- โครเมียมทำหน้าที่อะไรในร่างกาย ( Chromium )
- อินนูลินคืออะไร อินนูลินอันตรายหรือไม่ และมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ?
- อาหาร 5 หมู่ มีอะไรบ้าง และแหล่งอาหารของแต่ละหมู่
- ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทางการแพทย์มีที่มาอย่างไร
- คุณค่าทางโภชนาการของผัก
- ออกซิเจน คืออะไร และจำเป็นต่อร่างกายอย่างไร
- โปรไบโอติกส์ ( Probiotics )
- กรดอะซิติกคืออะไรและมีประโยชน์อย่างไร?
- หน้าที่และประโยชน์ของกรดบิวทิริก
- ประโยชน์ของกรดโพรพิโอนิก ( Propionic Acid )
- ธาตุไฮโดรเจนมีความสำคัญอย่างไรต่อร่างกาย
- น้ำตาลธรรมชาติ ใช้ได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไร?
- ธาตุและสารประกอบในร่างกาย
- คาร์โบไฮเดรต สารอาหารให้พลังงานแก่ร่างกาย
- เกลือไอโอดีน ประโยชน์มหาศาล ( Iodine )
- หน้าที่และความสำคัญของลิปิดคืออะไร? ( Lipid )
- ธาตุสังกะสีตัวช่วยในการดูดซึมสารอาหาร ( Zinc )
- แร่ธาตุโมลิบดินัมสำคัญอย่างไร? ( Molybdenum )
- แมงกานีส คือ ( Manganese ) อะไรมีหน้าที่สำคัญและประโยชน์อย่างไร
- ฟลูออรีนคืออะไร สำคัญอย่างไร? ( Fluorine )
- ฟอสฟอรัสแร่ธาตุอันดับสองของร่างกาย ( Phosphorus )
- โปรตีนสารอาหารที่ร่างกายขาดไม่ได้ ( Protein )
- แมกนีเซียมจำเป็นต่อร่างกายอย่างไร? ( Magnesium )
- หน้าที่ของโปแตสเซียมในร่างกาย ( Potassium )
- ทองแดงมีความสำคัญอย่างไร ( Copper )
- ไนอาซินหรือวิตามินบี 3 ( Niacin-Vitamin B3 ) มีหน้าที่สำคัญอย่างไร
- หน้าที่ของธาตุโซเดียมในร่างกาย ( Sodium )
- ซิลิเนียม ( Selenium ) สารอาหารเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง
- โคบอลท์จำเป็นต่อร่างกายอย่างไร ( Cobalt )
- คุณประโยชน์ของน้ำ ( Water – H2O )
- ประโยชน์ของกรดโฟลิก ( โฟเลต หรือวิตามินบี 9 )
- ไบโอตินหรือวิตามินบี 7 ( Biotin – Vitamin B7 )
- บทบาทหน้าที่ของวิตามินบี 2 ( Riboflavin – Vitamin B2 )
- แอนโทไซยานิน ( Anthocyanin ) สารสีน้ำเงินเพื่อสุขภาพ
- ธาตุเหล็ก ประโยชน์ของธาตุเหล็กคืออะไรและมีความสำคัญอย่างไร ?
- เบตาเลน สารสีแดงของแก้วมังกร อุดมด้วยคุณค่าสารอาหาร
- ไลโคปีน และแคโรทีนอยด์จากมะเขือเทศ มีผลต่อความดันโลหิตสูงอย่างไร
- สารเพคตินและใยอาหารในแอปเปิ้ล
- แคลเซียมแร่ธาตุจำเป็นสำหรับกระดูกและฟัน ( Calcium )
- กรดอะมิโนจำเป็น สำคัญอย่างไร ? ( Amino Acids )
- อัลบูมิน คืออะไร ? ( Albumin )
- วิตามินบี 12 ( Cobalamin ) คืออะไร มีคุณสมบัติและหน้าที่อะไรบ้าง
- วิตามินเค ( Vitamin K ) คืออะไร มีคุณสมบัติและหน้าที่อะไรบ้าง
- ประโยชน์ของวิตามินดี ( Vitamin D ) คืออะไร
- วิตามินเอ ( Vitamin A ) คืออะไร?
- กรดแพนโทเธนิคหรือวิตามินบี 5 คืออะไร ( Pantothenic Acid หรือ Vitamin B5 )
- วิตามินบี 6 ( Vitamin B6 – Pyridoxine ) สำคัญอย่างไร
- ประโยชน์ของวิตามินซี ( Vitamin C )
- วิตามินอี ( Vitamin E ) คืออะไร หาได้จากแหล่งไหน ?
