เถาวัลย์เปรียง พรรณไม้พบมากที่สุดในประเทศไทย ดีต่อสตรี และ ผู้สูงวัย

0
เถาวัลย์เปรียง
เถาวัลย์เปรียง พรรณไม้พบมากที่สุดในประเทศไทย ดีต่อสตรี และ ผู้สูงวัย มีสรรพคุณทางยาสมุนไพร เป็นไม้เถาเลื้อยรสเฝื่อนและเอียน

เถาวัลย์เปรียง

เถาวัลย์เปรียง

เถาวัลย์เปรียง เป็นไม้เถาเลื้อยขนาดใหญ่ที่เนื้อไม้มีรสเฝื่อนและเอียน เป็นต้นที่มีสรรพคุณทางยาสมุนไพร และมีโทษเช่นกัน ดังนั้นก่อนนำมาใช้จึงควรศึกษาให้ดี เถาวัลย์เปรียงเป็นสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้ในสูตรยาอบสมุนไพรเพื่อสุขภาพมากมาย อีกทั้งยังนำมาใช้แทนยาแผนปัจจุบันในการรักษาอาการปวดหลังได้อีกด้วย เป็นพืชสำคัญที่นำมาใช้ได้หลากหลาย ส่วนของยอดอ่อนและใบอ่อน นำมาใช้ทานเป็นผักสดจิ้มกับน้ำพริกได้

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของเถาวัลย์เปรียง

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Derris scandens (Roxb.) Benth.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Jewel vine”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “เถาวัลย์เปรียงขาว เถาวัลย์เปรียงแดง” ภาคใต้เรียกว่า “ย่านเหมาะ ย่านเมราะ” ภาคอีสานหรือเกิดในที่ลุ่มเรียกว่า “เครือตาปลาน้ำ” เกิดบนบกเรียกว่า “เครือตาป่า เครือตับปลา เครือเขาหนัง เครือตาปลาโคก” จังหวัดเชียงใหม่เรียกว่า “เครือตาปลา เครือไหล” จังหวัดเลยเรียกว่า “เครือตับปลา” จังหวัดชุมพรเรียกว่า “พานไสน” จังหวัดนครราชสีมาเรียกว่า “เถาตาปลา เครือเขาหนัง ย่านเหมาะ”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE)

ลักษณะของเถาวัลย์เปรียง

เถาวัลย์เปรียง เป็นไม้เถาเลื้อยขนาดใหญ่ มีกิ่งเหนียวและทน มักจะพบตามชายป่าและที่โล่งทั่วไป เป็นพรรณไม้ที่มีมากที่สุดในประเทศไทย
เถา : เถามักเลื้อยพาดพันตามต้นไม้ใหญ่ เถาแก่มีเนื้อไม้แข็ง เปลือกเรียบและเหนียว เป็นสีน้ำตาลเข้มอมสีดำหรือแดง เถาใหญ่มักจะบิด เนื้อไม้จะเป็นสีออกน้ำตาลอ่อน มีวงเป็นสีน้ำตาลไหม้คล้ายกับเถาต้นแดง กิ่งอ่อนและยอดอ่อนมีขนสีน้ำตาลปกคลุม
ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกออกเรียงสลับกัน ใบย่อย 4 – 8 ใบ เป็นรูปวงรี ปลายใบเป็นรูปหอก โคนใบมน ขอบใบเรียบ หลังใบเรียบเป็นมันสีเขียวเข้ม ท้องใบเรียบ
ดอก : ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบและปลายยอด ช่อดอกเป็นสีขาวห้อย ดอกมีสีขาวอมสีม่วงอ่อน กลีบดอก 4 กลีบ กลีบเลี้ยงเป็นรูปถ้วย มีสีม่วงแดง
ผล : เป็นฝักแบน โคนฝักและปลายฝักมน เมื่อแก่เป็นสีน้ำตาลอ่อน ภายในฝักมีเมล็ด 1 – 4 เมล็ด

สรรพคุณของเถาวัลย์เปรียง

  • สรรพคุณจากเถา ช่วยแก้หวัด แก้ไอ ช่วยแก้บิด รักษาอาการตกขาวของสตรี ช่วยบีบมดลูก เป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้มีกำลังดีแข็งแรงสู้ไม่ถอย
    – ถ่ายกระษัย แก้กระษัย เป็นยาถ่ายเสมหะลงสู่ทวารหนัก แก้เสมหะพิการโดยไม่ทำให้ถ่ายอุจจาระ ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะผิดปกติ แก้ปัสสาวะกะปริดกะปรอย เป็นยาถ่ายเส้น ทำให้เส้นเอ็นอ่อนและหย่อนดี ช่วยรักษาเส้นเอ็นขอด แก้เส้นเอ็นพิการ แก้อาการปวด แก้ปวดเมื่อย แก้ปวดหลัง แก้ปวดเอว แก้ปวดข้อ แก้ข้ออักเสบ ช่วยรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม แก้อาการอักเสบของกล้ามเนื้อ ด้วยการนำเถามาต้มทานเป็นยา
    – ขับระดูของสตรี ด้วยการนำเถามาดองกับเหล้าเป็นยา
    – ช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่ ด้วยการนำเถาสดมาทุบให้ยุ่ย วางทาบลงบนหน้าท้อง แล้วนำหม้อเกลือที่ร้อนมานาบลงไปบนเถา
    – ทำให้เส้นหย่อน แก้อาการเมื่อยขบตามร่างกาย แก้อาการปวดเมื่อย แก้เหน็บชา ด้วยการนำเถามาหั่นตากแห้ง คั่วชงกินต่างน้ำเป็นยา
    – รักษาโรคอัมพฤกษ์และกระดูกหัก ด้วยการนำเถามาตำให้เป็นผง แล้วผสมกับน้ำมันมะพร้าว ใช้เป็นยาทานวดบริเวณที่มีอาการทุกวัน
  • สรรพคุณจากราก เป็นยาอายุวัฒนะ เป็นส่วนประกอบของยาอายุวัฒนะ ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง รักษาอาการไข้ เป็นยาขับปัสสาวะ
  • สรรพคุณจากเถาทั้งห้า
    – ช่วยขับโลหิตเสียของสตรี ด้วยการนำเถาทั้งห้าสดมาต้มกับน้ำ นำน้ำที่ได้มาใช้ดื่มต่างน้ำ

ประโยชน์ของเถาวัลย์เปรียง

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ยอดอ่อน ใบอ่อน ช่อดอก ผลอ่อน นำมาทานเป็นผักสดจิ้มกับน้ำพริกได้
2. ใช้ในการเกษตร รากเป็นยาเบื่อปลา
3. เป็นส่วนประกอบในยาสมุนไพร เถานำมาใช้ในสูตรยาอบสมุนไพรเพื่อสุขภาพ สามารถนำมาใช้แทนยาแผนปัจจุบัน “ไดโคลฟีแนค” ในการรักษาอาการปวดหลังส่วนล่าง ใช้แทนยา “นาโพรเซน” ในการรักษาอาการอักเสบจากข้อเข่าเสื่อม

เถาวัลย์เปรียง เป็นเถาที่มีสรรพคุณทางยาชั้นยอด ดีอย่างมากต่อสตรี อีกทั้งยังเป็นพรรณไม้ที่พบมากที่สุดด้วย มีการนำมาใช้ในการอบสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ช่วยในเรื่องของอาการปวดได้อย่างดี เหมาะสำหรับผู้สูงวัยด้วยเช่นกัน เถาวัลย์เปรียงมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของเถา มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยแก้บิด รักษาอาการตกขาวของสตรี ช่วยบีบมดลูก เป็นยาบำรุงกำลัง รักษาโรคอัมพฤกษ์และกระดูกหัก แก้อาการปวดเมื่อย และแก้อาการอักเสบของกล้ามเนื้อได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “เถาวัลย์เปรียง (Thao Wan Priang)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 139.
หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคเหนือ. “เถาวัลย์เปรียง”. (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ). หน้า 119.
หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “เถาวัลย์เปรียง”. หน้า 101.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. “เถาวัลย์เปรียง”. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). หน้า 349-350.
ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “เถาวัลย์เปรียง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaicrudedrug.com. [17 มี.ค. 2014].
บทความวิทยุรายการสาระความรู้ทางการเกษตร, งานศูนย์บริการวิชาการและฝึกอบรม ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ, คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่. “เถาวัลย์เปรียง”. (ดวงจันทร์ เกรียงสุวรรณ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: natres.psu.ac.th. [17 มี.ค. 2014].
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 370 คอลัมน์: เก็บข่าวมาฝาก. “เถาวัลย์เปรียง รักษาอาการปวด”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th. [18 มี.ค. 2014].
ฐานข้อมูลทางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม, ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช. “เถาวัลย์เปรียง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.culture.nstru.ac.th/~culturedb/. [18 มี.ค. 2014].
หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “เถาวัลย์เปรียง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.medplant.mahidol.ac.th. [15 มี.ค. 2014].
ผู้จัดการออนไลน์. “สมุนไพรไม้เป็นยา : เถาวัลย์เปรียง สมุนไพรแก้ปวดข้อ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.manager.co.th. [18 มี.ค. 2014].
นิตยสารมติชนเทคโนโลยีชาวบ้าน ฉบับที่ 534 เดือนกันยายน 2555 หน้าที่ 66. “เถาวัลย์เปรียง…สมุนไพรแก้เส้นเอ็นขอด”. อ้างอิงใน: หนังสือเภสัชเวทกับตำรายาแผนโบราณ (จินดาพร ภูริพัฒนาวงษ์).
วารสารเพื่อการวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรม ฉบับที่ 4 ประจำเดือนตุลาคม-ธันวาคม พ.ศ.2544. “เถาวัลย์เปรียง สมุนไพรทางเลือกสำหรับบรรเทาอาการปวดเมื่อย การอักเสบของกล้ามเนื้อและข้อเข่าเสื่อม”. (ภก.ดร.สัญญา หกพุดซา).
NLEM บัญชียาหลักแห่งชาติ, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข. “ยาเถาวัลย์เปรียง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: drug.fda.moph.go.th:81/nlem.in.th/. [18 มี.ค. 2014].
แคปซูลเถาวัลย์เปรียง อภัยภูเบศร.
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com
รูปอ้างอิง

Derris involuta“Jewel Vine”


https://eol.org/pages/643051

ชุมเห็ดเทศ ดอกสีเหลืองทอง ช่วยลดไขมัน ลดระดับน้ำตาล ลดความดันในเลือด

0
ชุมเห็ดเทศ
ชุมเห็ดเทศ ดอกสีเหลืองทอง ช่วยลดไขมัน ลดระดับน้ำตาล ลดความดันในเลือด สามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปในการบำรุงผิว

ชุมเห็ดเทศ

ชุมเห็ดเทศ

ชุมเห็ดเทศ เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มักจะพบทั่วไปในประเทศไทย มีส่วนของดอกเป็นสีเหลืองทองดูอร่ามสวยงาม แถมยังดูแลง่าย จึงนิยมใช้ปลูกเป็นฉากหลังทางเดินในสวน นอกจากนั้นส่วนต่าง ๆ ของต้นยังเป็นยาสมุนไพรได้ ส่วนที่สำคัญเลยก็คือมีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยลดสิว เหมาะสำหรับสาว ๆ เป็นอย่างมาก ทว่าในปัจจุบันก็ได้มีการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปในการบำรุงผิวแล้ว นอกจากนี้ยังสามารถดอกสดและยอดอ่อนมาต้มหรือลวกรับประทานเป็นผักจิ้มได้

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของชุมเห็ดเทศ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Senna alata (L.) Roxb.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Acapulo” “Candelabra bush” “Candle bush” “Candlestick senna” “Christmas candle” “Empress candle plant” “Impetigo bush” “Ringworm bush” “Ringworm senna” “Ringworm shru” “Seven golden candlestick”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “ชุมเห็ด ชุมเห็ดใหญ่ ชุมเห็ดเทศ” ภาคเหนือเรียกว่า “ขี้คาก ลับมืนหลวง ลับหมื่นหลวง ลับมืนหลาว หญ้าเล็บมือหลวง หมากกะลิงเทศ” จังหวัดเชียงรายเรียกว่า “ส้มเห็ด” จังหวัดมหาสารคามเรียกว่า “จุมเห็ด” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “ตะสีพอ” คนจีนเรียกว่า “ตุ๊ยเฮียะเต่า ฮุยจิวบักทง” จีนกลางเรียกว่า “ตุ้ยเย่โต้ว”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE)
ชื่อพ้อง : Cassia alata L., Cassia bracteata L.f., Herpetica alata (L.) Raf.

