ในปัจจุบันมีฟิลเลอร์ให้เลือกหลายยี่ห้อ และหลายราคาครับ สำหรับใครที่กำลังมองหาฟิลเลอร์ราคาย่อมเยา อาจจะเคยได้ยินชื่อฟิลเลอร์ Biohyalux กันมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นยี่ห้อฟิลเลอร์น้องใหม่จากประเทศจีน และมีราคาใกล้เคียงกับฟิลเลอร์เกาหลี
บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ Biohyalux ให้มากขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็น ฟิลเลอร์ Biohyalux มีจุดเด่นอย่างไร ? อันตรายไหม ? มีกี่รุ่น ? ฉีดตรงไหนได้บ้าง ? มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง ? อยู่ได้นานแค่ไหน ? ราคามาตรฐานเท่าไหร่ ? และเช็กฟิลเลอร์ของแท้อย่างไร ?
ทำความรู้จัก! ฟิลเลอร์ Biohyalux คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ Biohyalux คือ สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA: Hyaluronic Acid) ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี Biobalance Technology (BioBT™) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของบริษัท Bloomage Biotech จากประเทศจีน ทำให้ได้สาร HA ที่มีคุณภาพสูง คงรูปได้นาน และย่อยสลายช้าลงครับ
หลังฉีดฟิลเลอร์ Biohyalux เนื้อฟิลเลอร์สามารถผสานกับผิวได้เป็นอย่างดี ผิวจึงดูเรียบเนียน และไม่เป็นก้อน รวมถึงยังแทบไม่มีอาการบวมน้ำ หรือมีอาการบวมน้อยมาก ทำให้แพทย์สามารถประเมินผลได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องรอยุบบวม
ฟิลเลอร์ Biohyalux อันตรายไหม ?
หลาย ๆ คนอาจมีความกังวลใจเกี่ยวกับฟิลเลอร์ Biohyalux เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์น้องใหม่ ที่เพิ่งใช้งานในประเทศไทยไม่นาน และมีราคาที่ค่อนข้างต่ำกว่ายี่ห้อฝั่งยุโรป
แต่ขอชี้แจงว่า ฟิลเลอร์ Biohyalux ถือเป็นยี่ห้อที่มีความปลอดภัยครับ ด้วยเหตุผลดังนี้
- ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ Biohyalux ผ่านการรับรองความปลอดภัยจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.ไทย), คณะกรรมการยุโรปสำหรับคุณภาพของยาและการดูแลสุขภาพ (EDQM ), และมาตรฐาน CE (European Conformity) รวมถึง การรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งชาติจีน (CFDA: China Food and Drug Administration) ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ผ่านได้ยากที่สุดในโลกอีกด้วย
- ตัวสาร HA ของฟิลเลอร์ Biohyalux ผ่านการรับรองรองความปลอดภัย จากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA)
- ฟิลเลอร์ Biohyalux ผลิตโดยบริษัท Bloomage Biotech ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตสาร HA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลิตสารดังกล่าวมายาวนานกว่า 20 ปี
- มีศูนย์วิจัย (R&D Research Facilities) ที่รองรับการวิจัยผลิตภัณฑ์ และยังมีทีมวิจัยกว่า 800 คนอีกด้วย
- ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ความงามในหลายประเทศทั่วโลก เช่น โปแลนด์ เยอรมัน สเปน ตุรกี ฮังการี จีน เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย อิตาลี กรีซ รัสเซีย และไทย โดยในปีค.ศ. 2023 ได้มีใช้งานฟิลเลอร์ Biohyalux ไปกว่า 8 ล้านหลอดทั่วโลก
ฟิลเลอร์ Biohyalux มีจุดเด่นอะไรบ้าง ? แตกต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นอย่างไร ?
