Coolsculpting ราคาเท่าไหร่ ? คุ้มค่าไหม ? ทำแล้วเห็นผลจริงไหม ? ในบทความนี้เราได้รวบรวมทุกเรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ Coolsculpting ทั้งในเรื่องของราคา หลักการทำงาน ข้อดี-ข้อเสีย ครอบคลุมไปถึงการเตรียมตัวก่อน-หลังทำ พร้อมทั้งแนะนำวิธีการเลือกคลินิกทำ Coolsculpting อย่างไร ให้ได้ผลดี คุ้มค่า ปลอดภัย ไปดูกันเลย!
Coolsculpting ราคาเท่าไหร่ ?
การสลายไขมันด้วยความเย็น Coolsculpting ราคาจะคิดเป็นจุดหรือหนีบ (พื้นที่ 1 ฝ่ามือ) ตามที่หัวของเครื่องหยิบเข้าไป โดยทั่วไป Coolsculpting ราคาต่อจุดจะเริ่มต้นที่ 8,500.-/ 1 หนีบ ขึ้นอยู่กับขนาดและปริมาณไขมันของตำแหน่งที่ทำ รวมทั้งโปรโมชั่นของแต่ละคลินิก
ทำ Coolsculpting ตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
Coolsculpting สลายไขมันส่วนเกิน สามารถทำได้หลายตำแหน่ง ได้แก่ บริเวณหน้าท้อง, เอว, ปีกหลัง, ขาใน, ใต้ก้น, หน้าอก (ผู้ชาย), ต้นแขน, สะโพก, ต้นขาด้านนอก, หัวเข่า และเหนียง โดยแต่ละจุดจะใช้หัว Applicator และจำนวนหนีบที่แตกต่างกัน
ทำ Coolsculpting แต่ละตำแหน่งใช้กี่หนีบ ?
การทำ CoolSculpting แต่ละตำแหน่งจะใช้จำนวนหนีบแตกต่างกันไปตามพื้นที่ ปริมาณไขมันสะสม และลักษณะของชั้นผิว สำหรับจำนวนหนีบที่ใช้ในเบื้องต้น มีดังนี้
- CoolSculpting สลายไขมันต้นแขน โดยทั่วไปใช้ข้างละ 1 หนีบ
- CoolSculpting สลายไขมันต้นขา โดยทั่วไปใช้ข้างละ 1หนีบ
- CoolSculpting สลายไขมันหน้าท้อง โดยทั่วไปใช้ 2-4 หนีบ
- CoolSculpting สลายไขมันเอวด้านข้าง โดยทั่วไปใช้ข้างละ 1หนีบ
- CoolSculpting สลายไขมันสะโพก โดยทั่วไปใช้ข้างละ 1หนีบ
- Coolsculpting สลายไขมันเหนียง โดยทั่วไปใช้ 1หนีบ
หลักการทำงานของ Coolsculpting
หลักการทำงานของ Coolsculpting เป็นการใช้ความเย็นส่งผ่านผิวหนังลงไปชั้นไขมัน โดยใช้หัว Applicator หนีบชั้นไขมันเข้าไปในหัว แล้วปล่อยความเย็น -11 ถึง -13°C นาน 35 นาที เพื่อ Freeze เซลล์ไขมันให้เป็นน้ำแข็ง จากนั้นจะใช้นวดให้ก้อนไขมันแตกละเอียดและตาย โดยที่ร่างกายจะค่อย ๆ ย่อยสลายเซลล์ไขมันที่ตายแล้วและขับออกไปเองตามธรรมชาติ ทำให้ไขมันในบริเวณนั้นลดลง
Coolsculpting เหมาะกับใคร ?
- ผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินระดับปานกลาง (BMI < 35) ตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย
- ผู้ที่พยายามลดสัดส่วนด้วยการออกกำลังกายและคุมอาหารแล้วแต่ไม่เห็นผล
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์เร็ว ลดไขมันส่วนเกินได้ในระยะเวลาสั้น ๆ
- ผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย แต่อยากกระชับสัดส่วน ปรับรูปร่างให้เข้าที่เร็ว
- ผู้ที่ไม่สามารถออกกำลังกายได้ ด้วยข้อจำกัดทางร่างกาย
- ผู้ที่ไม่อยากเจ็บตัวจากการดูดไขมัน ไม่อยากให้ผิวมีรอยช้ำ ไม่มีเวลาพักฟื้น
- ผู้ที่ต้องการสลายไขมันแบบถาวร แต่ไม่อยากฉีด ไม่อยากผ่าตัด
Coolsculpting ไม่เหมาะกับใคร ?
Coolsculpting จะไม่เห็นผลทันทีเหมือนการดูดไขมัน ต้องรอเวลา ให้ร่างกายกำจัดเซลล์ไขมันออกไปก่อน จึงไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลหลังทำทันที เพราะ Coolsculpting ต้องรอให้ไขมันค่อย ๆ ถูกกำจัดออก ใช้ระยะเวลา 1-3 เดือน
นอกจากนี้ Coolsculpting ยังไม่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร รวมถึงผู้ที่มีประวัติแพ้ความเย็น เช่น ลมพิษจากความเย็น โรคกลัวความเย็น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
ข้อดี-ข้อเสียของการทำ Coolsculpting
ข้อดี Coolsculpting
- เป็นวิธีสลายไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีรอยแผล มีความปลอดภัยและได้รับได้ US FDA approved ไม่ต้องการเสี่ยงกับผลข้างเคียงของการดูดไขมัน
- กำจัดเซลล์ไขมันได้ถาวร โดยไขมันจะลดลงครั้งละ 25% ในจุดที่ทำ หรือ 60-70 CC/1หนีบ ต่างจาก Slimming treatment แบบอื่น ๆ ที่เน้นการลดขนาดของเซลล์หรือเร่งระบบการเผาผลาญของร่างกาย
- มีระบบเซนเซอร์ตรวจจับกรณีที่พบว่าผิวหนังเย็นเกินไป และจะปิดการทำงานโดยอัตโนมัติ ลดความเสี่ยงในการเกิดผิว burn จากความเย็นจัด
- หลังทำไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องใช้ยาชาหรือยาสลบ
- สามารถทยอยทำในแต่ละจุดที่ต้องการเน้นได้
ข้อเสีย Coolsculpting
- ไม่เหมาะกับผู้ที่อ้วนมาก ๆ BMI มากกว่า 35 เนื่องจากต้องกำจัดไขมันออกในปริมาณมาก ต้องทำซ้ำหลายครั้งถึงจะเห็นผลชัดเจน จึงแนะนำให้ดูดไขมันมากกว่าครับ
- ผู้ที่มีผิวช้ำง่าย อาจจะเกิดรอยเขียวช้ำได้จากการที่หัวดูดผิวเพื่อแยกชั้นไขมันขึ้นมา ซึ่งรอยช้ำจะหายไปได้เองภายในระยะเวลา 2- 3 สัปดาห์
- อาจมีอาการบวมหลังทำประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากเป็นช่วงที่รอให้ร่างกายเรากำจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไป
- ราคาค่อนข้างสูง Coolsculpting ราคาต่อจุดจะเริ่มต้นที่ 8,000.- ขึ้นไปต่อ 1 หนีบ
ทำ Coolsculpting เจ็บไหม ?