ลักษณะของชุมเห็ดเทศ

ลำต้น : ลำต้นแตกกิ่งก้านเป็นแนวขนานกับพื้นดิน กิ่งแผ่ออกทางด้านข้าง มีขนสั้นนุ่ม เปลือกลำต้นเรียบเป็นสีน้ำตาล
ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ออกเรียงสลับกัน มีใบย่อย 8 – 20 คู่ เป็นรูปขอบขนานแกมรูปวงรี ปลายใบโค้งมน โคนใบมนเว้าเข้าหากันเล็กน้อย ขอบใบเรียบเป็นสีแดง เนื้อใบค่อนข้างหนา มีหูใบเป็นรูปติ่งหู สามเหลี่ยม เมื่อนำใบมาอบแห้งจะเป็นสีน้ำตาลอมเขียวถึงสีน้ำตาล ผงที่ได้เป็นสีน้ำตาลอมเขียว มีกลิ่นอ่อน รสเบื่อเอียนและขม
ดอก : ออกดอกเป็นช่อใหญ่ มักจะออกตามซอกใบและตามปลายกิ่ง ช่อดอกเป็นช่อกระจะแคบ ดอกเป็นสีเหลืองทอง กลีบดอก 5 กลีบ เป็นรูปไข่เกือบกลมหรือรูปช้อน เกสรเพศผู้ 9 – 10 ก้าน รังไข่เกลี้ยง มีออวุลจำนวนมาก มีใบประดับเป็นสีน้ำตาลแกมสีเหลืองหุ้มดอกที่ยังไม่บาน มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบเรียงซ้อนเหลื่อมในตาดอก เป็นรูปขอบขนาน
ผล : เป็นฝักรูปแถบ ยาว แบน เกลี้ยง มีสันหรือปีกกว้าง 4 ปีก ฝักมีผนังกั้น เมื่อแก่จะเป็นสีดำและแตกตามยาว ภายในฝักมีเมล็ด 50 – 60 เมล็ด เป็นรูปสามเหลี่ยมสีดำและมีผิวขรุขระ

สรรพคุณของชุมเห็ดเทศ

  • สรรพคุณจากชุมเห็ดเทศ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด
    – ช่วยลดความดันโลหิต ด้วยการนำมาชงกับน้ำดื่มเป็นยา
  • สรรพคุณจากราก บำรุงธาตุ ช่วยทำให้เจริญอาหาร ช่วยทำให้หัวใจเต้นเป็นปกติ ช่วยรักษาโรคตาเหลือง ช่วยแก้กษัยเส้น เป็นยาถ่ายเสมหะ เป็นยาเบื่อพยาธิ เป็นยาขับปัสสาวะ เป็นยาแก้ปัสสาวะเหลือง รักษาตกมูกเลือด เป็นยาฆ่าพยาธิตามผิวหนัง เป็นยารักษาหิดและสิว
  • สรรพคุณจากใบ ช่วยแก้เส้นประสาทอักเสบ ช่วยทำให้หัวใจเต้นเป็นปกติ ช่วยแก้กษัยเส้น เป็นยาอมบ้วนปาก ช่วยสมานธาตุ รักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบ ช่วยเร่งคลอดหรือทำให้แท้ง รักษาโรคเริม ใช้อาบเด็กแรกเกิด เป็นยารักษาโรคผิวหนังต่าง ๆ รักษากลากเกลื้อน แก้ผดผื่นคัน แก้ผิวหนังอักเสบเป็นผื่นคัน แก้อาการคันบริเวณหนังศีรษะ เป็นยาฆ่าพยาธิตามผิวหนัง เร่งให้หัวฝีออกเร็วขึ้น
    – บำรุงหัวใจ เป็นยาขับปัสสาวะ ด้วยการนำใบมาชงกับน้ำดื่มเป็นยา
    – ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยการนำใบสดหรือแห้ง 1 กำมือ มาต้มกับน้ำ 3 แก้ว เคี่ยว 30 นาที ใช้แบ่งดื่มก่อนอาหารเช้าและเย็น เป็นเวลา 3 สัปดาห์ เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดเป็นปกติ ให้ต้มใบยอดื่มอีก 3 สัปดาห์ จะหายขาดจากโรคเบาหวาน
    – ขับพยาธิตัวตืด ด้วยการนำใบสด 1 กำมือ มาต้มกับน้ำดื่ม
    – เป็นยาแก้สังคัง ด้วยการนำใบสด 4 – 5 ใบ มาตำรวมกับกระเทียม 4 – 5 กลีบ เติมปูนแดงเล็กน้อยแล้วนำมาใช้ทา
    – รักษาแผลแมลงสัตว์กัดต่อย ด้วยการนำใบผสมกับน้ำปูนใส หรือน้ำมัน หรือเกลือ ใช้ตำพอก
    – ช่วยรักษาฝี แก้แผลพุพอง ด้วยการนำใบรวมก้านสด 1 กำมือ มาต้มกับน้ำพอท่วมแล้วเคี่ยวให้เหลือ 1 ใน 3 ใช้ชะล้างฝีที่แตกแล้วหรือแผลพุพอง วันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น
  • สรรพคุณจากเมล็ด ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ช่วยแก้อาการท้องขึ้น
    – ช่วยแก้ตานซาง ถ่ายพิษตานซาง ขับพยาธิในลำไส้ ด้วยการนำเมล็ดแห้ง 3 – 5 กรัม มาบดเป็นผงผสมกับน้ำผึ้งทานตอนท้องว่าง
  • สรรพคุณจากทั้งต้น ช่วยแก้ดีซ่าน เป็นยาถ่ายเสมหะ ขับพยาธิไส้เดือน ช่วยรักษาริดสีดวงทวาร เป็นยาแก้ฝี ช่วยแก้อาการฟกบวม
  • สรรพคุณจากใบและดอก เป็นยาถ่าย ยาระบาย ช่วยแก้อาการท้องผูก ช่วยกระตุ้นทำให้ลำไส้ใหญ่บีบตัวได้ดีขึ้น
    – แก้หืด ขับเสมหะในรายที่หลอดลมอักเสบ ด้วยการนำใบและดอกมาต้มกับน้ำทานเป็นยา
  • สรรพคุณจากเปลือกต้น เป็นยาสมานท้อง ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย
  • สรรพคุณจากผล เป็นยาแก้พยาธิ ขับพยาธิตัวตืด ขับพยาธิไส้เดือน
  • สรรพคุณจากดอก ขับพยาธิไส้เดือน เป็นยาขับปัสสาวะ เป็นยารักษาหิดและสิว
    – ช่วยทำให้ผิวหนังดี ด้วยการนำ 1 ช่อดอกมาต้มกับน้ำดื่ม
  • สรรพคุณจากต้น เป็นยารักษาคุดทะราด เป็นยารักษาหิดและสิว
  • สรรพคุณจากทั้งต้นอ่อน เป็นยาแก้งูกัด

ประโยชน์ของชุมเห็ดเทศ

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ดอกสดและยอดอ่อนนำมาต้มหรือลวกทานเป็นผักจิ้ม
2. เป็นยาลดสิว ดื่มชาชงเป็นประจำจะช่วยลดสิว ฝ้า กระ ทำให้ผิวพรรณผ่องใส
3. ใช้ไล่มดและเป็นยาเบื่อปลา ชาวแอฟริกาปลูกต้นไว้รอบบ้านเพื่อใช้ไล่มด คนอินเดียและศรีลังกานำทั้งต้นอ่อนเป็นยาเบื่อปลา
4. ปลูกเป็นไม้ประดับสวนหรือตามริมน้ำ
5. แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ทำเป็นชาชง ยาแคปซูล ยาระบายอัดเม็ด หรือในรูปแบบยาทาแก้กลากเกลื้อน

ชุมเห็ดเทศ ต้นค่อนข้างมีรสขม และสามารถนำมาแปรรูปเป็นยาลดสิว ส่วนของยอดอ่อนนำมาทานเป็นผักสดจิ้มกับน้ำพริก ส่วนของดอกจากต้นมีสีเหลืองอร่ามสวยงาม จึงนิยมปลูกประดับตามสวน มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของใบ มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและบำรุงหัวใจได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “ชุมเห็ดเทศ (Chumhet Tet)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 108.
หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ชุมเห็ดเทศ Ringworm Bush”. หน้า 75.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีนที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “ชุมเห็ดเทศ”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 208.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. “ชุมเห็ดเทศ”. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). หน้า 271-274.
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ชุมเห็ดเทศ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com. [13 มี.ค. 2014].
ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ชุมเห็ดเทศ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaicrudedrug.com. [13 มี.ค. 2014].
สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “ชุมเห็ดเทศ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [13 มี.ค. 2014].
สมุนไพรที่ใช้ในงานสาธารณสุขมูลฐาน, หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร ณ สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “ชุมเห็ดเทศ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.medplant.mahidol.ac.th/pubhealth/. [13 มี.ค. 2014].
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 26 คอลัมน์: สมุนไพรน่ารู้. “ชุมเห็ดไทย/ชุมเห็ดเทศ”. (ภก.ชัยโย ชัยชาญทิพยุทธ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th. [13 มี.ค. 2014].
ฐานข้อมูลพรรณไม้ที่ใช้ในงานภูมิสถาปัตยกรรม ศูนย์ความรู้ด้านการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “ชุมเห็ดเทศ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: agkc.lib.ku.ac.th. [13 มี.ค. 2014].
สถาบันการแพทย์แผนไทย. “ชุมเห็ดเทศ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: ittm-old.dtam.moph.go.th. [13 มี.ค. 2014].
พืชสมุนไพร, มหาวิทยาลัยนเรศวร. “ชุมเห็ดเทศ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: student.nu.ac.th/tewpharmacyherb/mean.htm. [13 มี.ค. 2014].
หนังสือสมุนไพรบำบัดเบาหวาน 150 ชนิด. “ชุมเห็ดเทศ”. (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก). หน้า 74-75.
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

เติม หรือ “ต้นประดู่ส้ม” สรรพคุณต่อระบบย่อยอาหารและลำไส้

0
เติม
เติม หรือ “ต้นประดู่ส้ม” สรรพคุณต่อระบบย่อยอาหารและลำไส้ น้ำมันมีกลิ่นหอม สามารถนำไปประกอบอาหารได้ ผลสุกมีรสเปรี้ยวและฝาด

เติม

เติม

เติม หรือเรียกอีกอย่างว่า “ต้นประดู่ส้ม” สามารถพบได้ทั่วทุกภาคในประเทศไทย ทั้งต้นมีฤทธิ์เป็นยาสมุนไพรได้ เนื้อไม้มีรสฝาดขม ดอกมีรสร้อนหอม ในเมล็ดพบน้ำมันมีกลิ่นหอมเป็นสีเหลืองอ่อน ยอดอ่อนและดอกสามารถนำไปประกอบอาหารได้ ผลสุกมีรสเปรี้ยวและฝาด เปลือกต้นมีสารแทนนินมากจึงนำมาใช้ย้อมสีได้โดยให้สีชมพู มีช่อดอกและช่อผลที่สวยงามจึงนำมาใช้ปลูกเป็นไม้ประดับให้ความร่มเงาได้ด้วย

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของเติม

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bischofia javanica Blume
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Java cedar”
ชื่อท้องถิ่น : จังหวัดกาญจนบุรีและนครราชสีมาเรียกว่า “ดู่ส้ม” จังหวัดชุมพรเรียกว่า “ดู่น้ำ ประดู่ส้ม” จังหวัดอุบลราชธานีเรียกว่า “ประส้มใบเปรี้ยว ประดู่ใบเปรี้ยว” จังหวัดเลยเรียกว่า “ยายตุหงัน” จังหวัดสุโขทัยเรียกว่า “กระดังงาดง” จังหวัดพังงาเรียกว่า “จันบือ” จังหวัดตรังเรียกว่า “ส้มกบ ส้มกบใหญ่” จังหวัดยะลาเรียกว่า “กุติ กุตีกรองหยัน กรองประหยัน ขมฝาด จันตะเบือ ย่าตุหงัน” จังหวัดปัตตานีเรียกว่า “ยายหงัน” คนเมืองเรียกว่า “ไม้เติม” ชาวกะเหรี่ยงเชียงใหม่เรียกว่า “ซะเต่ย” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “ซาเตอ” ชาวกะเหรี่ยงแดงเรียกว่า “ชอชวาเหมาะ” ชาวม้งเรียกว่า “ด่งเก้า” ชาวเมี่ยนเรียกว่า “เดี๋ยงซุย” ชาวลัวะเรียกว่า “ไม้เติม ลำผาด ลำป้วย” ชาวปะหล่องเรียกว่า “ด่อกะเติ้ม” ชาวขมุเรียกว่า “ละล่ะทึม” จีนกลางเรียกว่า “ชิวเฟิงมู่ ฉง หยางมู่”
ชื่อวงศ์ : วงศ์มะขามป้อม (PHYLLANTHACEAE)

ลักษณะของต้นเติม

เติม เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ที่มีเขตการกระจายพันธุ์จากอินเดียไปจนถึงประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิก มักจะพบขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบ หรือริมลำห้วย
ต้น : เป็นทรงเรือนยอดค่อนข้างทึบ กิ่งมักคดงอ
ลำต้น : ลำต้นมีเนื้อไม้สีน้ำตาลอมสีเหลือง มีกลิ่นหอม เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือเป็นสีน้ำตาลอมแดง และจะเป็นสีน้ำตาลเข้มเมื่อมีอายุมากขึ้น เปลือกชั้นในเป็นสีน้ำตาลอมแดง และมียางสีแดง
ใบ : เป็นใบประกอบแบบนิ้วมือ มีใบย่อย 3 ใบเรียงสลับกัน ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปไข่หรือรูปวงรีแกมไข่ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมน ส่วนขอบใบหยักโค้งแกมฟันเลื่อย เนื้อใบหนาเกลี้ยง ด้านหลังใบเป็นสีเขียวเข้ม เมื่อแก่จัดจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสด
ดอก : ออกดอกเป็นช่อ แยกแขนงออกตามซอกใบ ช่อดอกห้อยลง แต่ละช่อมีดอกย่อยขนาดเล็กจำนวนมาก เป็นสีเหลืองอ่อนอมเขียว ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน เมื่อดอกบานจะบานพร้อมกันทั้งต้นทำให้ดูสวยงามมาก และดอกจะร่วงโรยทั้งต้นในวันรุ่งขึ้น มักจะออกดอกในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนธันวาคม
ผล : ออกผลเป็นช่อ เป็นผลสด ฉ่ำน้ำ ลักษณะของผลค่อนข้างกลม ผลอ่อนเป็นสีเขียวเข้ม เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล สีเหลืองหรือเป็นสีส้มแกมสีน้ำตาล ภายในผลมีเมล็ดประมาณ 3 – 4 เมล็ด และมีเนื้อหุ้มอยู่ ผลจะแก่จัดในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม

