ศัลยกรรมปลูกผม มันคืออะไร ปลูกแล้ว มันได้ผลจริงๆหรือ

0
ศัลยกรรมปลูกผม มันคืออะไร ปลูกแล้ว มันได้ผลจริงๆหรือ
ศัลยกรรมปลูกผม คือ การย้ายรากผมจากส่วนที่แข็งแรง เอามาปลูกทดแทนในส่วนที่ไม่มีหรือขึ้นน้อย โดยรากผมที่นำมาปลูกผมส่วนมากจะนำออกมาจากบริเวณท้ายทอย
ศัลยกรรมปลูกผม มันคืออะไร ปลูกแล้ว มันได้ผลจริงๆหรือ
การทำศัลยกรรมปลูกผม เป็นทางเลือกอีกวิธีของผู้ที่ยังวิตกเรื่องผมร่วง ผมบาง โดยการย้ายเส้นผมสุขภาพดีที่มีรากผมติดอยู่จากที่หนึ่งไปปลูกอยู่ในอีกที่หนึ่งบนศีรษะของตนเอง

ศัลยกรรม ปลูกผม

วันนี้จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่อง ศัลยกรรม ปลูกผม ว่ามันคืออะไร มีขั้นตอนการทำอย่างไร ” ปลูกผม ” แล้วมันจะเหมือนผมจริงหรือไม่ วันนี้มาฟังคำตอบกันเลยดีกว่า..

ความรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับ การปลูกผม 

ศัลยกรรม ปลูกผม ถ้าจะพูดแบบภาษาบ้านๆ มันก็คือ การย้ายรากผมจากส่วนที่แข็งแรง เอามาปลูกทดแทนในส่วนที่ไม่มี หรือ ขึ้นน้อย นั่นเอง โดยรากผมที่นำมาปลูกผม ส่วนมากจะนำออกมาจาก บริเวณท้ายทอย ซะส่วนใหญ่ เพราะเนื่องจากบริเวณนี้ รากผมจะมีความแข็งแรงเป็นอย่างมาก และ มีอายุยืนกว่าผมที่อยู่กลางศีรษะ

ปัจจุบันนี้ เรื่องการศัลยกรรมปลูกผมก็ยังคงมีปัญหาอยู่ เพราะคนส่วนมาก ยังขาดข้อมูล และ ไม่กล้าที่จะเข้ามารับการรักษา เพราะจะกลัวว่า ไหนๆ ก็ลงทุนเจ็บตัวทั้งที เสียเงินค่ารักษาตั้งมากมาย แล้วผมที่ปลูกใหม่ ที่มันงอกออกมา มันจะอยู่แบบถาวร หรือ จะหลุดร่วงอีกหรือไม่..

คำตอบ จากหลักวิชาการ คือ อาจจะได้ผลแบบถาวร หรือไม่ถาวร ก็สามารถเป็นไปได้เช่นเดียวกัน

ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ปกติรากผมที่เรานำมาจากท้ายทอย หรือ ส่วนบริจาคจะเป็นผมที่ทนทาน และ ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนเพศชายที่เรียกว่า DHT  ( Dihydrotestosterone ) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของผมร่วงศีรษะล้านจากพันธุกรรม

ดังนั้นเมื่อไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าก็จะมีอายุยืนยาวตามปกติของรากผมยังงั้นจนกลายเป็นผมถาวร เพราะปกติรากผมคนเราจะมีวงจรชีวิตที่จะต้องเข้าสู่ระยะพักทุกๆ 6 ถึง 10 ปี และระยะเวลาประมาณ 20 รอบ

นั่นแปลว่ารากที่แข็งแรงตามปกติจะต้องมีอายุประมาณ 120 ถึง 200 ปีทั้งนี้แต่ละรอบวงจรขนาด อาจจะเล็กลงไปบ้างซึ่งจะเห็นว่าผมเส้นเล็กลงบ้างตามวัยที่สูงขึ้นดังนั้นล่ะ ผมจากท้ายทอยที่ย้ายมาปลูกก็จะมีอายุตามนั้นเราอาจจะเรียกว่าเป็นผมถาวรก็ย่อมได้เพราะมันอยู่นานเกินกว่าอายุขัยของคนเราเสียอีก

มีกรณีที่ศัลยกรรมปลูกผมแล้วอยู่ไม่ถาวรหรือร่วงหายไปไหม

ตอบได้ว่ามี…ที่เป็นเช่นนี้เพราะสาเหตุหลักหลักคือ 

วงจรชีวิตของรากผมในคนๆ นั้นมีระยะสั้นซึ่งมักเกิดจากมีความเครียดหรือความกดดันอื่นๆ มากระตุ้นบ่อย เช่น เจ็บไข้ได้ป่วยรุนแรงเป็นประจำ มีภาวะเครียดทางจิตใจมากตลอดเวลาความคิดเหล่านี้จะทำให้วงจรชีวิตลากผมหมุนเร็วขึ้น จากที่เคยมีอายุ 6 ถึง 10 ปีก็ลดลงเป็น 2-3 ปีแต่อย่างไรก็ตามกว่าจะบางหรือล่วงไปก็มักจะเป็นช่วงอายุมากแล้ว

การปลูกผมงั้นทำได้อย่างไม่ได้มาตรฐาน

พบได้บ่อยมากขึ้นในปัจจุบันเนื่องจากมีสถาบันที่ให้บริการด้านการผ่าตัดปลูกผมมากขึ้น แต่แพทย์ที่ให้บริการไม่ได้มีความรู้และประสบการณ์เพียงพอการเลือกรากผมที่จะนำมาปลูกผิดพลาดเช่นไปผ่าตัดเลือกรากผมที่มาจากตำแหน่งที่ไม่ใช่ผมถาวรตามมาตรฐานเมื่อเวลาผ่านไปผมเหล่านั้นก็จะรวบไปตามพันธุกรรมที่อ่อนแอทำให้ได้ผลการรักษาไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น

การผ่าตัดย้ายเซลล์รากผมนั้นมีมานานมากกว่า 40 ปีแล้ว คนไข้ที่ได้เคยทำการผ่าตัดในยุคแรกๆเมื่อติดตามการรักษาก็ยังพบว่าผมที่ปลูกนั้นยังแข็งแรงดีมีแต่ผมตามธรรมชาติที่อ่อนแอทางพันธุกรรมเท่านั้นที่ล่วงหายไป

ยกตัวอย่าง

เช่นมีบ้างเหมือนกันที่ ผมปลูกบางลงตามอายุเนื่องจากเซลล์รากผมค่อยๆเสื่อมประสิทธิภาพลงแต่ก็ยังช้ามากเมื่อเทียบกับอัตราการเสื่อมของผมที่ด้านบนศีรษะหมอเองก็มีคนไข้ที่มีประวัติเคย ปลูกผม มาก่อนแล้วต้องการมาปลูกเพิ่มเนื่องจากผมเดิมล่วงไปอีกตามกาลเวลาผ่านไปผมที่ปลูกตรงง่ามยังอยู่แต่ส่วนที่เหลือล่วงหายไปหมด

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับศัลยกรรมปลูกผม

ปลูกผมแบบไม่ผ่าตัดเทคนิคที่ไม่มีจริง

การ ศัลยกรรม ปลูกผม ย้ายรากถือเป็นการผ่าตัดอย่างหนึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบกรีด หรือ การปลูกผมแบบเจาะ FUT หรือ FUE ต่างก็ใช้คำว่า Surgery ซึ่งหมายถึงการผ่าตัดเหมือนกันดังนั้นการโฆษณาชวนเชื่อว่าไม่ใช่การผ่าตัดจึงไม่เป็นความจริง

การเจาะรากผมขึ้นมาใช้ปลูกหรือ FUE  ( follicular unit extraction ) จัดว่ามีการผ่าตัดผ่านชั้นผิวหนังและก่อให้เกิดแผลดังนั้นย่อมเป็นการผ่าตัดและไม่สามารถ ทำให้ลุล่วงได้โดยไม่ใช้ยาชาเพราะจะทำให้เจ็บมาก

การโน้มน้าวว่าการปลูกผม FUE เป็นวิธีที่ดีกว่าเพราะไม่ต้องผ่าตัดถือว่าเป็นการโกหกเลยทีเดียว

ปลูกผมแบบ FUE ดีกว่า FUT แบบเจาะดีกว่าแบบผ่าตัด

ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงเสมอไปเพราะจริงๆ แล้วการทำ FUE หรือการเจาะซึ่งมีพื้นที่แผลเปิดมากกว่าเทคนิค การ ปลูกผม FUT ที่เย็บปิดแผลอย่างเรียบร้อยด้วยซ้ำ โอกาสเกิดสภาวะแทรกซ้อนทั้งการติดเชื้อเสียเลือดผมร่วงเพราะขาดเลือดอาจจะมากกว่าวิธี ปลูกผม FUT ด้วย  รากผมที่ได้จากวิธีผ่าตัดจะมีอายุขัยยืนยาวกว่ารากผมจาก FUE โดยเฉลี่ย

เรื่องนี้ถ้าเป็นแพทย์ที่ผ่าตัดปลูกผมอย่างจริงจังจะสามารถบอกถึงข้อดีข้อเสียได้บางกรณีคนไข้อาจจะเหมาะกับวิธีดั้งเดิมมากกว่าโดยเฉพาะคนที่มีศีรษะล้านเป็นบริเวณกว้างแพทย์ที่มีประสบการณ์การผ่าตัดทั้ง 2 แบบย่อมสามารถให้ข้อมูลเปรียบเทียบที่แท้จริงได้

โดยเฉพาะการที่ไม่มีใจโอนเอียงไปทางเทคนิคด้านใดด้านหนึ่งจึงสามารถคำนึงถึงผลประโยชน์ของคนไข้เป็นหลักถ้าพื้นฐานไม่ใช่หมอผ่าตัดก็มาจัดหาไม่เป็นและทีมงานไม่สามารถทำเทคนิค ปลูกผม FUT ได้จึงมักสนับสนุนให้เจาะ หรือ แนะนำการ ปลูกผม FUE เท่านั้นทั้งที่คนไข้อาจจะไม่เหมาะสมกับเทคนิคดังกล่าว

ปลูกผมไร้แผลเป็น

การผ่าตัดหมายความว่าต้องเกิดแผลในการ ศัลยกรรม ปลูกผม ดังนั้นต้องมีแผลเป็นแน่นอน เพียงแต่วิธีการซ่อนแผลจะเป็นรูปแบบใดเท่านั้นเช่น แผลขีดที่เย็บได้ดีมีขนาดบางเล็กก็สามารถปิดได้ง่ายด้วยผมที่เหลืออยู่หรือแผลเจาะเป็นจุดจุดกระจายกันอยู่สามารถซ่อน แม้จะตัดทรงผมให้สั้นมาก เช่น สกินเฮด รองทรงทหาร

การผ่าตัดแบบไม่มีแผลมีแต่ในเทพนิยายเท่านั้น สมาคมแพทย์ปลูกผมนานาชาติได้ออกแถลงการณ์ประณามการโฆษณาชวนเชื่อแบบนี้ออกมาเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกแต่ในเมืองไทยยังตกขบวนยังตกเป็นเหยื่อของโฆษณาที่ผิดจริยธรรมอยู่มาก

ปลูกผมโดยเทคนิคเกาหลี

ขอเรียนตามตรงว่าแพทย์เกาหลีต้องเดินทางมาดูงานในประเทศไทยดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งเทคนิคเกาหลีอีกอย่างเส้นผมคนแต่ละเชื้อชาติมีรายละเอียดแตกต่างกัน

