กระชับ หรือ “หญ้าผมยุ่ง” เมล็ดให้แป้ง ทั้งต้นเป็นยา

0
กระชับ
กระชับ หรือ “หญ้าผมยุ่ง” เมล็ดให้แป้ง ทั้งต้นเป็นยา ยอดอ่อนและต้นอ่อนนำมาทำให้สุกแล้วสามารถใช้รับประทานเป็นผักได้

กระชับ

กระชับ

กระชับ หรือเรียกอีกอย่างว่า “หญ้าผมยุ่ง” เป็นวัชพืชทั่วโลกที่มักจะขึ้นตามที่โล่ง มีผลเป็นรูปไข่และมีหนามนุ่มเป็นรูปตะขออยู่บนผิวของผลทำให้ดูเด่นออกมา ส่วนของผลเป็นยาเย็น ส่วนของรากเป็นยาขม เมล็ดให้แป้ง โดยสามารถนำมาใช้ทำเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวได้ นิยมนำยอดอ่อนและต้นอ่อนมาทำให้สุกแล้วสามารถใช้รับประทานเป็นผัก แต่ส่วนของต้นกล้ามีพิษมาก ดังนั้นห้ามรับประทานเด็ดขาด

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของกระชับ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Xanthium strumarium L.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Burweed” “California – bur” “Cocklebur” “Ditch – bur”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคเหนือเรียกว่า “เกี๋ยงนา มะขัดน้ำ มะขะนัดน้ำ” ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกว่า “เกี๋ยงน้ำ ขี้อ้น ขี้อ้นดอน ขี้อ้นน้ำ” จังหวัดเชียงใหม่เรียกว่า “หญ้าผมยุ่ง” จังหวัดราชบุรีเรียกว่า “ขี้ครอก” จีนกลางเรียกว่า “ชางเอ๋อจื่อ” มีชื่ออื่น ๆ ว่า “ผักกระชับ”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ทานตะวัน (ASTERACEAE หรือ COMPOSITAE)
ชื่อพ้อง : Xanthium sibiricum Patrexwidd, Xanthium americanum Walter, Xanthium chinense Miller, Xanthium indicum Koeing ex Roxb., Xanthium japonicum Widder

ลักษณะของกระชับ

กระชับ เป็นพรรณไม้ล้มลุกอายุราว 1 ปี คาดว่ามีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกา มักจะขึ้นตามที่โล่ง แม่น้ำ ริมลำธาร ริมตลิ่ง ริมทะเล ตามหนองบึงทั่วไป ตามที่รกร้างว่างเปล่า
ลำต้น : ลำต้นตั้งตรง ผิวต้นหยาบ มีลายเส้นเป็นเหลี่ยมทั้งต้น มีขนสีขาวขึ้นอยู่ประปราย ผิวโคนต้นเป็นสีม่วง ส่วนผิวด้านบนของลำต้นเป็นสีเขียวแต้มด้วยสีน้ำตาลดำ แตกกิ่งก้านได้มาก
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปสามเหลี่ยม เว้าลึกเป็น 3 – 5 แฉก ปลายใบแหลม โคนใบเป็นรูปหัวใจตื้นหรือกลม ขอบใบเป็นซี่ฟันปลาหรือหยักเป็นฟันเลื่อยแบบไม่เป็นระเบียบ แผ่นใบมีขนสากทั้งสองด้าน
ดอก : ออกดอกเป็นช่อกระจุกแน่น เรียงแบบช่อกระจะบนแกนเดียว ดอกมีจำนวนมาก ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียจะอยู่บนต้นเดียวกัน กลีบดอกเป็นสีขาว
ผล : ผลมีลักษณะเป็นรูปไข่หรือรูปกลมวงรีหรือเป็นรูปขอบขนาน โดยจะออกเป็นคู่ ผลมีหนามนุ่มเป็นรูปตะขออยู่บนผิวของผล ที่ปลายผลเป็นจะงอยแหลม 2 อัน
เมล็ด : ในหนึ่งผลจะมีเมล็ดอยู่ 1 เมล็ด เรียกว่า “เมล็ดกระชับ” เมล็ดเป็นสีดำมีลักษณะเรียวยาวและแข็ง

สรรพคุณของกระชับ

  • สรรพคุณจากผล บำรุงกำลัง เป็นยาบ้วนปาก แก้อาการปวดฟัน เป็นยาแก้ไข้ทรพิษ ช่วยรักษาโรคท้องมาน ช่วยแก้ลมพิษ ช่วยระงับอาการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อและอัมพาต แก้แพ้ แก้อาการอักเสบ
  • สรรพคุณจากราก ช่วยทำให้เจริญอาหาร เป็นยาแก้ไข้หวัด ถอนพิษไข้ ช่วยแก้อาการตกเลือดในสตรี ช่วยสมานแผลสด ช่วยห้ามเลือด แก้วัณโรคต่อมน้ำเหลือง แก้มะเร็ง แก้แพ้ แก้อาการอักเสบ
  • สรรพคุณจากใบ ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ช่วยแก้อาการปวดหู เป็นยาแก้ไข้หวัด ถอนพิษไข้ ช่วยรักษาโรคเริม ช่วยแก้อาการตกเลือดในสตรี แก้โรคที่เกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง ช่วยแก้พิษงูสวัด ช่วยสมานแผลสด ช่วยห้ามเลือด
  • สรรพคุณจากต้น ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ช่วยระงับประสาท ช่วยแก้อาการปวดหู เป็นยาแก้ไข้หวัด ถอนพิษไข้ เป็นยาแก้โรคมาลาเรีย ช่วยขับเหงื่อ ช่วยขับน้ำลาย ช่วยรักษาโรคกระเพาะอักเสบ ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ แก้มุตกิดของสตรี ช่วยแก้อาการตกเลือดในสตรี ช่วยแก้อาการปวดประจำเดือนของสตรี ช่วยแก้อาการปวดกล้ามเนื้อ ช่วยแก้ไขข้ออักเสบ
    – ช่วยแก้ฝีหนองภายนอก ด้วยการนำต้นสดประมาณ 60 กรัม มาต้มกับน้ำ แล้วนำน้ำที่ต้มมาล้างบริเวณที่เป็นแผล
  • สรรพคุณจากเมล็ด เป็นยาแก้ไข้หวัด ถอนพิษไข้ เป็นยารักษาไข้จับสั่น ออกฤทธิ์ต่อปอดและตับ ช่วยขับลมชื้น ช่วยแก้อาการตกเลือดในสตรี ช่วยแก้โรคผิวหนัง รักษาโรคเรื้อน
    – ช่วยแก้จมูกอักเสบเรื้อรังและริดสีดวงจมูก ด้วยการนำเมล็ดประมาณ 8 กรัม ใบสะระแหน่ 5 กรัม ใบชา 10 กรัม รากหอมใหญ่ 6 กรัม โกฐสอ 10 กรัม และดอกชุนฮัว 12 กรัม มาต้มกับน้ำเป็นยารับประทาน
  • สรรพคุณจากใบและต้น ช่วยแก้หิด
    – ช่วยแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ด้วยการนำใบและต้นมาตำแล้วใช้พอกบริเวณที่ถูกกัด
    – รักษาแผลปวดบวม ด้วยการนำใบและลำต้นมาตำให้ละเอียดใช้พอก

ประโยชน์ของกระชับ

เป็นส่วนประกอบของอาหาร ยอดอ่อนและต้นอ่อนนำมาทำให้สุกแล้วสามารถใช้รับประทานเป็นผักได้ หรือใช้ต้นอ่อนที่เพาะจากเมล็ดมาใช้ปรุงอาหาร เมล็ดให้แป้งจึงสามารถนำมาใช้ทำเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวได้

ข้อควรระวังของกระชับ

1. ต้นกล้าจะมีพิษมาก ดังนั้นห้ามรับประทานเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
2. เมล็ดมีสาร Xanthostrumarin glycoside ซึ่งเป็นสารที่มีพิษต่อสัตว์ สารนี้จะลดลงเมื่อใบแท้เริ่มมีการเจริญเติบโต

กระชับ เป็นต้นที่มีสรรพคุณและมีพิษอยู่ในตัว ดังนั้นก่อนนำมาทานจึงควรระมัดระวังเพราะต้นอ่อนจะมีพิษมาก ส่วนของเมล็ดให้แป้งจึงสามารถนำมาใช้ทำเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวได้ เป็นวัชพืชที่น่าสนใจในการนำมาใช้ประโยชน์ มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของต้น มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ บำรุงกำลัง ระงับอาการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อและอัมพาต ช่วยระงับประสาท แก้วัณโรคต่อมน้ำเหลือง แก้มะเร็ง แก้ไข้และดีต่ออวัยวะของสตรี

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “กระชับ”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 24.
สำนักงานหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. “กระชับ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.dnp.go.th/botany/. [28 ม.ค. 2014].
หนังสืออนุกรมวิธานพืช อักษร ก. ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. “กระชับ”.
หนังสือคู่มือการปรุงอาหารจากผักพื้นบ้านไทย. (ยิ่งยง ไพสุขศานติวัฒนา).
ผักพื้นบ้าน ในประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง. “หญ้าหัวยุ่ง”. อ้างอิงใน: หนังสือสารานุกรมสมุนไพร รวมหลักเภสัชกรรมไทย (วุฒิ วุฒิธรรมเวช). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: area-based.lpru.ac.th/veg/. [28 ม.ค. 2014].
สมุนไพรดอทคอม. “กระชับ”. อ้างอิงใน: หนังสือพจนานุกรม สมุนไพรไทย (วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.samunpri.com. [28 ม.ค. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com
รูปอ้างอิง
1.https://www.flickr.com/photos/99758165@N06/19059401496
2.https://brainmanpictures.piwigo.com/picture?/14726

ถั่วแปบ บำรุงม้าม บำรุงกระเพาะอาหาร บำรุงกำลัง และป้องกันมะเร็ง

0
ถั่วแปบ
ถั่วแปบ ช่วยบำรุงม้าม บำรุงกระเพาะอาหาร บำรุงกำลัง และป้องกันมะเร็ง เป็นพืชคลุมดินและเป็นอาหารของสัตว์เลี้ยง อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ

ถั่วแปบ

ถั่วแปบ

ถั่วแปบ มีสายพันธุ์ที่หลากหลายมาก สามารถพบได้ทางภาคเหนือและทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นฝักแบนยาวและโค้งงอ เมล็ดมีรสหวานมัน สามารถนำมาใช้ประกอบอาหารได้หลากหลาย นำมาใช้เป็นพืชคลุมดินและเป็นอาหารของสัตว์เลี้ยง อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและยังมีสารหลากหลายชนิดที่ช่วยยับยั้งโรคได้มากมาย แถมยังเป็นผักที่ทานได้ง่ายอีกด้วย ดีอย่างมากที่จะนำมาใช้ประกอบอาหารเพื่อทานเป็นประจำ

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของถั่วแปบ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lablab purpureus (L.) Sweet
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Hyacinth bean” “Dolichos bean” “Seim bean” “Lablab bean” “Egyptian kidney bean” “Indian bean” “Australian pea”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคเหนือเรียกว่า “ถั่วแปะยี” ภาคตะวันตกเฉียงเหนือเรียกว่า “กวาวน้ำ ถั่วหนัง ถั่วแล้ง มะแปน ถั่วแปยี ถั่วมะเปกี” จังหวัดเชียงใหม่เรียกว่า “ถั่วแปบขาว ถั่วหนัง หมากแปบ มะแปบ” จังหวัดสกลนครเรียกว่า “ถั่วแปบน้อย แปบปลาซิว” ชาวกะเหรี่ยงเชียงใหม่เรียกว่า “โบ่บ๊ะซะ” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “เป๊าะบ่าสะ” ชาวกะเหรี่ยงแดงเรียกว่า “กู๊เบเส่, กู๊เบอีโท้, กู๊เบผ่าบุ๊” ชาวลัวะเรียกว่า “แผละแถะ” ชาวปะหล่องเรียกว่า “เบล่เปยี่” ชาวเมี่ยนเรียกว่า “เซียงหวังตบ”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE)
ชื่อพ้อง : Dolichos lablab L., Dolichos purpureus L., Lablab niger Medik., Lablab lablab (L.) Lyons, Lablab vulgaris var. albiflorus DC., Vigna aristata Piper

ลักษณะของถั่วแปบ

ถั่วแปบ เป็นไม้ล้มลุกเลื้อยพันที่มีอายุหลายปี มักจะพบได้ทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ต้น : ลักษณะของเรือนยอดเป็นรูปทรงกระบอก
ลำต้น : มีลำต้นอยู่เหนือดิน ตั้งตรงเองไม่ได้ จะใช้ส่วนของลำต้นเกี่ยวพัน โดยเถามีลักษณะกลมสีเขียวและมีขนสีขาวขึ้นอยู่ประปราย ไม่อวบน้ำ มีรากสะสมอาหารอยู่ใต้ดิน
ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3 ใบเรียงสลับกัน ใบย่อยที่ปลายมีลักษณะเป็นรูปไข่ ส่วนใบย่อยด้านข้างมีลักษณะเป็นรูปไข่เบี้ยว มีหูใบย่อย แผ่นใบมีขนบาง
ดอก : ออกดอกเป็นช่อกระจะตามซอกระหว่างก้านใบกับกิ่ง ในช่อมีดอกย่อยจำนวนมาก ลักษณะของดอกเหมือนกับดอกถั่วทั่วไป กลีบดอกเป็นสีม่วงหรือสีขาวแยกออกจากกัน มีจำนวน 3 กลีบ เป็นรูปไต กลีบรองดอกเป็นรูประฆัง มีเกสรตัวผู้สีเหลืองจำนวน 3 อัน มีเกสรตัวเมียสีเหลืองจำนวน 1 อัน ส่วนรังไข่จะอยู่เหนือวงกลีบ ดอกไม่มีกลิ่น
ผล : ผลมีลักษณะเป็นฝักแบนยาวและโค้งงอ ปลายผลเป็นจะงอย ลักษณะของผลมี 2 ชนิด คือ ฝักแบนและฝักกลม ผิวผลเรียบและเป็นสีเขียวอ่อนหรือสีม่วง สันฝักนูนขรุขระเป็นสีเขียวอ่อน
เมล็ด : ในผลมีเมล็ดอยู่ประมาณ 3 – 6 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปไข่กลม มีสีหลากหลายไปตามสายพันธุ์ ตั้งแต่สีครีม สีขาวเหลือง สีน้ำตาลอ่อน จนถึงสีแดงหรือมีลาย