สรรพคุณของเติม

  • สรรพคุณจากเนื้อไม้
    – บำรุงโลหิต แก้โลหิตกำเดา แก้ไข้เพื่อโลหิต ด้วยการนำเนื้อไม้มาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
  • สรรพคุณจากรากและเปลือก เป็นยาฟอกโลหิต แก้โลหิตกำเดา ช่วยลดบวม
    – ช่วยขับลมชื้น แก้อาการปวดกระดูก แก้ปวดข้อกระดูก ด้วยการนำเปลือกต้นหรือราก 15 กรัม มาดองกับเหล้าทาน นำมาทาหรือนวดบริเวณที่ปวด
  • สรรพคุณจากใบ ช่วยแก้ตานซางในเด็ก ช่วยแก้ปอดอักเสบ แก้ท้องร่วง ช่วยแก้ตับอักเสบเนื่องจากติดไวรัส เป็นยาแก้ฝีหนอง
    – แก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสด 35 กรัม มาตำให้พอแหลก คั้นเอาแต่น้ำทาน
    – แก้มะเร็งในกระเพาะอาหารหรือในทางเดินอาหาร ด้วยการนำใบสด 60 – 100 กรัม มาต้มกับเนื้อทานติดต่อกันเป็นเวลา 30 วัน หรือนำใบสด 60 กรัม มาผสมกับกาฝากลูกท้อ ยิ้ง แปะหม่อติ้ง จุยเกียมเช่า อย่างละ 15 กรัม มาผสมรวมกันต้มกับน้ำ 2 ครั้ง ใช้แบ่งทานวันละ 4 ครั้ง
  • สรรพคุณจากลำต้น
    – แก้เจ็บคอ แก้เสียงแหบแห้ง แก้บิด ด้วยการนำลำต้นมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
  • สรรพคุณจากเปลือกต้นและใบ
    – แก้เจ็บคอ แก้โรคบิด แก้อาการท้องเดิน ด้วยการนำเปลือกลำต้นและใบมาต้มดื่มเป็นยา
  • สรรพคุณจากดอก ช่วยแก้เสมหะ ช่วยแก้ลมจุกเสียด แก้อาการท้องขึ้น แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
  • สรรพคุณจากเปลือกต้น แก้ท้องร่วง
    – แก้อาการท้องเสีย ด้วยการนำเปลือกต้นมาต้มกับน้ำดื่ม
    – ช่วยป้องกันอาการท้องเสีย ด้วยการนำเปลือกต้นมาตำผสมกับอาหารที่มีรสจัด
  • สรรพคุณจากยอดอ่อน
    – แก้อาการท้องเสีย ด้วยการนำยอดอ่อนมาต้มกับน้ำดื่ม
  • สรรพคุณจากแก่น แก้ท้องร่วง

ประโยชน์ของเติม

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ยอดอ่อนและดอกนำมาประกอบอาหาร นำมาลวกหรือทานสดจิ้มกับน้ำพริก นำมาหมกกับเกลือใช้ทานแบบเมี่ยง นำใบอ่อนมาสับให้ละเอียดใช้เป็นส่วนผสมในการทำลาบ ยอดอ่อนใช้ลนไฟมาใช้ในการประกอบอาหารเพื่อช่วยเพิ่มรสเปรี้ยว ผลสุกสามารถนำมารับประทานได้ โดยจะมีรสเปรี้ยวและฝาด
2. เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรม เนื้อไม้เป็นสีเทาแกมสีน้ำตาลไหม้ เนื้อไม้หยาบ สามารถนำมาใช้ในงานก่อสร้าง ทำสะพาน ทำฝา พื้นกระดาน ทำเฟอร์นิเจอร์ ทำเครื่องเรือน ทำอุปกรณ์ใช้งานที่ทนน้ำ ลำต้นนำมาเผาเอาถ่านได้ เปลือกต้นมีสารแทนนินมาก ทำให้นำมาใช้ในการย้อมสีภาชนะใช้สอยประเภทกระบุง ตะกร้า เครื่องเรือนที่ทำด้วยหวายหรือไม้ไผ่ โดยจะให้สีชมพู
3. ปลูกเป็นไม้ประดับ ปลูกเป็นไม้ให้ร่มเงาได้

เติม เป็นต้นที่สามารถนำทั้งต้นมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เป็นทั้งผักและส่วนประกอบในอาหาร เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรม และปลูกเป็นไม้ประดับได้ มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของเปลือกต้น มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ แก้บิด บำรุงเลือด แก้ปวดข้อกระดูก ช่วยแก้ปอดอักเสบ แก้ท้องร่วง ช่วยแก้ตับอักเสบเนื่องจากติดไวรัส แก้มะเร็งในกระเพาะอาหารหรือในทางเดินอาหาร แก้เจ็บคอและแก้ท้องเสียได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา. (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “เติม Java Cedar”. หน้า 48.
ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “เติม”. อ้างอิงใน: หนังสือไม้ต้นในสวนพฤกษศาสตร์และ พืชสมุนไพร เล่ม 2. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.qsbg.org. [17 มี.ค. 2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน). “Java cedar”. อ้างอิงใน: หนังสือสารานุกรมสมุนไพร : รวมหลักเภสัชกรรมไทย (วุฒิ วุฒิธรรมเวช), หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์), หนังสือพืชสมุนไพรในสวนป่าสมุนไพรเขาหินซ้อน ฉบับสมบูรณ์ (พงษ์ศักดิ์ พลเสนา), หนังสือองค์ความรู้เรื่องพืชป่าที่ใช้ประโยชน์ทางภาคเหนือของไทย เล่ม 1 (สุธรรม อารีกุล, จำรัส อินทร, สุวรรณ ทาเขียว, อ่องเต็ง นันทแก้ว). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [17 มี.ค. 2014].
Digital Library. “ประดู่ส้ม ผลกินได้”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.school.net.th/library/new/index.htm. [17 มี.ค. 2014].
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “ประดู่ส้ม”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 318.
รูปอ้างอิง
https://biodiversity.bt/observation/show/12591

ชุมเห็ดไทย บำรุงหัวใจและตับ บำรุงประสาท แก้นอนไม่หลับ ช่วยลดความดันโลหิต

0
ชุมเห็ดไทย บำรุงหัวใจและตับ บำรุงประสาท แก้นอนไม่หลับ ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยแก้โรคได้หลายชนิด นิยมนำส่วนของใบอ่อนมารับประทาน

ชุมเห็ดไทย

ชุมเห็ดไทย

ชุมเห็ดไทย เป็นไม้พุ่มที่มักจะพบตามริมคลอง ที่รกร้าง ตามริมทางทั่วไป บางคนอาจจะเคยเห็นแต่ไม่รู้ว่าชื่ออะไร ซึ่งส่วนของเมล็ดมีรสขมหวานชุ่ม เป็นยาเย็นที่ดีต่อระบบประสาท นอกจากนั้นยังช่วยแก้โรคยอดนิยมได้หลายชนิด เป็นพืชข้างทางที่มีสรรพคุณทางยาสมุนไพรอีกชนิดหนึ่ง นิยมนำส่วนของใบอ่อนมารับประทานในรูปแบบของผักสด และยังนำเมล็ดมาใช้ในอุตสาหกรรมย้อมสีผ้าได้อีกด้วย

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของชุมเห็ดไทย

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Senna tora (L.) Roxb.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Foetid cassia” “Sickle senna”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “ชุมเห็ดควาย ชุมเห็ดเขาควาย ชุมเห็ดนา ชุมเห็ดเล็ก เล็บมื่นน้อย เล็บมื้น” ภาคเหนือเรียกว่า “เล็บหมื่นน้อย ลับมืนน้อย เล็บมื่นน้อย” จังหวัดสุโขทัยเรียกว่า “พรมดาน พราดาน” จังหวัดมหาสารคามเรียกว่า “เล็นเค็ด” จังหวัดปราจีนบุรีเรียกว่า “หญ้าลึกลืน หญ้าลักลืน” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “กิเกีย หน่อปะหน่าเหน่อ หน่อปะหน่ำเหน่อ” ชาวจีนเรียกว่า “ก๊วกเม้ง เอียฮวยแซ” จีนกลางเรียกว่า “เจี๋ยหมิงจื่อ”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE)
ชื่อพ้อง : Cassia tora L.

ลักษณะของชุมเห็ดไทย

ชุมเห็ดไทย เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กอายุ 1 ปี มักจะพบตามริมคลอง ตามที่รกร้าง หรือตามริมทางทั่วไป
ลำต้น : เป็นสีเขียวอมสีน้ำตาลแดง ลำต้นแตกกิ่งก้านสาขามาก เป็นทรงพุ่ม มีขนอ่อนปกคลุม
ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนก ใบย่อย 3 คู่ ตรงกลางใบย่อยมีตุ่มตารองน้ำ 1 คู่ ใบย่อยเป็นรูปไข่กลับ ปลายใบมน มีติ่งหนาม โคนใบแหลม ขอบใบมีรอยหยักแบบขนครุย แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม หลังใบเรียบเนียนไม่มีขน ท้องใบมีขน ใบมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย ก้านใบมีร่องลึก มีหูใบแบบเข็มแหลมสีเขียว 2 อัน
ดอก : ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง ช่อหนึ่งมี 2 – 4 ดอก ดอกเป็นสีเหลืองสด กลีบดอก 5 ดอก กลีบเลี้ยงสีเขียว 5 กลีบ มีเกสรเพศผู้ 10 ก้าน รังไข่เป็นเส้นยาวงอโค้งเล็กน้อยและมีขนปกคลุม มักจะออกดอกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายน
ผล : ออกผลเป็นฝักยาวโค้งเล็กน้อย ฝักแบนทั้งสองด้าน ปกคลุมไปด้วยขนอ่อนนุ่ม
เมล็ด : ภายในฝักมีเมล็ด 20 – 30 เมล็ด เป็นสีน้ำตาลเหลือง สีน้ำตาล สีเขียวอมเทา ผิวเมล็ดเรียบ เงาเป็นมันลักษณะแข็งและแบน หน้าตัดเฉียงเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน จะมองเห็นเหมือนจะงอยอีกด้านหนึ่งของเมล็ด มีรสชาติขมเมา มีกลิ่นเฉพาะตัว หอมเล็กน้อย

สรรพคุณของชุมเห็ดไทย

  • สรรพคุณจากเมล็ด ยาเย็นออกฤทธิ์ต่อตับและไต ช่วยทำให้เลือดเย็น ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย เป็นยาระงับประสาท ช่วยรักษาอาการตาบวมแดง แก้ตาฝ้ามัว แก้ตาฟาง แก้เยื่อตาอักเสบแบบเฉียบพลัน ช่วยทำให้ตาสว่าง แก้ไข้ แก้ไข้หวัด ช่วยแก้อาการไอ ช่วยแก้หืด ช่วยขับน้ำชื้นและขับลมชื้น เป็นยาระบาย ช่วยแก้อาการท้องบวมน้ำ เป็นยาขับพยาธิ ช่วยทำให้รู้ถ่ายรู้ปิดเอง ช่วยกล่อมตับ รักษาโรคผิวหนัง แก้หิดและกลากเกลื้อน ช่วยรักษากลาก
    – บำรุงประสาท ช่วยบำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ ทำให้ชุ่มชื่น ช่วยแก้กระษัย ลดความดันชั่วคราว แก้ตับอักเสบ แก้ตับแข็ง ขับความร้อนในตับ ขับลมในตับ ด้วยการนำเมล็ดมาคั่วชงกับน้ำดื่มเป็นยา
    – ช่วยทำให้นอนหลับสบาย ทำให้ง่วงนอน แก้อาการนอนไม่หลับ ด้วยการนำเมล็ดมาคั่วให้เกรียมแล้วนำมาบดเป็นผง ชงกับน้ำร้อนดื่ม
    – แก้เด็กเป็นตานขโมย ด้วยการนำเมล็ดแห้ง 10 กรัม ตับไก่ 1 คู่ มาบดผสมกับเหล้าขาวเล็กน้อย ปั้นเป็นก้อนนึ่งให้สุก
    – ช่วยลดความดันโลหิต ด้วยการนำเมล็ดแห้ง 15 กรัม มาคั่วให้เกรียมบดเป็นผง ใช้ชงกับน้ำดื่มแทนน้ำชา
    – ช่วยแก้อาการท้องผูก แก้ท้องผูกเรื้อรัง ด้วยการนำเมล็ดแก่แห้งที่คั่วจนเหลือง 10 – 13 กรัม มาต้มกับน้ำดื่ม หรือคั่วให้เกรียมบดเป็นผง ใช้ชงกับน้ำดื่มต่างน้ำชา
    – เป็นยาขับปัสสาวะ ขับปัสสาวะพิการ ขับอุจจาระ ด้วยการนำเมล็ดคั่วแห้ง 5 – 15 กรัม มาชงกับน้ำดื่ม หรือต้มกับน้ำ 1 ลิตร จนเหลือ 600 มิลลิลิตร แบ่งทานหลังอาหารวันละ 3 เวลา
    – ช่วยบำรุงตับ ด้วยการนำเมล็ดมาคั่วให้เกรียมผสมกับคนทีสออย่างละเท่ากัน บดเป็นผงใช้ครั้งละ 5 – 6 กรัม ชงกับน้ำดื่มวันละ 2 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน
  • สรรพคุณจากใบ เป็นยาบำรุงประสาท แก้อาการนอนไม่หลับ ช่วยลดความดันโลหิต เป็นยารักษาโรคไข้มาลาเรีย แก้ไข้ แก้ไข้หวัด ช่วยแก้อาการไอ ช่วยแก้เสมหะ เป็นยาขับพยาธิสำหรับเด็กที่มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับลำไส้ เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย เป็นยาทาแก้แผลเรื้อรัง เร่งให้หัวฝีออกเร็วขึ้น เป็นยาพอกแก้โรคเกาต์ แก้อาการปวดข้อ แก้ปวดขา แก้ปวดสะโพก
    – แก้กลากเกลื้อน แก้หิด แก้ผื่นคันต่าง ๆ ด้วยการนำใบย่อยสด 10 – 20 ใบ มาตำให้ละเอียดผสมกับเหล้าโรงเล็กน้อย ใช้ทา
  • สรรพคุณจากราก เป็นยาบำรุงประสาท แก้ไข้ แก้ไข้หวัด ช่วยแก้เสมหะ ช่วยแก้หืด เป็นยาระบาย เป็นยาขับพยาธิ
    – รักษากลาก ด้วยการนำรากมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำปูนใส พอกบริเวณที่เป็นกลาก
    – รักษางูสวัดและเรื้อนกวาง ด้วยการนำรากสดมาบดผสมกับน้ำมะนาว
  • สรรพคุณจากผล บำรุงหัวใจ ช่วยแก้อาการฟกช้ำบวม
  • สรรพคุณจากทั้งต้น ช่วยทำให้ตาสว่าง แก้ไข้ แก้ไข้หวัด ช่วยแก้อาการไอ ช่วยแก้เสมหะ ช่วยแก้หืด เป็นยาขับพยาธิในท้อง ขับพยาธิไส้เดือน ช่วยกล่อมตับ เป็นยารักษาคุดทะราด
  • สรรพคุณจากทั้งต้นและใบ
    – รักษาไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ด้วยการนำทั้งต้นและใบ 15 – 30 กรัม มาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
    – เป็นยาระบายอ่อน ๆ ยาถ่าย ด้วยการนำทั้งต้นและใบ 15 – 30 กรัม มาต้มกับน้ำดื่มก่อนอาหารเช้า
  • สรรพคุณจากเมล็ดและใบ เป็นยาฆ่าหิดเหาและเชื้อรา

ประโยชน์ของชุมเห็ดไทย

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ใบอ่อนนำมาต้มจิ้มรับประทานกับน้ำพริก ทำแกงเลียง แกงไตปลา
2. ใช้ในการเกษตร ยอดอ่อนและใบเป็นแหล่งอาหารของสัตว์แทะเล็มอย่างโคหรือกระบือ แก้อาการเยื่อตาอักเสบเรื้อรังและอาการท้องผูกในสัตว์เลี้ยง
3. ใช้ในอุตสาหกรรมย้อมผ้า เมล็ดให้สีน้ำเงินที่ใช้สำหรับการย้อมผ้าได้

คุณค่าทางโภชนาการของใบรวมก้านใบ

คุณค่าทางโภชนาการของใบรวมก้านใบ

สารอาหาร ปริมาณสารอาหารที่ได้รับ
โปรตีน 13.29%
เส้นใยอาหาร 22.2%
ไขมัน 1.69% 
คาร์โบไฮเดรต 48.54%
เถ้า 14.28%
เส้นใย ADF 24.51%
NDF 36.41%
ลิกนิน 4.45%

ชุมเห็ดไทย พรรณไม้ริมทางที่ดีต่อระบบประสาทเป็นอย่างมาก สามารถนำส่วนใบมาใช้ทานจิ้มกับน้ำพริกได้ เป็นพืชทางธรรมชาติซึ่งเป็นแหล่งอาหารของโคกระบือ ส่วนของเมล็ดมีสีน้ำเงินใช้ย้อมผ้าได้ มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของเมล็ด มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ แก้ไข้หวัด บำรุงหัวใจ เป็นยาบำรุงประสาท แก้อาการนอนไม่หลับ ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยบำรุงตับและช่วยบำรุงกำลัง

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “ชุมเห็ดไทย (Chumhet Thai)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 109.
หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ชุมเห็ดไทย Foetid Cassia”. หน้า 80.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีนที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “ชุมเห็ดไทย”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 210.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. “ชุมเห็ดไทย”. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). หน้า 274-278.
ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ชุมเห็ดไทย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaicrudedrug.com. [12 มี.ค. 2014].
สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “ชุมเห็ดไทย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [12 มี.ค. 2014].
สมุนไพรที่ใช้ในงานสาธารณสุขมูลฐาน, หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร ณ สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “ชุมเห็ดไทย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.medplant.mahidol.ac.th/pubhealth/. [12 มี.ค. 2014].
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. “ลับมึนน้อย ชุมเห็ดไทย”. (รศ.ดร.ภญ.พาณี ศิริสะอาด). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.pharmacy.cmu.ac.th/web2553/index.php. [12 มี.ค. 2014].
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 26 คอลัมน์: สมุนไพรน่ารู้. “ชุมเห็ดไทย/ชุมเห็ดเทศ”. (ภก.ชัยโย ชัยชาญทิพยุทธ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th. [12 มี.ค. 2014].
ผักพื้นบ้านในประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร. “ชุมเห็ดไทย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: 203.172.205.25/ftp/intranet/Research_AntioxidativeThaiVegetable/. [12 มี.ค. 2014].
กรมปศุสัตว์. “ชุมเห็ดไทย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.dld.go.th. [12 มี.ค. 2014].
หนังสือสมุนไพรลดไขมันในเลือด 140 ชนิด. “ชุมเห็ดไทย”. (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก). หน้า 83.
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

ดาวเรือง ไม้ประดับสีเหลืองสด เป็นยาเย็น ดีต่อดวงตา

0
ดาวเรือง
ดาวเรือง ไม้ประดับสีเหลืองสด เป็นยาเย็น ดีต่อดวงตา เป็นดอกไม้ที่นิยมนำมาใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนา และปลูกประดับ

ดาวเรือง

ดาวเรือง

ดาวเรือง เป็นไม้ล้มลุกอายุปีเดียว เป็นพันธุ์ไม้พื้นเมืองของประเทศเม็กซิโก เมื่อนำมาขยี้จะมีกลิ่นเหม็น เป็นดอกไม้ที่คนไทยแทบจะทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นดอกไม้ที่นิยมนำมาใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนา หรือ เป็นไม้ปลูกประดับยอดนิยม ทว่าบางคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามีถิ่นกำเนิดมาจากเม็กซิโก ซึ่งในประเทศไทยมีด้วยกันหลายสายพันธุ์ ส่วนของดอกจะมีสีเหลืองสดทำให้ดูสวยงามมาก แต่ว่านอกจากจะให้ความงามแล้วนั้น มีสรรพคุณทางยาสมุนไพรได้หลากหลาย แบบที่ใครหลาย ๆ คนต้องทึ่งกันเลยทีเดียว

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของดาวเรือง

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tagetes erecta L.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “African marigold” “American marigold” “Aztec marigold” “Big marigold”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคเหนือเรียกว่า “คำปู้จู้หลวง” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “พอทู” จีนแต้จิ๋วเรียกว่า “บ่วงซิ่วเก็ก” จีนกลางเรียกว่า “ว่านโซ่วจวี๋” คนจีนเรียกว่า “บ่วงลิ่วเก็ก เฉาหู่ย้ง กิมเก็ก” คนทั่วไปเรียกว่า “ดาวเรืองใหญ่” มีชื่ออื่น ๆ ว่า “ดาวเรืองอเมริกัน”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ทานตะวัน (ASTERACEAE หรือ COMPOSITAE)

ลักษณะของดาวเรือง

ลำต้น : ลำต้นเป็นสีเขียวและเป็นร่อง
ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกออกเรียงตรงข้ามกัน ปลายใบคี่ มีใบย่อยประมาณ 11 – 17 ใบ เป็นรูปวงรี ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบจักเป็นซี่ฟัน มีเนื้อใบนิ่ม
ดอก : ออกดอกเดี่ยวตามปลายยอด มีสีเหลืองสดหรือสีเหลืองปนส้ม กลีบดอกใหญ่เรียงซ้อนกันหลายชั้นเป็นวงกลม ตรงปลายกลีบเป็นฟันเลื่อย มีเกสรเพศผู้ 5 ก้าน ตัวดอกแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
ดอกวงนอก คล้ายลิ้นหรือเป็นรูปรางน้ำซ้อนกันแน่น บานแผ่ออกปลายม้วนลงจำนวนมาก เป็นดอกไม่สมบูรณ์เพศ โคนกลีบเป็นหลอดเล็ก
ดอกวงใน เป็นหลอดเล็กอยู่ตรงกลางช่อดอกจำนวนมาก เป็นดอกสมบูรณ์เพศ มีกลีบเลี้ยงดอกเป็นสีเขียวเชื่อมติดกันหุ้มโคนช่อดอก
ผล : เป็นผลแห้งสีดำ ไม่แตก ดอกจะแห้งติดกับผล มีตรงโคนกว้างเรียวสอบไปยังปลาย ตรงปลายจะมน

สรรพคุณของดาวเรือง

  • สรรพคุณ ช่วยรักษาปากเปื่อย ช่วยแก้คอและปากอักเสบ ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งในตับและปอด
  • สรรพคุณจากดอกและราก ออกฤทธิ์ต่อปอดและตับ
  • สรรพคุณจากดอก เป็นยาฟอกเลือด ช่วยบำรุงสายและถนอมสายตา แก้ไข้สูงในเด็กที่มีอาการชัก ช่วยแก้อาการร้อนใน เป็นยาแก้ริดสีดวงทวาร
    – ช่วยแก้อาการเวียนศีรษะ รักษาคางทูม ช่วยขับและละลายเสมหะ เป็นยากล่อมตับ ดับพิษร้อนในตับ ด้วยการนำดอก 3 – 10 กรัม มาต้มกับน้ำดื่ม
    – ช่วยแก้ตาเจ็บ แก้ตาบวม แก้ตาแดง แก้ปวดตา ช่วยแก้อาการปวดฟัน ด้วยการนำดอกแห้ง 10 – 15 กรัม มาต้มกับน้ำทาน
    – ช่วยแก้อาการไอหวัด แก้ไอกรน แก้ไอเรื้อรัง แก้หลอดลมอักเสบหรือระบบทางเดินหายใจติดเชื้อ ด้วยการนำดอกสด 10 – 15 ดอก มาต้มกับน้ำผสมกับน้ำตาลทาน
    – ช่วยรักษาเต้านมอักเสบ รักษาเต้านมเป็นฝี ด้วยการนำดอกแห้ง ดอกสายน้ำผึ้ง เต่งเล้า อย่างละเท่ากันมาบดรวมกันเป็นผงผสมกับน้ำส้มสายชู คนให้เข้ากัน แล้วนำมาใช้พอก
    – ทำให้แผลหายเร็ว ด้วยการนำดอกมาต้มน้ำใช้ชะล้างบริเวณที่เป็นแผล
    – แก้อาการปวดตามข้อ โดยประเทศบราซิลนำช่อดอกมาชงกับน้ำดื่มเป็นยา
  • สรรพคุณจากใบ แก้อาการหูเจ็บ แก้ปวดหู เป็นยาทารักษาแผลเน่าเปื่อย ช่วยรักษาแผลฝี รักษาตุ่มมีหนอง แก้อาการบวมอักเสบโดยไม่รู้สาเหตุ
    – แก้เด็กเป็นตานขโมย ด้วยการนำใบแห้ง 5 – 10 กรัม มาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
  • สรรพคุณจากดอกและทั้งต้น เป็นยาขับลม ทำให้น้ำดีในลำไส้ทำงานได้ดี
    สรรพคุณจากดอกและใบ เป็นยาขับพยาธิ
    – ช่วยขับลม เป็นยาขับปัสสาวะ โดยตำรับยาเภสัชของเม็กซิโกนำช่อดอกและใบมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
  • สรรพคุณจากต้น ช่วยแก้อาการจุกเสียด รักษาโรคไส้ตันอักเสบหรือมีอาการปวดท้องขนาดหนักคล้ายกับไส้ติ่ง เป็นยารักษาแก้ฝีลม
  • สรรพคุณจากราก เป็นยาระบาย เป็นยาแก้พิษ แก้อาการบวมอักเสบ
  • สรรพคุณจากทั้งต้น ช่วยแก้อาการปวดท้อง

ประโยชน์ของดาวเรือง

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ดอกนำมาลวกจิ้มกับน้ำพริก ใช้แกล้มกับลาบ หรือนำไปปรุงแบบยำใส่เนื้อ ทำน้ำยำแบบรสหวาน ทางภาคใต้นิยมนำมาใช้เป็นผักผสมในข้าวยำ
2. ใช้ในการเกษตร ป้องกันและกำจัดไส้เดือนฝอยในดิน มีประโยชน์ในด้านการนำมาฟื้นฟูดินที่มีการปนเปื้อนสารหนู ป้องกันแมลงศัตรูพืช
3. ใช้ในงานพิธี
4. ใช้ในอุตสาหกรรมย้อมผ้า ดอกใช้สกัดทำเป็นสีย้อมผ้า โดยจะให้สีเหลืองทอง
5. ปลูกเป็นไม้ประดับ

ดาวเรือง ดอกไม้ยอดนิยมที่คนไทยคุ้นเคย และมักจะพบเจอได้บ่อย ทั้งในงานพิธีมงคลต่าง ๆ และตามบ้านเรือน สวนไม้ที่นิยมปลูก เพราะดอกมีสีเหลืองสดทำให้ดูสวยงามมาก ทว่าส่วนของดอกยังเป็นยาชั้นยอดที่มีฤทธิ์เย็น สรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของดอก มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ เป็นยาขับลม รักษาแผลภายนอก เป็นยาฟอกเลือด ช่วยบำรุงสาย และแก้อักเสบได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “ดาวเรืองใหญ่ (Dao Rueang Yai)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 113.
หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ดาวเรือง African marigold”. หน้า 197.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. “ดาวเรืองใหญ่”. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). หน้า 288-289.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “ดาวเรือง”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 222.
ฐานข้อมูลพรรณไม้ที่ใช้ในงานภูมิสถาปัตยกรรม ศูนย์ความรู้ด้านการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “ดาวเรือง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: agkc.lib.ku.ac.th. [10 มี.ค. 2014].
สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “ดาวเรือง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [10 มี.ค. 2014].
พันธุ์ไม้ย้อมสีธรรมชาติ, กรมหม่อนไหม. “ดาวเรือง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: qsds.go.th/webtreecolor/. [10 มี.ค. 2014].
เอกสารเผยแพร่ของ ศ.สมเพียร เกษมทรัพย์ ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, โดยศูนย์ส่งเสริมและฝึกอบรมการเกษตรแห่งชาติสำนักส่งเสริมและฝึกอบรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน. เรื่อง “ดาวเรือง”.
Chintakovid, W., Visoottiviseth, P., Khokiattiwong, S., and Lauengsuchenkul, S. (2008). Potential of the hybrid marigolds for arsenic phytoremediation and income generation of remediators in Ron Phibon district, Thailand. Chemosphere, 70, 1522 – 1537.
ห้องสมุดความรู้การเกษตร, กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. “”ดาวเรือง“”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doae.go.th/library/. [10 มี.ค. 2014].
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 13 คอลัมน์: สมุนไพรน่ารู้. “ดาวเรืองและเทียน”. (ภก.ชัยโย ชัยชาญทิพยุทธ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th. [10 มี.ค. 2014].
สมุนไพร, สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. “ดาวเรือง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: aidsstithai.org/herbs/. [10 มี.ค. 2014].
เทศบาลเมืองทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช. “ดาวเรือง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.tungsong.com. [10 มี.ค. 2014].
ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “Tagetes erecta L.”. อ้างอิงใน: หนังสือสารานุกรมสมุนไพร เล่ม 1 สวนสิรีรุกขชาติ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.qsbg.org. [10 มี.ค. 2014].
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). “สรรพคุณสมุนไพร (ไทย) สีสันบอกได้”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: thaihealth.or.th. [10 มี.ค. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

ตะคร้อ เป็นยาระบายชั้นดี แก้เส้นเอ็นและอาการปวดไขข้อ

0
ตะคร้อ
ตะคร้อ เป็นยาระบายชั้นดี แก้เส้นเอ็นและอาการปวดไขข้อ มีผลเป็นทรงกลม รสเปรี้ยวและฉ่ำน้ำ มีวิตามินซีรวมถึงแคลเซียม