เหมือนจมูกตาปาก ผิวหนังคนไทยไม่เหมือนคนเกาหลีเทคนิคที่ใช้ดีกับคนเกาหลีไม่ได้หมายความว่าจะ ดี และไม่ใช่เรื่องจำเป็น 

ปลูกผมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ปัจจุบันมีการใช้คำว่าเชี่ยวชาญทุกแห่งหนและเดินทางไปต่างประเทศดูงาน 3 วันก็กลับมาเป็นผู้เชี่ยวชาญเสียแล้ว

ดังนั้นผู้รับบริการควรตรวจสอบถึงใบอนุญาตหรือประกาศนียบัตรที่ถูกต้องและควรหาโอกาสปรึกษาแพทย์ด้วยตัวเองเพราะจะมาเป็นอันตรายมากหากท่านไม่ได้คุยกับแพทย์ที่จะทำการ ศัลยกรรม ปลูกผม ด้วยตนเองเนื่องจากคลินิกบางแห่งใช้การพูดคุยผ่านพนักงานขาย อย่างเดียวโดยไม่ได้คุยรายละเอียดกับแพทย์

บางแห่งอาจจะใช้พนักงานให้คำปรึกษาเรียกตัวเองว่าเป็นที่ปรึกษาความงาม ซึ่ง คนเหล่านี้อาจจะไม่ได้จบมาทางด้านการแพทย์หรือสาธารณสุขเลยด้วยซ้ำ แต่เป็นผู้ให้ข้อมูล และ เชียร์แขก ดังนั้นบางครั้งก็ต้องพยายามพูดโอ้อวดเกินจริงหรือพูดในสิ่งที่ตัวเองก็ไม่ได้มีความเข้าใจจริงหลักการผู้รับบริการควรต้องใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบ

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

ศัลยา คงสมบูรณ์เวช. บำบัดเบาหวานด้วยอาหาร. พิมพ์ครั้งที่ 4 (ฉบับปรับปรุง). กรุงเทพฯ : อัมรินทร์เฮลท์ อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, 2559. (12), 311 หน้า. (ชุดชีวิตและสุขภาพ ลำดับที่ 113) 1.เบาหวาน 2.โภชนบำบัด 3.การปรุงอาหารสำหรับผู้ป่วย 4.การดูแลสุขภาพตนเอง. 616.462 ศ7บ6 2559. ISBN 978-616-18-7741-9.

การปลูกผมแบบ Follicular Unit Transplantation ( FUT ) ทำครั้งเดียวสร้างเส้นผมใหม่ที่ถาวร

0
การปลูกผมแบบ Follicular Unit Transplantation (FUT) ทำครั้งเดียวสร้างเส้นผมใหม่ที่ถาวร
การปลูกผมแบบ (FUT) คือ เทคนิคมาตรฐานในการทำศัลยกรรมปลูกผม เป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก ด้วยการนำเอาผมตรงท้ายทอยมาปลูกบริเวณที่ต้องการ
การปลูกผมแบบ Follicular Unit Transplantation (FUT) ทำครั้งเดียวสร้างเส้นผมใหม่ที่ถาวร
การปลูกผมแบบ (FUT) คือ เทคนิคมาตรฐานในการทำศัลยกรรมปลูกผม เป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก ด้วยการนำเอาผมตรงท้ายทอยมาปลูกบริเวณที่ต้องการ

ปลูกผม Follicular Unit Transplantation ( FUT )

การปลูกผมด้วยวิธี Follicular Unit Transplantation หรือเรียกแบบง่ายๆว่า การปลูกผม FUT วิธีการแบบนี้จะเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งของการศัลยกรรม  จะใช้รักษาผู้ที่มีปัญหาในเรื่องของการมีศีรษะล้าน  ผมร่วงรุนแรง  หรือผมบางที่มีแนวโน้มว่ากำลังจะกลายเป็นคนศีรษะล้าน  ในกรณีนี้ศัลยแพทย์  จะเป็นผู้เสนอแนะวิธีรักษาด้วยการ ปลูกผมแบบ Follicular Unit Transplantation ( FUT ) สำหรับผู้เข้ารับการรักษาที่มีปัญหาศีรษะล้านหรือผมบางในบริเวณที่ค่อนข้างใหญ่  และมักจะเป็นการรักษาที่เกิดในกรณีศีรษะล้านอย่างแท้จริง  ซึ่งรูขุมขนอันเป็นที่อยู่ของเซลล์รากผมได้เปลี่ยนสภาพจนคล้ายผิวหนังในส่วนอื่นๆของร่างกายไปแล้ว 

วิธีการทำ FUT หลังจากแพทย์ประเมินความพร้อมของผู้เข้ารับการรักษาแล้ว  แพทย์จะทำการวางยาสลบ  ฉีกยาชา  และเริ่มลงมือผ่าตัดเนื้อบริเวณเหนือท้ายทอย ซึ่งประเมินแล้วว่าเป็นบริเวณที่มีผมหนาที่สุด  แพทย์จะผ่าตัดด้วยการกรีดเพียงตื้นๆ เนื่องจากต้องการแค่ส่วนของผิวหนังที่มีเซลล์รากผมเท่านั้น ขนาดแผลที่กรีด กว้าง 1- 4 เซนติเมตร ยาว ประมาณ 10-20 เซนติเมตร    หลังจากกรีดแผลเสร็จก็ใช้ตะขอขนาดเล็ก  เกี่ยวเอาเนื้อส่วนผิวหนังออก หลังจากนั้นก็ทำการดึงรั้งผิวหนังศีรษะในลักษณะบนล่าง  เพื่อเย็บปิดแผลผ่าตัดที่เกิดขึ้น

หลังจากนั้น  แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการหั่นกราฟ  ซึ่งเป็นวิธีการแล่หนังศีรษะออกเป็นแผ่นบางๆ และจากแผ่นบางๆก็จะถูกแบ่งต่อเป็นกอ  ซึ่งก็คือส่วนของเซลล์รากผมนั่นเอง ขั้นตอนนี้  แพทย์จะทำงานผ่านกล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขายสูง 10เท่า ใน 1 เซลล์รากผมจะประกอบไปด้วยเส้นผมตั้งแต่ 1-4 เส้น แพทย์มักจะเลือกใช้เซลล์รากผมที่มีจำนวนเส้นผมใน 1 ถุงมีผมประมาณ 2-3 เส้น  ถือได้ว่าเป็นอัตราที่เหมาะ  ในขณะที่บางเซลล์มีเส้นผม 4 เส้น  แต่นั่นอาจไม่ใช่สัญลักษณ์ที่ดีนั้นสำหรับการคัดเลือกมาปลูกถ่ายให้คนไข้  เนื่องจากเวลารากผมที่มีเส้นผม 4 เส้น  มักเป็นฟอร์มของเส้นผมที่จะมีโอกาสหลุดร่วงสูงมาก 

เมื่อแยกแล้วเซลล์รากผมทั้งหมดจะถูกแช่เอาไว้ในน้ำยารักษาสภาพ  เพื่อให้เซลล์ทุกชิ้นยังมีชีวิต  และทำงานได้ทุกเซลล์  หลังจากนั้นก็จะนำไปทำการปลูกถ่ายลงในผิวหนังในจุดที่ต้องการ

การปลูกถ่ายลงในผิวหนังบริเวณที่เป็นปัญหา  แพทย์จะฉีดยาชาในบริเวณนี้  ก่อนที่จะเริ่มกระบวนการเจาะรูที่ผิวหนังบริเวณที่เป็นปัญหา เมื่อหนังศีรษะเริ่มชา  แพทย์จะทำการฉีดยาห้ามเลือดเพิ่มเข้าไปในน้ำเกลือ  เมื่อโดนยาตัวนี้  หนังศีรษะของเราจะเริ่มพองตัว  เพราะเลือดคั่ง  เมื่อผ่านไปสักพักหนึ่ง  แพทย์จะเริ่มทำกรเจาะรูเพื่อปลูกถ่ายเซลล์รากผม  ลงบนหนังศีรษะในบริเวณที่ต้องการ  ระหว่างที่เจาะรูบนหนังศีรษะแพทย์ก็จะหนีบเอาเซลล์รากผมลงไปใส่ในรูที่เจาะไว้  ใส่ไปทีละเซลล์จนกระทั่งเสร็จ  หลังจากนั้น ก็เป็นขั้นตอนของการดูแลหลังการรักษา

ผลข้างเคียงจากการปลูกผม Follicular Unit Transplantation ( FUT )

ในช่วงแรกที่เพิ่งทำเสร็จ  ผู้เข้ารับการรักษาอาจจะมีอาการหน้าผากบวม  เพราะแผลอักเสบ  หรืออาจจะเกิดอาการชาบริเวณที่ ปลูกผม  ซึ่งเป็นอาการจากผลข้างเคียงในการทำ  ที่ไม่ได้เป็นอันตรายกับร่างกาย  และอาการเหล่านี้  จะหายไปภายในระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์  และจะกลับมาเป็นปกติในที่สุด  และผู้เข้ารับการรักษาสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ  และหลังจากครบ 24 ชั่วโมง  ก็เริ่มสระผมได้  และควรจะสระทุกวัน เพื่อรักษาความสะอาดของหนังศีรษะ  ป้องกันการติดเชื้อ  บางแห่งอาจจะดูแลผู้บ่อยที่เดินทางไปมาสะดวก  ด้วยการมีบริการสระผมให้ประมาณ 5-7 วันแผลก็จะหายสนิท

หลังผ่าตัดปลูกผมแบบ Follicular Unit Transplantation ( FUT )

คุณหมอจะสอนวิธีปฏิบัติตัวในการดูและรักษาแผลหลังผ่าตัด  ซึ่งถ้าผู้เข้ารับการรักษาปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด  แผลต่างๆก็จะหายและกลับสู่สภาพปกติได้เร็วขึ้น

หลังจากนั้นประมาณ 2 อาทิตย์  เส้นผมที่ติดอยู่ในเซลล์รากผมเดิม  จะหลุดร่วงแทบทั้งหมด  และภายใน 3-4 เดือน เส้นผมใหม่จึงเริ่มงอกขึ้นมา  และมีสภาพและอัตราการเจริญเติบโตเท่ากับผมปกติทุกประการ  เมื่อได้ความยาวพอที่จะตัดให้เป็นทรงที่เหมาะสมได้  ผู้เข้ารับการรักษาก็ควรตัดผมสักครั้ง  เพื่อปรับให้ผมทั้งหมดอยู่ในรูปทรงที่สวยงามกลมกลืนตามธรรมชาติ  ซึ่งนั่นหมายถึงกระบวนการรักษาได้เสร็จสิ้นลงแล้ว  เส้นผมใหม่ที่เกิดขึ้นจะเป็นเส้นผมที่อยู่คงทนตลอดไป

ข้อสำคัญของการผ่าตัด ปลูกผม แบบ Follicular Unit Transplantation ( FUT ) นั่นคือขั้นตอนของการผ่าตัดเพื่อเอาเซลล์รากผมออกมาและการเย็บปิดแผลผ่านั้นให้สนิท  ซึ่งเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่กังวลเพราะรอยแผลค่อนข้างกว้างและยาวพอสมควร  แม้แพทย์จะยืนยันว่าแผลเหล่านี้จะปิดสนิทและมองไม่เห็นจากภายนอก  แต่รอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีนัก และอาจสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้เข้ารับการรักษาได้มากและนานระยะหนึ่ง