สรรพคุณของถั่วแปบ

  • สรรพคุณจากถั่วแปบ แก้คอแห้ง ช่วยดับร้อน ถอนพิษ ขจัดความชื้น ช่วยถอนพิษสุรา ช่วยระงับอาเจียน ช่วยแก้อาการเมาค้าง บำรุงม้าม บำรุงกระเพาะอาหาร ช่วยระงับอาการท้องร่วง ช่วยแก้อาการประจำเดือนมาไม่ปกติ ช่วยเร่งการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ช่วยกำจัดทำลายเซลล์และสิ่งปลอมในร่างกาย รักษาอาการท้องร่วง ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด เป็นริดสีดวงทวาร ใช้ถอนพิษฝี ทำให้เลือดแข็งตัว
    – ช่วยแก้อาการท้องอืด ระงับอาการท้องร่วง ช่วยทำให้เจริญอาหาร ช่วยระงับอาเจียน ด้วยการนำถั่วแปบมาปรุงหรือทำเป็นข้าวต้มผสมรวมกับแคร์รอตและลูกเดือย
    – ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง มีฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง ด้วยการนำถั่วแปบสดปรุงผัดผสมกับแคร์รอตและเห็ดที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง
  • สรรพคุณจากเมล็ด ช่วยบำรุงกำลัง แก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ช่วยแก้โรคตา ช่วยลดไข้ แก้ไข้ แก้ไข้สัมประชวร ช่วยแก้เสมหะในร่างกาย ช่วยแก้ลม ช่วยแก้อาการเกร็ง ต้านการกระตุ้นให้เกิดการกลายพันธุ์จากสารบางชนิด ทำให้เมล็ดเลือดแดงแตก
  • สรรพคุณจากผล ช่วยบำรุงกำลัง แก้อาการอ่อนเพลีย บำรุงร่างกาย ช่วยแก้อาการแพ้
  • สรรพคุณจากราก รักษาโรคตา ช่วยแก้โรคซาง
  • สรรพคุณจากทั้งต้น
    – แก้อาการเจ็บคอ แก้เสียงแหบแห้ง ด้วยการนำทั้งต้นมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
  • สรรพคุณจากใบ
    – รักษาโรคคางทูม ด้วยการนำมาตำใช้พอก
    – ช่วยในการรักษาเนื้อร้าย ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ด้วยการนำใบถั่วแปบสดประมาณ 1 กิโลกรัม มาคั้นเอาแต่น้ำสีเขียว ใช้ดื่มหลายครั้งต่อวัน
  • สรรพคุณจากน้ำต้มเมล็ด ช่วยต้านอาการอักเสบ ต้านฮอร์โมนไทรอยด์ ช่วยลดการดูดซึมของแอลกอฮอล์ในกระเพาะอาหาร ช่วยเพิ่มการกำจัดแอลกอฮอล์

ประโยชน์ของถั่วแปบ

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ฝักถั่วแปบสามารถนำมาใช้ประกอบอาหาร โดยนิยมนำมาทำให้สุกแล้วใส่แกง นำมาผัด นำมาลวกจิ้มเป็นผักจิ้มกินกับน้ำพริกต่าง ๆ ส่วนเมล็ดนำไปทอดรับประทาน
2. ใช้ในด้านการเกษตร ปลูกเป็นพืชเพื่อช่วยปรับบำรุงดินหรือปลูกเป็นพืชคลุมดินได้ เมล็ดแก่ของถั่วแปบนิยมนำมาใช้เป็นอาหารวัวและควาย

คุณค่าทางโภชนาการของเมล็ดถั่วแปบอ่อนต้ม สุก แห้ง ไม่ใส่เกลือ

คุณค่าทางโภชนาการ ต่อ 100 กรัม โดยคิดเป็น % ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ ให้พลังงาน 50 กิโลแคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารที่ได้รับ
คาร์โบไฮเดรต 9.2 กรัม
ไขมัน 0.27 กรัม
โปรตีน 2.95 กรัม
วิตามินบี1 0.056 มิลลิกรัม (5%)
วิตามินบี2 0.088 มิลลิกรัม (7%)
วิตามินบี3 0.48 มิลลิกรัม (3%)
วิตามินบี9 47 ไมโครกรัม (12%)
วิตามินซี 5.1 มิลลิกรัม (6%) 
ธาตุแคลเซียม 41 มิลลิกรัม (4%)
ธาตุเหล็ก 0.76 มิลลิกรัม (6%)
ธาตุแมกนีเซียม 42 มิลลิกรัม (12%)
ธาตุแมงกานีส 0.21 มิลลิกรัม (10%) 
ธาตุฟอสฟอรัส 49 มิลลิกรัม (7%) 
ธาตุโพแทสเซียม 262 มิลลิกรัม (6%) 
ธาตุสังกะสี 0.38 มิลลิกรัม (4%)

คุณค่าทางโภชนาการของฝักถั่วแปบอ่อน

คุณค่าทางโภชนาการ ต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 334 แคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารที่ได้รับ
น้ำ 12.1 กรัม
โปรตีน 21.5 กรัม
ไขมัน 1.2 กรัม 
คาร์โบไฮเดรต 61.4 กรัม
เส้นใยอาหาร 6.8 กรัม
ธาตุแคลเซียม 98 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 3.9 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 345 มิลลิกรัม
วิตามินบี1 0.40 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.12 มิลลิกรัม
วิตามินบี3 1.8 มิลลิกรัม

ถั่วแปบ เป็นต้นที่สามารถนำส่วนต่าง ๆ มาใช้เป็นยาสมุนไพรได้แทบทุกส่วน อุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุและยังง่ายต่อการทาน ในด้านการเกษตรยังดีต่อการเป็นพืชคลุมดินด้วย ถั่วแปบมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของเมล็ด มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ บำรุงม้าม บำรุงกระเพาะอาหาร ช่วยบำรุงกำลัง แก้โรคตา รักษาโรคคางทูม และมีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา. “ถั่วแปบ”. (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). หน้า 93.
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน). “Hyacinth bean, Lablab”. อ้างอิงใน: หนังสือพืชอาหารและสมุนไพรท้องถิ่นบนพื้นที่สูง ชุดที่ 1 (เกรียงไกรและคณะ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [20 ม.ค. 2014].
ข้อมูลพรรณไม้, พืชผักพื้นเมือง : ผักสวนครัว, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “ถั่วแปบ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th. [20 ม.ค. 2014].
โรงเรียนละหานทรายรัชดาภิเษก. “ถั่วแปบ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.lrp.ac.th. [20 ม.ค. 2014].
ผักพื้นบ้านในประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร. “ถั่วแปบ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: smc.ssk.ac.th/intranet/Research_AntioxidativeThaiVegetable. [20 ม.ค. 2014].
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. “Lablab”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: en.wikipedia.org/wiki/Lablab. [20 ม.ค. 2014].
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 221 คอลัมน์: ต้นไม้ใบหญ้า. “ถั่วแปบ ผักพื้นบ้านชื่อไทยโบราณ”. (เดชา ศิริภัทร). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th. [20 ม.ค. 2014].
บ้านมหา. “ถั่วแปบ ของวิเศษสำหรับต้านโรคมะเร็ง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.baanmaha.com. [20 ม.ค. 2014].
ฐานข้อมูลท้องถิ่น สำนักวิทยบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร. “ถั่วแปบ สมุนไพร”. อ้างอิงใน: การสำรวจพรรณไม้ในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร. ม.ป.พ. (กมลทิพย์ ประเทศ และคณะ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: 202.29.15.9/rlocal/. [20 ม.ค. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง
1.https://minnetonkaorchards.com/hyacinth-bean-vine/

อัลฟัลฟ่า ราชาแห่งอาหาร ป้องกันโรคมะเร็งและเบาหวาน รักษาโรคไต

0
อัลฟัลฟ่า
อัลฟัลฟ่า ราชาแห่งอาหาร ป้องกันโรคมะเร็งและเบาหวาน รักษาโรคไต มีดอกสีม่วง นิยมนำมาใส่สลัด เป็นพืชที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ

อัลฟัลฟ่า

อัลฟัลฟ่า

อัลฟัลฟ่า เป็นพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ได้ชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งอาหารทั้งมวล” เป็นต้นที่มีดอกสีม่วงสดสวยงาม คนไทยอาจจะไม่ค่อยรู้จักกันมากนัก ส่วนมากจะรู้จักกันในหมู่คนรักสุขภาพ เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่นิยมนำมาใส่สลัด เป็นพืชที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลากหลาย จึงนิยมนำมาใช้ทำเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปอย่างพวกยาเม็ดสำเร็จรูป หรือแบบต้นแห้งสำหรับชงน้ำร้อนดื่มมากกว่านำมาทานทั่วไป

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของอัลฟัลฟ่า

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Medicago sativa L.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Alfalfa” “Lucerne”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE)

ลักษณะของอัลฟัลฟ่า

อัลฟัลฟ่า เป็นพืชตระกูลถั่ว เจริญเติบโตได้ทุกอากาศทั่วโลก
ลำต้น : เป็นฝัก ลำต้นมีระบบรากที่สามารถชอนไชลงไปได้ลึก ดูดซึมธาตุอาหารได้มาก
ใบ : ใบแตกออก 3 ใบย่อย
ดอก : เป็นสีม่วงหรือสีน้ำเงิน
ฝัก : มีเมล็ดอยู่ในฝัก

สรรพคุณของอัลฟัลฟ่า

  • สรรพคุณด้านเสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ในร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันโรคของร่างกาย ช่วยส่งเสริมการดูดซึมของโปรตีนและไขมันและคาร์โบไฮเดรต ช่วยปรับสมดุลของกรดด่างในร่างกาย ช่วยป้องกันการสะสมตัวของกรดยูริกและกรดอื่น ๆ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
  • สรรพคุณด้านป้องกันโรค ช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ป้องกันเบาหวาน รักษาโรคไต รักษาโรคดีซ่าน
  • สรรพคุณด้านระบบย่อยอาหาร ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร ช่วยแก้อาการเบื่ออาหารและอาการดูดซึมอาหารได้ไม่ดี รักษาอาการย่อยไม่เป็นปกติ รักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหาร ช่วยทำให้การดูดซึมอาหารภายในร่างกายเป็นปกติ ช่วยเคลือบผิวของกระเพาะอาหารให้มีความแข็งแรง รักษาโรคกระเพาะอาหาร แก้อาการปวดท้องเนื่องจากมีแก๊สมาก รักษาแผลในกระเพาะลำไส้
  • สรรพคุณด้านระบบประสาท ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท ช่วยลดอัตราของการเกิดความจำเสื่อม
  • สรรพคุณด้านอวัยวะในร่างกาย ช่วยทำให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานเป็นปกติ
  • สรรพคุณด้านผิวหนัง ช่วยทำให้ผิวหนังและเยื่อบุผิวหนังสุขภาพดี ลดการตกค้างของของเสียตามผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณผ่องใส
  • สรรพคุณด้านกระดูก ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูก ช่วยบำบัดโรคข้อต่ออักเสบ แก้อาการปวดข้อ แก้ข้อแข็ง แก้รูมาตอยด์ ระงับอาการปวดในโรคข้ออักเสบ
  • สรรพคุณด้านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ช่วยเสริมความแข็งแรงให้ฟัน ช่วยทำให้ผู้ที่เป็นโรคต้อกระจกมองเห็นได้ดีขึ้น
  • สรรพคุณด้านความงาม ช่วยบำรุงเส้นผม ลดอาการผมร่วง ทำให้ผมหงอกกลับดำขึ้น ลดสิว
  • สรรพคุณด้านเลือด ลดความดันโลหิต ลดปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด รักษาภาวะโลหิตจาง ช่วยสนับสนุนการจับตัวของเลือด ขับสารพิษออกจากเลือด ช่วยทำให้เลือดสะอาดและไหลเวียนได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเมล็ดเลือดแดง ทำให้ระบบการไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ช่วยลดการอุดตันของเกล็ดเลือดในเส้นเลือดฝอย ลดภาวะไขมันในเลือดสูง ช่วยทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดต่ำ ช่วยป้องกันการสะสมไขมันในหลอดเลือด บรรเทาเส้นเลือดขอด
  • สรรพคุณด้านระบบขับถ่าย ช่วยกำจัดของเสีย ขับสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยฟื้นฟูภาวะลำไส้อ่อนแอ ทำให้หลอดลำไส้มีสุขภาพดี ช่วยในการขับถ่ายและการปัสสาวะให้เป็นปกติ ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก บรรเทาอาการของริดสีดวงทวาร รักษาอาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ รักษาอาการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะและไต แก้ต่อมลูกหมากทำงานผิดปกติ
  • สรรพคุณด้านบรรเทาอาการ บรรเทาอาการของผู้ป่วยภาวะติดสารเสพติดและติดแอลกอฮอล์ บรรเทาภูมิแพ้ ช่วยป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียน บรรเทาอาการตัวบวมอันเนื่องมาจากการกักเก็บน้ำในร่างกายที่มากเกินไป ช่วยลดแผลอักเสบ บรรเทาอาการชาและบวม
  • สรรพคุณด้านไขมัน ช่วยป้องกันและชะลอการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากอาหาร ช่วยควบคุมระดับความเข้มข้นของคอเลสเตอรอลให้เป็นปกติ
  • สรรพคุณด้านอวัยวะสตรี ช่วยบรรเทาอาการที่เกี่ยวเนื่องจากภาวะการหมดประจำเดือนของสตรี ช่วยลดอาการผิดปกติในช่วงมีประจำเดือน ช่วยปรับสภาพของผู้หญิงวัยทอง ลดปัญหาอันเกิดเนื่องมาจากภาวะวัยทอง ช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำนมของแม่ได้ดีมากขึ้น

ประโยชน์ของอัลฟัลฟ่า

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่นิยมนำมาใส่สลัด ใบใช้ชงเป็นชาดื่มเพื่อสุขภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ
2. เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ใช้ผสมในครีมอาบน้ำ ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม ผลิตภัณฑ์ยาเม็ดสำเร็จรูป เป็นแบบต้นแห้งสำหรับชงน้ำร้อนดื่ม
3. ใช้ในการเกษตร ชาวอาหรับโบราณใช้เป็นพืชเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงม้า

