็ดลับต้องใช้ส่วนผสมเพียง 5 อย่างในการทำ ได้แก่ แป้งอเนกประสงค์ ไข่ นม น้ำมันข้าวโพด และน้ำตาล ซึ่งจะให้ความชุ่มช่ำและเนียนนุ่มกว่าเค้กสปันจ์ทั่วไป

ส่วนผสมแป้งเค้กไข่ไต้หวัน

  • แป้งสาลีทำเค้ก 250 กรัม
  • เกลือป่น1/2 ช้อนชา – ผงฟู1 ½ ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1) 50 กรัม
  • ไข่ไก่ ( เฉพาะไข่แดง ) 8 ฟอง
  • นมข้นจืด 150 มิลลิลิตร
  • น้ำมันพืช100 มิลลิลิตร
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ ( เฉพาะไข่ขาว ) 8 ฟอง
  • ครีมออฟทาร์ทาร์1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2) 100 กรัม

วิธีทำเค้กไข่ไต้หวัน

1. ใส่แป้งสาลีทำเค้ก เกลือป่น ผงฟู และน้ำตาลทราย ลงในภาชนะ คนผสมเข้าด้วยกัน
2. จากนั้นเติมไข่แดง นมข้นจืด น้ำมันพืช และกลิ่นวานิลลา แล้วคนด้วยตะกร้อมือจนเป็นเนื้อเดียวกัน เตรียมไว้
3. ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์ ด้วยเครื่องตีหัวตะกร้อใช้ความเร็วสูงสุด ประมาณ 30 วินาที เติมน้ำตาลทราย ตีต่อจนส่วนผสมตั้งยอด ปิดเครื่อง
4. เปิดไฟเตาอบที่อุณหภูมิ 150 -175 องศาเซลเซียส ตักส่วนผสมไข่ขาวลงในส่วนผสมแป้ง คนตะล่อมจนเป็นเนื้อเดียวกัน
เทส่วนผสมลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ เกลี่ยหน้าให้เรียบ วางลงในถาดสำหรับอบ เติมน้ำเล็กน้อย (เพื่อให้เนื้อเค้กนุ่มและชุ่มฉ่ำ)
5. นำเข้าอบนานประมาณ 45-50 นาที หรือจนกระทั่งเค้กสุก นำออกจากพิมพ์ตัดเป็นชิ้นพร้อมเสิร์ฟ

ส่วนผสมแป้งเค้กไข่ไต้หวันชาเชียว

ส่วนผสม สำหรับ 2 ปอนด์

1. แป้งเค้ก 80 กรัม
2. ผงฟู 1 ช้อนชา
3. เกลือ 1/8 ช้อนชา
4. น้ำมันข้าวโพด70 กรัม
5. นมสด70 กรัม
6. ไข่แดง 6 ฟอง
7. น้ำตาล 80 กรัม
8. ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
9. ไข่ขาว 6 ฟอง

ส่วนของชาเชียว

1. ชาเขียว 10 กรัม
2. นมสด 40 กรัม

วิธีทำเค้กไข่ไต้หวัน

1. น้ำมันข้าวโพดเวฟร้อนประมาณ 30 วินาที
2. นำส่วนผสมต่อไปนี้ร่อนรวมกัน แป้งเค้ก เกลือ ผงฟู
3. คนส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วเติมชาเขียวผสมนมสด และเติมนมสดลงไป
4. ใส่ไข่แดงผสมเข้ากันจนเนียน
5. ตีไข่ขาวให้ได้ฟองหยาบ ใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ และน้ำตาล และตีต่อจนเนียนตั้งยอด
6. นำไข่ขาวมาผสมในส่วนผสมที่พักไว้
7. นำไปอบแบบรองน้ำ 40-50 นาที

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม