สารวัดค่ามะเร็ง (Tumor Marker) คืออะไร? ตรวจมะเร็งผ่านเลือดได้จริงไหม

0
6145
การตรวจหาสารมะเร็ง – Tumor Marker
เป็นการตรวจวิเคราะห์ว่ามีระดับหรือค่าความเสี่ยงมะเร็งมากแค่ไหน หรือตรวจว่าเป็นมะเร็งชนิดใด

ความหมายของสารวัดค่ามะเร็ง (Tumor Marker)

สารวัดค่ามะเร็ง หรือที่รู้จักในชื่อภาษาอังกฤษว่า Tumor Marker คือ สารประกอบทางชีวเคมีที่ร่างกายผลิตขึ้น ซึ่งอาจมาจากเซลล์ปกติ เซลล์ที่มีการอักเสบ หรือ เซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นมะเร็งชนิดที่สามารถสร้างสารดังกล่าวได้ เซลล์เหล่านั้นจะผลิต Tumor Marker ในปริมาณสูงกว่าปกติจนสามารถตรวจพบได้ผ่านกระแสเลือด หรือของเหลวในร่างกาย เช่น น้ำไขสันหลัง น้ำในช่องท้อง หรือปัสสาวะ

อย่างไรก็ตาม Tumor Marker ไม่ใช่เครื่องมือวินิจฉัยมะเร็งโดยตรง (definitive diagnosis) เนื่องจากสามารถแสดงผลบวกหรือผลลวงได้ แพทย์จึงนิยมใช้เพื่อ ติดตามการรักษา, เฝ้าระวังการกลับมาเป็นซ้ำ, และ ตรวจสอบการแพร่กระจายของโรคมะเร็ง

Tumor Marker เกิดจากอะไร?

สาร Tumor Marker อาจมีองค์ประกอบได้หลากหลาย เช่น

  • โปรตีน ที่ผลิตขึ้นจากเซลล์มะเร็งโดยตรง
  • เอนไซม์ ที่หลั่งจากเนื้องอก
  • สารที่เหลือจากระยะตัวอ่อน (Oncofetal proteins)
  • ฮอร์โมนผิดปกติ
  • สารพันธุกรรม (Gene mutation)

ปริมาณของสารเหล่านี้จะ ค่อยๆ รั่วเข้าสู่กระแสเลือด เมื่อก้อนมะเร็งเจริญเติบโต จึงสามารถใช้เป็น สัญญาณบ่งชี้ หรือ “เบาะแสทางชีวภาพ” สำหรับการเฝ้าระวังทางการแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทบาทสำคัญของ Tumor Marker ในทางการแพทย์

สาร Tumor Marker มีบทบาทสำคัญหลายประการ ได้แก่:

1. การติดตามผลการรักษา

หลังผู้ป่วยได้รับการรักษามะเร็ง หาก Tumor Marker ลดลง แสดงว่าร่างกายตอบสนองต่อการรักษาได้ดี หากไม่ลดหรือลดไม่มาก อาจต้องพิจารณาแนวทางใหม่

2. ตรวจพบการกลับมาเป็นซ้ำ

หากค่า Tumor Marker เพิ่มขึ้นหลังจากที่เคยลดลงจนอยู่ในระดับปกติ แสดงว่าอาจมีการกลับมาเป็นมะเร็งซ้ำ

3. เฝ้าระวังการแพร่กระจาย

ค่า Tumor Marker บางชนิดสามารถสะท้อนการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังอวัยวะอื่นได้

4. การคัดกรอง (Screening) แบบเฉพาะเจาะจง

เช่น ใช้ AFP ในการตรวจหามะเร็งตับ หรือ PSA สำหรับมะเร็งต่อมลูกหมาก อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกชนิดของมะเร็งที่สามารถใช้ Tumor Marker ได้

สารวัดค่ามะเร็งในมะเร็งชนิดต่างๆ

ตารางต่อไปนี้แสดงรายการของ Tumor Marker ที่ใช้ติดตามมะเร็งชนิดสำคัญ:

Tumor Marker

โรคมะเร็งที่เกี่ยวข้อง หมายเหตุ

AFP

มะเร็งตับ, รังไข่, อัณฑะ (Germ Cell Tumor)

เฉพาะ HCC และ Germ Cell ใช้ในการวินิจฉัยได้

CEA

มะเร็งลำไส้ใหญ่, กระเพาะอาหาร, ตับอ่อน

นิยมใช้ติดตามการรักษา

CA 19-9

มะเร็งทางเดินน้ำดี, ตับอ่อน

อาจตรวจพบสูงในภาวะดีซ่าน

CA-125

มะเร็งรังไข่

ใช้ร่วมกับการตรวจภายใน

PSA

มะเร็งต่อมลูกหมาก

ตรวจได้จากเลือดเพียงอย่างเดียว

Beta-hCG มะเร็งอัณฑะ, เนื้องอกชนิด Germ Cell

ใช้คู่กับ AFP

รูปแบบของการตรวจ Tumor Marker

การตรวจเลือด

เป็นวิธีที่นิยมที่สุด เนื่องจากง่าย ปลอดภัย และสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ระดับของสารบ่งชี้ในร่างกาย ได้แม่นยำพอสมควร

การตรวจของเหลวในร่างกาย

เช่น ปัสสาวะ น้ำไขสันหลัง หรือของเหลวในช่องท้อง อาจใช้ในกรณีเฉพาะ

วิธีการตรวจ Tumor Marker: แบบเฉพาะอวัยวะ VS แบบเฉพาะสาร

1. Cancer-Specific Marker (ระบุชื่อสาร)

เลือกตรวจสารที่สัมพันธ์กับชนิดของมะเร็ง เช่น

  • ตรวจ AFP เมื่อสงสัยมะเร็งตับ
  • ตรวจ CA-125 หากสงสัยมะเร็งรังไข่

2. Tissue-Specific Marker (ระบุอวัยวะ)

ตรวจตามอวัยวะที่สงสัยผิดปกติ เช่น ผู้ที่มีอาการเหมือนลำไส้อุดตันอาจตรวจ CEA หรือ CA 19-9

Tumor Marker ≠ วินิจฉัยโรคมะเร็งโดยเด็ดขาด

สำคัญมาก! Tumor Marker ไม่สามารถใช้วินิจฉัยโรคมะเร็งได้ 100% เพราะมีข้อจำกัด เช่น:

  • อาจให้ผลบวกในโรคอื่น เช่น ตับอักเสบ, ซีสต์, การอักเสบเรื้อรัง
  • ผู้ป่วยบางรายที่เป็นมะเร็งจริง อาจมีค่า Tumor Marker ปกติ
  • ไม่สามารถบอกชนิดของเซลล์มะเร็งได้

จึงควรใช้ ร่วมกับการวินิจฉัยอื่น เช่น X-ray, CT scan, MRI หรือการตัดชิ้นเนื้อ (biopsy)

คำศัพท์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งและ Tumor Marker

เพื่อให้เข้าใจบริบทของ Tumor Marker ได้ชัดเจนขึ้น เราควรรู้คำศัพท์ต่อไปนี้:

ศัพท์แพทย์

ความหมาย

Neoplasia

เนื้องอกใหม่ อาจเป็นมะเร็งหรือไม่ก็ได้

Benign Tumor

เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง

Malignant Tumor

ก้อนเนื้อร้าย หรือ “มะเร็ง”

Hyperplasia

การเพิ่มจำนวนของเซลล์

Hypertrophy

ขนาดเซลล์ใหญ่ขึ้น โดยจำนวนเท่าเดิม

Metaplasia

การเปลี่ยนชนิดของเซลล์

Dysplasia

เซลล์ผิดปกติที่ยังไม่ใช่มะเร็งแต่เสี่ยงสูง

ตัวอย่างมะเร็งที่ตรวจได้ยากหากไม่มี Tumor Marker

  • มะเร็งในสมอง (ไม่สามารถตัดชิ้นเนื้อได้ง่าย)
  • มะเร็งระบบเลือด เช่น ลูคีเมีย
  • มะเร็งรังไข่ในระยะเริ่มต้นที่ไม่มีก้อนชัดเจน

ในกรณีเหล่านี้ Tumor Marker ช่วยให้แพทย์ เฝ้าระวังหรือสงสัยมะเร็ง ได้ก่อนแสดงอาการ

ข้อควรระวังในการใช้ Tumor Marker

  1. ไม่ใช้เพียงตัวเดียวในการวินิจฉัย
  2. ควรตรวจจาก ห้องปฏิบัติการเดียวกันเสมอ หากต้องติดตามต่อเนื่อง
  3. ต้องมี ข้อมูลก่อน-หลังการรักษา เปรียบเทียบ
  4. เลือกใช้ Tumor Marker หลายตัวให้ ครอบคลุมกลุ่มอวัยวะ
  5. เน้นค่า Tumor Marker ที่มี ความไว (Sensitivity) สูงในโรคเป้าหมาย

ข้อดีของ Tumor Marker

  • ตรวจง่าย ไม่เจ็บตัวมาก
  • ติดตามผลรักษาได้ชัดเจน
  • ใช้ร่วมกับการวินิจฉัยอื่นเพื่อเพิ่มความแม่นยำ

ข้อเสียของ Tumor Marker

  • ไม่สามารถใช้วินิจฉัยโรคมะเร็งเดี่ยวๆ
  • ให้ผลลวงได้ (False Positive/Negative)
  • ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง

สรุป: Tumor Marker คือผู้ช่วยนักสืบในสงครามกับมะเร็ง

แม้ว่า Tumor Marker จะไม่ใช่เครื่องมือวินิจฉัยโดยตรง แต่ก็เป็น “เครื่องมือเสริม” ที่ทรงพลังในการเฝ้าระวัง ตรวจติดตาม และประเมินผลของการรักษาโรคมะเร็งในระยะต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยม

หากใช้อย่างเหมาะสมและร่วมกับการตรวจทางคลินิกอื่นๆ จะสามารถเพิ่มความแม่นยำ และช่วยให้การรักษาโรคมะเร็งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q1: Tumor Marker ใช้ตรวจมะเร็งได้ทุกชนิดไหม?

A: ไม่ใช่ทุกชนิดมะเร็งจะสร้างสารบ่งชี้ ดังนั้น Tumor Marker บางตัวใช้ได้เฉพาะกับมะเร็งบางชนิดเท่านั้น

Q2: ค่าตรวจเลือดปกติ แปลว่าไม่เป็นมะเร็งใช่หรือไม่?

A: ไม่แน่เสมอไป บางคนที่เป็นมะเร็งอาจมีค่า Tumor Marker อยู่ในเกณฑ์ปกติ ควรพิจารณาอาการร่วมด้วย

Q3: ควรตรวจ Tumor Marker บ่อยแค่ไหน?

A: แนะนำให้ตรวจตามคำแนะนำแพทย์ เช่น ทุก 3–6 เดือน สำหรับผู้ป่วยหลังรักษา หรือปีละครั้งสำหรับผู้ปกติที่มีความเสี่ยง

Q4: Tumor Marker ใช้ป้องกันมะเร็งได้หรือไม่?

A: ไม่สามารถป้องกันได้ แต่ใช้ตรวจติดตามและเฝ้าระวังเท่านั้น

[/vc_column_text]

ร่วมตอบคำถามกับเรา

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

“Correlation of serum CA125 with stage, grade and survival of patients with epithelial ovarian cancer at a single centre”. Ir Med J. 101

Prasad AR, Bernstein H (March 2013). “Epigenetic field defects in progression to cancer”. World Journal of Gastrointestinal Oncology.

Thun MJ, Hannan LM, Jemal A (September 2006). “Interpreting cancer trends”. Annals of the New York Academy of Sciences.

[/vc_column][/vc_row]