อัลฟัลฟ่า มีสารสำคัญอยู่หลายกลุ่ม แถมมีสารอาหารมากมาย มีเอนไซม์หลัก 8 ชนิด และกรดอะมิโนจำเป็น 8 ชนิดที่ อุดมไปด้วยสารไฟโตเอสโตรเจน วิตามินหลายชนิด รวมไปถึงเกลือแร่และโปรตีน อัลฟัลฟ่ามีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ป้องกันเบาหวาน รักษาโรคไต ลดความดันโลหิต ลดปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบและขับสารพิษออกจากร่างกาย ดีต่อระบบเลือดและการขับของเสียออกเป็นอย่างมาก

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
เครือข่ายความร่วมมือบริการเภสัชสนเทศ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. “อัลฟัลฟ่า”. (วราลักษณ์ รวยสูงเนิน). อ้างอิงใน: www.pharm.su.ac.th. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: drug.pharmacy.psu.ac.th. [19 ม.ค. 2014].
สำนักงานเกษตรอำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี. “อัลฟาลฟา บิดาแห่งอาหารทั้งปวง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: khaokhitchakut.chanthaburi.doae.go.th. [19 ม.ค. 2014].
สุขภาพดีดีดอทคอม. “Alfalfa คืออะไร”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.healthdd.com. [19 ม.ค. 2014].
ครูบ้านนอก. “อัลฟัลฟา หญ้ามหัศจรรย์”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.kroobannok.com. [19 ม.ค. 2014].
บ้านสมุนไพร. “อัลฟัลฟา (Alfalfa) กับบทบาทอาหารเสริม”. อ้างอิงใน: นพ.จรัสพล รินทระ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.bansamonprai.com. [19 ม.ค. 2014].
“อัลฟัลฟ่า คืออะไร”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.ffcnulife.com. [19 ม.ค. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

รูปอ้างอิง
1.https://www.britannica.com/plant/alfalfa

เปล้าน้อย ทั้งต้นมีรสร้อน เป็นยาปฏิชีวนะเปลาโนทอล รักษาโรคกระเพาะได้ดีมาก

0
เปล้าน้อย
เปล้าน้อย ทั้งต้นมีรสร้อน เป็นยาปฏิชีวนะเปลาโนทอล รักษาโรคกระเพาะได้ดีมาก ช่วยย่อยอาหาร ป้องกันโรคได้

เปล้าน้อย

เปล้าน้อย

เปล้าน้อย หรือเรียกกันอีกอย่างว่า “เปล้าท่าโพ” เป็นไม้ยืนต้นทั่วไปที่ดีต่อระบบย่อยอาหารเป็นอย่างมาก เพราะมีสารเปลาโนทอล” (Plaunotol) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยลดปริมาณการหลั่งของกรดในกระเพาะ สมานแผลในกระเพาะได้ นอกจากนั้นยังนำใบและรากมาใช้เป็นยาปฏิชีวนะที่เรียกว่า “เปลาโนทอล” (Plaunotol) หรือยารักษาโรคกระเพาะโดยตรงด้วย ในการนำมาใช้ทานจากต้นสามารถนำมาทานเป็นผักได้แต่จะมีรสขมมาก ทำให้อาจจะทานยากกว่าการทานเป็นยาโดยตรง

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของเปล้าน้อย

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Croton fluviatilis Esser และ Croton stellatopilosus H.Ohba และ Croton sublyratus Kurz
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Thai croton”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกว่า “เปล้าท่าโพ”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ยางพารา (EUPHORBIACEAE)
ชื่อพ้อง : Oxydectes sublyrata (Kurz) Kuntze

ลักษณะของเปล้าน้อย

เปล้าน้อย เป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นผลัดใบ มักจะพบตามป่าเบญจพรรณ จะเจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อน และในพื้นดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี
ต้น : มีการแตกกิ่งก้านตั้งแต่โคนต้น เปลือกลำต้นมีสีน้ำตาลปนเทา ผิวค่อนข้างเรียบ
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปใบหอกวงรียาว ปลายใบแหลม โคนใบเรียว แผ่นใบเรียบเป็นมันสีเขียวเข้ม ใบแก่จะเปลี่ยนเป็นสีส้ม ขอบใบเป็นจักคล้ายซี่ฟัน
ดอก : ออกดอกเป็นช่อ ช่อดอกมีขนาดเล็ก จะออกดอกบริเวณซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกย่อยมีขนาดเล็ก เป็นแบบแยกเพศแต่อยู่ในช่อเดียวกัน กลีบดอกเป็นเส้นเมื่อบานแล้วจะโค้งไปด้านหลัง และมีสีขาวนวล
ผล : ลักษณะของผลเป็นรูปทรงค่อนข้างกลม เปลือกผลเมื่อแห้งจะมีสีน้ำตาลและแตกได้ง่าย แบ่งออกเป็น 3 พู มีรอยกลีบเลี้ยงติดอยู่ที่ก้นผล ในแต่ละพูจะมีเมล็ดอยู่ 1 เมล็ด เมล็ดมีสีน้ำตาลผิวเรียบ มีลายเส้นตามแนวยาวสีขาวหนึ่งเส้น ผลจะพัฒนาจนแก่จัดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จนถึงเดือนมีนาคม

สรรพคุณของเปล้าน้อย

  • สรรพคุณจากใบ ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ช่วยแก้อาการไอเป็นเลือด ช่วยรักษาโรคท้องเสีย เป็นยารักษาแผลในกระเพาะอาหารและในลำไส้ ลดปริมาณการหลั่งของกรดในกระเพาะให้น้อยลง ทำให้ระบบป้องกันการดูดซับกรดของเนื้อเยื่อบุกระเพาะที่ถูกทำลายจากสารบางชนิดให้กลับคืนปกติ ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อบุในลำไส้ที่เสีย ช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหารและในลำไส้ ช่วยแก้พยาธิต่าง ๆ ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยบำรุงโลหิตประจำเดือนของสตรี ช่วยแก้อาการคันตามตัว ช่วยรักษาโรคผิวหนัง รักษากลากเกลื้อน ช่วยรักษามะเร็งเพลิง
  • สรรพคุณจากเปลือก ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ช่วยแก้เลือดร้อน ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยรักษาโรคท้องเสีย ช่วยบำรุงโลหิตประจำเดือนของสตรี ช่วยรักษาโรคผิวหนัง รักษากลากเกลื้อน
  • สรรพคุณจากกระพี้ ช่วยแก้เลือดร้อน ช่วยในการย่อยอาหาร
  • สรรพคุณจากใบ แก่น ดอกและเปลือก ช่วยรักษาอาการไอ ช่วยขับเสมหะ ช่วยรักษาแผล สมานแผล
  • สรรพคุณจากราก ช่วยแก้อาการไอเป็นเลือด ช่วยแก้ลมขึ้นเบื้องบนให้หายเป็นปกติ ช่วยขับผายลม ช่วยแก้พยาธิต่าง ๆ ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยแก้อาการคันตามตัว ช่วยรักษาโรคผิวหนัง รักษากลากเกลื้อน ช่วยรักษามะเร็งเพลิง
    – ช่วยแก้โรคกระเพาะอาหาร ด้วยการนำรากต้มกับน้ำดื่มขณะอุ่น
  • สรรพคุณจากแก่น ช่วยกระจายลม ช่วยขับไส้เดือน ช่วยขับโลหิต ช่วยขับเลือดหนองให้ตก ช่วยแก้อาการช้ำใน
  • สรรพคุณจากดอก เป็นยาขับพยาธิ ฆ่าพยาธิ
  • สรรพคุณจากผล ช่วยแก้โรคน้ำเหลืองเสีย
    – ขับโลหิตระดูในเรือนไฟ ด้วยการนำผลมาดองสุรากินเป็นยา
    – ขับหนองให้กระจาย ด้วยการนำผลมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา

ประโยชน์ของเปล้าน้อย

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ใบนำมาทานเป็นอาหารได้ด้วยการรับประทานร่วมกับน้ำพริก หรือนำใบสดมาชงเป็นชาสมุนไพร แต่ใบจะมีรสขมมาก และปริมาณของสารเปลาโนทอลก็ค่อนข้างน้อย จึงไม่ควรทานครั้งละมาก ๆ แต่สามารถค่อย ๆ ทานเป็นการรักษาสุขภาพระยะยาวได้ เพราะช่วยลดโอกาสการเจ็บป่วยแบบเรื้อรัง ลดอาการกำเริบของโรค และทำให้มีสุขภาพดีขึ้น
2. เป็นส่วนประกอบของยา ใบและรากนำมาทำเป็นยาปฏิชีวนะได้ โดยนำใบมาสกัดเป็นยา “เปลาโนทอล” (Plaunotol) หรือยารักษาโรคกระเพาะ เป็นยาในรูปเม็ดสำเร็จ แบบซอง หรือแบบแคปซูลซึ่งแพทย์จะเป็นผู้สั่งจ่าย

เปล้าน้อย ถือว่าโดดเด่นในส่วนของการนำมาใช้เป็นยาปฏิชีวนะในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับกระเพาะโดยตรง ทั้งนี้ต้นมีรสร้อนและนำมาใช้เป็นยาในรูปแบบสมุนไพรได้เช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้ผลทันทีเท่ากับยาปฏิชีวนะ แต่ก็ถือเป็นการป้องกันโรคได้ด้วย มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของใบ เพราะเป็นส่วนที่มีสารเปลาโนทอลสูงสุด มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ เป็นยารักษาแผลในกระเพาะอาหารและในลำไส้ บำรุงเลือด ช่วยย่อยอาหาร แก้โรคน้ำเหลืองเสียและแก้ท้องเสียได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “เปล้าน้อย“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com. [15 ธ.ค. 2013].
สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “เปล้าน้อย“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th. [15 ธ.ค. 2013].
การสำรวจความหลากหลายของพืชสมุนไพร จากตลาดพื้นเมืองทางภาคตะวันตกของประเทศไทย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “เปล้าน้อย“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: pirun.kps.ku.ac.th/~b4816187/. [15 ธ.ค. 2013].
สถาบันเทคโนโลยีชีวภาพและวิศวกรรมพันธุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. “การปลูกเปล้าน้อย“. (ว่าที่ร้อยเอกวีระเดช สุขเอียด). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.ibge.chula.ac.th. [15 ธ.ค. 2013].
ผู้จัดการออนไลน์. “เปล้าน้อย ที่คนไทยรอคอยมากว่า 20 ปี!“. (รศ.ดร.อมร เพชรสม). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.manager.co.th. [15 ธ.ค. 2013].
อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “เปล้าน้อย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.pharmacy.mahidol.ac.th/siri/. [31 ส.ค. 2015].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/
รูปอ้างอิง
1.https://prasitkongsup.wordpress.com/

อ้อย พืชสำคัญการเกษตร แก้ไข้ บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ไตพิการ บำรุงหัวใจ

0
อ้อย
อ้อย พืชสำคัญทางการเกษตร แก้ไข้ บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ไตพิการ บำรุงหัวใจ ลำต้นกลมยาวแข็งแรง เป็นมัน มีสีม่วงแดงถึงสีดำ มีไขสีขาวเคลือบลำต้น มีปล้องชัด

อ้อย

อ้อย

อ้อย เป็นต้นที่คนทั่วไปรู้จักกันอย่างกว้างขวาง เป็นไม้ล้มลุกที่มักขึ้นเป็นกอ นิยมนำมาใช้ทำเป็นเครื่องดื่มสำหรับแก้กระหาย มีสรรพคุณทางยาสมุนไพรที่ดีต่อร่างกายได้หลากหลายมาก สามารถนำมาทำเป็นน้ำตาลได้ด้วย เป็นพืชที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการเกษตรในประเทศไทยเป็นอย่างมาก และยังมีคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย ซึ่งถือเป็นพืชยอดนิยมในไทย คนส่วนมากรู้กันดีว่าทุกส่วนของต้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ แต่ทางเราจะมาบอกรายละเอียดที่ลึกลงไปมากกว่าที่เคยรู้กัน

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของอ้อย

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Saccharum officinarum L.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Sugar cane” “Sugarcane” “Black sugar cane”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “อ้อย อ้อยขม อ้อยดำ อ้อยแดง อ้อยตาแดง” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “กะที เก่อที” ชาวเมขรเรียกว่า “อำโป” ชาวม้งเรียกว่า “โก้นจั่ว” ชาวลัวะเรียกว่า “มี” ชาวเมี่ยนเรียกว่า “กำเซี่ย” คนจีนเรียกว่า “กำเจี่ย ชุ่งเจี่ย”
ชื่อวงศ์ : วงศ์หญ้า (POACEAE หรือ GRAMINEAE)

ลักษณะของอ้อยหรืออ้อยดำ

ลำต้น : ลำต้นกลมยาวแข็งแรงและเป็นมัน มีสีม่วงแดงถึงสีดำ มีไขสีขาวเคลือบลำต้นอยู่ เห็นข้อปล้องชัดเจน มีตาออกตามข้อ
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกที่ข้อแบบเรียงสลับกัน หลุดร่วงง่าย พบได้เฉพาะที่ปลายยอด มีกาบใบโอบหุ้มตามข้ออยู่ ใบเป็นรูปขอบขนาน แคบยาวเรียว มีขนสากคายทั้งสองด้านของแผ่นใบ แผ่นใบเป็นสีม่วงเข้ม มีไขสีขาวปกคลุมอยู่ ปลายใบแหลม โคนใบหุ้มลำต้น กลางใบเป็นร่อง ขอบใบเป็นจักแบบละเอียดคม เส้นกลางใบใหญ่เป็นสีขาวและมีขน
ดอก : ออกดอกเป็นช่อใหญ่ที่ปลายยอด ลำต้นจะออกดอกเมื่อแก่เต็มที่ ในช่อหนึ่งมีดอกย่อยสีขาวครีมเป็นจำนวนมากและมีขนยาว เมื่อแก่จะมีพู่ปลาย
ผล : เป็นผลแห้งขนาดเล็ก จะออกผลเมื่อต้นแก่จัด เมล็ดจะปลิวตามลมได้ง่าย