ตะคร้อ

ตะคร้อ

ตะคร้อ เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเรียกแตกต่างกันตามท้องถิ่นหลากหลายชื่อ มีผลเป็นทรงกลมสีเขียวอมน้ำตาลหรือเป็นสีน้ำตาล มีรสเปรี้ยวและฉ่ำน้ำ มีวิตามินซีสูง เป็นผลที่นิยมรับประทานกันมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีน้ำมันจากเมล็ดที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ นอกจากนั้นเปลือกต้นยังใช้ทำสีย้อมได้โดยให้สีน้ำตาล เนื้อไม้ใช้เป็นวัตถุดิบในงานอุตสาหกรรม ในประเทศอินเดียนำต้นมาใช้เป็นไม้เพาะเลี้ยงครั่ง สามารถนำมาใช้ปลูกเป็นไม้ประดับให้ความร่มเงาและช่วยดึงดูดนกได้ด้วย

[/vc_column_text]

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของตะคร้อ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Schleichera oleosa (Lour.) Merr.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Ceylon oak”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “ตะคร้อไข่” ภาคเหนือเรียกว่า “เคาะจ้ก มะเคาะ มะจ้ก มะโจ้ก” จังหวัดเลยเรียกว่า “กาซ้อง คอส้ม” จังหวัดนครพนมและพิษณุโลกเรียกว่า “เคาะ” จังหวัดกาญจนบุรีเรียกว่า “ค้อ” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “ซะอู่เสก” ชาวกะเหรี่ยงกาญจนบุรีเรียกว่า “กาซ้อ คุ้ย” ชาวเขมรสุรินทร์เรียกว่า “ปั้นรั้ว” ชาวเขมรบุรีรัมย์เรียกว่า “ปั้นโรง” มีชื่ออื่น ๆ ว่า “บักค้อ ตะค้อ หมากค้อ”
ชื่อวงศ์ : วงศ์เงาะ (SAPINDACEAE)
ชื่อพ้อง : Pistacia oleosa Lour., Schleichera oleosa (Lour.) Oken

ลักษณะของตะคร้อ

ต้น : แตกกิ่งก้านต่ำ เรือนยอดมีลักษณะเป็นทรงพุ่มแผ่กว้าง กิ่งก้านมักคดงอ ลำต้นเป็นปุ่มปมและพูพอน เปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาลแดงหรือเป็นสีน้ำตาลเทา เปลือกแตกเป็นสะเก็ดหนา มักจะพบได้ตามป่าผลัดใบ ป่าดิบเขา และตามป่าเบญจพรรณทั่วไป
ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนก ปลายใบออกเป็นคู่ออกเรียงเวียนสลับเป็นกลุ่มตามปลายกิ่ง ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปวงรี หรือรูปวงรีขอบขนาน ปลายใบมนหรือหยัก มีหางสั้นหรือติ่งสั้น โคนใบมนหรือสอบและมักเบี้ยว ขอบใบเรียบเป็นคลื่น แผ่นใบค่อนข้างหนาเรียบและเป็นคลื่นเล็กน้อย มองเห็นเส้นใบได้ชัดเจน ก้านใบย่อยสั้นมาก ใบอ่อนมีขนเล็กน้อยตามเส้นใบ
ดอก : ออกดอกเป็นช่อปลายยอดหรือตามซอกใบ ช่อดอกมีลักษณะเป็นพวงแบบหางกระรอกห้อยลง ดอกย่อยมีขนาดเล็กเป็นสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน กลีบเลี้ยงหรือกลีบรวมมีขนาดเล็กมาก มีแฉกแหลม 5 แฉก ไม่มีกลีบดอก มักจะออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน
ผล : ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลม ปลายผลเป็นจะงอยแหลมและแข็ง เปลือกผลหนาคล้ายแผ่นหนัง ผิวผลเกลี้ยงเป็นสีเขียวอมน้ำตาลหรือเป็นสีน้ำตาล มักจะออกผลในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนกรกฎาคม
เมล็ด : ภายในผลมีเมล็ด 1 – 2 เมล็ด มีเนื้อหุ้มเมล็ดใสสีเหลือง ลักษณะฉ่ำน้ำ และมีรสเปรี้ยว ใช้รับประทานได้

สรรพคุณของตะคร้อ

  • สรรพคุณจากรากและเปลือกราก เป็นยาแก้กษัย ช่วยทำให้เส้นเอ็นหย่อน แก้เส้นเอ็น ช่วยถ่ายฝีภายใน
  • สรรพคุณจากใบแก่
    – เป็นยาแก้ไข้ ด้วยการนำใบแก่มาขยี้กับน้ำแล้วเช็ดตัว
    – ช่วยห้ามเลือด ด้วยการนำใบแก่มาเคี้ยวให้ละเอียด ใช้ใส่แผลสดเพื่อปิดปากแผลไว้
  • สรรพคุณจากเนื้อผล เป็นยาระบาย
  • สรรพคุณจากเปลือกต้น เป็นยาสมานท้อง ช่วยแก้อาการท้องร่วง แก้บิด แก้มูกเลือด
    – แก้อาการท้องเสีย ช่วยรักษาอาการปวดประจำเดือน แก้ฝีหนอง ด้วยการนำเปลือกต้นมาแช่กับน้ำดื่ม
    – ช่วยรักษาบาดแผลสดจากของมีคม ด้วยการนำเปลือกต้นบริเวณลำต้นที่วัดความสูงตามบาดแผลที่เกิด ขูดเอาเปลือกมาผสมกับยาดำ แล้วนำมาพอกบริเวณบาดแผล
  • สรรพคุณจากทั้งห้าส่วน ช่วยขับปัสสาวะ เป็นยาแก้ริดสีดวงภายนอกและภายใน เป็นยาแก้ฝีในกระดูก แก้ปอด แก้กระเพาะ แก้ลำไส้ แก้ตับ แก้ม้าม
  • สรรพคุณจากใบ ใบใช้ตำพอกรักษาฝี เป็นยาถ่ายพิษฝี แก้ถ่ายเส้น แก้ถ่ายกษัย
  • สรรพคุณจากราก
    – เป็นยาถอนพิษ ช่วยให้อยากหยุดเหล้า ด้วยการนำน้ำต้มกับรากมาผสมกับเหล้าและใช้ดื่มตอนเมาจะทำให้ไม่อยากอีก ปริมาณการใช้เท่ากับราก 1 กำมือต่อผู้กินเหล้า 1 ก๊ง
  • สรรพคุณจากน้ำมันจากเมล็ด ใช้นวดแก้อาการปวดไขข้อ ช่วยแก้ผมร่วง ใช้รักษาอาการคัน รักษาสิว รักษาแผลไหม้
  • สรรพคุณจากสารสกัดจากเปลือกและลำต้น ช่วยลดการเกิดอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของการตายของเซลล์มะเร็ง ต้านการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย

ประโยชน์ของตะคร้อ

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ผลสุกหรือเนื้อหุ้มเมล็ดใสมีสีเหลืองและฉ่ำน้ำ มีรสเปรี้ยว ใช้ทานเป็นผลไม้ได้ นำผลมาทานจิ้มกับเกลือหรือนำมาซั่วกิน เปลือกผลส่วนก้นสามารถนำมาตำใส่เปลือกผสมกับเนื้อ หรือนำมาตำเหมือนตำส้มตำ นอกจากนั้นนำผลมาทำเป็นอาหารหวานได้อีกหลายชนิด เช่น ตะคร้อแก้ว น้ำตะคร้อ ลูกกวาดตะคร้อ แยม ไวน์ เป็นต้น เปลือกต้นนำมาขูดเอาแต่เนื้อเปลือกตำใส่มดแดง ใบอ่อนนำมาใช้ทานเป็นผักแกล้มกับอาหารอีสาน เมล็ดใช้ทานได้แต่อย่าเกิน 3 เม็ด เพราะจะทำให้เมา
2. เป็นส่วนประกอบของยา นิยมนำเมล็ดมาสกัดทำเป็นน้ำมันสำหรับเป็นยาสมุนไพรได้ เปลือกนอกของต้นนำมาขูดผสมกับเกลือใช้เป็นยารักษาสัตว์
3. เป็นน้ำมัน เป็นน้ำมันสำหรับจุดประทีป
4. เป็นส่วนประกอบของอุตสาหกรรม เปลือกต้นใช้สกัดทำเป็นสีย้อมโดยสีที่ได้คือสีน้ำตาล ส่วนเปลือกผสมกับเปลือกก่อจะให้สีกากี เนื้อไม้นำมาใช้ในทำเฟอร์นิเจอร์ ใช้ทำไม้เสาเรือนบ้าน อาคารบ้านเรือนได้ ผลสุกมีรสเปรี้ยวอมหวานจึงนำมาใช้ทำเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับล้างจานและล้างห้องน้ำได้
5. เป็นเชื้อเพลิง นำมาใช้ทำเป็นเชื้อเพลิง ทำฟืนและถ่านชนิดดี
6. ใช้ในการเกษตร ในประเทศอินเดียนำมาใช้เป็นไม้เพาะเลี้ยงครั่งได้ดี สามารถนำมาใช้ปลูกเพื่อเป็นไม้ให้ร่มเงา ช่วยดึงดูดนก

ตะคร้อ เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่จึงสามารถนำมาปลูกให้ร่มเงาได้ และยังดึงดูดให้นกมาเกาะเพื่อความธรรมชาติได้ด้วย มีผลรสเปรี้ยวที่นำมาใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารได้มากมาย มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของเปลือกต้น มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ แก้เส้นเอ็น เป็นยาระบาย แก้ปวดไขข้อ แก้ริดสีดวงภายนอกและภายใน แก้พิษฝี ทั้งต้นเป็นยาและมีน้ำมันจากเมล็ดมาใช้ประโยชน์ได้ ดีต่อปอด กระเพาะ ลำไส้ ตับและม้าม

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “ตะคร้อ (Ta Khro)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 121.
หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง. “ตะคร้อ”. (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, กัญจนา ดีวิเศษ). หน้า 97.
พืชและสัตว์ท้องถิ่นภูพาน, คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร. “ตะคร้อ”. (ไพร มัทธวรัตน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: pineapple-eyes.snru.ac.th/animal/pupan/. [9 มี.ค. 2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน). “Ceylon oak”. อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [9 มี.ค. 2014].
สวนพฤกษศาตร์โรงเรียนชลบุรีสุขบท. “ตะคร้อ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.skb.ac.th/~botanical/. [9 มี.ค. 2014].
สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (สาขาลำปาง). “ตะคร้อ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: lampang.dnp.go.th. [9 มี.ค. 2014].
การประชุมวิชาการแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ครั้งที่ 9. “การวิเคราะห์ปริมาณกรดอินทรีย์ในผลตะคร้อจากจังหวัดต่าง ๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยด้วยเทคนิคโครมาโทกราฟีชนิดของเหลวประสิทธิภาพสูง”. (ชลธิชา นิวาสประกฤติ, ปิยานี รัตนชำนอง, อรทัย อร่ามพงษ์พันธ์, และทักษิณ อาชวาคม).
ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน, สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน). “ตะคร้อ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.bedo.or.th. [9 มี.ค. 2014].
ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม, กระทรวงวัฒนธรรม. “บักค้อ (ลูกตะค้อ)”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.m-culture.in.th. [9 มี.ค. 2014].
GotoKnow. “ตระคร้อ Schleichera oleosa (Lour.) Oken”. (ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ). อ้างอิงใน: www.boonrarat.net. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.gotoknow.org. [9 มี.ค. 2014].
ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “ตระคร้อ”. อ้างอิงใน: หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 7. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.qsbg.org. [9 มี.ค. 2014].

รูปอ้างอิง
Kosangi (in Telugu)
https://www.floraofbangladesh.com/2020/07/kushum-or-ceylon-oak-schleichera-oleosa.html

จักรนารายณ์ สมุนไพรครอบจักรวาล ดีต่อทุกส่วนในร่างกาย

0
จักรนารายณ์
จักรนารายณ์ สมุนไพรครอบจักรวาล ดีต่อทุกส่วนในร่างกาย ดอกมีสีเหลืองสดคล้ายดอกดาวเรือง

จักรนารายณ์

จักรนารายณ์

จักรนารายณ์ หรือเรียกอีกอย่างว่า แปะตำปึง เป็นพืชในวงศ์ทานตะวันที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีน เป็นพรรณไม้ล้มลุกอายุได้หลายปีที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในประเทศจีน พืชชนิดนี้ชอบแสงแดด ดอกมีสีเหลืองสดคล้ายดอกดาวเรือง และยังเป็นเส้นฝอยกลมจำนวนมาก ทำให้ดูสดใสเมื่อได้มอง นอกจากนั้นยังเป็นสมุนไพรครอบจักรวาล เพราะรักษาได้หลายโรคหลายอาการอีกด้วย แต่ว่าสมุนไพรเองก็มีพิษเช่นกันไม่เหมาะกับคนร่างกายอ่อนแอและมีไข้ ถือเป็นต้นที่ดีต่อระบบเลือดในร่างกายเป็นอย่างมาก เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของจักรนารายณ์

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Gynura divaricata (L.) DC.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Purple passion vine” “Purple velvel plant”
ชื่อท้องถิ่น : ชาวไทลื้อเรียกว่า “แปะตำปึง แป๊ะตำปึง” คนเมืองเรียกว่า “แปะตังปึง แป๊ะตังปึง แปะตังปุง ผักพันปี กิมกอยมอเช่า จินฉี่เหมาเยี่ย ว่านกอบ ใบเบก” ชาวม้งเรียกว่า “ชั่วจ่อ” ชาวจีนเรียกว่า “เชียตอเอี๊ยะ งู่ปุ่ยไฉ่” จีนกลางเรียกว่า “ไป๋ตงเฟิง ไป๋เป้ยซันชิ” คนไทยเรียกว่า “จักรนารายณ์”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ทานตะวัน (ASTERACEAE หรือ COMPOSITAE)
ชื่อพ้อง : Gynura ovalis DC., Gynura auriculata Cass.

