เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายของเราจะมีอัตราการสูญเสียคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยครับ ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมา เช่น ผิวหย่อนคล้อย ผิวแห้งกร้าน และผิวเกิดริ้วรอยได้ง่าย สำหรับใครที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพผิวจากภายใน ขอแนะนำ sculptra นวัตกรรมที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวให้เพิ่มขึ้นถึง 66.5%
บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ sculptra ให้มากขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็น sculptra คืออะไร ? มีกระบวนการทำงานอย่างไร ? เหมาะกับใคร ? และมีขั้นตอนการฉีดอย่างไร ? พร้อมเปรียบเทียบ sculptra กับตัวช่วยงานผิวอื่น ๆ เช่น ฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว, Rejuran, Hifu / Ulthera, Thermage, Exosome และ Gouri
sculptra คืออะไร ?
sculptra คือ สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติตัวแรกของโลก (The First & Original Collagen Biostimulator) โดยใช้อนุภาคของสาร PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ฉีดเข้าผิวชั้น Subcutaneous ครับ ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนมากขึ้น ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึก และปรับให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น ผิวจึงมีความกระชับ อิ่มฟู และยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น
โดย sculptra จะใช้อนุภาค PLLA-SCA ซึ่งผ่านกระบวนการผลิต ที่จดสิทธิบัตรเฉพาะของบริษัทกัลเดอร์มา รวมถึงยังได้รับการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาในประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) อีกด้วย
sculptra มีกระบวนการทำงานอย่างไร ?
- sculptra จะมาในรูปแบบ sculptra power อยู่ในก้นขวดครับ ก่อนการฉีดจำเป็นต้องผสมกับน้ำกลั่นปราศจากเชื้อ (Sterile Water) ก่อน เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวชั้นลึก โมเลกุลของน้ำจะเข้าไปเติมเต็มผิวในจุดนั้น ๆ ทำให้ผิวหนังดูอิ่มฟูขึ้นทันที
- หลังจากในช่วง 2-3 วันแรก บางรายอาจสังเกตเห็นร่องริ้วรอยกลับมาบนใบหน้าได้ เนื่องจากร่างกายได้ดูดซึมน้ำ จนเหลือแต่ผลึกของสาร PLLA หรือผลึกของ sculptra ในจุดที่ฉีดเท่านั้นครับ
- ผลึกของ sculptra ที่เหลืออยู่ในผิวชั้นลึก จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้นผ่านระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดการรวมตัวกันและเพิ่มจำนวนของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน เมื่อโครงสร้างชั้นผิวมีคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ผิวจึงดูกระชับ และอิ่มฟูขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติครับ
- เมื่อ sculptra สลายจนหมดแล้ว เส้นใยคอลลาเจนที่สร้างขึ้นยังคงอยู่ จึงช่วยพยุงโครงสร้างผิวในระยะยาว และคงผลลัพธ์หลังฉีด sculptra ให้อยู่ได้นานถึง 2 ปี
คอลลาเจน สำคัญอย่างไร ? ทำไมต้องฉีด sculptra ?
คอลลาเจน คือ โปรตีนสายยาว ที่มีปริมาณมากถึง 1 ใน 3 ของโปรตีนทั้งหมดในร่างกายครับ เพราะเป็นโครงสร้างหลักในเนื้อเยื่อของมนุษย์ เช่น ผิวหนัง เส้นเอ็น และหลอดเลือด มีคุณสมบัติทำให้เนื้อเยื่อยืดหยุ่น แข็งแรง และช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายจะมีอัตราการสูญเสียคอลลาเจนเพิ่มขึ้น แต่ผลิตได้ลดลงครับ ส่งผลให้บริเวณผิวหนังที่มีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบถึง 75% เริ่มหย่อนคล้อย แห้งกร้าน และไม่กระชับเท่าเดิม
ดังนั้น การฉีด sculptra ในผิวชั้นลึก ที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นถึง 66.5% จึงช่วยทดแทนและฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น และปรับผิวให้ดูอ่อนเยาว์
sculptra เหมาะกับใครบ้าง ?