ฟิลเลอร์ Biohyalux ใช้เทคโนโลยี Biobalance Technology (BioBT™) หรือ Technoloy-Issoosmosis Gel for Better Precision ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของบริษัท Bloomage Biotech ทำให้ได้ฟิลเลอร์ที่มีจุดเด่น ดังนี้
- ใช้เทคนิค Crosslink 1 Step ทำให้สาร HA ของฟิลเลอร์ Biohyalux มีโครงสร้างเป็น 3D Network ที่มีคุณสมบัติเด่นในการคงรูปได้นาน และสลายตัวได้ช้าลง โดยฟิลเลอร์ Biohyalux จะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอย่างน้อย 9 เดือน
- ฟิลเลอร์ Biohyalux เป็นสาร HA รูปแบบเชื่อมพันธะ (Cross-linked) คุณภาพสูง และมีความใกล้เคียงกับ HA ที่ผลิตขึ้นตามธรรมชาติ จึงไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และสามารถทนต่อการย่อยสลายของเอนไซม์ตามธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถย่อยสลายได้หมดโดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกายอีกด้วย
- เนื้อฟิลเลอร์ Biohyalux อยู่ในสถานะไอโซโทนิก (Isotonic) ซึ่งมีความเข้มข้นเท่ากับสารน้ำในร่างกาย ทำให้เซลล์ผิวหนังยังสามารถคงสภาพเดิมไว้ได้ หลังฉีดฟิลเลอร์จึงแทบไม่มีอาการบวมน้ำ หรือมีน้อยมาก ช่วยให้แพทย์สามารถประเมินการรักษาได้แม่นยำมากขึ้น โดยไม่ต้องรอยุบบวม
- สาร HA ของฟิลเลอร์ Biohyalux เป็น Biphasic Filler คือ มีทั้ง Non Cross-linked HA ซึ่งเป็นเนื้ออ่อน และ Cross-linked HA เนื้อแข็งผสมกันอยู่ ทำให้เป็นฟิลเลอร์ที่สามารถจัดรูปทรงได้ง่าย แต่ยังสามารถผสานกับผิวได้เป็นอย่างดี ผิวจึงดูเรียบเนียน และไม่เป็นก้อน
นอกจากนี้ฟิลเลอร์ Biohyalux ยังมีการบรรจุฟิลเลอร์มากถึง 1.1 CC ทุกกล่อง และมีให้เลือกหลายรุ่น เพื่อให้ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาบนใบหน้าที่หลากหลาย
ฟิลเลอร์ Biohyalux มีกี่รุ่น ? กี่สี ? แตกต่างกันอย่างไร ?
ฟิลเลอร์ Biohyalux มีด้วยกัน 4 รุ่นครับ ซึ่งทุกรุ่นได้ผ่านการรับรองจากอย.ไทยแล้ว แม้ทุกรุ่นจะผลิตด้วยเทคโนโลยี BioBT™ เช่นเดียวกัน แต่ก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายครับ โดยแต่ละรุ่นจะใช้สีบรรจุภัณฑ์ ดังนี้
- ฟิลเลอร์ BIOHYALUX FINE LINES (กล่องสีฟ้า) เหมาะสำหรับการฉีดแก้ไขปัญหาในผิวชั้นตื้น หรือเติมเต็มริ้วรอยตื้น ๆ เช่น ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์แก้มส้ม และฟิลเลอร์หน้าผาก นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน และแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำได้อีกด้วย
- ฟิลเลอร์ BIOHYALUX LIPS (กล่องสีชมพู) เป็นรุ่นที่ออกแบบมาใช้กับบริเวณริมฝีปากโดยเฉพาะ สามารถฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อสร้างขอบปากให้ชัด เพิ่มความชุ่มชื้น หรือเติมเนื้อปากให้ดูอวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงฉีดฟิลเลอร์ยกมุมปากให้ดูมีรอยยิ้ม แก้ปัญหามุมปากตก
- ฟิลเลอร์ BIOHYALUX DERM LINES (กล่องสีม่วง) ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม และมีความยืดหยุ่น เป็นรุ่นที่เหมาะกับการฉีดเติมเต็มริ้วรอยที่มีความลึกระดับปานกลาง และปรับให้ผิวกลับมาดูเรียบเนียน เช่น ริ้วรอยร่องแก้ม หน้าผาก ระหว่างคิ้ว หางคิ้ว และหางตา
- ฟิลเลอร์ BIOHYALUX DEEP DERMIS (กล่องสีทอง) ฟิลเลอร์เนื้อแน่น สามารถฉีดเพื่อยกกระชับ หรือฉีดเติมในผิวชั้นลึก เช่น เสริมจมูก เติมขมับ เสริมคาง ปรับรูปหน้า และสร้างกรอบหน้าให้ชัด
ฟิลเลอร์ Biohyalux อยู่ได้นานแค่ไหน ?