สรรพคุณของอ้อยดำ

  • สรรพคุณช่วยบำรุงธาตุทั้งสี่ บำรุงอาโปธาตุ ช่วยดับพิษโลหิตแดงอักเสบ
  • สรรพคุณจากทั้งต้น รักษาโรคได้สารพัด ช่วยบำรุงร่างกาย รักษาอาการอ่อนเพลีย รักษาอาการผอมแห้ง แก้หิวและหอบ แก้ไม่มีเรี่ยวแรง เป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้เกิดกำลัง ช่วยรักษาเลือดลม ช่วยทำให้เจริญอาหาร ช่วยแก้หืดไอ เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยแก้ปัสสาวะพิการ ช่วยขับนิ่ว รักษาโรคนิ่ว แก้โรคช้ำรั่ว แก้อาการขัดเบา แก้ปัสสาวะขัด ช่วยบำรุงโลหิตระดูของสตรีให้งาม ช่วยให้มีบุตร
  • สรรพคุณจากแก่น
    – เป็นยาอายุวัฒนะ ด้วยการนำแก่นอ้อยผสมกับแก่นปีบและหัวยาข้าวเย็น มาต้มดื่ม
  • สรรพคุณจากราก ช่วยบำรุงร่างกาย รักษาอาการอ่อนเพลีย รักษาอาการผอมแห้ง แก้หิวและหอบ แก้ไม่มีเรี่ยวแรง เป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้เกิดกำลัง ช่วยบำรุงโลหิต ช่วยรักษาเลือดลม ช่วยรักษาอาการอ่อนเพลีย ช่วยแก้ไข้สัมประชวร ช่วยแก้หืดไอ ช่วยขับเสมหะ แก้เสมหะในคอ รักษาไส้ใหญ่แตกพิการ ช่วยขับนิ่ว รักษาโรคนิ่ว แก้โรคช้ำรั่ว แก้อาการขัดเบา แก้ปัสสาวะขัด ช่วยบำรุงโลหิตระดูของสตรีให้งาม ช่วยให้มีบุตร
    – ช่วยแก้อาการไอเรื้อรัง แก้หอบ แก้เสมหะในผู้ป่วยหลอดลมอักเสบ ด้วยการนำราก 10 กรัม มาต้มกับเหล้า กินครั้งเดียวหมดวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น
  • สรรพคุณจากต้น เป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้เกิดกำลัง ช่วยบำรุงธาตุ เจริญธาตุ ผายธาตุในร่างกาย ช่วยบำรุงธาตุน้ำ ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยรักษาอาการอ่อนเพลีย ช่วยทำให้เจริญอาหาร ช่วยแก้พิษตานซาง ช่วยรักษาอาการคลั่งเพ้อ ช่วยแก้ไข้สัมประชวร ช่วยรักษาไข้จับใน ช่วยรักษาไข้ผ่าระดูและไข้ตัวร้อน ช่วยแก้หืดไอ ช่วยรักษาโรคไซนัส ช่วยแก้อาการร้อนใน ช่วยขับเสมหะ แก้เสมหะในคอ ช่วยแก้เสมหะเหนียว ช่วยทำให้ชุ่มชื่นในลำคอและในอก ช่วยแก้อาการคอแห้งและอาการกระหายน้ำ ช่วยแก้อาการสะอึก ช่วยแก้กำเดาและลม ช่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ช่วยรักษาอาการตามืดฟาง ช่วยแก้อาการเมาค้าง แก้มึนงง แก้อ่อนเพลีย แก้อาการวิงเวียนศีรษะเพราะนอนน้อย แก้อยากจะอาเจียน ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร ช่วยแก้อาการท้องผูก ช่วยรักษาอาการท้องเดิน ถ่ายท้อง แก้ท้องขึ้น ช่วยรักษาอุจจาระเป็นเสมหะโลหิต ช่วยแก้ปัสสาวะพิการ ช่วยรักษาปัสสาวะวิปลาสเป็นสีเหลืองและสีแดง ช่วยขับนิ่ว รักษาโรคนิ่ว แก้โรคช้ำรั่ว แก้อาการขัดเบา แก้ปัสสาวะขัด ช่วยแก้หนองใน ช่วยรักษาระดูแห้งของสตรี ช่วยขับน้ำเหลือง ช่วยรักษาโรคงูสวัด ช่วยรักษาแผลพุพอง ช่วยแก้อาการช้ำใน
    – ช่วยแก้ไอ แก้หวัด ด้วยการนำต้นที่ยังไม่ปอกเปลือก 3 ข้อ มาเผาไฟจนร้อนเกิดฟองปุดออกทางปลายทั้งสองข้าง แล้วปอกเปลือกออก เคี้ยวกินในขณะร้อน หรือจิ้มกับเกลือกิน
    – แก้อาการร้อนในและปากเปื่อย ด้วยการตัดอ้อยดำจำนวน 3 ท่อน นำแต่ละท่อนมาผ่า 4 ส่วน เอา 3 ส่วน ไปแช่น้ำ 3 แก้ว เติมข้าวสารเจ้าลงไปหยิบมือหนึ่ง แช่ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกัน 3 – 4 วัน
    – ช่วยแก้ไตพิการ ด้วยการนำต้นสดวันละ 1 กำมือ มาสับเป็นชิ้นเล็ก แล้วต้มกับน้ำแบ่งดื่มครั้งละ 1 ถ้วยชา วันละ 2 ครั้ง
  • สรรพคุณจากน้ำเป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้เกิดกำลัง ช่วยบำรุงธาตุ เจริญธาตุ ผายธาตุในร่างกาย ช่วยบำรุงธาตุน้ำ ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยรักษาอาการอ่อนเพลีย ช่วยทำให้เจริญอาหาร ช่วยแก้ไข้สัมประชวร ช่วยแก้หืดไอ ช่วยแก้อาการร้อนใน ช่วยขับเสมหะ แก้เสมหะในคอ ช่วยทำให้ชุ่มชื่นในลำคอและในอก ช่วยแก้อาการคอแห้งและอาการกระหายน้ำ ช่วยแก้อาการสะอึก ช่วยแก้กำเดาและลม ช่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ช่วยรักษาอาการตามืดฟาง ช่วยแก้อาการเมาค้าง แก้มึนงง แก้อ่อนเพลีย แก้อาการวิงเวียนศีรษะเพราะนอนน้อย แก้อยากจะอาเจียน ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร ช่วยแก้อาการท้องผูก ช่วยแก้ปัสสาวะพิการ ช่วยล้างทางเดินปัสสาวะ ช่วยขับนิ่ว รักษาโรคนิ่ว แก้โรคช้ำรั่ว แก้อาการขัดเบา แก้ปัสสาวะขัด ช่วยแก้หนองใน ช่วยขับน้ำเหลือง ช่วยแก้พิษยางน่อง ช่วยรักษาฝีดูดหนอง ช่วยแก้อาการช้ำใน
    – แก้อาเจียนจากมีโรคอยู่ในกระเพาะ ด้วยการนำน้ำอ้อยสดครึ่งแก้ว ผสมกับน้ำคั้นจากขิงสด 1 ช้อนชา คนแล้วตั้งบนไฟพออุ่น ดื่มครั้งเดียวหมดวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น
    – ช่วยแก้อาการปวดประจำเดือน ด้วยการนำน้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะมาผสมกับเหล้าขาว 1 – 3 ช้อนแกงแล้วใช้ดื่ม
  • สรรพคุณจากตา เป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้เกิดกำลัง ช่วยบำรุงธาตุ เจริญธาตุ ผายธาตุในร่างกาย ช่วยบำรุงธาตุน้ำ ช่วยแก้พิษตานซาง ช่วยแก้ตัวร้อน
  • สรรพคุณจากเปลือกต้น ช่วยแก้ตานขโมย ช่วยแก้พิษตานซาง ช่วยแก้ตัวร้อน
    – รักษาโรคปากเป็นแผลอันเนื่องมาจากขาดธาตุอาหาร ด้วยการนำเปลือกมาเผาเป็นเถ้า บดให้ละเอียดใช้โรยทา
    – ช่วยแก้แผลเน่าเปื่อย แก้แผลบวมเป็นตุ่ม แก้แผลกดทับ ด้วยการนำเปลือกต้นมาเผาเป็นเถ้าบดให้เป็นผง ใช้โรยหรือทาที่แผล
  • สรรพคุณจากลำต้น
    – ช่วยแก้ไข้ แก้ไข้ตัวร้อน ช่วยแก้อาการเจ็บคอ ด้วยการนำปล้องลำต้นมาผ่าแล้วเอาเกลือทา นำไปเผาไฟแล้วเคี้ยวกินเป็นยา
  • สรรพคุณจากชาน
    – ช่วยรักษาแผลเรื้อรัง แก้แผลใต้ผิวหนังเรื้อรัง ช่วยแก้ฝีอักเสบบวม ด้วยการนำชานมาเผาเป็นเถ้าหรือบดเป็นผง ใช้โรยหรือผสมทาแผลแล้วเอาครีมทาปิด

ประโยชน์ของอ้อย

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ลำต้นใช้กินสดเป็นผลไม้ ทำเป็นอ้อยควั่น บีบเอาน้ำอ้อยใช้ดื่มโดยตรง ทำเป็นไอศกรีม ช่อดอกอ่อนที่ยังไม่บานนำมาใช้ทานดิบ นึ่งหรือย่างเป็นผักจิ้มได้ ลำต้นนำมาเคี่ยวทำเป็นน้ำตาลอ้อยได้น้ำอ้อยเคี่ยวจนตกผลึกได้น้ำตาลทราย กากน้ำตาลที่แยกออกจากน้ำตาลนำไปหมักทำเป็นเหล้ารัม ส่วนของใบ ยอด ลำต้นที่ยังอ่อนใช้เป็นอาหารสัตว์ ผลิตทำเป็นน้ำตาล
2. ใช้ในการเกษตร ใบแห้งนำมาใช้เป็นวัตถุสำหรับคลุมดินหรือบำรุงดิน ช่วยรักษาความชื้น ป้องกันวัชพืช ทำให้ไนโตรเจนในดินเพิ่มมากขึ้น รากและเหง้าเมื่อเน่าเปื่อยผุพังจะกลายเป็นปุ๋ย ใบแห้งนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงจะให้พลังงานค่อนข้างสูงมาก ชานใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตไอน้ำและกระแสไฟฟ้า กากตะกอนหรือขี้ตะกอนใช้เป็นปุ๋ยบำรุงดินได้ กากน้ำตาลนำมาใช้ทำปุ๋ยหรือเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงสัตว์
3. ใช้ในอุตสาหกรรม ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตไข สามารถใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตสารขัดเงา การผลิตหมึกสำหรับกระดาษคาร์บอน การผลิตลิปสติก ใช้ในอุตสาหกรรมยีสต์ ผิวของต้นมี Wax ซึ่งสามารถเอามาใช้ทำยาและทำเครื่องสำอางได้ ใช้สกัดทำเป็นสีย้อมโดยจะให้สีน้ำตาล
4. ใช้ในงานมงคล งานหมั้นหรืองานแต่งงาน โกนจุก ขึ้นบ้านใหม่ การเทศน์มหาชาติ

อ้อย เป็นต้นที่มีหลายสายพันธุ์ และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เป็นวัตถุดิบที่สำคัญในอุตสาหกรรมและการเกษตร ถือเป็นพืชยอดนิยมที่นำมาใช้กัน ทั้งการใช้ทดแทนพลังงาน ผลิตน้ำตาล ใช้ทำเครื่องดื่มทาน และการนำมาทำเป็นยาสมุนไพร มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของต้นและน้ำ มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยแก้ไข้ บำรุงกำลัง ช่วยบำรุงธาตุ ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร ช่วยแก้ปัสสาวะพิการ แก้ไตพิการ ช่วยบำรุงหัวใจและอื่น ๆ อีกมากมายจนนับไม่ถ้วน

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “อ้อยดำ“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com. [2 ม.ค. 2014].
สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “อ้อยแดง“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th. [2 ม.ค. 2014].
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. กรีนไฮเปอร์มาร์ท สารานุกรมผลิตผลและผลิตภัณฑ์จากพืชในซุปเปอร์มาร์เก็ต ฉบับคอมพิวเตอร์. “อ้อย“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.sc.mahidol.ac.th. [2 ม.ค. 2014].
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ. “อ้อยดำ“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.wattano.ac.th. [2 ม.ค. 2014].
ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม. “สมุนไพรพื้นบ้านอ้อย“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.m-culture.in.th. [2 ม.ค. 2014].
สมุนไพร ภูมิปัญญาไทย เทศบาลเมืองทุ่งสง. “อ้อยแดง“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.tungsong.com. [2 ม.ค. 2014].
สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. พืชให้สี. “อ้อยแดง“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/use/color2.htm. [2 ม.ค. 2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน). “Sugar cane“. อ้างอิงใน: หนังสือสมุนไพรใกล้ตัว เล่ม 13 : สมุนไพรแต่งสี กลิ่น รส (สมพร ภูติยานันต์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [2 ม.ค. 2014].
สมุนไพรในร้านยาโบราณ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. “อ้อย“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.pharmacy.msu.ac.th. [2 ม.ค. 2014].
Thai Herb Club. “อ้อย“. อ้างอิงใน: หนังสือพจนานุกรม สมุนไพรไทย (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaiherbclub.com. [2 ม.ค. 2014].
สมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม. “อ้อยในฐานะเป็นสมุนไพร“. (เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ). อ้างอิงใน: หนังสือสมุนไพรอันดับที่ 01 (ชัยโย ชัยชาญทิพยุทธ และคณะ), หนังสือสมุนไพรและยาที่ควรรู้ (รศ.พร้อมจิต ศรลัมภ์ และคณะ), หนังสือก้าวไปกับสมุนไพร (ศูนย์ข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล), หนังสือยาสมุนไพร (สำนักงานคณะกรรมการการสาธารณสุขมูลฐาน และคณะ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.e-busitrade.com. [2 ม.ค. 2014].
ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน. “อ้อย“. (ศิริพร บุญรักษา). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.bedo.or.th. [2 ม.ค. 2014].
มติชนสุดสัปดาห์ ปีที่ 26, ฉบับที่ 1350 (ก.ค.2549) หน้า 92. สมุนไพรเพื่อสุขภาพ โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเอง มูลนิธิสุขภาพไทย. “ดื่มน้ำอ้อยแทนน้ำเมา เพิ่มพลังเชียร์บอลโลก“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: info.matichon.co.th. [2 ม.ค. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com

รูปอ้างอิง
https://www.ragus.co.uk/growing-and-harvesting-sugarcane/

กระวาน เครื่องเทศรสเผ็ดร้อนและมีกลิ่นหอม เป็นยาดีต่อเลือดและลมในร่างกาย

0
กระวาน
กระวาน เครื่องเทศรสเผ็ดร้อนและมีกลิ่นหอม เป็นยาดีต่อเลือดและลมในร่างกาย มักขึ้นในที่ร่มหรือใต้ร่มไม้ที่มีความชื้นสูง

กระวาน

กระวาน

กระวาน เป็นไม้ล้มลุกที่มีเหง้าชนิดหนึ่ง ถือเป็นเครื่องเทศที่มีราคาแพงในประเทศไทย มักจะขึ้นในที่ร่มหรือใต้ร่มไม้ที่มีความชื้นสูง นิยมนำส่วนของราก หัว หน่อ เปลือกต้น แก่น กระพี้ เมล็ดและผลแก่มาใช้เป็นยาสมุนไพร เป็นต้นที่มีรสเผ็ดร้อนและมีกลิ่นหอม จึงนำมาแปรรูปทำเป็นน้ำมันหอมระเหยได้ แถมยังเป็นพืชด้านเศรษฐกิจที่ช่วยสร้างรายได้ให้แก่ประเทศปีละนับล้านบาทด้วยการส่งออกอีกด้วย

[/vc_column_text]

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของกระวาน

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Amomum verum Blackw.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Best cardamom” “Camphor” “Clustered cardamom” “Siam cardamom”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางและตะวันออกเรียกว่า “กระวานขาว” ภาคเหนือเรียกว่า “มะอี้” ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกว่า “ข่าโคก ข่าโค่ม หมากเนิ้ง” จังหวัดปัตตานีเรียกว่า “ปล้าก้อ” มีชื่ออื่น ๆ ว่า “กระวานไทย กระวานดำ กระวานแดง กระวานจันทร์ กระวานโพธิสัตว์”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE)
ชื่อพ้อง : Amomum krervanh Pierre ex Gagnep.