- เหมาะกับผู้ที่อายุมากกว่า 25 ปี เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ร่างกายจะมีอัตราการสูญเสียคอลลาเจนเพิ่มขึ้น และอัตราการสร้างจะลดลงครับ ทำให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมา เช่น ผิวหย่อนคล้อย และเกิดริ้วรอยได้ง่าย โดยทั่วไปหลังอายุ 25 ปี อัตราการสูญเสียคอลลาเจนเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5% ต่อปี และอายุ 30 ปีขึ้นไป การสร้างคอลลาเจนจะลดเหลือเพียง 20-30%
- เหมาะกับผู้ที่ผิวขาดความยืดหยุ่น ผิวไม่กระชับ หรือผิวหย่อนคล้อย การฉีด sculptra จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวมีความแน่น ดูอิ่มฟู และกระชับมากขึ้นได้ รวมถึงช่วยปรับให้ผิวดูอ่อนเยาว์ลง
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการเก็บกรอบหน้า เมื่อผิวหย่อนคล้อยจะทำให้รูปทรงของใบหน้าเปลี่ยนไป เช่น ใบหน้าบานออก หรือมีเหลี่ยมมุมมากกว่าเดิม การฉีด sculptra จะทำให้ผิวเต่งตึง ผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณกรอบหน้าจึงยกขึ้นครับ และปรับให้ใบหน้ากลับมาเรียวได้รูปวีเชฟ
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอย เมื่ออายุเพิ่มขึ้น บางรายสามารถสังเกตเห็นริ้วรอยต่าง ๆ แม้ไม่ได้แสดงสีหน้า เช่น ร่องใต้ตา ร่องแก้ม หรือร่องน้ำหมาก การฉีด sculptra จะปรับให้ผิวกระชับ ผิวแน่นขึ้น และริ้วรอยเหล่านี้จะดูจางลงครับ
- เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยดูแลผิว หรือผิวที่ขาดการบำรุงเป็นเวลานาน sculptra จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้มากถึง 66.5% และช่วยฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างภายใน
- เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาเข้าคลินิกบ่อย ๆ ผลลัพธ์ของ sculptra สามารถอยู่ได้นานประมาณ 2 ปี แตกต่างจากสกินบูสเตอร์ตัวอื่น ๆ ที่มักมีอายุอยู่ได้ไม่ถึง 1 ปี
เปรียบเทียบ sculptra กับนวัตกรรมกระตุ้นคอลลาเจนวิธีอื่น
ในปัจจุบันมีหลายหัตถการ และเทคโนโลยี ที่สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้ครับ ซึ่งจะมีหลักการทำงาน และให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป โดยเนื้อหาในส่วนนี้จะเปรียบเทียบ sculptra กับนวัตกรรมกระตุ้นคอลลาเจนยอดนิยม เช่น ฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว, Rejuran, Hifu / Ulthera, Thermage, Exosome และ Gouri ว่าแตกต่างกันอย่างไร ?