ดังนั้นเมื่อวิธีการ ปลูกผม Follicular Unit Transplantation ( FUT ) สร้างรอยแผลเป็นบริเวณศีรษะที่น่ากลัวเกินไปสำหรับใครบางคน  จึงได้มีการคิดค้นวิธีการ ปลูกผมแบบ Follicular Unit Transplantation ( FUT ) ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาในเรื่องของรอยแผลที่เกิดจากการผ่าตัดแบบ Follicular Unit Transplantation ( FUT ) ได้อย่างดีเยี่ยม  เพราะวิธีการใหม่นี้  ไม่ต้องใช้การกรีดผิวหนังเพื่อสร้างรอยแผล  แต่เป็นการเจาะลงไปตรงที่บริเวณเซลล์รากผมโดยตรง  ซึ่งถือได้ว่าเป็นการศัลยกรรมปลูกผมที่ไม่สร้างรอยแผลใดใดให้กับผู้เข้ารับการรักษาทั้งสิ้น  แต่ก็มีข้อเสียอยู่ตรงที่วิธีการใหม่นี้จะใช้ระยะเวลาในการทำค่อนข้างนาน  ซึ่งผู้รับการรักษาอาจจะต้องเสียเวลามากจนเกินไป

ปลูกผม FUE Vs FUT อันไหนดีกว่ากัน

ไม่ว่าจะเป็นการ ปลูกผม แบบ Follicular Unit Transplantation ( FUT ) หรือแบบใหม่อย่าง Follicular Unit Extraction ( FUE ) จะเห็นได้ว่า  ทุกขั้นตอนไม่ได้มีการสร้างอันตรายให้กับผู้เข้ารับการรักษาแม้แต่น้อย  และเป็นการรักษาที่พึ่งพากระบวนการต่างๆของร่างกาย  ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ  ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมไม่ส่งผลร้ายใดใดต่อร่างกายอย่างแท้จริง

ข้อดีที่น่าสนใจของการผ่าตัดแบบ Follicular Unit Transplantation ( FUT ) คือเกิดกระบวนการผ่าตัดเพียงครั้งเดียว  จะสามารถ ปลูกผม ได้สูงสุดถึง 4,000 เส้น ด้วยระยะเวลาในการทำที่สั้นกว่า และเป็นการผ่าตัดที่ไร้ความเสี่ยงที่อาจก็ให้เกิดอันตรายร้ายแรงโดยสิ้นเชิง  ทั้งนี้  ต้องขึ้นอยู่กับศัลยแพทย์ที่เป็นผู้ให้การรักษาว่าจะมีความเชี่ยวชาญมากพอที่จะจัดการกับทุกความเสี่ยงได้อย่างยอดเยี่ยม  ซึ่งสิ่งเหล่าต้องเกิดประสบการณ์ในการรักษาที่สะสมมายาวนานระยะหนึ่งเท่านั้น

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

“New technique changing eyes from brown to blue sparks debate”, Chencheng Zhao. Medill Reports Chicago, Northwestern University. March 8, 2016. Retrieved 5 feb 2017

Uhr, Barry W. History of ophthalmology at Baylor University Medical Center. Hi Proc (Bayl Univ Med Cent). 2003 October; 16(4): 435–438. PMID 16278761

Maguire, Stephen. “Laser Eye Surgery”. The Irish Times. “Laser Eye Surgery Suitability”. Optical Express.

ศัลยกรรมปลูกผมแบบ Follicular Unit Extraction ( FUE ) สร้างเส้นผมถาวร แบบ ไร้รอยแผล

0
ศัลยกรรมปลูกผมแบบ FUE สร้างเส้นผมถาวร แบบ ไร้รอยแผล
การปลูกผมแบบ FUE เป็นเทคนิคการศัลยกรรม ปลูกผมที่ใช้เทคนิคการผ่าตัดและปลูกถ่ายเซลล์รากผมที่ไม่เป็นอันตรายและได้ผลดี ไร้รอยแผลและไม่มีผลข้างเคียง
ศัลยกรรมปลูกผมแบบ FUE สร้างเส้นผมถาวร แบบ ไร้รอยแผล
การปลูกผมแบบ FUE เป็นเทคนิคการศัลยกรรม ปลูกผมที่ใช้เทคนิคการผ่าตัดและปลูกถ่ายเซลล์รากผมที่ไม่เป็นอันตรายและได้ผลดี ไร้รอยแผลและไม่มีผลข้างเคียง

ศัลยกรรมปลูกผม Follicular Unit Extraction ( FUE ) 

การ ศัลยกรรมปลูกผม แบบ FUE หรือ (Follicular Unit Extraction) เป็นเทคนิคการศัลยกรรม ปลูกผม ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในยุคปัจจุบัน  เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องของการหลุดร่วงของเส้นผม  หรือผมบางในบางจุด ซึ่งวิธีการนี้ ใช้เทคนิคการผ่าตัดและปลูกถ่ายเซลล์รากผมที่ไม่เป็นอันตรายและได้ผลดี  อีกทั้งยังเป็นการปลูกผมที่ถาวร  ไร้รอยแผลและไม่มีผลข้างเคียงที่จะก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกาย

การปลูกผม Follicular Unit Transplantation ( FUT ) ในทางการแพทย์ถือว่าเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมชนิดหนึ่ง  โดยใช้เครื่องมือพิเศษ  โดยเครื่องจะทำหน้าที่ ถอนรูขุมขน Follicular Unit Transplantation ( FUT ) ในส่วนที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหากับภาพรวมของศีรษะ  เช่น  บริเวณด้านหลังศีรษะเหลือท้ายทอย  ซึ่งในส่วนตรงนี้  มักจะเป็นส่วนที่มีผมดกที่สุด  และเมื่อเวลาผ่านไป  รูขุมขนข้างเคียงก็จะสร้างเส้นผมที่ยาวขึ้นมาเพื่อปกปิดบริเวณที่โดนถอนออกไป   วิธีเหล่านี้จัดว่าเป็นวิธีการรักษาศีรษะล้านและปัญหาผมร่วงเป็นจุดๆได้อย่างดีที่สุด

วิธีการปลูกผม FUE คร่าวๆเริ่มจาก จะต้องทำการโกนผมเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับพื้นผิวที่จะทำการเจาะเพื่อดึงเซลล์รากผมออก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการแยกเอาเซลล์รากผมที่ปกติจากบริเวณหลังศีรษะเหนือท้ายทอย และใช้เครื่องมือแยกชนิดพิเศษที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 0.6- 1 มิลลิเมตร ( แล้วแต่ขนาดรูขุมขนของคนเข้ารับบริการ ) และเก็บไว้ในภาชนะที่สะอาดและปลอดเชื้อ

จากนั้น  แพทย์ก็จะทำแบบเดียวกันกับรูขุมขนที่มีปัญหาเรื่องการหลุดร่วงของเส้นผมจนผมบางหรือไม่มีเลย  เมื่อดึงเซลล์รากผมเก่าออกมาจนหมดทั่วทั้งบริเวณนั้นแล้ว  ต่อไปก็ถึงกรรมวิธีในการปลูกรากผมใหม่เข้าไปในรูของเซลล์รากผมเดิม  เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย  ส่วนที่เหลือก็คือการดูแลรักษาเซลล์รากผมใหม่ตามคำแนะนำของแพทย์ที่ทำการผ่าตัด ทุกขั้นตอนในกระบวนการรักษา  จะทำการผ่าตัดโดยการมองผ่านกล้องจุลทรรศน์สเตอริโอที่มีประสิทธิภาพสูงในการขยายภาพเซลล์รากผมให้เห็นได้อย่างจัดเจน 

* เพราะฉะนั้นการผ่าตัดจึงค่อนข้างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ

ข้อดีของวิธีการแบบนี้คือ  รอยแผลที่ผ่าตัดมีความบอบช้ำน้อยที่สุด  และคนเข้ารับการผ่าตัดจะรู้สึกตัวตลอดเวลา  แต่ไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด  เนื่องจากบริเวณหนังศีรษะโดนฉีดยาชา  และยังใช้ระยะเวลาในการฟักฟื้นไม่นาน  แทบไม่มีความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนใดใด

ในขั้นตอนการทำ  ถ้าใครเคยดูคลิปการ ปลูกผม Follicular Unit Transplantation ( FUT ) มาก่อน  จะเห็นว่า  ช่วงที่มีการเจาะชั้นผิวหนังบริเวณศีรษะ  เราจะพบเลือดซึมออกมาจากผิวหนังบริเวณที่เจาะ  หลังจากนั้นแพทย์จะทำการซับเลือด  และปลูกถ่ายเซลล์รากผมเข้าไปใหม่  ซึ่งในช่วงตอนนี้  เราจะเห็นว่าเลือดได้หยุดไหลไปแล้ว  และแผลจากการทำจะหายสนิทภายในระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน และไม่เหลือร่องรอยอย่างที่เรากังวล  และที่สำคัญคือมันไม่มีอันตรายกับเราเลยแม้แต่น้อย

ผลลัพธ์ที่เราจะได้รับจากการ ปลูกผมแบบ Follicular Unit Transplantation ( FUT ) คือคุณภาพของการผ่าตัดอย่างประณีต  และประสิทธิภาพของการรักษาอาการผิดปกติจากผมร่วง ศีรษะล้าน   และที่น่าทึ่งที่สุดคือความเป็นธรรมชาติ เพราะวิธีการเหล่านี้  หากจะพูดกันตามภาษาชาวบ้าน  เรียกได้ว่า  เป็นการรักษาอาการหัวล้าน ผมบาง ด้วยวิธีธรรมชาติก็ไม่ผิดนัก 

เพราะกระบวนการทุกอย่าง  ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนหรือสร้างความเสียหายใดใดให้กับร่างกายแม้แต่น้อย อีกทั้งไม่ต้องเกี่ยวข้องกับสารเคมีที่อาจส่งผลข้างเคียงให้กับคนเข้ารับการรักษา   หลังจากทำเสร็จ  ผู้เข้ารับการรักษาสามารถกลับบ้านได้ทันที  และใช้ชีวิตได้ตามปกติ  เพียงแค่งดกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวกับศีรษะจนกว่าจะถึงเวลาที่หมอกำหนดเท่านั้นเอง  สิ่งเดียวที่เราสามารถทำได้กับหนังศีรษะคือการสระผมด้วยแชมพูอ่อนๆที่ไม่มีสารเคมีรุนแรงเท่านั้น

หลังจากทำ Follicular Unit Transplantation ( FUT ) เสร็จในช่วงแรก  เส้นผมที่ทำการปลูกถ่ายเซลล์รากผมลงไป  ผมเก่าที่ติดอยู่กับเซลล์รากผมเดิมจะร่วงลงทั้งหมด  และเส้นผมที่เรารอคอยจะเกิดขึ้นใหม่อีกครั้งหลังจากผ่านไปประมาณ 2 เดือน  เส้นผมที่งอกใหม่จะมีสภาพตามธรรมชาติของเส้นผมของเรา  และเมื่อผมยาวขึ้นเรื่อยเราก็สามารถที่จะตัดแต่งได้ตามปกติ

ด้วยเหตุที่ว่า  คนผมบางหรือคนศีรษะล้านส่วนใหญ่จะเกิดความรู้สึกรักและหวงแหนเส้นผมทุกเส้น  เพราะสำหรับคนที่มีแนวโน้มว่าจะหัวล้าน  เส้นผมทุกเส้นมีค่าดุจดั่งเงินทอง  ไม่อยากจะสูญเสียเส้นผมไปแบบทิ้งขวาง

ต้องอธิบายตรงนี้เลยว่า เซลล์รากผมทุกเซลล์  ที่คุณหมอทำการตัดออกมา  จะถูกเลือกอย่างละเอียดรอบคอบ และเอาออกมาในปริมาณที่พอเหมาะพอดี กับการใช้งาน  เซลล์รากผมทุกเซลล์จะถูกใช้อย่างมีคุณค่า ผู้เข้ารับบริการจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่มีความเสียหายใดใดเกิดขึ้นกับทุกๆเซลล์รากผมอย่างเด็ดขาด

ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางของ การปลูกผมแบบ Follicular Unit Transplantation ( FUT ) เท่านั้นที่จะสามารถวางแผนการปลูกถ่ายเซลล์รากผม  คนที่จะเข้ารับการผ่าตัด  จะต้องถูกประเมินความเป็นไปได้ในการรักษาอย่างละเอียด เช่น สาเหตุของการสูญเสียเส้นผม (ผมร่วง) ประวัติครอบครัว และแนวโน้มความรวดเร็วของการสูญเสียเส้นผม  แพทย์จะเข้าใจรายละเอียดของเซลล์ทั้งในเรื่องของ การเจริญเติบโต  วิธีการปฏิบัติต่อเซลล์รากผมทุกเซลล์

นอกจากนี้  แพทย์ยังรู้อีกว่าการปลูกถ่ายรากผมควรทำในมุมไหน  และวางอย่างไร  จึงจะทำให้ผมที่งอกขึ้นมาใหม่มีความสวยงามแลเป็นธรรมชาติมากที่สุด  ซึ่งทุกรายละเอียดเหล่านี้  จะเกิดขึ้นได้ย่อมมาจากประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ  และผ่านการทำงานมายาวนานพอสมควร

สำหรับระยะเวลาในการทำ  ขึ้นอยู่กับบริเวณจุดที่เกิดปัญหามีพื้นที่มากน้อยแค่ไหน  อาจจะทำครั้งเดียวจบ  หรือต้องทำหลายครั้ง  เพราะปัญหาค่อนข้างเยอะ  และในการทำแต่ละครั้ง  อาจใช้เวลานานเกินไป  จนทำให้ร่างกายของผู้เข้ารับบริการเกิดความอ่อนล้าได้

ด้วยกลไกง่ายๆของร่างกายและการทำงานของเซลล์รากผม  ด้วยแนวคิดเพียงแค่การย้ายรากผมจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง  โดยการใช้เครื่องมือที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูง  เราจะได้เส้นผมที่สามารถเติบโตและยาวขึ้นได้ตามปกติ  และมันจะเป็นการย้ายที่ถาวร  โดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีใดใดทั้งสิ้น  ทั้งปลอดภัย  และได้ผลที่ยอดเยี่ยม  ในอนาคตอันใกล้นี้  เราคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นผู้ชายหัวล้าน  ผู้หญิงผมบาง  เพราะคนกลุ่มนี้ทุกคนจะเปลี่ยนเป็นคนที่มีผมดกดำเหมือนคนอื่น ด้วย วิธีการปลูกผมแบบ Follicular Unit Transplantation ( FUT ) ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีที่สุด

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

“New technique changing eyes from brown to blue sparks debate”, Chencheng Zhao. Medill Reports Chicago, Northwestern University. March 8, 2016. Retrieved 5 feb 2017

Uhr, Barry W. History of ophthalmology at Baylor University Medical Center. Hi Proc (Bayl Univ Med Cent). 2003 October; 16(4): 435–438. PMID 16278761

Maguire, Stephen. “Laser Eye Surgery”. The Irish Times. “Laser Eye Surgery Suitability”. Optical Express.

ผ่าตัดโหนกแก้ม ความสวยแบบถาวร กับโครงหน้าใหม่ไร้ที่ติ

0
ผ่าตัดโหนกแก้ม ความสวยแบบถาวร กับโครงหน้าใหม่ไร้ที่ติ
การผ่าตัดโหนกแก้ม เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงของการผ่าตัดศัลยกรรมกระดูกที่ใช้เพื่อการปรับโครงหน้าใหม่
ผ่าตัดโหนกแก้ม ความสวยแบบถาวร กับโครงหน้าใหม่ไร้ที่ติ
การผ่าตัดโหนกแก้ม เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงของการผ่าตัดศัลยกรรมกระดูกที่ใช้เพื่อการปรับโครงหน้าใหม่

ผ่าตัดโหนกแก้ม

ผ่าตัดโหนกแก้ม คงไม่มีความจำเป็นมากนัก  ถ้าเราเป็นคนที่สวยเพอร์เฟ็คแบบแอนเจลีนาโจลี  ดาราฮอลลีวูดที่สวยระดับโลก  แต่จะมีสักกี่คนบนพื้นโลกที่จะสามารถมีแก้มโหนกแล้วสวยได้แบบนั้น  เพราะเธอก็แค่มีโหนกแก้มที่  เด่นชัด  แต่เครื่องหน้าส่วนอื่นๆมันดันถูกสร้างมาให้รับกับโหนกตรงนั้นพอดีทั้งตาแก้มปากล้วนได้รูปโหนกที่แก้มกลับกลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้หน้าของเธอพุ่งดูสวยคมแบบคนที่มีโครงหน้าชัด  ปัญหาก็ไม่เกิดเพราะเธอทำบุญมาดี  ทุกอย่างก็เลยดีตาม 

การตัดโหนกแก้ม กลายเป็นเรื่องราวของคนมีกรรมรึเปล่า…ก็ไม่  เพราะโหนกแก้มส่วนใหญ่เกิดจากพันธุกรรมเป็นหลัก  พ่อก็มีโหนก  แม่ก็มีโหนก  ถ้าเราไม่มีอยู่คนเดียวจะน่าเศร้ายิ่งกว่า  ฉะนั้นอย่าได้สิ้นหวังกับชีวิตอย่างน้อยที่สุด  เราก็เป็นลูกที่มีพ่อมีแม่เหมือนคนอื่นเขา  ถือว่าเป็นบุญวาสนาสูงสุด

การ ผ่าตัดโหนกแก้ม เป็นการศัลยกรรมที่ใช้เพื่อการปรับโครงหน้าใหม่  ซึ่งมีประโยชน์มากกับผู้หญิงที่มีโครงหน้าค่อนข้างใหญ่  หรือเรียกแบบบ้านๆว่าหน้าบาน  บานไม่พอยังโหนกจนเกินพอดี  เพราะหน้าสวยแบบเอเชียต้องเป็นหน้า วีเชฟ เท่านั้น  แต่สำหรับคนที่มีโหนกแก้มที่ชัดมากๆ  กลายเป็นหน้าห้าเหลี่ยม หกเหลี่ยม  ซึ่งนั่นไม่ใช่ทางของสาวเอเซียอย่างเราแน่นอน ฉะนั้น  การผ่าตัดโหนกแก้มเพื่อจัดการกับเหลี่ยมที่เกินพอดีของโครงหน้า  จึงเป็นสัญญาณของความสวยแบบถาวรที่สาวเอเซียจะเลือก  เพื่อสร้างความสวยและความมั่นใจให้กับตัวเอง

เทคโนโลยี  การผ่าตัดลดโหนกแก้ม เป็นขั้นตอนการผ่าตัดลดขนาดของกระดูกโหนกแก้ม ( zygoma bone หรือ cheekbones ) ที่ยื่นออกมาจนเกินพอดี  เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงของการผ่าตัดศัลยกรรมกระดูก  เพื่อความงาม  ซึ่งวิธีการเหล่านี้  เป็นที่นิยมมากในประเทศโซนเอเชียตะวันออก  เพราะดินแดนแห่งนี้  เป็นพื้นที่ของสาวหน้าวีเชฟเท่านั้นจึงจะมีโอกาสเกิดได้อย่างสวยงาม  เกิดในที่นี้หมายถึงความก้าวหน้าในอาชีพการงานเพื่อชีวิตที่ดีกว่า

อ่านความรู้เพิ่มเติม: ผ่าตัดกราม ร่วมกับ ผ่าตัดโหนกแก้ม

ผ่าตัดโหนกแก้มเหมาะกับใคร

คนที่เหมาะจะ ผ่าตัดโหนกแก้ม คือ  คนมีโหนกแก้มโดดเด่นมากเกินไป   คนที่มีมีโหนกแก้มกว้างที่ทำให้หน้า  ยิ่งเวลามองรวมกับใบหูยิ่งเหมือนคนหูกางเข้าไปอีก  หรือจะเป็นกลุ่มคนที่มีรูปหน้าไม่สมมาตร  และสุดท้ายคือคนที่มีแก้มตอบจนลึก ทำให้บริเวณแก้มดูกลวง  เหมือนคนติดยายังไงยังงั้น

การศัลกรรมโดยการ ผ่าตัดโหนกแก้ม จะช่วยลบรอยเหลี่ยม ลบกระดูกโหนกแก้มที่ยื่นออกมา ทำให้โครงของใบหน้าดูเรียบและนุ่มนวลขึ้น  และส่วนใหญ่ผลการผ่าตัดจะทำให้สวยขึ้นแบบเปลี่ยนเป็นคนละคนทีเดียว นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย  สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องโหนกแก้ม   

ลักษณะของปัญหาโหนกแก้มสามารถแบ่งได้ 5 แบบดังนี้

แบบที่ 1 โหนกแก้มมีลักษณะสูงและยื่นออกไปด้านหน้า

แบบที่ 2 โหนกแก้มมีลักษณะสูงและยื่นออกไปด้านข้าง

แบบที่ 3 โหนกแก้มมีลักษณะยื่นออกมาทางด้านข้างของแก้ม

แบบที่ 4 โหนกแก้มมีลักษณะสูงและใหญ่คลุมพื้นที่ทั้งด้านกว้าง ด้านหน้าและข้าง

แบบที่ 5 โหนกแก้มมีลักษณะสูงและแหลม แต่ฐานไม่กว้าง

การผ่าตัดลดความสูงของโหนกแก้มนั้น มี 2 วิธีด้วยกัน

วิธีแรกที่เราจะนำเสนอนี้ก็คือ การกรอกระดูกโหนกแก้ม ออก ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่กำลังรับความนิยมค่อนข้างสูง เพราะเหมาะกับคนไข้ที่มีโหนกแก้มไม่สูงมากนัก กรอนิด กรอ หน่อย ก็สวยแล้ว

วิธีการทำ ก็ง่ายๆ ทางคุณหมอจะทำการเปิดแผลผ่าตัดจากในช่องปากของเรา หลังจากนั้นก็จะใช้เครื่องมือที่เอาไว้สำหรับ กรอ กระดูกโหนกแก้ม เข้าไปเหลาในส่วนที่ไม่ต้องการออก

วิธีที่สอง เป็นการตัด เลื่อน หรือเป็นการยุบกระดูกโหนกแก้ม ให้มันเข้าที่ ซึ่งวิธีการนี้จะเหมาะสำหรับคนไข้ที่มีกระดูดโหนกแก้มที่หนา และสูงมาก

วิธีการทำ คุณหมอจะค่อยๆเปิดแผลผ่าตัดเข้าทางเหนือศีรษะโดยรอบ จากเหนือใบหูข้างหนึ่งถึงใบหน้าอีกข้างหนึ่ง หรือ เปิดแผลผ่าตัดเข้าทางช่องปากเหมือนกรณีแรก

ปเพื่อไม่ให้มีรอยแผลหลังการผ่าตัด โดยจะมีแผลอยู่ด้านในช่องปาก บริเวณข้างกระพุ้งแก้มทั้งสองข้าง หลังจากนั้นจึงทำการตัดหรือเลื่อนกระดูกโหนกแก้มลงจากจุดยึดเกาะเดิม แล้วยึดด้วยเหล็กยึดชนิดพิเศษ ถือว่าเป็นอันเสร็จพิธีการผ่าตัดลดโหนกแก้ม 