ลักษณะของจักรนารายณ์

ลำต้น : ลำต้นและกิ่งก้านเป็นทรงกลมโต เป็นสีม่วงแดง ทั้งต้นมีขนขึ้นปกคลุม
ราก : รากอยู่ใต้ดินเป็นหัวเหง้าและแตกเป็นรากฝอย
ใบ : ใบจะอยู่กับลำต้นที่แทงขึ้นจากราก เป็นใบเดี่ยวเรียงสลับกัน เป็นรูปไข่มน ปลายใบแหลม ขอบใบหยัก แผ่นใบหนาและนุ่มคล้ายกำมะหยี่ หลังใบเป็นสีเขียว ท้องใบเป็นสีเขียวอ่อนหรือสีม่วงแดงหรือสีขาวออกหม่น
ดอก : ออกดอกเป็นช่อบริเวณปลายยอดลำต้น ในช่อหนึ่งจะมีหลายดอก กลีบดอกมีลักษณะเป็นเส้นฝอยกลมจำนวนมาก มีสีเหลืองสดคล้ายดอกดาวเรือง แต่จะมีขนาดเล็กกว่า
ผล : ผลสุกเป็นสีน้ำตาล

สรรพคุณของจักรนารายณ์

  • สรรพคุณจากยอดอ่อน ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งเต้านม ป้องกันมะเร็งมดลูก
    – บำรุงร่างกาย ด้วยการนำยอดอ่อนใช้เป็นส่วนผสมในการต้มไก่กระดูกดำ
  • สรรพคุณจากราก ก้าน ใบ เป็นยาเย็นมีพิษเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อปอด ตับ และม้าม ช่วยทำให้เลือดเย็น ช่วยกระจายโลหิต แก้เส้นเลือดอุดตันและแก้อาการตกเลือด เป็นยาขับพิษร้อนถอนพิษไข้ ช่วยแก้อาการไอเป็นเลือด รักษาหลอดลมอักเสบ แก้วัณโรคในปอด เป็นยาใส่แผลสดเพื่อห้ามเลือด ช่วยรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก
  • สรรพคุณจากใบ ช่วยฟอกโลหิต ทำให้ระบบโลหิตและน้ำเหลืองดีขึ้น ช่วยล้างพิษภายในออกทางอุจจาระ ปัสสาวะและทางตา ช่วยทำให้ระบบหายใจดีขึ้น ทำให้ไม่เหนื่อยไม่หอบ ช่วยแก้อาการร้อนใน ช่วยรักษาโรคเริม ช่วยสมานบาดแผล รักษาแผลภายนอก ช่วยบรรเทาอาการอักเสบเนื่องจากเริมและงูสวัด แก้โรคเบาหวาน แก้โรคความดันโลหิตสูง แก้ไขมันในเลือดสูง แก้โรคโลหิตจาง ช่วยฟอกโลหิต ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย แก้ไทรอยด์ แก้โรคมะเร็งทุกชนิด แก้โรคหัวใจ แก้โรคภูมิแพ้ แก้หอบหืด แก้ตาเป็นต้อ แก้ตาอักเสบ แก้โรคตาต่าง ๆ แก้อาการปวดเหงือก แก้ปวดฟัน ช่วยขับลม แก้โรคกระเพาะอาหาร ขับนิ่ว แก้ริดสีดวงทวารหนัก แก้อาการปวดประจำเดือนของสตรี แก้เนื้องอกต่าง ๆ ในไต แก้งูสวัด แก้แผลสะเก็ดเงิน แก้แผลอักเสบ แก้แผลฝีหนองทั่วไป แก้โรคผิวหนังทั่วไป แก้เกาต์ แก้อาการปวดเส้นปวดหลัง ช่วยทำให้กินได้นอนหลับ ช่วยให้ผู้ป่วยโรคเอดส์มีสุขภาพแข็งแรงมากขึ้น
    – รักษาโรคเบาหวาน ด้วยการนำใบสดทานก่อนอาหารประมาณ 2 – 5 ใบ ช่วงตีห้าถึงเจ็ดโมงเช้า ทานอีกครั้งในช่วงหลังอาหารเย็นประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง หรือกินก่อนนอนทุกวัน ทานติดต่อกัน 1 สัปดาห์ จากนั้นให้หยุดดูอาการอีก 2 – 3 วัน แล้วทานต่อเพื่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่ลดลงเร็วเกินไป
    – ช่วยแก้โรคความดันโลหิตสูง ด้วยการนำใบทานสดร่วมกับลาบ
    – ช่วยรักษาโรคตา แก้ตาต้อ แก้ตาอักเสบ แก้ตามัว ด้วยการนำใบสดล้างให้สะอาด แล้วนำมาบดหรือโขลกให้แหลกพอกตาข้างที่มีอาการประมาณ 30 นาที ตรงเปลือกตาแล้วล้างออกด้วยน้ำ พอกทั้งเช้าและเย็น
    – ช่วยแก้อาการปวดเหงือก แก้ปวดฟัน แก้ปากเป็นผล แก้ลำคออักเสบ ด้วยการทานใบสดเคี้ยวและอมทิ้งไว้สักพักแล้วกลืนเป็นยาในช่วงกลางคืนหลังการแปรงฟัน
    – แก้อาการไอ แก้คออักเสบ ด้วยการนำใบและก้านประมาณ 10 กรัม ใส่ไข่และน้ำตาลเล็กน้อย ใช้ทาน
    – ช่วยขับลมที่แน่นภายในช่องท้อง ช่วยรักษาโรคกระเพาะหรือมีอาการปวดท้อง ด้วยการนำใบสดมาทานในขณะที่มีอาการ
    – รักษาริดสีดวงทวารหนัก ด้วยการนำใบสดมาตำ แล้วนำมายัดใส่ทวารหนัก
    – ช่วยแก้งูสวัด ด้วยการนำใบมาตำกับน้ำตาลทรายแดง ให้จับตัวกันเป็นก้อน แล้วนำมาพอกตรงรอยแผลทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที หรือนำใบมาคั้นเอาน้ำใช้ทาสด หรือใช้ตำพอก
    – ช่วยแก้ผดผื่นคัน บรรเทาอาการคัน ด้วยการนำใบมาขยี้ทาชโลมให้ทั่วบริเวณที่มีอาการคัน
    – ช่วยแก้ฝีบวม แก้ฝีร้อน แก้ฝีภายนอก แก้อาการปวดฝี ด้วยการนำใบสดมาตำให้แหลกแล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็น
    – เป็นยาดับพิษและดูดถอนพิษ แก้อาการปวดหรืออักเสบ แก้ปวดหัวลำมะลอก แก้พิษอักเสบทุกชนิด แก้พิษหัวลำมาลอก แก้พิษตะขาบ แก้พิษจากแมงป่อง แก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ด้วยการนำใบสดมาตำให้แหลกผสมกับสุราขาว ใช้สำลีชุบให้เปียกแล้วนำไปปิดบริเวณที่มีอาการ
    – ช่วยแก้อาการฟกช้ำบวม ด้วยการนำใบสดมาตำ แล้วนำมาผสมกับเหล้า คั่วให้ร้อน แล้วใช้เป็นยาพอก
    – ช่วยทำให้มะเร็งมีขนาดเล็กลง ด้วยการนำใบมาทานเป็นผักทุกวัน แล้วกินก่อนนอนอีก 5 – 7 ใบ ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 6 เดือน

ประโยชน์ของจักรนารายณ์

เป็นส่วนประกอบของอาหาร ใบสดนำมาใช้ทานเป็นผักสดหรือนำมาลวกจิ้มกับน้ำพริก ใช้ประกอบอาหารพวก แกงจืด ผัดน้ำมัน ผัดเต้าเจี้ยว หรือใช้เป็นเครื่องเคียงกับขนมจีน ลาบ แหนม ส้มตำ หรือสลัดผัก

ข้อควรระวังของจักรนารายณ์

1. ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอและมีไข้ ไม่ควรรับประทาน
2. ไม่ควรทานพร้อมกับ เนื้อ กุ้ง ปู ปลาทู ปลาหมึก ปลาร้า หูฉลาม ข้าวเหนียว กะปิ หน่อไม้ แตงกวา เผือก หัวผักกาด สาเก ของดอง ชาหรือกาแฟ แอลกอฮอล์

จักรนารายณ์ เป็นยอดสมุนไพรที่สามารถรักษาโรคอันตรายได้มากมาย หรืออย่างน้อยก็ช่วยบรรเทาอาการให้ลดน้อยลง ถือว่าเป็นต้นที่สำคัญต่อการวิจัยเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ สามารถนำใบสดมารับประทานเป็นผักได้ มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของใบ มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งเต้านม ป้องกันมะเร็งมดลูก บำรุงร่างกาย รักษาหลอดลมอักเสบ ทำให้ระบบโลหิตและน้ำเหลืองดีขึ้น แก้ไขมันในเลือดสูง รักษาโรคเบาหวาน และอื่น ๆ อีกมากมาย

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “จักรนารายณ์”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 178.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. “จักรนารายณ์”. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). หน้า 222.
สวนพฤษศาสตร์สายยาไทย. “จักรนารายณ์”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.saiyathai.com. [23 ก.พ. 2014].
ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดนครราชสีมา (พืชสวน), กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. “แปะตำปึง”. (สุภาวดี ภูมิมาลี นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.aopdh06.doae.go.th. [23 ก.พ. 2014].
วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานีน้อมรับพระราชดำริ, โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “แป๊ะตำปึง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: rspg.svc.ac.th. [23 ก.พ. 2014].
Clearing House Mechanism of Department of Agriculture (CHM of DOA). “แป๊ะตำปึง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: chm.doa.go.th. [23 ก.พ. 2014].
ศูนย์เบาหวานศิริราช, คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล. “ทานต้นแป๊ะตำปึง ลดน้ำตาลได้หรือไม่”. (ศูนย์เบาหวานศิริราช). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.si.mahidol.ac.th/sdc/. [23 ก.พ. 2014].
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “แป๊ะตำปึง”. (รองศาสตราจารย์ ดร.วีณา จิรัจฉริยากูล ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.pharmacy.mahidol.ac.th/thai/. [23 ก.พ. 2014].
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์. (28 ม.ค. 2548), โดยทอม แม่โจ้ และผู้มีประสบการณ์ในการใช้.
GotoKnow. “ต้นแปะตําปึงหรือจักรนารายณ์”. (รุจิดา สุขใส). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.gotoknow.org. [23 ก.พ. 2014].
สำนักงานข้อมูลสมุนไพร, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล . “แป๊ะตำปึง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.medplant.mahidol.ac.th. [23 ก.พ. 2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน). “แป๊ะตำปึง”. อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [23 ก.พ. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com
Longevity Spinach ( 蛇接骨 , 平卧菊三七 , 尖尾凤 )

ขลู่ เป็นยาชั้นยอด ช่วยลดน้ำหนัก รักษาเบาหวาน แก้นิ่วในไต แก้โรคเลือด

0
ขลู่
ขลู่ เป็นยาชั้นยอด ช่วยลดน้ำหนัก รักษาเบาหวาน แก้นิ่วในไต แก้โรคเลือด นิยมนำส่วนของใบมาชงเป็นชาดื่มเพื่อลดน้ำหนัก กลิ่นหอมคล้ายน้ำผึ้ง

ขลู่

ขลู่

ขลู่ เป็นไม้พุ่มริมน้ำ ที่มักจะพบตามที่ลุ่มชื้นแฉะ ตามริมห้วยหนอง ตามหาดทราย หรือด้านหลังป่าชายเลน เป็นพืชในวงศ์ทานตะวันที่ส่วนของดอกมีรสหอมฝาดเมาเค็ม นิยมนำส่วนของใบมาชงเป็นชาดื่มเพื่อลดน้ำหนักได้ ส่วนของยอดอ่อนมีรสมันจึงนำมาใช้กับเครื่องเคียงขนมจีนได้ ในวงการการแพทย์แผนไทยได้มีการทดลองนำใบมาต้มให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเอดส์ในระยะเริ่มแรก เพื่อช่วยดูแลสุขภาพในระดับหนึ่งได้ เป็นต้นที่จุดเด่นอยู่ที่ส่วนของใบ ซึ่งใบเมื่อนำมาผึ่งให้แห้งจะมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นน้ำผึ้ง สามารถนำใบสดมาเคี้ยวช่วยลดกลิ่นปาก และยังอุดมไปด้วยสรรพคุณทางยาสมุนไพรด้วย

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของขลู่

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pluchea indica (L.) Less.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Indian marsh fleabane”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “ขลู่” ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกว่า “เพี้ยฟาน” ภาคใต้เรียกว่า “ขลู คลู” จังหวัดแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “ขี้ป้าน” จังหวัดอุดรธานีเรียกว่า “หนาดวัว หนาดงัว หนวดงั่ว หนวดงิ้ว” จีนกลางเรียกว่า “หลวนซี” แต้จิ๋วเรียกว่า “หล่วงไซ”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ทานตะวัน (ASTERACEAE หรือ COMPOSITAE)
ชื่อพ้อง : Baccharis indica L., Conyza foliolosa Wall. ex DC., Conyza corymbosa Roxb., Conyza indica (L.) Blume ex DC.