ลักษณะของกระวาน

ใบ : เป็นใบเดี่ยว ลักษณะของใบแคบและยาว เป็นรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม
ดอก : ออกดอกเป็นช่อ ช่อดอกออกมาจากเหง้าชูขึ้นมาเหนือพื้นดิน เรียงสลับซ้อนกันตลอดช่อ ปลายกลีบเลี้ยงมีหยัก 3 หยัก กลีบดอกมีสีเหลืองเป็นหลอดแคบ เกสรตัวผู้เป็นแบบไม่สมบูรณ์เพศ แปรสภาพเป็นกลีบขนาดใหญ่สีขาว และมีแถบสีเหลืองอยู่ตรงกลาง
ผล : ผลมีลักษณะค่อนข้างกลม ติดเป็นพวงราว 10 – 20 ผล มีสีขาวนวล เปลือกผิวเกลี้ยง มองเห็นเป็น 3 พู ผลอ่อนมีขน ผิวเปลือกมีริ้วตามยาว ทั้งหัวและท้ายผลมีจุก ผลจะร่วงเมื่อแก่และจะแตก
เมล็ด : มีเมล็ดอยู่ภายในจำนวนมาก แบ่งเป็น 3 กลุ่ม มีกลุ่มละประมาณ 12 – 18 เมล็ด เมล็ดอ่อนมีสีขาวและมีเยื่อหุ้ม เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีดำหรือสีน้ำตาลไหม้ โดยทั้งผลและเมล็ดจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว คล้ายกับกลิ่นของการบูร มีรสเผ็ดและเย็น

สรรพคุณของกระวาน

  • สรรพคุณจากผลแก่ ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย แก้ธาตุไม่ปกติ ช่วยบำรุงกำลัง ช่วยทำให้เจริญอาหาร แก้อาการเบื่ออาหาร ช่วยขับโลหิต แก้ลมเสมหะให้ปิดธาตุ แก้อาการสะอึก ช่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ช่วยแก้ลมในอกให้ปิดธาตุ ช่วยแก้ลมสันนิบาตหรือสันนิบาตลูกนก ช่วยรักษาโรครำมะนาด แก้ลมในลำไส้ ช่วยแก้อัมพาต มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรียบางชนิด มีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
    – แก้ลมจุกเสียดแน่นเฟ้อ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ มีฤทธิ์ในการขับลม ด้วยการนำผลแก่จัดประมาณ 6 – 10 ผล มาตากแห้งแล้วบดเป็นผงทานครั้ง 1 – 3 ช้อนชา ต้มกับน้ำ 1 ถ้วยแก้ว แล้วเคี่ยวจนเหลือครึ่งถ้วยแก้ว นำมาใช้ทานเพียงครั้งเดียว
    – บรรเทาอาการไซ้ท้องหรืออาการคลื่นไส้อาเจียน ด้วยการนำผลมาผสมกับสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาถ่าย
  • สรรพคุณจากใบ ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ช่วยบำรุงกำลัง แก้ลมเสมหะให้ปิดธาตุ ช่วยขับเสมหะ ช่วยแก้ลม ช่วยแก้ลมสันนิบาตหรือสันนิบาตลูกนก ช่วยรักษาโรครำมะนาด ช่วยแก้ไข้เพื่อลม ช่วยแก้ไข้อันง่วงเหงา แก้ไข้เซื่องซึม ช่วยขับผายลมในลำไส้
  • สรรพคุณจากเปลือก ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ช่วยขับเสมหะ ช่วยแก้อาการผอมเหลือง ช่วยแก้ไข้ ช่วยแก้ไข้อันเป็นอชินโรคและอชินธาตุ ช่วยแก้ไข้อันง่วงเหงา ช่วยรักษาโรคผิวหนัง
  • สรรพคุณจากเมล็ด ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ช่วยแก้ธาตุพิการ ช่วยขับเสมหะ ช่วยแก้อาการปวดท้อง ช่วยขับผายลมในลำไส้ ช่วยแก้อุจจาระพิการ
  • สรรพคุณจากกระพี้ ช่วยบำรุงโลหิตในร่างกาย ช่วยรักษาโรคผิวหนัง
  • สรรพคุณจากราก ช่วยฟอกโลหิต แก้โลหิตเน่าเสีย ช่วยแก้เสมหะให้ปิดธาตุ ช่วยแก้ลม ช่วยรักษาโรครำมะนาด
  • สรรพคุณจากแก่น ช่วยรักษาโรคโลหิตเป็นพิษ ช่วยแก้พิษร้าย
  • สรรพคุณจากผล ช่วยแก้ลม
  • สรรพคุณจากหัวและหน่อ ช่วยขับพยาธิในเนื้อให้ออกทางผิวหนัง

ประโยชน์ของกระวาน

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร เหง้าอ่อนทานเป็นผักได้ โดยให้กลิ่นหอมและมีรสเผ็ดเล็กน้อย ผลแก่นำมาตากแห้งใช้เป็นเครื่องเทศ เมล็ดมีกลิ่นหอมใช้สำหรับแต่งกลิ่นขนมปัง ขนมเค้ก คุกกี้ และดับกลิ่นคาวอาหารประเภทเนื้อสัตว์
2. แปรรูปทำเป็นน้ำมันหอมระเหย โดยการกลั่นด้วยไอน้ำ น้ำมันจากผลนำไปแต่งกลิ่นเหล้า หรือเครื่องดื่ม ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม
3. ด้านเศรษฐกิจ เป็นเครื่องเทศส่งออกของประเทศไทยที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศปีละนับล้านบาท
4. เป็นส่วนประกอบของยาสมุนไพร อยู่ในตำรับยาพิกัดตรีธาตุ ตำรับยาพิกัดตรีทุราวสา

กระวาน เป็นต้นที่มีผลให้น้ำมันหอมระเหย และเป็นส่วนที่อุดมไปด้วยสรรพคุณทางยา มีรสเผ็ดร้อนและมีกลิ่นหอม เป็นพืชผลที่ใช้เป็นเครื่องเทศในการปรุงอาหาร และยังเป็นเครื่องเทศที่ส่งออกเพื่อสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจในประเทศอีกด้วย มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของผลแก่ มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ บำรุงกำลังและธาตุในร่างกาย ดีต่อระบบลมและดีต่อระบบเลือดเป็นอย่างมาก

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “กระวาน“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th. [17 พ.ย. 2013].
ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “กระวานไทย“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaicrudedrug.com. [17 พ.ย. 2013].
สำนักงานเกษตร อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี. “กระวาน“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: soidao.chanthaburi.doae.go.th. [17 พ.ย. 2013].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

รูปอ้างอิง
https://zhuanlan.zhihu.com/p/580319492
https://www.innerpath.com.au/matmed/herbs/Amomum~villosum.htm

ตาล ผลยอดนิยมในขนมหวาน แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้ไข้ ลดความดันโลหิต

0
ตาล
ตาล ผลยอดนิยมในขนมหวาน แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้ไข้ ลดความดันโลหิต นิยมปลูกตามสวนต่างจังหวัด

ตาล

ตาล

ตาล เป็นต้นที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จักเพราะว่าพบเจอได้บ่อย เป็นพืชดั้งเดิมของทวีปแอฟริกา เป็นต้นปาล์มต้นเดี่ยวที่มีความสูงชะลูด และยังนิยมนำมาใช้ทำขนมหวานได้หลายเมนู ทั้งนี้บางคนอาจจะไม่รู้ว่าเจ้าต้นนี้ก็สามารถนำส่วนต่าง ๆ ของต้นมาใช้เป็นยาสมุนไพรได้ นอกจากนี้ยังนำมาใช้ทำประโยชน์ในด้านอุตสาหกรรม ด้านจักสาน ใช้ทำเป็นเชื้อเพลิง สามารถปลูกไว้กลางแจ้ง และยังนำมาใช้เป็นยาแคปซูลได้ และยังมีคุณค่าทางโภชนาการต่อร่างกายอีกด้วย

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของตาล

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Borassus flabellifer L.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Asian palmyra palm” “Palmyra palm” “Brab palm” “Doub palm” “Fan palm” “Lontar palm” “Toddy palm” “Tala palm” “Wine palm”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “ตาล ตาลใหญ่ ตาลโตนด” ภาคใต้เรียกว่า “โหนด ลูกโนด” จังหวัดเชียงใหม่เรียกว่า “ตาลนา ปลีตาล” ชาวเงี้ยวแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “ถาล” ชาวชานแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “ถาน” ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “ทอถู” ชาวกะเหรี่ยงเชียงใหม่เรียกว่า “ท้าง” เขมรเรียกว่า “ตะนอด” เขมรพระตะบองเรียกว่า “ทะเนาด์”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ปาล์ม (ARECACEAE)

ลักษณะของต้นตาล

ลำต้น : ลำต้นใหญ่และเนื้อแข็งแรงมาก ปาล์มแยกเพศกันอยู่คนละต้น ลำต้นเป็นเสี้ยนสีดำและแข็งมาก แต่ไส้กลางของลำต้นจะอ่อน
ราก : มีรากเป็นกลุ่มใหญ่บริเวณโคนต้น
ใบ : เป็นใบเดี่ยวเรียงสลับกัน ลักษณะค่อนข้างกลมคล้ายพัด แผ่นใบหนาสีเขียว ปลายใบเป็นจักลึก ก้านใบหนามีสีเหลือง มีหนามแข็งคล้ายฟันเลื่อยแข็งสีดำและคมมากอยู่ตามขอบก้านใบ โคนก้านจะแยกออกจากกันคล้ายกับคีมเหล็กโอบหุ้มลำต้นเอาไว้
ดอก : ดอกมีสีขาวอมเหลือง ออกดอกเป็นช่อแยกแขนงระหว่างกาบใบ ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้นกัน ช่อดอกมีดอกละ 8 – 16 ดอก ช่อดอกเพศผู้ใหญ่รวมกันเป็นกลุ่มคล้ายนิ้วมือ เรียกว่า “นิ้วตาล” โคนกลุ่มช่อมีก้านช่อรวมและมีกาบแข็งอยู่หลายกาบ ช่อดอกเพศเมียคล้ายกับเพศผู้ ลักษณะของนิ้วจะเป็นปุ่มปม
ผล : ผลสดเป็นลูกแบบมีเนื้อเมล็ดเดียว ผลติดกันเป็นกลุ่มแน่น เป็นทรงกลมหรือทรงกระบอกสั้น เป็นเส้นใยแข็งมันสีน้ำตาลถึงสีม่วงเข้ม ปลายผลมีสีเหลืองหุ้มห่อเนื้อเยื่อสีเหลืองไว้ภายใน ผิวผลเป็นมัน เมื่อผลสุกแล้วจะมีสีดำ เมล็ด : ในผลหนึ่งมีเมล็ดใหญ่และแข็ง 1 – 3 เมล็ด จะถูกหุ้มด้วยใยและเนื้อผลสีเหลืองสด (จาว)

สรรพคุณของตาล

  • สรรพคุณจากรากต้มกับน้ำดื่ม เป็นยาชูกำลัง ช่วยแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ ช่วยขับเลือด
  • สรรพคุณจากราก ช่วยแก้ตานขโมยในเด็ก
    – ช่วยทำให้สดชื่น จิตใจแจ่มใสเบิกบาน ช่วยแก้ไข้ แก้อาการร้อนใน แก้กระหายน้ำ ช่วยขับพยาธิ แก้พิษตานซาง ด้วยการนำรากมาต้มกับน้ำดื่ม
  • สรรพคุณจากจาว ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
  • สรรพคุณจากส่วนรากที่งอกอยู่เหนือดิน (ตาลแขวน) เป็นยาแก้ไข้ที่มีพิษร้อน แก้พิษซางตาน
  • สรรพคุณจากกาบหรือก้านใบสด
    – รักษาอาการปากเปื่อย ด้วยการนำกาบใบหรือก้านใบสดมาอังไฟบีบเอาแต่น้ำใช้อม
    – แก้อาการท้องเสีย แก้ท้องร่วง ด้วยการนำกาบหรือก้านใบสดมาอังไฟแล้วบีบเอาน้ำมากิน
  • สรรพคุณจากใบ ช่วยแก้อาการกระสับกระส่ายของสตรีหลังคลอดบุตร
    – ช่วยลดความดันโลหิต ด้วยการนำใบมาคั่วให้เหลืองแล้วนำมาบดจนเป็นผง ใช้สูบหรือเป่า
  • สรรพคุณจากเปลือกหรือส่วนที่เป็นกะลา แก้อาการท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร
  • สรรพคุณจากช่อดอกตัวผู้ เป็นยาบำรุงกำลัง