ขั้นตอนการผ่าตัดโหนกแก้ม

ก่อนการทำการ ” ตัดโหนกแก้ม ” แพทย์จะต้องมีการตรวจสภาพความพร้อมทุกอย่างของร่างกายคนไข้  เพื่อวางแผนการปรับใช้ยาสลบและยาชาที่เหมาะสมกับสภาวะของผู้ป่วยแต่ละคน  จากนั้นก็ทำการเอ็กซ์เรย์ โครงกระดูกเพื่อกำหนดรูปร่างของกระดูกโหนกแก้ม  ตำแหน่งของเส้นประสาทบริเวณนั้นได้อย่างถูกต้อง จากนั้นก็ทำการกำหนดจุดที่จะทำการผ่าตัด  เมื่อถึงเวลาทำจริงแพทย์จะต้องใช้ยาชาและยาสลบ  เพื่อลดความเจ็บปวดในการผ่าตัด  ซึ่งส่วนใหญ่กระบวนการในการผ่าตัด  จะใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงในการทำ

หลังจากการผ่าตัดโหนกแก้ม

แพทย์จะต้องมีการจัดการแผลโดยการทำท่อเพื่อเป็นทางระบายของเสีย  พวกเลือดและน้ำเหลือง  เพื่อป้องกันการอักเสบของแผล  ท่อเหล่านี้จะถูกถอดออกหลังจากที่ไม่มีของเสียไหลออกมาจากร่างกายแล้ว  โดยส่วนใหญ่จะใช้เวลาแค่เพียงวันเดียว  ร่างกายก็จะฟื้นตัวกลับมาได้  และหลังจากนั้นแพทย์ก็จะทำการเย็บเพื่อปิดรอยแผลที่ผ่าตัด  เป็นอันเสร็จสิ้นในส่วนของการ ผ่าตัดโหนกแก้ม

หลังจากนี้  ก็จะเป็นกระบวนการของการดูแลรักษาหลังการผ่าตัด  ผู้ป่วยจะต้องนอนในสถานพยาบาล 1 คืนเพื่อติดตามผลการผ่าตัด และรอยแผลที่เกิดจากการเย็บ จากนั้นก็สามารถกลับบ้านได้ ในช่วง 3 วันแรกหลังการผ่าตัดผู้ป่วยจะต้องถูกพันด้วยผ้าพันแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ  และป้องกันการเคลื่อนของรอยแผล ซึ่งในระหว่างนี้  คนป่วยอาจจะมีความจำเป็นต้องเข้ามาล้างแผลที่สถานพยาบาลตามวันและเวลาที่หมอนัด  เพื่อทำความสะอาด  และตรวจสภาพแผลอย่างต่อเนื่อง

วิธีการเหล่านี้จะช่วยให้รอยแผลสะอาด  ลดโอกาสการติดเชื้อ  ทำให้แผลติดสนิทได้เร็วขึ้น  ถ้าในสถานพยาบาลขนาดใหญ่  ผู้ป่วยจะได้รับข้อเสนอการผ่าตัดศัลยกรรมแบบเป็นแพ็คเกจ  ที่รวมค่ารักษาพยาบาล  และค่าพักฟื้นหลังการผ่าตัด  แบบเหมาจ่าย  ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้เข้ารับการผ่าตัดได้มากทีเดียว  หลังจากการผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อย  ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆเพิ่มเติม  โดยปกติแผลผ่าตัดเหล่านี้จะติดสนิทในระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์  และรอยแผลผ่าตัดจะค่อยๆเลือนหายไปแบบไร้ร่องรอย

ความเสี่ยงของการผ่าตัดโหนกแก้ม

ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้เช่น การติดเชื้อ  การมีเลือดซึมออกมา  การเกิดลิ่มเลือด  อาการช้ำ  บวม  อาการเจ็บกล้ามเนื้อและกระดูกบริเวณที่มีการผ่าตัด อาการแพ้ยาชา  ซึ่งอาการเหล่านี้  เป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นได้ตามปกติของการผ่าตัดทุกรูปแบบ  ซึ่งถ้าเกิดสภาวะเหล่านี้  แพทย์จะเป็นผู้ประเมินในการให้การรักษาในขั้นตอนต่อไป  เพื่อความความรู้สึกจากผลข้างเคียงดังกล่าว  ถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติของการศัลยกรรมทุกประเภท

นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดี  ที่มีเทคโนโลยีมากมายมาช่วยให้เราสามารถจัดการกับปัญหาต่างๆของใบหน้าและความสวยความงาม  อย่างมีประสิทธิภาพ  และค่อนข้างปลอดภัย  เชื่อเหลือเกินว่าทุกการศัลยกรรม  จะสร้างเรื่องราวดีดีให้เกิดกับผู้เข้ารับการศัลยกรรม  เพราะมันอาจเปลี่ยนชีวิต  เปลี่ยนสภาพความเป็นอยู่ได้อย่างน่าอัศจรรย์  มีดาราและเซเลบจำนวนไม่น้อย  ที่ยอมรับว่าการผ่าตัดศัลยกรรมช่วยเปลี่ยนให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้นเพราะนอกจากจะได้ความสวย ความหล่อที่มาพร้อมกับความมั่นใจที่มากขึ้นแล้ว  งานดีดี เงินจำนวนมหาศาล  ยังเป็นการการันตีได้ว่า  การศัลยกรรมที่มีประสิทธิภาพ  สามารถเปลี่ยนอนาคตของคนหนึ่งได้อย่างแน่นอน  ฉะนั้นหนุ่มสาวที่กำลังคิดจะศัลยกรรมด้วยการ ผ่าตัดโหนกแก้ม  ควรมองหาแพทย์ดีๆที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการ ผ่าตัดโหนกแก้ม โดยเฉพาะ  เพื่อสร้างมูลค่าและคุณค่าให้กับตัวเองอย่างปลอดภัย  เพราะโอกาสดีดียังรอเราอยู่อีกมากมาย

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

Duffy, D. (1998). “Injectable liquid silicone: New perspectives”. In Klein, A. W. Tissue Augmentation in Clinical Practice: Procedures and Techniques. New York: Marcel Dekker.

ซิลิโคนแต่ละแบบ มีข้อดี ข้อเสียอย่างไรกันบ้างนะ

0
ซิลิโคนแต่ละแบบ มีข้อดี ข้อเสียอย่างไรกันบ้างนะ
ซิลิโคนสำเร็จรูป เป็นแบบที่ผลิตออกมาสำเร็จรูปจากโรงงานมีความกว้าง-ยาวแตกต่างกัน เมื่อจะเสริมจมูกแพทย์จะทำการตกแต่งซิลิโคนอีกเล็กน้อยเพื่อให้เหมาะสมกับโครงหน้า
ซิลิโคนแต่ละแบบ มีข้อดี ข้อเสียอย่างไรกันบ้างนะ
ซิลิโคนสำเร็จรูป เป็นแบบที่ผลิตออกมาสำเร็จรูปจากโรงงานมีความกว้าง-ยาวแตกต่างกัน เมื่อจะเสริมจมูกจะทำการตกแต่งซิลิโคนเล็กน้อยเพื่อให้เหมาะสมกับโครงหน้า

ซิลิโคนเสริมจมูก

หลังจากที่เราพูดคุยกันเรื่อง วัสดุที่นำมาใช้ในการเสริมจมูกว่ามีอะไรบ้าง กันไปแล้ว ว่า ซิลิโคนเสริมจมูก นั้นมี 2 แบบ คือ ซิลิโคนเสริมจมูกสำเร็จรูป และ ซิลิโคนเสริมจมูกแบบเหลา คราวนี้เราจะนำข้อดี ข้อเสียของซิลิโคนแต่ละแบบมาให้สาวๆ อ่านกันอย่างจุใจเลยล่ะค่ะ

ข้อดี ข้อเสียของซิลิโคน

1.ซิลิโคนเสริมจมูกสำเร็จรูป

ซิลิโคนเสริมจมูก แบบนี้เป็นแบบที่ผลิตออกมาสำเร็จรูปจากโรงงานเรียบร้อย มีความกว้าง-ยาวแตกต่างกัน เมื่อจะเสริมจมูก แพทย์จะทำการตกแต่งซิลิโคนอีกเล็กน้อย เพื่อให้เหมาะสมกับโครงหน้าของคนไข้แต่ละราย

ข้อดี

  1. ได้รูปทรงที่แน่นอน
  2. โอกาสที่จะเบี้ยว หรือเอียงน้อย
  3. เลือกได้หลายแบบตามความนิ่ม – แข็ง
  4. ทางที่ดี เวลาเลือก ซิลิโคนเสริมจมูก ควรเลือกแบบที่มีความนิ่มปานกลาง เพื่อป้องกันเวลาเกิดอุบัติเหตุ ล้มลงหน้าฟาดกับพื้น จะได้ไม่กระทบกับจมูกที่เราไปทำมามากนัก

ข้อจำกัด

  • ปรับแต่งรูปทรงได้เล็กน้อย จึงไม่อาจใช้วิธีนี้ได้กับคนไข้ทุกราย

2. ซิลิโคนเสริมจมูกแบบเหลา

ข้อดี

  1. สามารถปรับแต่งให้เข้าได้กับจมูกทุกรูปหน้า
  2. ส่วนใหญ่คุณภาพของซิลิโคนแบบเหลาเองจะดีกว่าแบบสำเร็จรูป

ข้อจำกัด

  1. ใช้เวลานาน
  2. แพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญ มิฉะนั้น อาจทำให้จมูกเบี้ยวได้ 

ซิลิโคนแต่ละประเทศแตกต่างกันอย่างไร

1.ซิลิโคนเสริมจมูกของประเทศสหรัฐอเมริกา

เป็นซิลิโคนมาตรฐานพิเศษ และมีความบริสุทธิ์ถึง 100% เป็นซิลิโคนสีขาว มีเนื้อที่นิ่ม ละเอียด มีความปลอดภัยและมีคุณภาพดี มีความยืดหยุ่นดี กว่าซิลิโคนประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี ลักษณะพิเศษของซิลิโคนประเทศสหรัฐอเมริกา คือ เนื้อซิลิโคนมีความนิ่มปานกลาง ไม่นิ่มจนเกินไป จึงเป็นที่นิยมมากที่สุด สามารถปรับแต่งรูปทรงได้ตามต้องการ เมื่อเสริมไปนานๆ แล้วยังไม่มีโอกาสที่จะยุบลงอีกด้วย เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อบริเวณสันจมูกค่อนข้างมาก หรือคนที่มีโครงจมูกยาว

2.ซิลิโคนเสริมจมูกของประเทศเกาหลี

ซิลิโคนประเทศเกาหลีเป็นซิลิโคนมาตรฐานพิเศษ มีความนิ่มมาก และมีความยืดหยุ่นสูง ไม่มีโอกาสจะทะลุและเอียงได้เลย เหมาะกับผู้ที่ต้องการเสริมจมูกให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่โด่งจนเวอร์วังจนเกินไป

3.ซิลิโคนเสริมจมูกของประเทศญี่ปุ่น

ซิลิโคนประเทศญี่ปุ่นเป็นซิลิโคนมาตรฐานธรรมดา มีลักษณะออกเหลืองและเนื้อซิลิโคนค่อนข้างแข็ง แต่มีข้อดีตรงที่ราคาไม่แพง

สาวๆ ก็คงจะเข้าใจซิลิโคนแต่ละแบบ รวมถึงสาเหตุที่ทำให้จมูกพังกันได้มากขึ้นแล้วนะคะ คราวหน้าเราจะมาต่อกันเรื่อง เสริมจมูกรูปทรงไหนให้ไฉไลรับปี 2019 อย่าลืมติดตามกันค่ะ

แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

[contact-form-7 id=”19480″ title=”แสดงความคิดเห็น”]

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

Heidingsfeld, M. L. (1906). “Histopathology of paraffin prosthesis”. J Cutan Dis. 24: 513–521.