ลักษณะของต้นขลู่

ขลู่ เป็นพรรณไม้พุ่มขนาดเล็กที่ขึ้นเป็นกอ มักจะพบตามที่ลุ่มชื้นแฉะ ตามริมห้วยหนอง ตามหาดทราย หรือด้านหลังป่าชายเลน
ลำต้น : แตกกิ่งก้านสาขามาก ลำต้นกลม เปลือกต้นเรียบเป็นสีน้ำตาลแดงหรือเขียว มีขนละเอียดขึ้นปกคลุม โดยเป็นพรรณไม้ที่ชอบดินเค็มมีน้ำขังตามหนองน้ำ
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน ใบมีขนาดเล็กและมีกลิ่นฉุน ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลับหรือรูปวงรี ปลายใบแหลมหรือมีติ่งสั้น โคนใบสอบ ขอบใบจักเป็นซี่ฟันและแหลม มีขนขาวขึ้นปกคลุม เนื้อใบบางคล้ายกระดาษ ใบค่อนข้างแข็งและเปราะ หลังใบและท้องใบเรียบเป็นมัน ค่อนข้างเกลี้ยง ไม่มีก้านใบ
ดอก : ออกดอกเป็นช่อฝอยสีขาวนวลหรือสีม่วง มักจะออกตามปลายยอดหรือตามง่ามใบ มีลักษณะกลมหลายช่อมารวมกัน ดอกมีลักษณะเป็นฝอยสีขาวนวลหรือสีขาวอมม่วง กลีบของดอกแบ่งออกเป็นวงนอกและวงใน ปลายจักเป็นซี่ฟันประมาณ 5 – 6 ซี่ ภายในมีทั้งดอกเพศผู้และดอกเพศเมียสีขาวอมม่วงขนาดเล็กอยู่เป็นจำนวนมาก
ผล : เป็นผลแห้งไม่แตก มีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกขนาดเล็ก ผลมีสันหรือเหลี่ยม 10 สัน มีรยางค์ไม่มาก มีสีขาว
เมล็ด : เมล็ดมีลักษณะเป็นฝอยเล็ก เมื่อแก่จะปลิวไปตามลม

สรรพคุณของขลู่

  • สรรพคุณ แก้โรคเลือด เป็นยาขับปัสสาวะ สูญเสียเกลือแร่ในร่างกายน้อยกว่าการใช้ยาแผนปัจจุบัน
  • สรรพคุณจากใบสดแก่ เป็นยาอายุวัฒนะ แก้กระษัย ช่วยรักษาไข้ ช่วยขับเหงื่อ เป็นยาสมานทั้งภายนอกและภายใน
  • สรรพคุณจากเปลือก เป็นยาอายุวัฒนะ
    – ช่วยรักษาริดสีดวงจมูก ด้วยการนำเปลือกต้นขูดเอาแต่ผิวมาขูดขนออกให้สะอาด ทำเป็นเส้นตากแห้ง แล้วมวนเป็นยาสูบ
    – ช่วยแก้โพรงจมูกอักเสบหรือไซนัส ด้วยการนำเปลือกต้นมาสับเป็นชิ้นใช้มวนบุหรี่สูบ
    – ช่วยรักษาริดสีดวงทวาร ด้วยการนำเปลือกต้นขูดเอาขนออกให้สะอาดแล้วลอกเอาแต่เปลือก มาต้มรมริดสีดวงทวารหนัก
  • สรรพคุณจากใบ เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยรักษาเลือดลม น้ำคั้นจากใบช่วยรักษาโรคบิด เป็นยาขับปัสสาวะ
    – ช่วยบำรุงประสาท เป็นยาบีบมดลูก แก้ผื่นคัน ด้วยการนำใบมาต้มกับน้ำอาบ
    – ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยแก้ตานซางในเด็ก ช่วยแก้มุตกิดระดูขาวของสตรี ช่วยลดอาการบวมน้ำ ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ด้วยการนำใบมาชงดื่มเป็นชา
    – ช่วยรักษาริดสีดวงทวาร ด้วยการนำใบสดมาตำบีบคั้นเอาแต่น้ำแล้วทาตรงหัวของริดสีดวงทวาร
  • สรรพคุณจากเมล็ด เป็นยาอายุวัฒนะ
  • สรรพคุณจากทั้งต้น ช่วยรักษาโรคตานขโมย รักษาโรควัณโรคที่ต่อมน้ำเหลือง ช่วยรักษาเลือดลม เป็นยาช่วยย่อย ช่วยแก้นิ่ว ช่วยแก้นิ่วในไต ช่วยรักษาประดง
    – รักษาโรคเบาหวาน ด้วยการนำทั้งต้นมาต้มกินเป็นยา
    – ช่วยขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ รักษาอาการขัดเบา ด้วยการนำทั้งต้นต้มกับน้ำดื่มเป็นยาก่อนอาหารครั้งละประมาณ 1 ถ้วยชา วันละ 3 ครั้ง
    – ช่วยแก้ผื่นคันและรักษาโรคผิวหนัง ด้วยการนำทั้งต้นมาต้มกับน้ำอาบ
  • สรรพคุณจากราก แก้กระษัย
  • สรรพคุณจากใบและราก ช่วยรักษาไข้ ช่วยขับเหงื่อ ช่วยล้างพิษ ช่วยแก้นิ่ว เป็นยาฝาดสมาน
    – แก้แผลอักเสบ ด้วยการนำใบและรากสดมาตำพอก
    – รักษาแผลเรื้อรัง ด้วยการนำใบและรากทำเป็นขี้ผึ้งใช้ทา
    – ช่วยรักษาอาการเส้นตึง ด้วยการนำใบและรากมาผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น ทำการต้มกับน้ำอาบ
  • สรรพคุณจากดอก ช่วยแก้นิ่ว
  • สรรพคุณจากใบและต้นอ่อน ช่วยรักษาประดง ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อ บรรเทาอาการปวดในโรคไขข้ออักเสบ
    – ช่วยรักษาหิด รักษาขี้เรื้อน ด้วยการนำใบและต้นอ่อนมาต้มกับน้ำอาบ
    – ช่วยบรรเทาอาการปวดเอว ด้วยการนำใบและต้นอ่อนมาตำผสมกับแอลกอฮอล์ ใช้ทาหลังบริเวณเหนือไต

ประโยชน์ของขลู่

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ยอดอ่อนมีรสมัน จึงนำมาใช้ทานเป็นผักสดจิ้มกับน้ำพริก ลาบ หรือเป็นเครื่องเคียงขนมจีน ใบอ่อนนำไปลวกใช้ทานเป็นผักจิ้มกับน้ำพริกและใส่ในแกงคั่วได้ ส่วนของดอกนำมายำร่วมกับเนื้อสัตว์ได้
2. ใช้ในด้านความหอม ใบสดแก่นำมาตำผสมกับเกลือใช้กินรักษากลิ่นปากและช่วยระงับกลิ่นตัว

คุณค่าทางโภชนาการของยอดและใบอ่อน

คุณค่าทางโภชนาการของยอดและใบอ่อนต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 42 แคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารที่ได้รับ
คาร์โบไฮเดรต 9.4 กรัม
โปรตีน 1.8 กรัม
ไขมัน 0.5 กรัม
น้ำ 86.0 กรัม
วิตามินเอ 3,983 หน่วยสากล
วิตามินบี1 0.02 มิลลิกรัม
วิตามินซี 30 มิลลิกรัม
 ธาตุแคลเซียม 256 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 5.6 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 49 มิลลิกรัม

ขลู่ เป็นต้นที่มีส่วนของใบให้ความหอม และนิยมนำมาใช้ชงชาดื่มเพื่อลดน้ำหนัก เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยในด้านความงามแล้ว ยังช่วยในเรื่องของระบบในร่างกายได้อีกด้วย เป็นต้นที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ยอดอ่อนจะมีรสมันจึงสามารถนำมาใช้ทานสดได้ สรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของใบและทั้งต้น มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ รักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดน้ำหนัก แก้โรคเลือด ช่วยบำรุงประสาท รักษาโรควัณโรคที่ต่อมน้ำเหลือง แก้นิ่วในไต แก้ปัสสาวะพิการ บรรเทาอาการปวดในโรคไขข้ออักเสบ ช่วยลดความดันโลหิต และลดอาการบวมน้ำได้ ถือว่าเป็นยาชั้นยอดอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยบรรเทาอาการที่คนไทยมักจะเป็นกันบ่อย เพราะฉะนั้นแล้วขลู่เองก็คู่ควรแก่การนำมาใช้เป็นอย่างมาก

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. “ขลู่”. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). หน้า 93-94.
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “ขลู่ (Khlu)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 59.
หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. “ขลู่ Indian Marsh Fleabane”. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). หน้า 168.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “ขลู่”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 120.
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ขลู่”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com. [12 ก.พ. 2014].
สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “ขลู่”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th. [12 ก.พ. 2014].
โรงเรียนละหานทรายรัชดาภิเษก. “ขลู่”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.lrp.ac.th. [12 ก.พ. 2014].
“ขลู่สมุนไพรดีริมทาง”. (จำรัส เซ็นนิล). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.jamrat.net. [12 ก.พ. 2014].
ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน, สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน). “ขลู่”. อ้างอิงใน: หนังสือยาสมุนไพรสำหรับงานสาธารณสุขมูลฐาน (มาโนช วามานนท์, เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ), หนังสือความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย (สมพร ภูติยานันต์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.bedo.or.th. [12 ก.พ. 2014].
ผักพื้นบ้านในประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร. “ขลู่”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: ftp://smc.ssk.ac.th/intranet/Research_AntioxidativeThaiVegetable/. [12 ก.พ. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง
https://identify.plantnet.org/malaysia/observations/1008415826
https://efloraofindia.com/2011/03/26/pulchea-indica/

ขมิ้นอ้อย แก้ประจำเดือน รักษาซีสต์ในรังไข่ แถมช่วยให้ผิวสวย สาว ๆ ห้ามพลาด

0
ขมิ้นอ้อย
ขมิ้นอ้อย แก้ประจำเดือน รักษาซีสต์ในรังไข่ ช่วยให้ผิวสวย เป็นพืชในวงศ์ขิง มีรสเผ็ดขม เป็นเครื่องเทศเพื่อประกอบในอาหาร

ขมิ้นอ้อย

ขมิ้นอ้อย

ขมิ้นอ้อย หรือเรียกอีกอย่างว่า “ว่านเหลือง” เป็นพืชในวงศ์ขิงที่มีเหง้าอยู่ใต้ดิน ซึ่งมีรสเผ็ดขม เป็นยาสุขุมที่ดีต่อระบบภายในร่างกาย ในตำรายาไทยจะใช้เหง้าขมิ้นอ้อยเป็นยาแก้ไข้ นอกจากนั้นยังมีน้ำมันหอมระเหยที่ใช้เป็นยานวดประคบได้ และยังนำมาใช้เป็นเครื่องเทศเพื่อประกอบในอาหาร ที่สำคัญเหง้ายังเป็นส่วนสำคัญในการบำรุงผิวพรรณให้สวยงามอีกด้วย เพราะฉะนั้นสาว ๆ อย่าพลาดเด็ดขาด

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของขมิ้นอ้อย

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Curcuma zedoaria (Christm.) Roscoe
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Zedoary” “Luya – Luyahan”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “ว่านเหลือง” ภาคเหนือเรียกว่า “ขมิ้นขึ้น” ชาวละว้าเรียกว่า “สากเบือ” เขมรเรียกว่า “ละเมียด” จีนกลางเรียกว่า “ว่านขมิ้นอ้อย ขมิ้นเจดีย์ หมิ้นหัวขึ้น สากกะเบือ เผิงเอ๋อซู๋”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE)

ลักษณะของขมิ้นอ้อย

ขมิ้นอ้อย เป็นพรรณไม้ล้มลุกอายุหลายปีที่มีเหง้าอยู่ใต้ดิน
เหง้า : เหง้าจะโผล่ขึ้นมาเหนือดินเล็กน้อย เหมือนเจดีย์ทรงกลมหลายชั้น เป็นรูปกลมวงรี ที่ผิวด้านนอกเป็นสีขาวอมเหลือง เนื้อในเป็นสีเหลืองอ่อน
ใบ : เป็นใบเดี่ยวเรียงสลับกันรอบลำต้น เป็นรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน ปลายใบเรียวแหลม โคนใบแคบ ผิวใบนูน ท้องใบมีขนนิ่มเล็กน้อย ก้านใบเป็นกาบหุ้มกับลำต้น กลางก้านเป็นร่องลึกตลอดความยาว หน้าแล้งกาบใบจะแห้งลงหัวแล้วเหง้าจะโผล่ขึ้นมาแทน
ดอก : ออกดอกเป็นช่อ ก้านดอกยาวและพุ่งมาจากเหง้าใต้ดิน ช่อดอกเป็นรูปทรงกระบอก เป็นสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน กลีบดอกลักษณะกลมเป็นรูปไข่สีเขียว ตรงปลายช่อดอกเป็นสีชมพูหรือสีแดงอ่อน ส่วนดอกสีเหลืองจะบานจากล่างขึ้นบน
ผล : เป็นรูปไข่ มีกลิ่นฉุนน้อยกว่าผลของขมิ้นชัน

สรรพคุณของขมิ้นอ้อย

  • สรรพคุณจากเหง้า ออกฤทธิ์ต่อตับและม้าม ช่วยกระจายโลหิต รักษาอาการเลือดคั่ง แก้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก แก้เส้นเลือดในท้องอุดตัน ช่วยแก้โลหิตเป็นพิษ แก้พิษโลหิต ชำระโลหิต ช่วยลดความดันโลหิต เป็นยาบำรุงกำลัง ช่วยแก้อาการหืดหอบหายใจไม่เป็นปกติ เป็นยาแก้ไข้ ช่วยแก้ไข้ทั้งปวง ช่วยแก้อาเจียน ช่วยแก้เสมหะ เป็นยาแก้ลม กระตุ้นกระเพาะและลำไส้ให้เกิดการบีบตัว ช่วยในการขับลม ช่วยแก้อาการจุกเสียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยในการย่อยอาหาร แก้อาการปวดท้อง แก้อาการปวดลำไส้ ช่วยสมานลำไส้ เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยแก้หนองใน ช่วยแก้ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติของสตรี ช่วยแก้ระดูขาวของสตรี เป็นยาขับน้ำคาวปลาหลังการคลอดบุตรของสตรี ช่วยรักษาซีสต์ในรังไข่ของสตรี ช่วยแก้อาการตับและม้ามโต เป็นยาสมานแผล เป็นยาภายนอก ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่าง ๆ ฆ่าเชื้อรา ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แก้กลากเกลื้อน แก้ผิวหนังอักเสบ ช่วยแก้อาการครั่นเนื้อครั่นตัว แก้อาการปวดเมื่อย แก้เจ็บตามร่างกาย เป็นยารักษาโรคมะเร็ง รักษาโรคมะเร็งปากมดลูก รักษามะเร็งในรังไข่ แก้มะเร็งตับ รักษามะเร็งต่อมไทรอยด์ รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง รักษามะเร็งปอด แก้เนื้องอกธรรมดาของกล้ามเนื้อมดลูก รักษาอาการนอนไม่หลับ
    – เป็นยาหยอดตา แก้อาการตาแดง แก้ตามัว แก้ตาแฉะ แก้ตาพิการ ด้วยการนำเหง้าสดมาตำผสมกับการบูรเล็กน้อย แล้วนำมาดองกับน้ำฝนกลางหาว รินเอาแต่น้ำมาใช้
    – รักษาอาการหวัด ด้วยการนำหัวขมิ้นอ้อย อบเชยเทศ พริกหาง มาต้มแล้วเติมน้ำผึ้งใช้ทาน
    – รักษาอาการท้องร่วง ด้วยการนำเหง้าสด 2 แว่น มาบดผสมกับน้ำปูนใส ใช้ดื่มเป็นยา
    – แก้โรคกระเพาะ ด้วยการนำเหง้ามาหั่นเป็นแว่น แล้วต้มกับน้ำดื่ม
    – ช่วยรักษาริดสีดวงทวาร ด้วยการนำเหง้า พริกไทยล่อน เปลือกยางแดง มาผสมทำเป็นยาผง แล้วนำไปละลายในน้ำยางใส ปั้นเป็นยาลูกกลอนใช้กินเช้าเย็น
    – ช่วยแก้อาการปวดประจำเดือนของสตรี ด้วยการนำเหง้า 12 กรัม ขมิ้นชัน 10 กรัม คำฝอย 6 กรัม ฝางเสน 8 กรัม เม็ดลูกท้อ 8 กรัม หง่วงโอ้ว 8 กรัม โกฐเชียง 10 กรัม มาต้มกับน้ำหรือดองกับเหง้าทาน
    – แก้หัดหลบใน ด้วยการนำเหง้า 5 แว่น ต้นต่อไส้ 1 กำมือ มาต้มรวมกับน้ำปูนใส แล้วใช้ดื่มเป็นยาก่อนอาหารเช้าเย็น ครั้งละ 1 ถ้วยชา
    – ช่วยทำให้แผลหายเร็ว บรรเทาอาการฟกช้ำบวม ด้วยการนำเหง้ามาหุงกับน้ำมันมะพร้าว แล้วใส่แผล
    – เป็นยารักษาฝี แก้ฝีหนองบวม ด้วยการนำเหง้า ต้นและเมล็ดของเหงือกปลาหมอ อย่างละเท่ากันมาตำรวมกันจนละเอียด ใช้พอกเช้าเย็น
    – ช่วยแก้ฝีในมดลูกของสตรี ด้วยการนำเหง้า 3 ท่อน บอระเพ็ด 3 ท่อน ลูกขี้กาแดง 1 ลูกมาผ่าเป็น 4 ซีก แล้วใช้ 3 ซีก ต้มรวมกับสุราใช้กินเป็นยา
    – ช่วยแก้เสี้ยน แก้ถูกหนามตำ ด้วยการนำเหง้า 5 แว่น ดอกชบา 5 ดอก ข้าวเหนียวสุก 1 กำมือ มาตำแล้วใช้พอก
    – รักษาอาการปวด แก้ปวดบวม แก้บวม แก้ฟกช้ำ แก้ช้ำใน แก้อักเสบ แก้อาการเคล็ดขัดยอก แก้ข้อเคล็ดอักเสบ บรรเทาอาการปวด ด้วยการนำเหง้าสดมาตำละเอียดแล้วพอก
  • สรรพคุณจากใบ เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยแก้ฟกช้ำบวม
    – แก้ท้องมาน โดยขับออกทางปัสสาวะ ด้วยการนำใบมาคั้น
  • สรรพคุณจากน้ำมันหอมระเหย ฆ่าเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดฝีหนองที่แผล เชื้อที่ทำให้เจ็บคอ เชื้อที่ทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ

ประโยชน์ของขมิ้นอ้อย

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร เหง้าเป็นเครื่องเทศเพื่อใช้ทำอาหารได้ นำมาใช้ในการแต่งสีเหลืองให้กับอาหาร ทำแป้งโชติซึ่งเป็นแป้งที่เหมาะสำหรับทารก ชาวอินโดนีเซียนำยอดอ่อนมาทานเป็นผัก
2. ใช้ในอุตสาหกรรมย้อมผ้า ใช้ในการย้อมสีผ้าให้เป็นสีเหลือง
3. เป็นสารให้ความหอม ชาวอินเดียนำเหง้าทำเป็นเครื่องหอม ใช้เคี้ยวเพื่อดับกลิ่นปาก
4. บำรุงผิว ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สวยงาม เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางสมุนไพรที่นำมาใช้มาการขัดหน้า ขัดผิว ช่วยแก้สิว แก้ฝ้า ลบเลือนจุดด่างดำ แก้โรคผดผื่นคันได้

ขมิ้นอ้อย สรรพคุณมากประโยชน์ที่นำมาใช้ได้หลากหลาย แถมยังนำมาใช้ประกอบอาหารได้ด้วย ถือเป็นพืชที่เหมาะกับสตรีเป็นอย่างมาก เรียกว่ากินหรือทาแค่ขมิ้นอ้อย ก็ช่วยอวัยวะเฉพาะผู้หญิงได้เกือบครบ แถมยังช่วยเพิ่มความสวยให้ผิวอีกด้วย ขมิ้นอ้อยมีสรรพคุณทางยาได้จากส่วนของเหง้า มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยลดความดันโลหิต เป็นยาบำรุงกำลัง แก้ไข้ ขับลม รักษาโรคมะเร็ง แก้อาการนอนไม่หลับและอื่น ๆ อีกมากมายจนนับไม่ถ้วน

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. “ขมิ้นอ้อย”. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). หน้า 90-91.
หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. “ขมิ้นอ้อย Zedoary”. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). หน้า 95.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “ขมิ้นอ้อย”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 118.
ว่านและสมุนไพรไทย, คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร. “ขมิ้นอ้อย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: natres.skc.rmuti.ac.th/WAN/. [09 ก.พ. 2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “Zedoary”. อ้างอิงใน: หนังสือพืชอาหารและสมุนไพรท้องถิ่นบนพื้นที่สูง (อัปสรและคณะ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [09 ก.พ. 2014].
บทความวิทยุรายการสาระความรู้ทางการเกษตร, งานศูนย์บริการวิชาการและฝึกอบรม ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ, คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่. “ขมิ้นชันและขมิ้นอ้อย”. (ดวงจันทร์ เกรียงสุวรรณ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: natres.psu.ac.th. [09 ก.พ. 2014].
สำนักงานเกษตรอำเภอหนองหิน, ตำบลหนองหิน อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย. “ขมิ้นอ้อย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: nonghin.loei.doae.go.th. [09 ก.พ. 2014].
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “ฤทธิ์สงบระงับของสมุนไพรไทยขมิ้นอ้อย”. (พัฒนชัย เสถียรโชควิศาล,สัจจา ศุภพันธ์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.pharmacy.mahidol.ac.th. [09 ก.พ. 2014].
ไทยรัฐออนไลน์. “ขมิ้นอ้อยกับสรรพคุณน่ารู้”. (นายเกษตร). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thairath.co.th. [09 ก.พ. 2014].
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. “ขมิ้นอ้อย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: th.wikipedia.org. [09 ก.พ. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com

โกฐน้ำเต้า ยาสมุนไพรชั้นยอด ดีต่อระบบเลือด ระบบขับถ่าย และอวัยวะสำคัญ

0
โกฐน้ำเต้า
โกฐน้ำเต้า ยาสมุนไพรชั้นยอด ดีต่อระบบเลือด ระบบขับถ่าย และอวัยวะสำคัญ มีเหง้าอยู่ใต้ดิน รสขมและมีกลิ่นหอม เป็นยาเย็น

โกฐน้ำเต้า

โกฐน้ำเต้า

โกฐน้ำเต้า หรือเรียกอีกอย่างว่า “ตั่วอึ๊ง” เป็นต้นที่มีเหง้าอยู่ใต้ดิน ส่วนของเหง้ามีรสขมและมีกลิ่นหอม เป็นยาเย็นที่ออกฤทธิ์ต่อกระเพาะ ลำไส้ และตับ ดีต่อระบบเลือดเป็นอย่างมาก และยังจัดอยู่ในตำรับยา “พิกัดตรีฉันทลามก” ตามตำรับยาจีนจะนำโกฐน้ำเต้ามาผสมกับอาหารทานเพื่อเป็นยาสมุนไพร ทว่าก็เป็นต้นที่มีพิษต่อร่างกายเช่นกัน เพราะมีฤทธิ์เป็นยาถ่ายอย่างรุนแรง ห้ามใช้ในบางผู้ป่วย ห้ามใช้ในปริมาณที่มากเกินควรหรือเป็นระยะเวลานานจนเกินไป

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของโกฐน้ำเต้า

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Rheum palmatum L.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Rhubarb”
ชื่อท้องถิ่น : คนจีนเรียกว่า “ตั้วอึ้ง” คนจีนแต้จิ๋วเรียกว่า “ตั่วอึ๊ง” จีนกลางเรียกว่า “ต้าหวง”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ผักไผ่ (POLYGONACEAE)

ลักษณะของโกฐน้ำเต้า

โกฐน้ำเต้า เป็นพรรณไม้พุ่มที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบยุโรป อินเดีย จีน ทิเบต รัสเซีย
ต้น : ต้นแตกกิ่งก้านสาขามากและมีใบเป็นพุ่ม
เปลือกลำต้น : เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวเรียบมัน มีลายเล็กน้อยและไม่มีขนปกคลุม
เหง้า : เหง้าอยู่ใต้ดิน มีขนาดป้อมและใหญ่ เนื้อนิ่ม ลำต้นใต้ดินมีลักษณะเป็นโพรงกลวงและมียางสีเหลือง
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกันเป็นรูปไข่ เป็นแฉกคล้ายนิ้วมือประมาณ 3 – 7 แฉก ปลายใบแหลม โคนใบเว้าเข้าหากันคล้ายรูปหัวใจ ขอบใบเป็นหยักแบบฟันเลื่อยเล็กน้อย
ดอก : ออกดอกเป็นช่อบริเวณปลายกิ่งก้านเป็นข้อ ๆ กิ่งหนึ่งมีประมาณ 7 – 10 ช่อ ดอกย่อยแยกออกเป็น 6 แฉก กลีบดอกเรียงซ้อนกันเป็น 2 ชั้น ดอกมีเกสรเพศผู้จำนวน 9 ก้าน
ผล : ผลมีลักษณะเป็นรูปไข่คล้ายสามเหลี่ยม บริเวณเหลี่ยมมีเยื่อบางหุ้มอยู่ ผลเป็นสีน้ำตาลเข้ม จะแก่ในช่วงเดือนสิงหาคม

สรรพคุณของโกฐน้ำเต้า

  • สรรพคุณจากเหง้า ออกฤทธิ์ต่อกระเพาะ ลำไส้และตับ เป็นยาดับพิษร้อน ขับพิษร้อน ระบายความร้อน ขับพิษในร่างกาย ใช้ในผู้ป่วยที่มีระบบโลหิตร้อน ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ช่วยกระจายเลือดคั่ง เป็นยาบำรุงธาตุให้เป็นปกติ ช่วยแก้ธาตุพิการ คายพิษในธาตุ แก้โรคตาแดงแสบร้อน แก้โรคในดวงตา ช่วยแก้โลหิตกำเดา ช่วยแก้อาการอาเจียนเป็นเลือด เป็นยาลดไข้และความร้อนในร่างกาย ช่วยแก้อาการตัวเหลือง ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยแก้อาการท้องเสีย ช่วยแก้อาการท้องผูก เป็นยาระบาย ช่วยขับของเสียตกค้างที่อยู่ภายในกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้หยางในระบบม้ามไม่เพียงพอ ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร แก้ริดสีดวงงอก แก้เลือดอุดตันหรือเลือดคั่ง ทำให้ประจำเดือนของสตรีมาไม่ปกติ ช่วยแก้ไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน ช่วยแก้ตับอักเสบเฉียบพลัน เป็นยาภายนอก เป็นยารักษาแผลไฟไหม้ รักษาแผลน้ำร้อนลวก ช่วยแก้ผิวหนังอักเสบติดเชื้อ ช่วยแก้แผลฝีหนองบวมตามผิวหนัง ช่วยแก้อาการฟกช้ำ แก้ช้ำใน แก้มีเลือดคั่ง แก้ปวด แก้บวม ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย แก้ไข้เพื่อเสมหะ ขับลม ช่วยถ่ายโลหิตและน้ำเหลือง
    – โกฐน้ำเต้าผัดเหล้า ช่วยขับพิษร้อนในเลือด เช่น ปอด หัวใจ
    – โกฐน้ำเต้าถ่าน ช่วยระบายความร้อนในระบบโลหิต ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ช่วยห้ามเลือด
    – โกฐน้ำเต้านึ่งเหล้า ช่วยระบายความร้อนและขับสารพิษในร่างกาย ช่วยลดฤทธิ์ยาถ่ายให้มีความรุนแรงน้อยลง
    – โกฐน้ำเต้าผัดน้ำส้ม ช่วยขับของเสียที่ตกค้างอยู่ภายในกระเพาะอาหารและลำไส้

ประโยชน์ของโกฐน้ำเต้า
เป็นส่วนประกอบของอาหาร ในต่างประเทศนำส่วนของก้านใบมาทานเป็นผัก

ข้อควรระวังของโกฐน้ำเต้า
1. โกฐน้ำเต้ามีฤทธิ์เป็นยาถ่ายอย่างรุนแรง ควรต้มใส่ทีหลัง หรือนำมานึ่งกับเหล้า
2. ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการปวดเกร็งหรือมีอาการปวดเฉียบพลันในช่องท้อง ไตอักเสบ หรือมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียนโดยไม่ทราบสาเหตุ
3. ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากเกินควร และไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานเกินกว่าที่กำหนด
4. หากใช้แล้วมีอาการเลือดออกทางทวารหนัก หรือใช้มากแล้วแต่ลำไส้ยังไม่เคลื่อนไหว อาจเกิดอันตรายได้

โกฐน้ำเต้า เป็นยาที่สำคัญของจีน และเป็นยาสมุนไพรชั้นยอดที่ดีต่อระบบเลือดและระบบขับถ่าย สามารถนำมาใช้ทานกับอาหารได้ โกฐน้ำเต้ามีสรรพคุณทางยาได้จากส่วนของเหง้าโดยตรง มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ เป็นยาดับพิษร้อน ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด เป็นยาบำรุงธาตุ แก้โรคในดวงตา ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยแก้ตับอักเสบเฉียบพลัน เป็นยารักษาแผลไฟไหม้ แก้อาการฟกช้ำ และช่วยขับสารพิษในร่างกายได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “โกฐน้ำเต้า”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 108.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. “โกฐน้ำเต้า”. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). หน้า 79-80.
สถาบันการแพทย์ไทย-จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้. “ตั่วอึ๊ง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: tcm.dtam.moph.go.th. [05 ก.พ. 2014].
มูลนิธิสุขภาพไทย. “เปิดผลงานวิจัยสมุนไพรไทย ชวนคนไทยเลิกพึ่งพาราเซลตามอล”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaihof.org. [05 ก.พ. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง
https://www.farmyardnurseries.co.uk/shop/Rheum-palmatum-Rubrum-M14252