หลังทำ Coolsculpting สลายไขมันแล้ว ในช่วง 5-10 นาทีแรกอาจมีอาการปวดจากความเย็นบ้าง และจะมีอาการคล้ายการปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายหนักในช่วง 1-2 สัปดาห์ โดยอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเอง สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
การเตรียมตัวก่อนทำ Coolsculpting
การทำ CoolSculpting จะคล้ายกับการทำทรีทเมนท์ทั่วไป ไม่ได้เป็นการผ่าตัด หรือการฉีดสลายไขมัน ดังนั้นการเตรียมตัวก่อนทำ CoolSculpting ไม่ได้มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก เพียงนอนพักผ่อนให้เพียงพอ สามารถแต่งหน้า รับประทานอาหาร ออกกำลังกาย และดื่มน้ำได้ตามปกติ
ขั้นตอนการทำ Coolsculpting
วิธีการทำ Coolsculpting มีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน ใช้เวลาไม่นาน สามารถเข้าไปปรึกษาหมอที่คลินิกเพื่อทำการตรวจประเมินว่าสามารถสลายไขมันด้วยการทำ Coolsculpting ได้หรือไม่ หากทำได้ หมอจะนัดคิวและสามารถทำได้เลย โดยมีขั้นตอนการทำดังนี้
- แพทย์ และ Specialist ตรวจประเมินปริมาณไขมันในจุดที่ต้องการทำ ประเมินจำนวนหนีบ (Applicator) ค่าใช้จ่าย รวมถึงปรึกษา-ซักถามข้อมูลก่อนทำ
- เมื่อตัดสินใจทำ Specialist จะเลือกใช้ Applicator ให้เหมาะสมกับจุดที่ต้องการทำ เลือกหัวที่มีจุดเว้า จุดโค้งตามสรีระของแต่ละคน
- เริ่มวางหัว Applicator และให้เครื่องทำงาน โดยในแต่ละหนีบ จะใช้เวลาประมาณ 35 นาที
- เมื่อครบเวลา Specialist จะทำการนวดจุดที่ทำ เพื่อให้ไขมันแตกตัวได้ดียิ่งขึ้น โดยจะใช้เวลาการนวดประมาณ 2 นาที
- หลังทำเสร็จ สามารถกลับบ้านได้เลย ไม่ต้องพักฟื้น และให้ดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังทำ Coolsculpting
การทำ Coolsculpting ไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรงหรือเป็นอันตราย เพราะระบบของเครื่องมีความเสถียรและได้มาตรฐานระดับสากล มีระบบที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Coolsculpting ป้องกันไม่ให้ผิวหนังชั้นบนเย็นจนไหม้ (Freeze detect) ขณะทำ
นอกจากนี้ ผลข้างเคียงอื่นที่สามารถเกิดได้แต่มีโอกาสเกิดน้อยมาก (อัตรา 1:20,000 เคส) ได้แก่
- การเกิด paradoxical adipose hyperplasia คือก้อนไขมันใหญ่ขึ้นหลังทำ ไม่ยุบลง ซึ่งหากเกิดกรณีนี้ทางบริษัท Allergan บริษัทผู้ผลิต Coolsculpting มีระบบรับประกัน จะรับผิดชอบแก้ไขให้ฟรี
- เกิดรอยดำที่ผิวชั่วคราว ซึ่งจะหายไปได้เองใช้เวลาไม่เกิน 6 เดือน
การดูแลหลังทำ Coolsculpting
หากต้องการคงสภาพผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน หลังทำ Coolsculpting แนะนำให้ดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่กับการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารแปรรูป น้ำอัดลมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการก่อตัวของเซลล์ไขมันใหม่ ทำให้ไขมันกลับมาสะสมซ้ำอีก
ทำ coolsculpting เห็นผลจริงไหม ?
การทำ coolsculpting สามารถเห็นผลลัพธ์ได้จริง การันตีคุณภาพโดยงานวิจัยทางการแพทย์กว่า 70 ฉบับ ว่าสามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันส่วนเกินในชั้นผิวหนังบริเวณที่ทำได้อย่างถาวร ไขมันลดลงได้ถึง 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง
Coolsculpting ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล ?
ผลลัพธ์หลังทำ coolsculpting ต้องทำกี่ครั้ง ขึ้นอยู่กับความต้องการและปริมาณไขมันของแต่ละคน หากต้องการเห็นผลลัพธ์ชัดเจน ก็สามารถกลับมาทำซ้ำในจุดเดิมได้ทุก ๆ 2 สัปดาห์ ตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
Coolsculpting ราคาถูก – แพง ให้ผลลัพธ์แตกต่างกันไหม ?