Hans-Heinrich Moretto, Manfred Schulze, Gebhard Wagner (2005) “Silicones” in Ullmann’s Encyclopedia of Industrial Chemistry, Wiley-VCH, Weinheim.

การเตรียมตัวเองก่อนไปเสริมจมูก แบบง่ายๆ ที่คลินิกทั่วโลกเขาใช้กัน

0
การเตรียมตัวเองก่อนไปเสริมจมูก แบบง่ายๆ ที่คลินิกทั่วโลกเขาใช้กัน
การดูแลตัวเองในช่วงก่อนเสริมจมูกเป็นสิ่งที่สำคัญที่มีส่วนช่วยให้แผลหายเร็ว
การเตรียมตัวเองก่อนไปเสริมจมูก แบบง่ายๆ ที่คลินิกทั่วโลกเขาใช้กัน
การดูแลตัวเองในช่วงก่อนเสริมจมูกเป็นสิ่งที่สำคัญที่มีส่วนช่วยให้แผลหายเร็ว

การเตรียมตัวก่อนเสริมจมูก

การศัลยกรรมเสริมจมูก เป็นศัลยกรรมที่มีคนในความสนใจมากสุดเลยก็ว่าได้ สำหรับใครที่อยากจะปรับเปลี่ยนรูปหน้า โหงวเฮ้งก็มักจะนึกถึงการเสริมจมูกเป็นอันดับแรก 

ความรู้เกี่ยวกับเรื่องศัลยกรรมเสริมจมูก 

1. ควรงดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อช่วยลดโอกาสที่แผลจะหายช้า
2. ควรงดการกินยากลุ่มแอสไพริน หรือไอบิวโพรเฟน เพื่อลดอาการฟกช้ำจากเลือดคั่งหลังผ่าตัด
3. ควรงดทานอาหารประเภทของหมักดอง และอาหารทะเล อย่างน้อย 1 สัปดาห์
4. งดการทานอาหารเสริม น้ำมันตับปลา หรือวิตามินอื่นๆ เพื่อป้องกันอาการเลือดหยุดไหลช้า
5. ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่า เราเป็นโรคใด กินยาชนิดใด หรือแพ้ยาตัวไหนบ้าง เพื่อแพทย์จะได้ทราบและลดอันตรายภายหลังการเสริมจมูกได้มากขึ้น
6. การงดน้ำและอาหาร ขึ้นอยู่กับรูปแบบว่าคุณจะรับการเสริมจมูกแบบใด
• หากเป็นการดมยาสลบ : ควรงดน้ำและอาหารก่อนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
• หากเป็นการฉีดยาชา : ไม่ต้องงดน้ำและอาหาร แต่ควรทานเป็นอาหารเบาๆ ประมาณ 4-6 ชั่วโมงก่อนเวลาผ่าตัด
7. งดการแต่งหน้า และควรสระผมก่อนให้เรียบร้อย

การดูแลตัวเองหลังไปเสริมจมูก

  1. เตรียมอุปกรณ์ไว้ใช้สำหรับช่วงหลังเสริมจมูก ได้แก่ หมอนรองคอ ผ้าเย็นหรือผ้าขนหนู คอตตอนบัต น้ำเกลือล้างแผล เสื้อที่ใส่แบบติดกระดุม
  2. หลีกเลี่ยงการโดนบริเวณแผล อาทิ การดึง จับ แคะ เพื่อให้ใบหน้ากลับมาสู่สภาพปกติได้เร็วที่สุด
  3. ใส่เสื้อที่มีกระดุมด้านหน้า เพื่อลดการที่จมูกกับสัมผัสกับตัวเสื้อ
  4. หลังจากการผ่าตัด ควรประคบเย็น 3 วัน หลังจากนั้นให้ประคบอุ่น เพื่อให้เลือดไหลเวียนดี หรือจะใช้แบบเจลประคบแบบซอง หรือที่เป็นแผ่นใหญ่ๆ ก็ได้ค่ะ
  5. งดสูบบุหรี่ และงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
  6. งดกินของแสลงประเภทอาหารหมักดอง หลังการทำจมูกเพื่อไม่ให้แผลหายช้า
  7. ทานยาที่แพทย์สั่งให้อย่างเคร่งครัด
  8. ควรงดการออกกำลังกายก่อนสัก 1 เดือน โดยเฉพาะการออกกำลังกายหนักๆที่ต้องใช้แรงกระแทก
  9. งดการแต่งหน้า และเสริมความงามใบหน้า เช่น การกดสิว และยิงเลเซอร์ เพราะอาจทำให้ยิ่งเกิดการอักเสบและแผลหายช้ามากขึ้น
  10. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีฝุ่นมากๆ เพราะอาจก่อให้เกิดการไอ จาม สั่งน้ำมูก แต่หากจำเป็นจริงๆ ควรใส่ Mask ป้องกันไว้ โดยใช้แบบวันต่อวันนะคะ พอใช้หมด 1 วันแล้วก็ทิ้งไปเลย ไม่ต้องเสียดาย เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นการหมักหมมค่ะ   
  11. ล้างหน้าเบาๆ หรือจะใช้สำลีชุบน้ำมาเช็ดเบาๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มือเราสัมผัสถูกหน้าแรงเกินไป
  12. ในช่วงแรกๆ ควรทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก หรือข้าวต้มไปก่อน และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเผ็ดจัด เพราะอาจทำให้เราไอ หรือจาม

นอกจาก 12 วิธีที่กล่าวไปแล้ว การเลือกทานอาหารที่ช่วยลดอาการบวมช้ำภายหลังการเสริมจมูก อาทิ ฟักทอง และใบบัวบก ก็จะยิ่งช่วยลดอาการบวมได้ดียิ่งขึ้น บทความหน้าเราจะพูดถึงประเภทของ วัสดุที่นำมาเสริมจมูก กันแล้ว สาวๆ อย่าลืมติดตามผ่านหน้าจอกันด้วยเพื่อไม่ให้พลาดข่าวคราวความสวยความงามที่สำคัญค่ะ

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

Heidingsfeld, M. L. (1906). “Histopathology of paraffin prosthesis”. J Cutan Dis. 24: 513–521.

อยากสวยต้องรู้ วัสดุที่นำมาใช้ในการเสริมจมูกได้แก่อะไรบ้าง

0
อยากสวยต้องรู้ ! วัสดุที่นำมาใช้ในการเสริมจมูกได้แก่อะไรบ้าง
การใช้สารเติมแต่ง Filler ไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาน้อย เพียง 10-20 นาที
อยากสวยต้องรู้ ! วัสดุที่นำมาใช้ในการเสริมจมูกได้แก่อะไรบ้าง
ซิลิโคนเสริมจมูก เป็นวัสดุทางการแพทย์ ปรับแต่งรูปทรงขึ้นมาเพื่อใช้ในการเสริมจมูก เป็นวิธีที่แพร่หลายและได้ผลดีมากที่สุด

วัสดุที่ใช้เสริมจมูก 

อย่างที่เคยกล่าวไปแล้วนะคะ ว่าการนำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกายของเรานั้นเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง แค่มีเงินเพียงอย่างเดียวยังไม่พอ สาวๆ จะต้องรู้ด้วยว่า การเสริมจมูก นั้นดีอย่างไร และมีรูปแบบไหนบ้าง ซึ่งเราได้พูดถึงกัน  ไปบ้างแล้ว คราวนี้เราจะมาเจาะลึกลงไปถึงวัสดุที่นำมาเสริมจมูกกันดูบ้าง เชื่อว่าสาวๆ หลายๆ คน ถ้าพูดถึง วัสดุที่ใช้เสริมจมูก ก็คงคิดถึงซิลิโคนแท่งกันใช่ไหมคะ นั่นก็มีส่วนถูกค่ะ แต่นอกจากซิลิโคนแล้ว ยังมีวัสดุอื่นๆ อีก ดังนี้ค่ะ 

ความรู้เกี่ยวกับเรื่องศัลยกรรมเสริมจมูก

1. เสริมจมูกแบบไหน และอย่างไรดี ถึงจะปัง

2.การเตรียมตัวเองก่อนไปเสริมจมูก

3.วัสดุที่นำมาใช้ในการเสริมจมูก

4.ซิลิโคนแต่ละแบบ มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร

5.ทรงจมูกสุดฮิต ที่สาวไทยนิยมทำมากที่สุด

วัสดุที่ใช้เสริมจมูก

  1. จากร่างกายของคนไข้เอง เช่น กระดูก กระดูกอ่อน ไขมันหน้าท้องหรือต้นขา
  2. วัสดุสังเคราะห์ เช่น ซิลิโคนแท่ง สารเติมแต่ง ( Filler ) และ Gore tex

การนำมาใช้ของวัสดุชนิดต่างๆ

1. กระดูก / กระดูกอ่อน

  • ใช้ทำจมูกคนไข้ที่มีรูปร่างผิดรูป เนื่องจากอุบัติเหตุ หรือเกิดการพิการในส่วนต่างๆ
  • ใช้ในกรณีที่คนไข้ต้องการจมูกปลายหยดน้ำ
  • หรือรายที่ซิลิโคนเสริมจมูกสูงมาก จนหนังปลายจมูกบาง จึงใช้กระดูกอ่อนหลังใบหูมาช่วยเสริมให้ดูโค้งมน ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
  • แต่เนื่องจากกระดูกอ่อนบริเวณใบหูมีจำกัด จงเหมาะกับผู้ที่ต้องการแต่งเสริมเพียงบางส่วนเท่านั้น
  1. ไขมันหน้าท้องหรือต้นขา
  • สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการให้สิ่งแปลกปลอมอื่นๆ เข้าไปในร่างกาย เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายในอนาคต
  • เหมาะกับผู้ที่มีสภาพปัญหาไม่มาก เช่น ปลายจมูกสวยอยู่แล้วแต่ขาดดั้งเล็กน้อย หรืออยากสวยตามธรรมชาติ
  • วิธีนี้จะช่วยให้ไม่มีปัญหาเรื่องการแพ้ ทะลุ หรือเอียง แต่ก็มีข้อจำกัดว่า อาจตกแต่งทรงจมูกไม่ได้มากตามที่ต้องการเหมือนซิลิโคน หรือวัสดุอื่นที่คงรูปกว่า
  1. ซิลิโคนเสริมจมูก
  • ซิลิโคนแบ่งออกเป็น ซิลิโคนสำเร็จรูป และแบบซิลิโคนแท่ง ที่ต้องนำมาเหลาเอง
  • ข้อดี คือ ได้รูปทรงที่แน่นอน ไม่ค่อยเอียง
  • เลือกซิลิโคนได้ตามลักษณะความอ่อน-แข็ง
  • บางคนคิดว่าควรเสริมจมูกด้วยการเลือกซิลิโคนแบบนิ่มๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา แต่จริงๆ แล้ว ถ้าเลือกแบบที่นิ่มมากเกินไป ก็อาจทำให้ซิลิโคนยุบตัวลงได้ค่ะ
  1. Gortex

กอร์เท็กซ์ เป็นวัสดุสังเคราะห์อย่างหนึ่งในกลุ่มของพลาสติกซึ่งมีความปลอดภัย ซึ่งข้อดีของ กอร์เท็กซ์ คือ เข้ากับเนื้อเยื่อได้ ไม่เกิดการต่อต้านกับร่างกาย  ตกแต่งรูปทรงได้สวยเป็นธรรมชาติ และทำได้ง่ายกว่าซิลิโคน รวมถึงเกิดโอกาสเบี้ยว หรือพังผืดยึดน้อยมาก แต่ก็มีข้อจำกัดตรงที่ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการเสริมจมูกโดยใช้วัสดุอื่นๆ

  1. การใช้สารเติมแต่ง Filler

วิธีนี้เป็นอีกวิธีที่นิยมกันมาก เนื่องจากใช้เวลาน้อย เพียง 10-20 นาทีก็เสร็จ ไม่ต้องผ่าตัด

ไม่ต้องนอนพักฟื้น และที่สำคัญ ไม่มีอาการเจ็บหรือบวมมาก สามารถไปทำงานต่อได้เลย ทำให้เป็นวิธีเสริมจมูกที่ถูกใจสาวๆ มนุษย์เงินเดือน แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ต้องระมัดระวังเรื่องการใช้สารที่ไม่ปลอดภัย เพราะอาจทำให้จมูกผิดรูป หรือเกิดก้อนได้ในภายหลัง และวิธีแก้ไขก็ยากมาก ดังนั้น สาวๆ จึงควรเลือกปรึกษาเฉพาะแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง เพื่อให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุด

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับเรื่องราวน่ารู้ของ วัสดุที่ใช้เสริมจมูก ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ แต่เนื้อหาสาระก็ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะคราวหน้าเราจะมาพูดถึงซิลิโคนแต่ละชนิด รวมถึงข้อดี ข้อเสียกัน อย่าลืมติดตามอ่านตอนต่อไปกันนะคะ

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

Heidingsfeld, M. L. (1906). “Histopathology of paraffin prosthesis”. J Cutan Dis. 24: 513–521.