ประโยชน์ของตาล

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ผลสามารถนำมารับประทานหรือใช้ทำเป็นขนม เช่น เมนูลูกตาลลอยแก้ว ขนมตาล ลูกตาลเชื่อม ลอนตาลลอยแก้ว หัวลูกตาลอ่อนนำมาต้มให้สุกใช้รับประทานกับน้ำพริก หรือทำเมนูต้มปลาร้าหัวตาล ผลอ่อน หน่ออ่อนสามารถนำมาใช้ประกอบอาหารได้ เปลือกหุ้มผลอ่อนนำมาใช้ปรุงอาหาร ส่วนของช่อดอกใช้น้ำหวานทำเป็นเครื่องดื่มและน้ำตาล ต้นตาลทั้งเพศผู้และเพศเมียที่ยังไม่แก่เต็มที่จะให้น้ำตาลจึงนำมาทำเป็นน้ำตาลก้อนหรือน้ำตาลปี๊บ
2. ปลูกเป็นไม้ประดับ ต้นตาลมีทรงพุ่มที่สวยงาม นิยมใช้ปลูกไว้กลางแจ้ง ตามชายทะเลหรือริมถนนหนทาง
3. ใช้ในด้านอุตสาหกรรม ลำต้นใช้ทำไม้กระดาน ใช้ทำเสา สร้างบ้าน ทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์สำหรับเครื่องตกแต่งบ้าน ใช้ในงานฝีมือที่มีราคาสูง ทำเป็นท่อระบายน้ำสำหรับพื้นที่ทางการเกษตร ใช้เป็นกล่องหรือตลับสำหรับเก็บสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำจักสานงานฝีมือ ทำเป็นเชือกสำหรับผูกหรือล่ามวัว ทำเป็นคอกสัตว์ รั้วบ้าน
4. ทำเชื้อเพลิง นิยมนำไปใช้ทำเป็นเชื้อเพลิง เพราะจะได้ถ่านสีดำที่มีคาร์บอนสูงเป็นพิเศษ
5. เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทำแคปซูลเป็นยาขับพยาธิ แก้พิษตานซาง ทำให้จิตใจชื่นบาน

คุณค่าทางโภชนาการของลูกตาลอ่อน ต่อ 100 กรัม

คุณค่าทางโภชนาการ ต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 47 กิโลแคลอรี

สารอาหาร ปริมาณที่ได้รับ
คาร์โบไฮเดรต 9.0 กรัม
โปรตีน 0.5 กรัม
เส้นใย 0.5 กรัม
ไขมัน 1.0 กรัม
น้ำ 88.5 กรัม
วิตามินบี1 0.03 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.01 มิลลิกรัม
วิตามินบี3 0.5 มิลลิกรัม
วิตามินซี 2 มิลลิกรัม 
ธาตุแคลเซียม 6 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 1.7 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 20 มิลลิกรัม

คุณค่าทางโภชนาการของหน่อตาลอ่อน

คุณค่าทางโภชนาการของหน่ออ่อน ต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 103 กิโลแคลอรี

สารอาหาร ปริมาณที่ได้รับ
คาร์โบไฮเดรต 26.6 กรัม
โปรตีน 2.7 กรัม
เส้นใย 2.2 กรัม
ไขมัน 0.2 กรัม
น้ำ 69.5 กรัม
วิตามินบี1 0.05 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.18 มิลลิกรัม
วิตามินบี3 0.9 มิลลิกรัม
วิตามินซี 8 มิลลิกรัม
ธาตุแคลเซียม 18 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 140 มิลลิกรัม

ตาล เป็นไม้ต้นสูงชะลูดที่พบได้มากในประเทศไทยเรา แถมยังเป็นต้นที่นิยมปลูกตามสวนต่างจังหวัด เพื่อนำส่วนของลูกมาใช้ประโยชน์ได้ เป็นต้นยอดนิยมที่นำมาใช้ทำขนมหวานได้หลากหลายเมนู มีรสหวานเย็นน่าทาน สรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของราก มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ชูกำลัง ช่วยแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ ช่วยขับเลือด ช่วยแก้ไข้และช่วยลดความดันโลหิตได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
ข้อมูลพรรณไม้ที่ใช้ในงานภูมิสถาปัตยกรรม. ศูนย์ความรู้ด้านการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: agkc.lib.ku.ac.th. [31 ต.ค. 2013].
สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th. [31 ต.ค. 2013].
ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน). “ต้นตาล“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.bedo.or.th. [31 ต.ค. 2013].
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ ศูนย์วิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: science.skru.ac.th. [31 ต.ค. 2013].
bioGANG. “ตาลโตนด“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.biogang.net. [31 ต.ค. 2013].
อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.pharmacy.mahidol.ac.th. [31 ต.ค. 2013].
“ตาลโตนด (Palmyra Palm)“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: webserv.kmitl.ac.th/notyBurin/arjarnsodpdf/P_central/PDF_01central/018.pdf. [31 ต.ค. 2013]
“ผักพื้นบ้าน ตาล“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: 203.172.205.25. [31 ต.ค. 2013].
ศูนย์เครือข่ายข้อมูลอาหารครบวงจร. “ตาล / Asian palmyra palm”. (ผศ.ดร.พิมพ์เพ็ญ พรเฉลิมพงศ์, ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นิธิยา รัตนาปนนท์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.foodnetworksolution.com. [31 ต.ค. 2013].
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 159 คอลัมน์: ต้นไม้ใบหญ้า. “ตาลโตนด : ตัวแทนความหวานและความสูง”. (เดชา ศิริภัทร). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th. [31 ต.ค. 2013].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com

รูปอ้างอิง
1.https://tamilcrew.com/agricultural-products/asian-palmyra-palm-seeds/
2.https://www.telegraphindia.com/west-bengal/palm-leaves-for-fan-sap-for-drinks/cid/1472528

ผักกาดหอม แคลอรีต่ำ คุณค่าทางอาหารสูง ช่วยป้องกันโรคภัย

0
ผักกาดหอม
ผักกาดหอม แคลอรีต่ำ คุณค่าทางอาหารสูง ช่วยป้องกันโรคภัย ยางจากต้นสามารถนำมาใช้ในรูปแบบยาทั้งชนิดน้ำและแบบชนิดเม็ดได้

ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ผักกาดหอม หรือเรียกกันอีกอย่างว่า “ผักสลัด” เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชียและทวีปยุโรป สำหรับในประเทศไทยมีการปลูกผักกาดหอมกันมานานแล้ว ผักกาดหอมมีอยู่ด้วยกันถึง 3 ชนิด มีดอกสีเหลืองชวนให้ดูสวยงามและน่ารัก เป็นผักที่มีแคลอรีต่ำเหมาะสำหรับคนลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก ยางจากต้นสามารถนำมาใช้ในรูปแบบยาทั้งชนิดน้ำและแบบชนิดเม็ดได้ ในใบหรือก้านของผักกาดหอมจะมีสารรสขมที่ชื่อว่า “แลกทูคาเรียม” ซึ่งเป็นสารที่ทำให้จิตใจสงบ ผ่อนคลายและช่วยในการนอนหลับได้

[/vc_column_text]

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของผักกาดหอม

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lactuca sativa L.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Lettuce”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “สลัด สลัดผัก ผักสลัด” ภาคเหนือเรียกว่า “ผักกาดยี” คนจีนเรียกว่า “ผักกาดปี พังฉาย พังฉ่าย พังฉ้าย”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ทานตะวัน (ASTERACEAE หรือ COMPOSITAE)

ลักษณะของผักกาดหอม

ผักกาดหอม เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชียและทวีปยุโรป ประกอบไปด้วย 3 ชนิดใหญ่ ๆ คือ ผักกาดหอมใบ ผักกาดหอมห่อ ผักกาดหอมต้น
ลำต้น : ลำต้นในระยะแรกมักจะมองไม่เห็น เพราะใบมักปกคลุมไว้ แต่จะเห็นได้ชัดเมื่อถึงระยะแทงช่อดอก มีลักษณะเป็นข้อสั้น โดยแต่ละข้อจะเป็นที่เกิดของใบ ลักษณะของลำต้นค่อนข้างอวบอ้วนและตั้งตรงสูงชะลูดขึ้นจนสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
ราก : เป็นระบบรากแก้วที่แข็งแรงและอวบอ้วน รากที่เหลือจะเป็นรากแขนงแผ่กระจายอยู่ใต้ผิวดิน โดยรากจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มอย่างหนาแน่น ไม่ค่อยแพร่กระจายมากนัก เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วเมื่อปลูกในดินร่วนปนทรายที่มีความชื้นเพียงพอ
ใบ : ใบมีสีตั้งแต่เขียวอ่อน สีเขียวปนเปลืองไปจนถึงสีเขียวแก่ บางสายพันธุ์จะมีสีแดงหรือมีสีน้ำตาลปนอยู่ ทำให้มีสีแดง สีบรอนซ์ หรือสีน้ำตาลปนเขียว ใบจะแตกออกมาจากลำต้นโดยรอบ พันธุ์ที่ห่อเป็นหัวจะมีใบหนา และมีเนื้อใบอ่อนนุ่ม ใบห่อหัวอัดกันแน่น ส่วนใบที่ห่ออยู่ข้างในจะเป็นมัน
ดอก : ออกดอกเป็นช่อดอกรวม ในแต่ละกระจุกมีดอกย่อยประมาณ 15 – 25 ดอก ช่อดอกอันแรกจะเกิดบริเวณยอดอ่อน หลังจากนั้นจะเกิดบริเวณมุมใบ โดยช่อดอกที่เกิดบริเวณยอดจะมีอายุมากที่สุด เป็นดอกสมบูรณ์เพศ กลีบดอกมีสีเหลือง ตรงโคนเชื่อมติดกัน มีรังไข่ 1 ห้อง เกสรตัวเมีย 1 ก้าน เป็น 2 แฉก ส่วนเกสรตัวผู้จะมี 5 ก้าน
เมล็ด : เมล็ดเป็นชนิดเมล็ดเดียวที่เจริญมาจากรังไข่อันเดียว มีลักษณะแบนยาว หัวท้ายแหลมคล้ายรูปหอก มีเส้นขนาดเล็กลาดยาวไปตามด้านยาวของเมล็ดบนเปลือกหุ้ม เมล็ดมีเปลือกหุ้มบาง เปลือกจะไม่แตกเมื่อเมล็ดแห้ง มีสีเทาปนสีครีม

สรรพคุณของผักกาดหอม

  • สรรพคุณจากใบ ต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ป้องกันและต่อต้านมะเร็ง ช่วยในการนอนหลับ ทำให้จิตใจสงบและผ่อนคลาย แก้อารมณ์เสียง่าย ดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน ช่วยเสริมการสร้างเม็ดเลือด แก้โรคโลหิตจาง ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย แก้สมาธิสั้น แก้การเรียนรู้ลดลง ช่วยแก้ไข้ แก้ไอ
  • สรรพคุณจากทั้งต้น เป็นยาบำรุงร่างกาย ช่วยขับถ่าย ช่วยป้องกันและบรรเทาอาการท้องผูก
  • สรรพคุณจากเมล็ด ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร รักษาโรคตับ ช่วยระงับอาการปวด ช่วยแก้อาการปวดเอว ช่วยขับน้ำนมของสตรีหลังคลอดบุตร
    – ช่วยขับเสมหะและแก้อาการไอ ด้วยการนำเมล็ดตากแห้งประมาณ 5 กรัม มาชงกับน้ำร้อน 1 ถ้วยกาแฟ ดื่มก่อนอาหารเช้าและเย็น
  • สรรพคุณจากต้น ช่วยขับเสมหะและแก้อาการไอ
  • สรรพคุณจากน้ำคั้นจากใบ เป็นยาขับเหงื่อ ช่วยขับปัสสาวะ
  • สรรพคุณจากน้ำคั้นจากทั้งต้น ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ เป็นยาระบาย ช่วยขับลมในลำไส้ ช่วยขับพยาธิ แก้ฝีมะม่วง

ประโยชน์ของผักกาดหอม

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร นิยมใช้รับประทานกับอาหารจำพวกยำ เช่น ข้าวเกรียบปากหม้อ สาคูไส้หมู เป็นต้น นิยมนำมาใช้ตกแต่งอาหารเพื่อให้มีสีสันสวยงาม
2. เป็นอาหารของคนลดน้ำหนัก ผักกาดหอมเป็นผักที่มีแคลอรีต่ำ เหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่ลดน้ำหนัก
3. ใช้ในด้านความงาม ทานผักกาดหอมร่วมกับแคร์รอตและผักโขมจะช่วยบำรุงสีของเส้นผมให้สวยงามได้
4. เป็นส่วนประกอบของยา ปัจจุบันมีการใช้ยาง (Latex) ที่สกัดจากผักกาดหอมออกมาจำหน่ายในรูปแบบยา ซึ่งมีทั้งชนิดน้ำและแบบชนิดเม็ด

คุณค่าทางโภชนาการของผักกาดหอม (ชนิดใบสีเขียว)

คุณค่าทางโภชนาการของผักกาดหอม (ชนิดใบสีเขียว) ต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 15 กิโลแคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารที่ได้รับ
คาร์โบไฮเดรต 2.87 กรัม
น้ำ 94.98 กรัม
น้ำตาล 0.78 กรัม
เส้นใย 1.3 กรัม
ไขมัน 0.15 กรัม 
โปรตีน 1.36 กรัม
วิตามินเอ 7,405 หน่วยสากล
วิตามินบี1 0.07 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.08 มิลลิกรัม
วิตามินบี3 0.375 มิลลิกรัม
วิตามินบี6 0.09 มิลลิกรัม
วิตามินบี9 38 ไมโครกรัม
วิตามินซี 9.2 มิลลิกรัม
วิตามินอี 0.22 มิลลิกรัม
วิตามินเค 126.3 ไมโครกรัม
ธาตุแคลเซียม 36 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 0.86 มิลลิกรัม
ธาตุแมกนีเซียม 13 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 29 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 194 มิลลิกรัม
ธาตุโซเดียม 28 มิลลิกรัม 
ธาตุสังกะสี 0.18 มิลลิกรัม

คุณค่าทางโภชนาการของผักกาดหอม (ชนิดใบสีแดง)