sculptra vs ฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว
- sculptra จะใช้สาร PLLA เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนด้วยกระบวนการธรรมชาติ และฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรงจากภายใน ผิวจึงมีความยืดหยุ่น และเรียบเนียน ริ้วรอยจึงดูจางลงครับ ทั้งนี้จะไม่ใช่การเน้นเติมปริมาตรเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ sculptra จะเริ่มเห็นผลหลังจากการฉีดไปแล้ว 3 สัปดาห์ขึ้นไป แต่ผลลัพธ์จะสามารถอยู่ได้นานถึง 25 เดือน
- ฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว เช่น Belotero Revive, Juvederm Volite และ Restylane Vital Light จะใช้สารไฮยาลูรอนิก แอซิดแบบเชื่อมพันธะ (Cross-linked HA) ที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก และเนื้อละเอียด เมื่อฉีดเข้าสู่ชั้นผิว จะช่วยเติมร่องริ้วรอยให้ตื้นขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้น และปรับให้ผิวฉ่ำวาวได้
โดยฟิลเลอร์ปรับสภาพผิวจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด แต่ระยะเวลาของผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ซึ่งมีอายุเฉลี่ยประมาณ 6-12 เดือนครับ
sculptra vs Gouri
- sculptra อนุภาค PLLA จะมาในรูปแบบของแข็งครับ จำเป็นต้องผสมน้ำกลั่นปราศจากเชื้อก่อนถึงจะนำมาฉีดได้ โดยใน 1 ขวด สามารถฉีดได้ถึง 10 CC และผลลัพธ์ของการฉีด sculptra สามารถอยู่ได้ 2 ปี
- Gouri เป็น Collagen Biostimulator เช่นเดียวกันครับ แต่จะใช้สาร PCL ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับไหมละลาย ที่ใช้ร้อยไหมยกกระชับใบหน้า โดย Gouri จะมาในรูปแบบของเหลว สามารถฉีดเข้าสู่ชั้นผิวได้เลย แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน
sculptra vs Rejuran
- sculptra สาร PLLA ของ sculptra จะสกัดมาจากพืชครับ ทำให้มีโอกาสแพ้น้อย การฉีด sculptra จะเน้นในเรื่องกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึก เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับให้ผิวกระชับ อิ่มฟู และลดเลือนริ้วรอยร่องลึก
- Rejuran สารประเภท Polynucleotide (PN) จากพันธุกรรมปลาแซลมอน ซึ่งมีลำดับเบสใกล้เคียงกับ DNA มนุษย์ครับ นิยมใช้เพื่อกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่และฟื้นฟูเซลล์เดิมที่ถูกทำลาย รวมถึงเสริมเกราะป้องกันให้ผิว เหมาะกับผู้ที่ต้องการงานผิวกระจก ที่รูขุมขนดูเล็กลง ผิวดูกระจ่างใส และฉ่ำวาว
sculptra vs Exosome
- sculptra การฉีด sculptra จะฉีดที่ผิวชั้นลึก เพื่อฟื้นฟู และปรับให้ผิวมีความแข็งแรงจากภายในครับ เมื่อโครงสร้างของผิวมีคอลลาเจนมากขึ้น ก็จะทำให้ผิวแน่น กระชับ และดูอิ่มฟูขึ้น
- Exosome คือ นวัตกรรมฟื้นฟูผิวที่ประกอบไปด้วยสารชีวโมเลกุลที่สำคัญต่อผิวกว่า 1,000 ชนิด เช่น Growth Factor, Peptides, Amino Acids, Coenzymes และ Hyaluronic Acids เป็นหัตถการที่เน้นกระตุ้นและซ่อมแซมผิวชั้นบน ปรับผิวให้เนียนใส และช่วยลดเลือนรอยดำได้
sculptra vs Hifu / Ulthera
- sculptra การฉีดสาร PLLA เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์สร้างคอลลาเจนใหม่ และฟื้นฟูโครงสร้างของผิว จึงมีจุดเด่นอยู่ที่ช่วยเรื่องคุณภาพผิว และปรับให้ผิวมีความกระชับมากขึ้นครับ ทั้งนี้หลังการฉีด sculptra จะมีรอยเข็มในจุดที่ฉีด แต่ก็สามารถหายได้เองครับ