เสริมจมูกแบบไหน และอย่างไรดี ถึงจะปัง พร้อมข้อดีและเสีย

0
เสริมจมูกแบบไหน และอย่างไรดี ถึงจะปัง พร้อมข้อดีและเสีย
การเสริมจมูกแบบปิด แผลจะอยู่ด้านในรูจมูก แพทย์จะใส่ซิลิโคนตั้งแต่สันจมูก ไปจนถึงปลายจมูก
เสริมจมูกแบบไหน และอย่างไรดี ถึงจะปัง พร้อมข้อดีและเสีย
จมูกเป็นจุดสำคัญของรูปหน้า เสริมความมั่นใจให้ตัวเอง บุคลิกภาพให้ดีขึ้นและปรับโหงวเฮ้งให้ดีขึ้น

เสริมจมูก

สาวๆ รู้ไหมคะ ว่าการ เสริมจมูก ที่ใครก็พูดถึงเนี่ย ไม่ใช่ว่าเราขึ้นเขียงปุ๊บ แล้วหมอจะผ่าให้เราได้เลย ชั้บๆๆ อย่างนั้นนะคะ คุณหมอต้องดูก่อนว่า รูปทรงจมูก ของเราเป็นอย่างไร นอกจากนี้ แค่มีเงินก็ยังไม่พอ สาวๆ ควรจะต้องรู้ก่อนว่า การเสริมจมูก มีแบบไหน ? และแต่ละแบบมีข้อดี ข้อเสียอย่างไรบ้าง ถึงจะได้ผลดีและคุ้มค่ากับเงินที่เราจ่ายไป และเพื่อประกอบการตัดสินใจ วันนี้ทางเวป amprohealth.com จึงได้ คัดสรรสาระดีๆ มาฝากกันแล้ว ไปอ่านกันเลยค่ะ   

การเสริมจมูก คือ การผ่าตัดเพื่อปรับรูปร่างลักษณะของจมูกใหม่ ช่วยแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการหายใจที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุหรือความบกพร่องแต่กำเนิด

เสริมจมูกไปเพื่ออะไร

  1. เสริมจมูกเพื่อช่วยแก้ไขรูปทรงจมูกให้สวยขึ้น
  2. เสริมจมูกเพื่อปรับโหงวเฮ้งให้ดีขึ้น
  3. เสริมจมูกความมั่นใจและบุคลิกภาพให้ดีขึ้น ภาพลักษณ์ดีขึ้น /สาวๆ มีความมั่นใจในรูปหน้าและจมูกตัวเองมากยิ่งขึ้น / ความกังวลใจลดน้อยลง

จมูกแบบไหนที่ต้องไปเสริมจมูก

เชื่อกันว่าก่อนสาวๆจะ เสริมจมูก ต้องหาข้อมูล รีวิวทำจมูกมาแล้วบ้าง ว่าทำจมูกทรงไหนสวย และส่วนใหญ่รูปทรงจมูกที่เราคิดว่าไม่สวยเท่าที่ควร และอยากจะแก้ไข ได้แก่

  1. จมูกบาน
  2. จมูกเบี้ยว
  3. จมูกแบน
  4. จมูกมีฮัมพ์ : บริเวณแนวจมูกมีกระดูกนูนๆ ขึ้นมาคล้ายหลังอูฐ

อ่านเพิ่มเติม: 7 ทรงจมูกสุดฮิต ที่สาวไทยนิยมทำมากที่สุด

รูปแบบการเสริมจมูก

1.การเสริมจมูกแบบเปิด ( Open Technique )

วิธีนี้เป็นการเปิดแผลที่บริเวณฐานจมูกของคนไข้ จะใช้วิธีกรีดผ่าจมูกในแนวดิ่ง แล้วทำการแยกเนื้อ

และผิวหนังออกจากโครงสร้างจมูก วิธีนี้จะทำให้คุณหมอเห็นปัญหาของรูปทรงจมูกคนไข้ได้ง่ายขึ้น จึงช่วยปรับแก้ไขทรงจมูกได้ตรงจุด และมีความครบถ้วน สมบูรณ์ 

ข้อดีการทำจมูกแบบเปิด

  1. โอกาสที่จมูกจะเบี้ยวมีน้อย
  2. สามารถตกแต่งให้สวยเนียนได้เป็นธรรมชาติ
  3. ป้องกันไม่ให้ผิวหนังทะลุในอนาคต

ข้อเสียการทำจมูกแบบเปิด :

  1. บางครั้งอาจต้องใช้ยาสลบในการผ่าตัด
  2. ใช้เวลานาน และอาจเกิดอาการบวมช้ำได้นานกว่าการเสริมจมูก แบบปิด
  3. ราคาสูง

2.การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Technique)

วิธีนี้เป็นการศัลยกรรมเสริมจมูกแบบทั่วไป แผลจะอยู่ด้านในรูจมูก แพทย์จะใส่ซิลิโคนตั้งแต่สันจมูก ไปจนถึงปลายจมูก วิธีนี้เป็นที่นิยมกันมาก เนื่องจากแผลเล็กและไม่บวมมาก

ข้อดี

  1. ใช้เวลาไม่นาน
  2. การดูแลตัวเองก็ไม่ยุ่งยาก
  3. ค่ารักษาไม่แพง

ข้อเสีย

  1. มีโอกาสที่จมูกจะเบี้ยวมากกว่าการ เสริมจมูก แบบเปิด
  2. การตกแต่งอาจทำไม่ได้เรียบเนียนสวย หรือจมูกโด่งเท่าแบบเปิด

วัสดุที่ใช้เสริมจมูก มีอะไรบ้าง ?

การเสริมจมูก สมัยนี้ ไม่ได้ใช้ ซิลิโคนเพียงอย่างเดียวแล้วนะ จริงๆ มีวัสดุอีกหลายตัวเลย

หลังจากที่เราได้พูดถึงรูปแบบการเสริมจมูกไปแล้วว่า มี การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Technique) และ การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Technique) รวมถึง สิ่งที่ควรคำนึงก่อนการไปทำจมูก กันไปแล้ว แต่ๆๆๆ แค่ข้อมูลเท่านั้นยังไม่พอค่ะ เพราะว่าการศัลยกรรมนี่ก็เหมือนการผ่าตัดชนิดหนึ่งนี่แหละ ดังนั้น สาวๆ จึงควรรู้วิธีเตรียมตัวก่อน และการดูแลตัวเองหลังไปเสริมจมูกมากันด้วย เรามาตามอ่านกันต่อเลยค่ะ การเตรียมตัวเองก่อนไป เสริมจมูก

สิ่งที่ควรคำนึงก่อนการไปเสริมจมูก

ที่กล่าวมาข้างต้น ก็เป็นรูปแบบของการทำจมูก นะคะ แต่ยังมีสิ่งสำคัญอื่นๆ ที่สาวๆ ควรนำมาพิจารณาก่อนตัดสินใจ ดังนี้ค่ะ 

  1. แน่นอนล่ะ ว่าการศัลยกรรมเพื่อเอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดเข้าไปในร่างกายเรานั้นเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้น

สาวๆ จึงควรปรึกษาแพทย์ที่มีความชำนาญด้านนี้จริงๆ เพื่อลดผิดพลาดให้น้อยที่สุด

  1. เรามีโรคประจำตัวอะไรไหม เช่น โรคเบาหวาน อาจทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ โรคหัวใจอาจส่งผลต่อความดันเลือด หรือผู้ที่เป็นภูมิแพ้ หรือเป็นไซนัสก็อาจมีผลในช่วงหลังเสริมจมูก

ดังนั้น ก่อนที่จะไปเสริมจมูก ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงหลังการผ่าตัด

  1. หาข้อมูลจากผู้ใช้จริง เช่น รีวิวหลังการไป เสริมจมูก
  2. เมื่อหาข้อมูลได้แล้ว ก็ลองเลือกโรงพยาบาลหรือคลินิกมาสัก 2-3 แห่ง แล้วเข้าไปถามเขาให้ละเอียด เรื่องการรักษา และการดูแลตัวเอง อย่าเกรงใจ หรือเหนียมอาย เพราะจมูกนี้จะต้องอยู่กับเราไปตลอดชีวิตนะคะ

นอกจากนี้ อย่าลืมดูความพร้อมของกระเป๋าเงินเราด้วยนะคะ ถ้าจมูกสวย แต่ป่วยด้วยโรคทรัพย์จางอย่างนี้ก็คงไม่ดีแน่เลย ค่อยๆ คิด ค่อยๆหาข้อมูลและเตรียมเงินให้พร้อมจริงๆ ก่อนจะดีกว่าค่ะ

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

Heidingsfeld, M. L. (1906). “Histopathology of paraffin prosthesis”. J Cutan Dis. 24: 513–521.