โครเมียม ( Chromium )
โครเมียม ( Chromium ) คือ ส่วนประกอบสำคัญของสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า GTF โดยสารชนิดนี้จะมี ไนอะซิน โครเมียมและกรดอะมิโนบางอย่างเป็นส่วนประกอบอยู่ ซึ่งจะทำหน้าที่ในการกระตุ้นให้ร่างกายสามารถนำกลูโคสมาใช้ได้และสามารถควบ คุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ ไม่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย นอกจากนี้ก็พบว่าร่างกายของคนเราจะมีโครเมียมอยู่น้อยกว่า 6 มิลลิกรัม แต่จะค่อยๆลดลงเมื่ออายุมากขึ้นนั่นเอง
หน้าที่ของโครเมียม (Chromium)
1. โครเมียมช่วยกระตุ้นให้น้ำย่อยที่เกี่ยวกับการเผาผลาญกลูโคสให้เป็นพลังงานและสังเคราะห์กรดไขมันและคอเลสเตอรอล ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2. โครเมียมช่วยให้อินซูลินมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป ซึ่งพบว่าหากร่างกายขาดโครเมียม ก็จะทำให้มีปัญหาน้ำตาลในเลือดสูงหรือมีคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูงได้ และด้วยเหตุนี้เองแพทย์จึงแนะนำให้ผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นเบาหวาน ทานโครเมียมในรูปของแคปซูลเสริมเข้าไปนั่นเอง
3. โครเมียมทำงานร่วมกับ RNA เพื่อการสังเคราะห์โปรตีนอย่างมีประสิทธิภาพ
4. โครเมียมทำหน้าที่ในการป้องกันพิษที่เกิดจากตะกั่ว
การดูดซึมโครเมียม ( Chromium )
ร่างกายของคนเราสามารถดูดซึมโครเมียมจากอาหารได้ที่ร้อยละ 0.5 และจะขับออกมาทางปัสสาวะมากถึง 5-10 ไมโครกรัมต่อวัน ส่วนที่ถูกขับออกทางอุจจาระก็จะมีน้อยมาก
แหล่งเก็บโครเมียม ( Chromium )
โดยปกติแล้วโครเมียมจะถูกเก็บไว้ที่ไต ม้ามและอัณฑะ เป็นส่วนใหญ่ และจะถูกเก็บไว้ที่ตับอ่อน สมอง ปอดและ หัวใจในปริมาณที่น้อยมาก นอกจากนี้ปริมาณของโครเมียมก็จะลดลงไปตามอายุอีกด้วย
แหล่งที่พบโครเมียม
โครเมียมมักจะพบได้มากที่สุดในไข่แดง เครื่องในสัตว์ เนยแข็ง ยีสต์ เนื้อสัตว์และธัญพืชที่ไม่ได้ขัดสี ส่วนในผักผลไม้จะพบในปริมาณที่น้อยมาก
ปริมาณโครเมียมอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทยวัยต่าง ๆ
เพศ | อายุ | ปริมาณ | หน่วย |
ทารก | 6-11 เดือน | 5.5 | ไมโครกรัม/วัน |
เด็ก | 1-3 ปี | 11 | ไมโครกรัม/วัน |
เด็ก | 4-8 ปี | 15 | ไมโครกรัม/วัน |
วัยรุ่นผู้ชาย | 9-12 ปี | 25 | ไมโครกรัม/วัน |
วัยรุ่นผู้ชาย | 13-18 ปี | 35 | ไมโครกรัม/วัน |
วัยรุ่นผู้หญิง | 9-12 ปี | 21 | ไมโครกรัม/วัน |
วัยรุ่นผู้หญิง | 13-18 ปี | 24 | ไมโครกรัม/วัน |
ผู้ใหญ่ผู้ชาย | 19-50 ปี | 35 | ไมโครกรัม/วัน |
ผู้ใหญ่ผู้ชาย | 51 – ≥ 71 ปี | 30 | ไมโครกรัม/วัน |
ผู้ใหญ่ผู้หญิง | 19-50 ปี | 25 | ไมโครกรัม/วัน |
ผู้ใหญ่ผู้หญิง | 51 – ≥ 71 ปี | 20 | ไมโครกรัม/วัน |
หญิงตั้งครรภ์ | ควรเพิ่มอีก | 5 | ไมโครกรัม/วัน |
หญิงให้นมบุตร | ควรเพิ่มอีก | 20 | ไมโครกรัม/วัน |
ผลจากการขาดโครเมียม ( Chromium )
เมื่อร่างกายได้รับโครเมียมน้อยกว่าปกติ จะทำให้ไกลโคเจนที่สะสมไว้ในร่างกายลดลงไปอย่างรวดเร็ว และทำให้การเผาผลาญกรดอะมิโนมีความผิดปกติอีกด้วย นอกจากนี้ก็จะไปเพิ่มระดับของคอเลสเตอรอลในเลือดและทำให้ผนังเส้นเลือดเป็นแผลได้เหมือนกันและนอกจากนี้การขาดโครเมียมก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานได้ เพราะจะทำให้อินซูลินทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์ จึงส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างน่าตกใจและยังลดอัตราการเจริญเติบโตลงอีกด้วย
การเป็นพิษของโครเมียม ( Chromium )
โครเมียม แม้ว่าจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ในขณะเดียวกันก็พบว่าหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไปก็เป็นอันตรายไม่ น้อยเหมือนกัน ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดเซลล์มะเร็งนั่นเอง โดยทางสำนักงานมาตรฐานอาหารของอังกฤษ ก็ได้ออกมาเตือนว่าไม่ควรทานเกินวันละ 10 มิลลิกรัมเด็ดขาด
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง
เอกสารอ้างอิง
Brandes, E. A.; Greenaway, H. T.; Stone, H. E. N. (1956). “Ductility in Chromium”. Nature. 178 (587): 587.
Weast, Robert (1984). CRC, Handbook of Chemistry and Physics. Boca Raton, Florida: Chemical Rubber Company Publishing. pp. E110. ISBN 0-8493-0464-4.