- Hifu / Ulthera เป็นนวัตกรรมที่ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ในการยกกระชับ และกระตุ้นคอลลาเจนครับ โดยสามารถส่งพลังงานได้ลึกถึงผิวชั้น SMAS มีจุดเด่นในเรื่องการยกกระชับ และแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยเป็นหลัก นิยมใช้กับทั้งบริเวณใบหน้าและร่างกาย ทั้งนี้การทำ Hifu หรือ Ulthera จะไม่ก่อให้เกิดบาดแผลที่ผิวชั้นนอกครับ
sculptra vs Thermage
- sculptra เป็นหัตถการที่ใช้เข็มฉีดสาร PLLA ลงไปในผิวชั้นลึก จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนมากขึ้น ผิวจึงแน่นกระชับ ริ้วรอยจางลง แต่การฉีด sculptra จะไม่ช่วยลดไขมันส่วนเกินในชั้นผิว
- Thermage ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) ที่จะปล่อยพลังงานตั้งแต่ผิวหนังชั้นบนจนถึงชั้นไขมัน โดยไม่ก่อให้เกิดบาดแผลภายนอก ความร้อนที่เกิดขึ้นจะแยกโมเลกุลของน้ำออกจากเส้นใยคอลลาเจนครับ ทำให้คอลลาเจนหดตัว ผิวจึงแน่นกระชับขึ้น แต่เครื่อง Thermage จะเด่นเรื่องลดไขมันส่วนเกิน และเพิ่มคุณภาพผิว ปรับให้ริ้วรอยจางลง และรูขุมขนเล็กลง
หลาย ๆ คนจะเห็นว่า แต่ละนวัตกรรมที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันครับ สำหรับใครที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองเหมาะกับวิธีใด แนะนำให้ประเมินสภาพผิว และปัญหาบนใบหน้า กับแพทย์ที่มากประสบการณ์ ซึ่งจะให้คำแนะนำ และเลือกหัตถการที่ตอบโจทย์กับความต้องการของแต่ละคนได้ครับ
ขั้นตอนการฉีด sculptra
- พบแพทย์ที่มากประสบการณ์ จะช่วยประเมินปัญหาและสภาพผิว ว่าเหมาะสมกับการฉีด sculptra หรือไม่ รวมถึงควรแจ้งข้อมูลสุขภาพของตัวเองให้ครบถ้วน เช่น โรคและยาประจำตัว ประวัติการแพ้ยาหรืออาหาร และประวัติการทำหัตถการอื่น ๆ
- เตรียมผิวบริเวณที่ทำหัตถการ จะทำความสะอาดผิว และแปะยาชาประมาณ 30-40 นาที
- เตรียม sculptra ให้อยู่ในรูป Active Form ตัวยาจะมาในรูปแบบ sculptra powder ที่เป็นของแข็ง จำเป็นต้องผสมน้ำกลั่นปราศจากเชื้อ (Sterile Water) ก่อน ถึงจะนำมาฉีดในจุดต่าง ๆ ได้ โดย sculptra 1 ขวดสามารถฉีดได้ 10 CC
- ฉีด sculptra แพทย์ใช้เข็มที่มีขนาดเล็ก ฉีดตัวยาที่ผสมเรียบร้อยแล้วลงในผิวชั้นลึก จะนิยมฉีดบริเวณขมับ หน้าแก้ม หรือกรอบหน้า โดยอาจมีความรู้สึกเล็กน้อยในระหว่างเดินยา แต่จะไม่เจ็บครับ
- นวดหน้าหลังฉีด sculptra เป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญ ซึ่งจะช่วยให้ตัวยากระจายตัวได้ทั่วถึง และกระตุ้นคอลลาเจนในบริเวณที่ต้องการได้อย่างเต็มที่
สรุป
sculptra เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นลึก ซึ่งจะช่วยปรับและฟื้นฟูผิวจากภายใน ทำให้ผิวมีความกระชับ อิ่มฟู และดูอ่อนเยาว์ลง เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาเข้าคลินิกความงาม หรือผิวที่ขาดการบำรุงมาอย่างยาวนาน เพราะ sculptra สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้มากขึ้นถึง 66.5% และคงผลลัพธ์ได้นาน 2 ปี
สำหรับใครที่ต้องการฉีด sculptra ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี แนะนำให้เลือกคลินิกความงามที่น่าเชื่อถือ ฉีดกับแพทย์ที่มากประสบการณ์ และศึกษาวิธีการเช็ก sculptra ของแท้ร่วมด้วย