เนื่องจากฟิลเลอร์ Biohyalux จะใช้เทคโนโลยี BioBT™ ในทุกรุ่น ทำให้เป็นฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติในการคงรูปได้นาน และสลายตัวได้ช้าลง โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- BIOHYALUX FINE LINES (กล่องสีฟ้า) อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
- BIOHYALUX LIPS (กล่องสีชมพู) อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
- BIOHYALUX DERM LINES (กล่องสีม่วง) อยู่ได้นาน 9-12 เดือน
- BIOHYALUX DEEP DERMIS (กล่องสีทอง) อยู่ได้นาน 9-12 เดือน
จะเห็นได้ว่า ฟิลเลอร์ Biohyalux จะมีอายุเฉลี่ยประมาณ 9 เดือนครับ สำหรับใครที่ต้องการให้ผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์อยู่ได้นาน ควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วครับ
ฟิลเลอร์ Biohyalux ฉีดตรงไหนได้บ้าง ?
ฟิลเลอร์ Biohyalux มีให้เลือกถึง 4 รุ่นครับ จึงสามารถใช้ฉีดเพื่อแก้ปัญหาบนใบหน้าได้หลาย ๆ จุด ซึ่งจุดที่นิยม มีดังนี้
- ฟิลเลอร์ BIOHYALUX FINE LINES (กล่องสีฟ้า) ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์แก้มส้ม และฟิลเลอร์หน้าผาก
- ฟิลเลอร์ BIOHYALUX LIPS (กล่องสีชมพู) ฟิลเลอร์ปาก และฟิลเลอร์ยกมุมปาก
- ฟิลเลอร์ BIOHYALUX DERM LINES (กล่องสีม่วง) ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์ร่องน้ำหมาก ฟิลเลอร์หน้าผาก และฟิลเลอร์ริ้วรอยรอบดวงตา
- ฟิลเลอร์ BIOHYALUX DEEP DERMIS (กล่องสีทอง) ฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์คาง และฟิลเลอร์กรอบหน้า
ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ แนะนำให้เข้าประเมินสภาพผิวกับแพทย์ที่มากประสบการณ์ครับ ซึ่งจะช่วยเลือกรุ่น และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และอยู่ในงบประมาณที่ต้องการได้
ฟิลเลอร์ Biohyalux มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง ?
ฟิลเลอร์ Biohyalux ข้อดี
- หลังฉีดฟิลเลอร์ Biohyalux แล้วไม่บวม หรือมีอาการบวมน้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้นครับ จึงสามารถประเมินผลได้ทันที โดยไม่ต้องรอยุบบวม
- การฉีดฟิลเลอร์ Biohyalux จะใช้เพียงแค่เข็มฉีดสารเติมเต็มเข้าไปในจุดที่ต้องการปรับแก้ ไม่ใช่การใช้มีดผ่าตัด จึงไม่เหลือรอยแผลเป็น และไม่จำเป็นต้องพักฟื้นนาน ๆ
- ฟิลเลอร์ Biohyalux เป็น Biphasic Filler ทำให้สามารถปั้นแต่งทรงให้เหมาะสมกับโครงสร้างใบหน้าของแต่ละคนได้ และผสานเข้ากับผิวหนังได้เป็นอย่างดี หลังฉีดจึงให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
- ฟิลเลอร์ Biohyalux ผลิตด้วยการใช้เทคโนโลยี BioBT™ ทำให้เนื้อฟิลเลอร์คงตัวได้ดี ย่อยสลายได้ช้าลง และมีอายุเฉลี่ยอย่างน้อย 9 เดือน
- ฟิลเลอร์ Biohyalux ปลอดภัยครับ เพราะได้รับการรับรองจากองค์กรอาหารและยาในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก และตัวสารสามารถย่อยสลายได้เองจนหมด โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย
- ฟิลเลอร์ Biohyalux มีราคาย่อมเยาใกล้เคียงกับฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี จึงตอบโจทย์กับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า แต่มีงบประมาณที่จำกัดครับ
ฟิลเลอร์ Biohyalux ข้อเสีย
- ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ Biohyalux จะไม่คงอยู่ถาวรครับ เพราะฟิลเลอร์สามารถย่อยสลายได้หมด โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย แต่ก็สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ โดยไม่เป็นอันตรายเช่นกัน
- หลังฉีดฟิลเลอร์ Biohyalux จะมีรอยแดงเล็ก ๆ จากเข็มในจุดที่ฉีด ซึ่งสามารถหายได้เองใน 2-3 วัน
ฟิลเลอร์ Biohyalux ที่ไหนดี ? เลือกอย่างไรให้ปลอดภัย ?