คุณค่าทางโภชนาการของผักกาดหอม (ชนิดใบสีแดง) ต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 16 กิโลแคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารที่ได้รับ
คาร์โบไฮเดรต  2.26 กรัม
น้ำ 95.64 กรัม
น้ำตาล 0.48 กรัม 
เส้นใย 0.9 กรัม
ไขมัน 0.22 กรัม
โปรตีน 1.33 กรัม
วิตามินเอ 7,492 หน่วยสากล
วิตามินบี1 0.064 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.077 มิลลิกรัม
วิตามินบี5 0.321 มิลลิกรัม
วิตามินบี6 0.1 มิลลิกรัม
วิตามินซี 3.7 มิลลิกรัม
วิตามินอี 0.15 มิลลิกรัม
วิตามินเค 140.3 ไมโครกรัม
ธาตุแคลเซียม 33 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 1.2 มิลลิกรัม
ธาตุแมกนีเซียม 12 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 28 มิลลิกรัม
ธาตุโพแทสเซียม  187 มิลลิกรัม
ธาตุโซเดียม 25 มิลลิกรัม
ธาตุสังกะสี 0.2 มิลลิกรัม

คุณค่าทางโภชนาการของผักกาดหอม (ชนิดห่อหัวไม่แน่น)

คุณค่าทางโภชนาการ ต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 13 กิโลแคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารที่ได้รับ
คาร์โบไฮเดรต 2.23 กรัม
น้ำ 95.63 กรัม
น้ำตาล 0.94 กรัม
เส้นใย 1.1 กรัม 
ไขมัน 0.22 กรัม
โปรตีน 1.35 กรัม
วิตามินเอ 3,312 หน่วยสากล (21%)
เบตาแคโรทีน 1,987 ไมโครกรัม (18%) 
ลูทีนและซีแซนทีน 1,223 ไมโครกรัม
วิตามินบี1 0.057 มิลลิกรัม (5%)
วิตามินบี2 0.062 มิลลิกรัม (5%)
วิตามินบี5 0.15 มิลลิกรัม (3%)
วิตามินบี6 0.082 มิลลิกรัม (6%)
วิตามินบี9 73 ไมโครกรัม (18%) 
วิตามินซี 3.7 มิลลิกรัม (4%)
วิตามินอี 0.18 มิลลิกรัม (1%) 
วิตามินเค 102.3 ไมโครกรัม (97%)
ธาตุแคลเซียม 35 มิลลิกรัม (4%) 
ธาตุเหล็ก 1.24 มิลลิกรัม (10%) 
ธาตุแมกนีเซียม 13 มิลลิกรัม (4%)
ธาตุแมงกานีส 0.179 มิลลิกรัม (9%)
ธาตุฟอสฟอรัส 33 มิลลิกรัม (5%)
โพแทสเซียม 238 มิลลิกรัม (5%)
ธาตุโซเดียม 5 มิลลิกรัม (0%)
ธาตุสังกะสี 0.2 มิลลิกรัม (2%)

ผักกาดหอม ถือเป็นผักที่คู่ควรอย่างมากสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก เพราะมีแคลอรีต่ำ แต่คุณค่าทางอาหารสูงมาก และยังอุดมไปด้วยสรรพคุณทางยาอีกด้วย นิยมในการนำมาใช้ประกอบอาหารอย่างพวกสลัด ผักกาดหอมมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของใบ มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ต้านมะเร็ง ช่วยในการนอนหลับ รักษาตับ บำรุงร่างกาย และช่วยเสริมการสร้างเม็ดเลือดได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doae.go.th. [30 ต.ค. 2013].
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaihealth.or.th. [30 ต.ค. 2013].
มูลนิธิโครงการหลวง. “ผักกาดหอมใบแดง“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.royalprojectthailand.com. [30 ต.ค. 2013].
พจนานุกรมโรคและสมุนไพรไทย. (วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม).
บทความวิทยุรายการสาระความรู้ทางการเกษตร (วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน 2546). ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่. “พืชผักผลไม้ไทยมีคุณค่าเป็นทั้งอาหารและยา ตอนผักกาดหอม“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: natres.psu.ac.th. [30 ต.ค. 2013].
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ. “ผัดกาดหอมอุดมไปด้วยวิตามินบีรักษาฝีมะม่วงได้“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.hiso.or.th. [27 ต.ค. 2013].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

ถั่วเขียว อุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุ ป้องกันโรคยอดฮิตได้

0
ถั่วเขียว
ถั่วเขียว เป็นพืชผลที่ทานกันอย่างแพร่หลาย สามารถนำมาแปรรูปและใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย เป็นอาหารของผู้สูงอายุและคนรักสุขภาพ

ถั่วเขียว

ถั่วเขียว

ถั่วเขียว เป็นพืชผลที่คนทั่วไปนิยมนำมาทานกันอย่างแพร่หลาย เชื่อกันว่ามีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดียและในเอเชียกลาง สามารถนำมาแปรรูปและใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย นอกจากการนำมาปรุงอาหารแล้วนั้น ยังใช้เป็นสครับถั่วเขียวเพื่อบำรุงผิวพรรณได้อีกด้วย ขึ้นว่าถั่วต้องอุดมไปด้วยวิตามินบีมากมาย มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นอาหารของผู้สูงอายุและคนรักสุขภาพทั่วไป

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของถั่วเขียว

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Vigna radiata (L.) R.Wilczek
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Mung bean” “Mung” “Moong bean” “Green bean” “Green gram” “Golden gram”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “ถั่วเขียว ถั่วทอง” ภาคเหนือเรียกว่า “ถั่วมุม” จังหวัดเชียงใหม่เรียกว่า “ถั่วจิม”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE)
ชื่อพ้อง : Phaseolus aureus Roxb., Phaseolus radiatus L.

ลักษณะของถั่วเขียว

ถั่วเขียว เป็นพืชล้มลุกอายุราวหนึ่งปี
ลำต้น : ลำต้นตั้งตรงเป็นพุ่ม แตกแขนงที่โคนและส่วนกลาง ลำต้นที่อยู่เหนือใบเลี้ยงจะค่อนข้างเป็นเหลี่ยมและมีขนอ่อนปกคลุม
ใบ : ใบจริงคู่แรกเป็นใบเดี่ยวเกิดตรงข้ามกัน ถัดไปทั้งหมดเป็นใบจริง ใบย่อย 3 ใบ ฐานก้านใบมีหูใบ 2 อัน ลักษณะของใบคล้ายรูปไข่จนถึงรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด มีขนปกคลุมอยู่ทั่วไป
ดอก : ออกดอกเป็นช่อตามมุมใบ ช่อดอกเป็นแบบกระจะ ในช่อหนึ่งมีดอกย่อย 2 – 25 ดอก กลีบดอกเป็นสีเหลือง สีขาว หรือสีม่วง มี 5 กลีบ เกสรตัวเมียมีรังไข่ยาววงรี
ฝัก : มีรูปร่างกลมยาว ปลายฝักอาจโค้งงอเล็กน้อย เมื่อแก่จะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีขาวนวล สีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลเข้ม หรือสีดำ ขึ้นกับสายพันธุ์ ฝักหนึ่งมีเมล็ด 10 – 15 เมล็ด
เมล็ด : ตาเมล็ดหรือรอยแผลเรียกไฮลัม (Hilum) มีสีขาว เยื่อหุ้มเมล็ดมีหลายสี เช่น สีเขียว เหลือง น้ำตาล ดำ หรือแดง ผิวของเมล็ดอาจจะมันหรือด้าน

สรรพคุณของถั่วเขียว

  • สรรพคุณด้านกล้ามเนื้อ ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อในร่างกายให้แข็งแรง ดีต่อการหดตัวของกล้ามเนื้อ
  • สรรพคุณป้องกันโรค ต้านมะเร็ง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ ป้องกันเบาหวาน ช่วยรักษาคางทูมที่เป็นใหม่ ป้องกันโรคปากนกกระจอก ช่วยรักษาโรคข้อต่าง ๆ แก้โรคท้องมาน ป้องกันโรคเหน็บชา
  • สรรพคุณด้านเสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันและรักษาไข้หวัด ช่วยถอนพิษในร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระ ให้พลังงานแก่ร่างกาย
  • สรรพคุณด้านระบบเผาผลาญ ช่วยในการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย ช่วยผลิตโปรตีน
  • สรรพคุณด้านเลือด ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือด สร้างเม็ดเลือดแดงในร่างกาย ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
  • สรรพคุณด้านระบบย่อยอาหาร ช่วยทำให้เจริญอาหาร
  • สรรพคุณด้านไขมัน ช่วยลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอล ควบคุมน้ำหนัก
  • สรรพคุณด้านอวัยวะ ออกฤทธิ์ตามเส้นลมปราณของหัวใจและม้าม ช่วยบำรุงตับ ช่วยแก้อาการไตอักเสบ
  • สรรพคุณด้านกระดูก ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุน
  • สรรพคุณด้านบรรเทาอาการ ช่วยขับร้อน แก้อาการร้อนใน ช่วยแก้พิษในฤดูร้อน ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ ช่วยแก้อาการอาเจียนจากการดื่มเหล้า ช่วยแก้ผดผื่นคัน ช่วยลดบวม แก้อาการขัดข้อ ช่วยรักษาฝี ช่วยแก้พิษจากพืช แก้พิษจากสารหนู
  • สรรพคุณด้านระบบประสาท ช่วยกระตุ้นประสาท ช่วยทำให้สมองทำงานได้ฉับไวมากขึ้น ช่วยบำรุงเซลล์ประสาทและสมอง
  • สรรพคุณด้านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ช่วยบำรุงสายตา ทำให้ตาสว่าง รักษาตาอักเสบ ช่วยแก้อาการตาพร่า แก้ตาอักเสบ
  • สรรพคุณด้านระบบขับถ่าย ช่วยขับของเหลวในร่างกาย ช่วยทำความสะอาดของร่างกาย ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ส่งผลดีต่อระบบลำไส้โดยรวม เป็นยาขับปัสสาวะ ช่วยแก้ลำไส้อักเสบ แก้ท้องร่วง
  • สรรพคุณต่อหญิงตั้งครรภ์ ช่วยป้องกันการพิการแต่กำเนิดของทารก ป้องกันคลอดบุตรยาก
  • สรรพคุณด้านความงาม รักษาและสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์ผิวหนัง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะ แก้สิวฝ้าเนื่องจากความร้อนในร่างกาย ช่วยป้องกันการเกิดสิวและทำให้สิวลดลง ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของผิว ลดเลือนจุดด่างดำหรือรอยแผลสิว

ประโยชน์ของถั่วเขียว

1. เป็นอาหารของคนรักสุขภาพ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน คนลดน้ำหนัก เนื่องจากโปรตีนจากถั่วเขียวมีคุณสมบัติที่ย่อยง่าย และวุ้นเส้นที่ผลิตมาจากถั่วเขียวมีคุณสมบัติการตอบสนองต่อน้ำตาลในเลือดต่ำ
2. เป็นส่วนประกอบของอาหาร เมล็ดเป็นอาหารของมนุษย์และสัตว์ ใช้ทำแป้งถั่วเขียว ทำวุ้นเส้น ทำซาหริ่ม หรือทำเป็นขนมต่าง ๆ เช่น ถั่วกวน เต้าส่วน ฝักถั่วเขียวที่เกือบแก่นำมาต้มกินได้
3. ใช้ในการเกษตร ลำต้นและเปลือกช่วยบำรุงดินให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ต้นถั่วเขียวที่เก็บฝักแล้วนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ นำมาใช้เพาะถั่วงอก กากถั่วเขียวเหลือจากโรงงานวุ้นเส้นนำมาใช้ทำเป็นอาหารสัตว์หรือใช้ทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ได้
4. ใช้ในด้านความงาม ทำเป็นสครับถั่วเขียว ลดเลือนจุดด่างดำ หรือรอยแผลสิว ใช้พอกหน้า ขัดหน้า ขัดตัว

คุณค่าทางโภชนาการของเมล็ดถั่วเขียวดิบ

คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 347 กิโลแคลอรี

สารอาหาร ปริมาณที่ได้รับ
คาร์โบไฮเดรต 62.62 กรัม
น้ำ 9.05 กรัม
น้ำตาล 6.6 กรัม
เส้นใย 16.3 กรัม
ไขมัน 1.15 กรัม
โปรตีน 23.86 กรัม
วิตามินบี1 0.621 มิลลิกรัม (54%)
วิตามินบี2 0.233 มิลลิกรัม (19%)
วิตามินบี3 2.251 มิลลิกรัม (15%)
วิตามินบี5 1.91 มิลลิกรัม (38%)
วิตามินบี6 0.382 มิลลิกรัม (29%)
วิตามินบี9 625 ไมโครกรัม (156%)
วิตามินซี 4.8 มิลลิกรัม (6%)
วิตามินอี 0.51 มิลลิกรัม (3%)
วิตามินเค 9 ไมโครกรัม (9%)
ธาตุแคลเซียม 132 มิลลิกรัม (13%)
ธาตุเหล็ก 6.74 มิลลิกรัม (52%)
ธาตุแมกนีเซียม 189 มิลลิกรัม (53%)
ธาตุแมงกานีส 1.035 มิลลิกรัม (49%)
ธาตุฟอสฟอรัส 367 มิลลิกรัม (52%)
ธาตุโพแทสเซียม 1,246 มิลลิกรัม (27%) 
ธาตุสังกะสี 2.68 มิลลิกรัม (28%)

คุณค่าทางโภชนาการถั่วเขียวต้ม

คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 105 กิโลแคลอรี

สารอาหาร ปริมาณที่ได้รับ
คาร์โบไฮเดรต 19.15 กรัม
น้ำ 72.66 กรัม
น้ำตาล 2 กรัม
เส้นใย 7.6 กรัม
ไขมัน 1.15 กรัม
โปรตีน 7.02 กรัม
วิตามินบี1 0.164 มิลลิกรัม (14%)
วิตามินบี2 0.061 มิลลิกรัม (5%) 
วิตามินบี3 0.577 มิลลิกรัม (4%)
วิตามินบี5 0.41 มิลลิกรัม (8%)
วิตามินบี6 0.067 มิลลิกรัม (5%)
วิตามินบี9 159 ไมโครกรัม (40%)
วิตามินซี 1 มิลลิกรัม (1%) 
วิตามินอี 0.15 มิลลิกรัม (1%)
วิตามินเค 2.7 ไมโครกรัม (3%)
ธาตุแคลเซียม 27 มิลลิกรัม (3%)
ธาตุเหล็ก 1.4 มิลลิกรัม (11%)
ธาตุแมกนีเซียม 48 มิลลิกรัม (14%)
ธาตุแมงกานีส 0.298 มิลลิกรัม (14%)
ธาตุฟอสฟอรัส 99 มิลลิกรัม (14%)
ธาตุโพแทสเซียม 266 มิลลิกรัม (6%) 
ธาตุสังกะสี 0.84 มิลลิกรัม (9%)