หากลองเปรียบเทียบราคาทำ CoolSculpting ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ ราคาจะไม่แตกต่างกันมาก ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละคลินิกในขณะนั้นด้วย
ในปัจจุบัน หลายคลินิกมีการโฆษณาการทำ CoolSculpting ราคาถูกมาก ๆ โดยใช้เครื่องปลอม เครื่องเลียนแบบที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อลดต้นทุน และใช้แรงจูงใจจากราคาถูก ๆ เพื่อเรียกลูกค้า ซึ่งค่อนข้างอันตรายหากเราตัดสินใจพลาดเข้าไปใช้บริการ
หากเจอ CoolSculpting ราคาถูกจนผิดสังเกตให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจเป็นของปลอม มีความเสี่ยงสูง เพราะระบบการทำงานของเครื่องปลอมมักจะไม่เสถียร ไม่ได้มาตรฐาน ถ้าเครื่องส่งความเย็นในระดับที่ติดลบมากเกินไป หรือนานเกินไปโดยไม่มีระบบเซนเซอร์ตรวจจับความเย็น จะเสี่ยงต่อการเกิด freeze burn (ผิวไหม้จากความเย็น) เกิดแผลเป็นที่รักษาได้ยาก
แตกต่างจากเครื่อง CoolSculpting แท้ จะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับความเย็น หากพบว่าผิวหนังเย็นเกินไป ระบบจะปิดการทำงานโดยอัตโนมัติ ทำแล้วเห็นผล ปลอดภัย ไม่มีอาการเจ็บ ไม่มีแผล ไม่ไหม้เบิร์น ไม่มีร่องรอยใด ๆ และไม่จำเป็นต้องพักฟื้น
ทำ Coolsculpting ที่ไหนดี ?
ก่อนตัดสินใจเลือกทำ coolsculpting ที่ไหนดี ไม่ควรดูที่ราคาเพียงอย่างเดียว แนะนำให้ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก โดยทั่วไปแล้วสามารถพิจารณาได้จากเช็กลิสต์ ดังนี้
- คลินิกได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ ต้องมีใบรับรองที่ถูกต้อง ห้องทำหัตถการกว้างขวาง สะอาด สว่าง ไม่คับแคบ
- ใช้เครื่อง coolsculpting ของแท้ มีคุณภาพ สามารถเช็กกับบริษัทนำเข้าได้
- ดูแลโดยแพทย์และ Specialist สำหรับทำ Coolsculpting โดยเฉพาะ
- มี Review จากผู้ใช้บริการจริง จากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น Facebook, Wongnai, Pantip
- Coolsculpting ราคาสมเหตุสมผล ไม่แพงหรือถูกเกินไป หากพบเจอเครื่อง Coolsculpting ราคาถูกเกินไปอาจเป็นเครื่องปลอม หรือเลียนแบบได้
สรุป
Coolsculpting ราคาไม่แพงถ้าเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ การันตีประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากงานวิจัยทั่วโลก ยืนยันผลการรักษาว่า CoolSculpting สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันบริเวณที่ทำได้ 25% ต่อการทำ 1 ครั้ง สามารถแก้ปัญหา ต้นแขนใหญ่ ต้นแขนห้อยย้อย แขนย้วย ต้นขาใหญ่ น่องใหญ่ มีเหนียง หน้าท้องไม่กระชับ ปรับรูปร่างให้กลับมาสัดส่วนสมดุลและดูดียิ่งขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องลงเข็ม ไม่ต้องใช้ยาสลบ และไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ก่อนตัดสินใจทำ Coolsculpting ข้อสำคัญคืออย่าลืมตรวจสอบให้ดีว่าเครื่องที่ใช้เป็นเครื่องแท้หรือเครื่องปลอม และนอกจากราคาแล้วก็ยังต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น คุณภาพของเครื่องที่ใช้ ประสบการณ์ของแพทย์ที่ทำ และมาตรฐานของคลินิกที่เข้าไปใช้บริการ