- คลินิกความงามที่น่าเชื่อถือ ควรเลือกคลินิกความงามที่แสดงชื่อและเลขใบอนุญาต 11 หลักติดไว้บริเวณด้านหน้าอย่างชัดเจนครับ รวมถึงควรตั้งอยู่ในสถานที่ที่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวก และมีด้วยกันหลายสาขา
- แพทย์ที่มากประสบการณ์ เช็กได้จากเคสรีวิว หรือใบรับรอง (Certificate) ที่เกี่ยวข้องกับหัตถการครับ โดยสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของคลินิกความงาม ที่แพทย์ประจำอยู่ นอกจากนี้ควรนำชื่อ-นามสกุลของแพทย์ไปตรวจสอบกับเว็บไซต์แพทยสภาอีกด้วย
- ฟิลเลอร์ของแท้ ควรศึกษาวิธีเช็กฟิลเลอร์ Biohyalux ของแท้ครับ ก่อนฉีดควรให้แพทย์แกะกล่องใหม่ให้ดูต่อหน้า รวมถึงควรถ่ายรูปทุกซอกทุกมุมของบรรจุภัณฑ์ และขอกล่องฟิลเลอร์กลับไป
- ราคามาตรฐาน โดยราคาฟิลเลอร์ Biohyalux เริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 7,000 บาทต่อ 1 CC ครับ แม้จะมีโปรโมชันสนับสนุนการขาย แต่ถ้าเป็นคลินิกความงามชั้นนำจะมีราคาไม่แตกต่างกันมาก
ฟิลเลอร์ Biohyalux เช็กของแท้ยังไง ?
การเช็กฟิลเลอร์ Biohyalux ว่าเป็นของแท้ และนำเข้ามาอย่างถูกต้องนั้น ถือว่ามีความสำคัญมากครับ เพราะถ้าเก็บรักษาฟิลเลอร์ในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม หรือขนส่งไม่ถูกวิธี จะทำให้ตัวยาเสื่อมคุณภาพได้ ฉีดแล้วไม่เห็นผล หรืออาจเกิดปัญหาตามมา โดยวิธีการเช็กฟิลเลอร์ Biohyalux มีดังนี้
- จากบรรจุภัณฑ์ บริเวณฝากล่องจะมีสติกเกอร์ป้องกันการเปิด ในกล่องจะต้องมีเลขทะเบียน อย.และเอกสารกำกับภาษาไทย รวมถึงเลข Lot. ที่บรรจุภัณฑ์ในทุกจุดจะต้องเป็นเลขเดียวกัน และตรงกับข้อมูลที่สแกนได้จาก QR Code ครับ
- สแกน QR Code บริเวณหน้ากล่องจะมีสติกเกอร์ Hologram เมื่อสแกนแล้วจะแสดงข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับฟิลเลอร์ Biohyalux กล่องนั้น ๆ เช่น สถานะว่าฟิลเลอร์เปิดใช้งานหรือยัง ชื่อคลินิกที่สั่งซื้อ และเลข Lot. การผลิต รวมถึงวันผลิต วันหมดอายุ และวันนำเข้ามาอีกด้วย
โดยผู้ผลิตฟิลเลอร์ Biohyalux คือ Bloomage Biotechnology Corp., Ltd. และผู้นำเข้า SOE Medical Co.,Ltd เท่านั้นครับ - โทรศัพท์สอบถามเลข Lot. ที่บริษัท โซว เมดิคอล จำกัด โทร. 065-692-8987
ฟิลเลอร์ Biohyalux ราคาเท่าไหร่ ?
ราคามาตรฐานของฟิลเลอร์ Biohyalux จะอยู่ที่ประมาณ 7,000 บาทต่อ 1 CC ครับ ซึ่งถือว่าเป็นฟิลเลอร์ที่ราคาถูกกว่าของฝั่งยุโรป เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าในงบประมาณที่จำกัด ทั้งนี้ราคาค่าบริการการฉีดฟิลเลอร์ Biohyalux ในแต่ละคลินิกจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย เช่น ปริมาณ CC ที่ใช้ จุดที่ฉีด และโปรโมชันสนับสนุนการขาย
สรุป
แม้ฟิลเลอร์ Biohyalux จะเป็นฟิลเลอร์น้องใหม่ ที่มาในราคาที่ย่อมเยา แต่ก็เป็นฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัย และมีจุดเด่นมากมายครับ เช่น ปั้นทรงได้ง่าย สลายตัวช้า และแทบไม่มีอาการบวมน้ำหลังฉีด ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าในงบประมาณที่จำกัด
สำหรับใครที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ Biohyalux อย่างปลอดภัย แนะนำให้เลือกคลินิกความงามที่น่าเชื่อถือ ปรึกษากับแพทย์ที่มากประสบการณ์ และตรวจเช็กฟิลเลอร์ว่าเป็นของแท้ทุกครั้งก่อนฉีด