ถั่วเขียว เป็นพืชผักที่คนทั่วไปนิยมนำมากัน โดยเฉพาะบุคคลที่รักสุขภาพ ผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวาน ผู้สูงอายุและผู้ที่ลดน้ำหนัก เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุสูง แถมยังมีโปรตีนที่ช่วยทดแทนเนื้อสัตว์ได้ด้วย ถั่วเขียวมีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของผิว บำรุงประสาทและสมอง ต้านมะเร็ง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ ป้องกันเบาหวาน บำรุงสายตา ช่วยบำรุงตับและช่วยแก้อาการไตอักเสบได้ เป็นอาหารที่ไม่ควรมองข้ามเลยจริง ๆ

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: en.wikipedia.org/wiki/Mung_bean. [23 ต.ค. 2013].
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. กรีนไฮเปอร์มาร์ท สารานุกรมผลิตผลและผลิตภัณฑ์จากพืชในซุปเปอร์มาร์เก็ต ฉบับคอมพิวเตอร์. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.sc.mahidol.ac.th. [23 ต.ค. 2013].
ชีวจิต. อ้างอิงใน: นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 208 (1 มิ.ย. 2550). “มหัศจรรย์พลังของถั่ว“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.cheewajit.com. [23 ต.ค. 2013].
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. อ้างอิงใน: สถาบันวิจัยพืชไร่ กรมวิชาการเกษตร. “ถั่วเขียวผิวมันและถั่วเขียวผิวดำ“. นางนันทวรรณ สโรบล (นักวิชาการเกษตร). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: ag-ebook.lib.ku.ac.th. [23 ต.ค. 2013].
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaihealth.or.th. [23 ต.ค. 2013].
ศูนย์เครือข่ายข้อมูลอาหารครบวงจร. “Mung bean / ถั่วเขียว“. (ผศ.ดร.พิมพ์เพ็ญ พรเฉลิมพงศ์, ศาสตราจารย์เกียรติคุณดร.นิธิยา รัตนาปนนท์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.foodnetworksolution.com. [23 ต.ค. 2013].
จำรัส เซ็นนิล. “ถั่วเขียวบำรุงผิวพรรณ ดูดจับไขมัน ลดรอยเหี่ยวย่น“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.jamrat.net. [23 ต.ค. 2013].
สมุนไพรดอตคอม. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.samunpri.com. [23 ต.ค. 2013].
ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.bedo.or.th. [23 ต.ค. 2013].
มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 233 คอลัมน์: ต้นไม้ใบหญ้า. “ถั่วเขียว คุณค่าสีเขียวจากธรรมชาติ“. (เดชา ศิริภัทร). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th. [20 ต.ค. 2013].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/

ถั่วลันเตา ถั่วยอดนิยม มีเส้นใยอาหารสูง วิตามินบีสูง ไขมันต่ำ

0
ถั่วลันเตา มีโปรตีนสูงกว่าพืชผักทั่วไป ใยอาหารสูง มีไขมันต่ำ รับประทานง่าย มีรสชาติหวานอร่อย

ถั่วลันเตา

ถั่วลันเตา

ถั่วลันเตา เป็นผักที่คนทั่วโลกรู้จักกันและอยู่ในเมนูอาหารเป็นประจำ ถือเป็นผักที่เรามักจะพบในชีวิตประจำวัน มีการเพาะปลูกเพื่อใช้เป็นอาหารมานานหลายพันปี เป็นพืชผักที่ขาดไม่ได้ในอาหารจีน ส่วนที่นำมาใช้ทานมักจะเป็นส่วนของเมล็ดและฝัก เป็นผักที่มีเส้นใยอาหารสูงและยังมีไขมันต่ำ รับประทานง่ายเพราะมีรสชาติหวานอร่อย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบทานผัก ปัจจุบันมีการนำถั่วลันเตามาแปรรูปเป็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้มากมาย

[/vc_column_text]

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของถั่วลันเตา

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pisum sativum L.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Sugar pea” “Sweet peas” “Garden pea” “Pea”
ชื่อท้องถิ่น : คนไทยเรียกว่า “ถั่วลันเตาเปลือกหนา ถั่วหวาน ถั่วแขก ถั่วลันเตา” พายัพเรียกว่า “ถั่วน้อย”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE)

ลักษณะของถั่วลันเตา

ถั่วลันเตา เป็นพืชผักที่มีเถาเลื้อย พืชฤดูเดียว เป็นพืชที่ชอบอากาศเย็นจึงปลูกได้ดีในช่วงฤดูหนาว ถั่วลันเตามีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ ประเภทที่ 1 เป็นฝักเหนียว ซึ่งนิยมปลูกไว้เพื่อรับประทานเมล็ด ประเภทที่ 2 ปลูกไว้เพื่อรับประทานเฉพาะฝักสด
ลำต้น : ลำต้นเล็กและเป็นเหลี่ยม
ราก : เป็นระบบรากแก้ว
ใบ : เป็นใบแบบสลับ ใบมีสีเขียวอ่อนถึงสีเขียวเข้ม ปลายใบเปลี่ยนเป็นมือเกาะเลื้อย
ดอก : เป็นดอกสมบูรณ์เพศ แบบผสมตัวเอง ดอกมีทั้งสีขาวและสีม่วง แล้วแต่สายพันธุ์
ฝัก : ลักษณะคล้ายถั่วแปบ ฝักยาววงรีมีสีเขียวสด ภายในฝักมีเมล็ดลักษณะกลมสีเขียวอยู่ประมาณ 2 – 4 เมล็ด หรือที่เรียกว่า “เมล็ดถั่วลันเตา”

สรรพคุณของถั่วลันเตา

  • สรรพคุณจากถั่วลันเตา ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันอาการขี้หลงขี้ลืม ช่วยละลายลิ่มเลือด ช่วยขับของเหลวในร่างกาย ช่วยแก้อาการปัสสาวะขัด ช่วยถอนพิษ ช่วยแก้เป็นตะคริว แก้อาการเหน็บชา ช่วยเพิ่มน้ำนมของสตรี มีฤทธิ์เป็นยาคุมกำเนิด ช่วยยับยั้งคอหอยพอก ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด ลดความดันโลหิตสูง ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี
  • สรรพคุณจากยอดของถั่วลันเตา ช่วยในการบำรุงสายตาและผิวพรรณ ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
  • สรรพคุณจากฝัก บำรุงตับ
    – บำบัดโรคเบาหวาน ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานควรรับประทานเป็นประจำ ด้วยการนำฝักอ่อนสดมาล้างน้ำให้สะอาดและนำไปต้มจนสุก ใช้ทานเป็นประจำ
    – ช่วยรักษาโรคหัวใจ ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต ด้วยการนำทั้งฝักมาล้างน้ำสะอาด นำไปคั้นเอาแต่น้ำให้ได้ประมาณครึ่งถึงหนึ่งแก้ว ใช้ดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
  • สรรพคุณจากเมล็ด ช่วยบำรุงไขมัน ช่วยซักตับหรือทำให้ตับสะอาดและแข็งแรง ช่วยบำรุงเส้นเอ็น
  • สรรพคุณจากเถา ช่วยซักตับหรือทำให้ตับสะอาดและแข็งแรง
    – รักษาโรคตับพิการ รักษาโรคตับทรุด ตับติดเชื้อ อาการผิดปกติในตับ ช่วยบำรุงตับ ด้วยการนำเถาถั่วลันเตามาต้มกับน้ำดื่ม
  • สรรพคุณจากซุปถั่วลันเตา
    – ช่วยให้อาการทุเลาลง ช่วยบำรุงระบบย่อยอาหาร ช่วยจับสารพิษก่อโรค ช่วยเพิ่มการดูดซึมอาหารให้ดียิ่งขึ้น ช่วยรักษาอาการของโรคไอบีเอส (Irritable Bowel Syndrome) หรือโรคลำไส้แปรปรวน ด้วยการนำมาทำเป็นน้ำปั่นดื่ม แต่ต้องเป็นน้ำถั่วลันเตาที่นำไปต้มแล้วเสิร์ฟแบบอุ่น พร้อมทั้งเติมผลกระวานและขิงเข้าไปด้วยพอให้ออกรสร้อน

ประโยชน์ของถั่วลันเตา

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร เป็นผักที่นิยมใช้ในอาหารจีนประเภทผัดผัก ใช้เป็นส่วนประกอบในเบเกอรี่ ฝักถั่วที่ยังอ่อนอยู่นำมาใช้ปรุงอาหารด้วยการนำไปผัดกับหมู ใช้ลวกจิ้มกินกับน้ำพริก ทำเป็นแกงแคร่วมกับผักต่าง ๆ
2. เป็นอาหารของเด็กและผู้ป่วย ถั่วลันเตามีโปรตีนสูงและมีความหวาน เด็กอาจจะชอบเพราะความหวาน และยังใช้น้ำถั่วลันเตาเพื่อเป็นอาหารเสริมสำหรับเด็กที่มีความผิดปกติทางด้านโภชนาการ หรือขาดสารอาหาร ผอมแห้ง รวมไปถึงเด็กที่มีอาการท้องเสียเรื้อรัง อุจจาระมีลักษณะสีน้ำตาลอ่อนหรือสีเทาเป็นฟอง มีกลิ่นเหม็นหืนและค่อนข้างเหนียว ซุปถั่วลันเตาช่วยให้อาการทุเลาลงหรือหายไปได้
3. แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สินค้า เมล็ดถั่วลันเตาสามารถนำไปต้มดองหรือทำเป็นถั่วกระป๋องขาย แปรรูปเป็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ผักแช่แข็ง นำไปต้ม คั่ว หรืออบกรอบกับเกลือเป็นขนมขบเคี้ยว

คุณค่าทางโภชนาการของถั่วลันเตา

คุณค่าทางโภชนาการของถั่วลันเตา ต่อ 100 กรัม โดยคิดเป็น % ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ ให้พลังงาน 81 กิโลแคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารอาหาร
คาร์โบไฮเดรต 14.45 กรัม
น้ำตาล 5.67 กรัม
เส้นใย 5.1 กรัม
ไขมัน 0.4 กรัม
โปรตีน 5.42 กรัม
วิตามินเอ 38 ไมโครกรัม (5%)
เบตาแคโรทีน 449 ไมโครกรัม (4%)
ลูทีนและซีแซนทีน 2,477 ไมโครกรัม
วิตามินบี1 0.266 มิลลิกรัม (23%)
วิตามินบี2 0.132 มิลลิกรัม (11%)
วิตามินบี3 2.09 มิลลิกรัม (14%)
วิตามินบี6 0.169 มิลลิกรัม (13%)
วิตามินบี9 65 ไมโครกรัม (16%)
วิตามินซี 40 มิลลิกรัม (48%) 
วิตามินอี 0.13 มิลลิกรัม (1%)
วิตามินเค 24.8 ไมโครกรัม (24%)
ธาตุแคลเซียม 25 มิลลิกรัม (3%)
ธาตุเหล็ก 1.47 มิลลิกรัม (11%)
ธาตุแมกนีเซียม 33 มิลลิกรัม (9%)
ธาตุแมงกานีส 0.41 มิลลิกรัม (20%)
ธาตุฟอสฟอรัส 108 มิลลิกรัม (15%)
ธาตุโพแทสเซียม 244 มิลลิกรัม (5%)
ธาตุโซเดียม 5 มิลลิกรัม (10%)
ธาตุสังกะสี 1.24 มิลลิกรัม (13%)

ถั่วลันเตา นอกจากจะมีเส้นใยอาหารสูงแล้ว ยังมีไขมันต่ำ และอยู่ในรูปของไขมันไม่อิ่มตัว ดังนั้นการรับประทานเป็นประจำจึงไม่มีผลเสียต่อสุขภาพแต่อย่างใด และยังมีโปรตีนสูงกว่าพืชผักทั่วไปด้วย เป็นอาหารที่เหมาะอย่างมากสำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง แต่การนำมาประกอบอาหารประเภทผัดควรผัดด้วยไฟแรงอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้คุณค่าทางอาหารสูญหายไปมาก ถั่วลันเตามีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันอาการขี้หลงขี้ลืม บำรุงตับ รักษาโรคหัวและโรคเบาหวานได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
กลุ่มสื่อส่งเสริมการเกษตร สำนักพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี กรมส่งเสริมการเกษตร (เกตุอร ทองเครือ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: agrimedia.agritech.doae.go.th. [20 ต.ค. 2013].
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). “ปฏิรูปอาหารปลอดภัย“, “ยูริกในร่างกายสูงเสี่ยงหูมีปัญหา“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaihealth.or.th. [20 ต.ค. 2013].
ชีวจิต. อ้างอิงใน: นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 208 (1 มิ.ย. 2550). “มหัศจรรย์พลังของถั่ว“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.cheewajit.com. [20 ต.ค. 2013].
สมุนไพรดอตคอม. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.samunpri.com. [20 ต.ค. 2013].
บทความวิทยุรายการสาระความรู้ทางการเกษตร (วันจันทร์ที่ 14 เมษายน 2546). ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่. “พืชผักผลไม้ไทยมีคุณค่าเป็นทั้งอาหารและยา ตอนถั่วพูและถั่วลันเตา“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: natres.psu.ac.th. [20 ต.ค. 2013].
Oknation. “อยากฉลาดต้องถั่วลันเตา”. อ้างอิงใน: นิตยสาร Spicy. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.oknation.net. [20 ต.ค. 2013].
สมาคมหมออนามัย. อ้างอิงใน: เภสัชโภชนา (ภก.สรจักร ศิริบริรักษ์). “น้ำถั่วลันเตา ละลายลิ่มเลือด“. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.mohanamai.com. [20 ต.ค. 2013].
GotoKnow. “ถั่วลันเตาผัดน้ำมันมะพร้าวแครอท เมล็ดและเถา สมุนไพรเป็นยา ซักตับ แก้ตับทรุด ตับพิการ บำรุงเส้นเอ็น ลดคอเลสเตอรอล. อ้างอิงใน: หนังสือเภสัชกรรมไทย (วุฒิ วุฒิธรรมเวช), หนังสือสมุนไพรลดไขมันในเลือด (ภก.จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.gotoknow.org. [20 ต.ค. 2013].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/