Duffy, D. (1998). “Injectable liquid silicone: New perspectives”. In Klein, A. W. Tissue Augmentation in Clinical Practice: Procedures and Techniques. New York: Marcel Dekker

แป้งเจ้านาง พัฟแห้ง เปียก ภายในตัว กันน้ำ ปกติดริ้วรอยได้ดังใจ

0
รีวิวแป้งเจ้านาง พัฟแห้ง เปียก ภายในตัว กันน้ำ ปกติดริ้วรอยได้ดังใจ
ช่วยการปกปิดริ้วรอยจากสิว รอยแผลเป็น สามารถกันน้ำได้ดี มี SPF 20 PA+++  ติดทนนาน สามารถใช้ได้ทั้งพัฟแห้ง และ เปียก
รีวิวแป้งเจ้านาง พัฟแห้ง เปียก ภายในตัว กันน้ำ ปกติดริ้วรอยได้ดังใจ
ช่วยการปกปิดริ้วรอยจากสิว รอยแผลเป็น สามารถกันน้ำได้ดี มี SPF 20 PA+++  ติดทนนาน สามารถใช้ได้ทั้งพัฟแห้ง และ เปียก

แป้ง เจ้านาง

สวัสดีค่าาา วันนี้ ก็ไม่มีอะไรมากมาย อยากจะมา รีวิวแป้งเจ้านางให้ฟังคะว่า มันดียังไง ซึ่งก่อนอื่นเลยขอเกริ่นก่อนเลยว่า ตัวเราเอง ไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่าย หรือ เป็นเจ้าของ แป้งเจ้านาง แต่อย่างใดนะคะ ดังนั้นไม่ต้องกลัวเลยว่าเราจะมาหลอก อิอิ 

ก่อนอื่นเลย ต้องบอกว่าเรา เป็นคนที่มี ผิวสีค่อนข้างที่จะ คล้ำมาก ๆ เลยคะ แถมยังมีรอยสิว รอยดำอยู่บนใบหน้าอีกด้วยซึ่งมันทำให้เรา ขาดความมั่นใจไปเลยคะ ไม่กล้าที่จะออกไปไหน

ยิ่งเฉพาะตอนที่ไปโรยงเรียนนี่ อายเพื่อนห้องอื่นมากๆเลย คะ พยามแต่งหน้าแล้ว แต่มันก็ปกปิดไม่มิด จะแต่งแบบหนาๆก็ไม่ได้ เพราะทางโรงเรียนเขาก็มีกฏอยู่

สุดท้าย  ไปสะดุดตากับ คลิป ๆ หนึ่ง ซึ่ง เขาเป็น YOUTUBER ที่รีวิวเกี่ยวกับพวกเครื่องสำอางค์ โดยเฉพาะ ซึ่งเขากำลังพูดถึงเกี่ยวกับ แป้งเจ้านาง ที่สามารถปกปิดได้อย่างธรรมชาติ สามารถกันน้ำได้ดี แถมยังมีราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้อีกด้วย

เราไม่รอช้า รีบหาข้อมูลต่อทันทีเลยว่า แป้งเจ้านาง เนี่ย มันราคาเท่าไร แล้วมันมีคุณสมบัติที่สำคัญอะไรบ้าง พยามหาเหตุผลให้ได้ ว่าทำไม เหล่า Bloger ชื่อดังถึงต่างให้ความสนใจกันมากขนาดนี้ สุดท้ายได้ข้อมูลมาดังนี้

แป้งเจ้านาง เป็นแป้งที่ถูกผลิตขึ้นในประเทศไทย นั่นหมายความว่า เป็นแบรนด์ คนไทย

แป้งเจ้านาง มีให้เลือกทั้งหมด 4 เฉดสี
C1: แป้งเจ้านาง เป็นเฉดสีที่เหมาะสมกับ คนที่มีผิวขาวอมชมพูคะ
C2: แป้งเจ้านาง เหมาะกับ คนที่มีสีผิวแทน ไม่ขาว ไม่ดำ “สีผิวคนไทย นิยมมาก”
C3: แป้งเจ้านางตัวนี้ เหมาะสมกับเรามากที่สุดเลย ก็คือ คนที่มีผิวคล้ำ < ทุกวันนี้เราใช้ตัวนี้อยู่ รู้สึกว่าถูกใจมากๆ เลย เหมือนเค้าตั้งใจทำมาเพื่อ เราโดยเฉพาะ “แอบมโน”
C21: แป้งเจ้านาง ตัวนี้เป็นเฉดสีใหม่คะ เหมาะสำหรับ ผิวขาวเหลือง ส่วนตัวแล้วเคยลองของเพื่อน มันก็แตกต่างจาก C2 ไม่มากเท่าไรนะคะ

คุณสมบัติแป้งเจ้านาง

แน่นอน ก็คงจะหนีไม่พ้นของเรื่อง ช่วยการปกปิดริ้วรอยจากสิว รอยแผลเป็น สามารถกันน้ำได้ดี มี SPF 20 PA+++  ติดทนนาน ไม่ต้องเติมบ่อยระหว่างวัน สามารถใช้ได้ทั้งพัฟแห้ง และ เปียกค่ะ

แต่สิ่งที่แป้งเจ้านาง เด่นกว่าแป้งอื่นก็คือ มีสารสกัดจากน้ำมันตับปลาฉลาม ที่ขึ้นชื่อด้วยประโยชน์ของการบำรุงผิว เพราะว่ามีโครงสร้างใกล้เคียงกับ น้ำมันใต้ผิว มนุษย์คนเราคะ

รีวิวแป้งเจ้านาง

99.98% ของผู้ทดลองใช้ แป้งเจ้านาง พึงพอใจเป็นอย่างมากคะ เพราะว่าใช้แล้วไม่แพ้ สิวไม่ขึ้น ถ้าหากว่าไม่เชื่อลองดูรีวิวแป้งเจ้านาง เพิ่มเติมเอาเองแล้วกันนะคะ

แป้งเจ้านางหาซื้อได้จากที่ไหน

แป้งเจ้านาง หาซื้อได้จาก Eve and boy, Konvy, Beauticool, lashes, Stardust ,
Suncosmate , Beauty club, Beauty market, CJ Express, Tesco Lotus
และ ตัวแทนจำาหน่ายทั่วประเทศ

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

Japsen, Bruce (15 June 2009). “AMA report questions science behind using hormones as anti-aging treatment”. The Chicago Tribune. Retrieved 17 July 2009.

How to น่ารู้สำหรับสาวๆ ที่อยากสวยด้วยวิธีการร้อยไหม

0
How to น่ารู้สำหรับสาวๆ ที่อยากสวยด้วยวิธีการร้อยไหม
การร้อยไหม คือ การศัลยกรรมโดยการนำเส้นไหมเส้นเล็กจำนวนมากมาร้อยลงไปในบริเวณใต้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นเซลล์ที่หน้าให้สร้างคอลลาเจนออกมาใหม่
How to น่ารู้สำหรับสาวๆ ที่อยากสวยด้วยวิธีการร้อยไหม
การร้อยไหม คือ การศัลยกรรมโดยการนำเส้นไหมเส้นเล็กจำนวนมากมาร้อยลงไปในบริเวณใต้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นเซลล์ที่หน้าให้สร้างคอลลาเจนออกมาใหม่

ร้อยไหม

เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก ไหนจะปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไหนจะหน้าเป็นรูปโอเชฟ (โอเชฟก็คือหน้ากลมๆนี่เอง ><”)  หันไปทางไหนก็มีแต่คนสวยด้วยวิธีร้อยไหม ว่าแต่ว่า การร้อยไหม คืออะไร และมันดียังไงกันล่ะ วันนี้เว็บไซต์ thaibeautysurgery.com หาคำตอบมาให้สาวๆ กันแล้วไปอ่านกันเลยค่ะ 

  • การร้อยไหมคืออะไร

การร้อยไหม คือ การศัลยกรรมวิธีหนึ่ง โดยการนำเส้นไหมเส้นเล็กจำนวนมากมาร้อยลงไปในบริเวณใต้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นเซลล์ที่หน้าให้สร้างคอลลาเจนออกมาใหม่ ทำให้เลือดไหลเวียนไปยังบริเวณที่ร้อยไหมได้ดีขึ้น และผิวยังตึงกระชับขึ้นอีกด้วย

  • การร้อยไหมเหมาะกับใคร

การร้อยไหม เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาเรื่องผิวหน้าหย่อนคล้อย อยากฟื้นฟูสภาพผิวหน้าให้กลับมาเปล่งปลั่ง ตึงกระชับ และผู้ที่อยากร้อยไหมเพื่อปรับรูปหน้าให้เป็นรูปวีเชฟเรียวสวย

  • เส้นไหมมีแบบไหนบ้าง

เส้นไหมที่นำมาร้อยไหมมีอยู่ 2 ประเภท คือ

  1. เส้นไหมละลาย

ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นไหมที่ละลายได้ และเป็นไหมประเภทเดียวกันกับที่ใช้ใน
เรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติม : เส้นไหมละลาย

การผ่าตัด จึงได้รับความนิยมจำนวนมาก เพราะไม่มีอันตรายเรื่องสารตกค้าง และมีโอกาสติดเชื้อได้น้อย เช่น เส้นไหมรูปกรวย เส้นไหมรูปก้างปลา

  1. เส้นไหมถาวร

การร้อยไหมแบบนี้มีข้อดี คือ อยู่ได้นาน และเห็นผลในการยกกระชับผิวได้มากกว่า

ไหมละลาย เช่น ไหมทองคำ แต่ต้องระวังเรื่องความร้อนและการศัลยกรรมที่ใช้ความร้อนหรือเลเซอร์ด้วย

  • ข้อดีของการร้อยไหม

    • ร้อยไหม ไม่ต้องผ่าตัด
    • ร้อยไหม ไม่ใช้เวลานาน
    • ร้อยไหม ไม่มีรอยแผลขนาดใหญ่ให้เป็นที่กังวลใจของสาวๆ
    • ร้อยไหม มีผลข้างเคียงน้อย
    • ร้อยไหม เห็นผลหลังทำทันที
  • ข้อเสียของการร้อยไหม

    • แม้จะไม่ใช่การผ่าตัด แต่ก็อาจมีความเจ็บจากการฉีดยาชาจากการร้อยไหม
    • ร้อยไหมอาจมีอาการผิวหนังบวมแดงเนื่องจากแพ้ไหมละลาย
    • มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากการร้อยไหมลงไปใต้ผิวหนัง
    • ร้อยไหมอาจเกิดรอยบุ๋มของผิวหนัง หรือผิวหนังสองข้างกระชับไม่เท่ากัน
    • หากไม่ได้ใช้ไหมละลาย อาจมีสารตกค้างอยู่ในร่างกาย
    • หากเป็นไหมทองอาจมีราคาสูง ดังนั้น ผู้ที่คิดจะศัลกรรมด้วยการร้อยไหม จึงควรพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจ
  • วิธีการดูแลตัวเองหลังจากการร้อยไหม

    • ไม่ควรทำเลเซอร์หรือหัตถการใดๆ กับใบหน้าประมาณ 2 สัปดาห์
    • ไม่ควรนวดหน้าแรงๆ บริเวณที่ร้อยไหมเป็นเวลา 2 เดือน
    • หากมีอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
  • สิ่งที่ต้องคำนึงก่อนไปร้อยไหม

  1. สาวๆ ควรหาข้อมูลเบื้องต้นก่อน ว่าไปร้อยไหมแล้วดียังไง มีข้อเสียตรงไหน และมีผลข้างเคียงยังไงบ้าง ด้วยการหาข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ต จากเพื่อน หรือดูผลของผู้ใช้จริงก่อน เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ
  2. ควรเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ดีที่สุด
  3. การร้อยไหมเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าในช่วงอายุ 35-55 ปี ดังนั้น ผู้ที่อายุยังน้อย ควรพิจารณาเรื่องความคุ้มค่าของราคาที่จะเสียไป หรือพิจารณาแนวทางการศัลยกรรมผิวหน้าด้วยวิธีการอื่นๆ ร่วมด้วย

เป็นยังไงกันบ้างกับข้อมูลเรื่องการ ร้อยไหม ที่ทางเวปของเรานำมาฝากกัน หวังว่าจะเป็น

ประโยชน์ต่อสาวๆ กันบ้างไม่มากไม่น้อย และคราวหน้าจะมี How to เกี่ยวกับความสวยความงามเรื่องอะไรมาฝากกันอีก อย่าลืมติดตามกันนะคะ

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

“New technique changing eyes from brown to blue sparks debate”, Chencheng Zhao. Medill Reports Chicago, Northwestern University. March 8, 2016. Retrieved 5 feb 2017

Uhr, Barry W. History of ophthalmology at Baylor University Medical Center. Hi Proc (Bayl Univ Med Cent). 2003 October; 16(4): 435–438. PMID 16278761