โบท็อกซ์ริ้วรอย

ปัญหาริ้วรอย ทำให้ใบหน้าขาดความสดใส หรือดูมีอายุ ถือเป็นหนึ่งในความกังวลใจของใครหลายคนครับ การฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอย เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะสามารถแก้ปัญหารอยพับได้ในหลายจุดบนใบหน้า เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยหางตา หรือริ้วรอยระหว่างคิ้ว รวมถึงยังเห็นผลลัพธ์รวดเร็วอีกด้วย

บทความนี้ได้รวบรวมคำตอบของคำถามยอดฮิต ที่หลาย ๆ คนอยากรู้ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยมาฝากกัน ไม่ว่าจะเป็น โบท็อกซ์ริ้วรอย คืออะไร ? ช่วยลดริ้วรอยได้อย่างไร ? ฉีดจุดไหนได้บ้าง ? ใช้กี่ยูนิต ? กี่วันเห็นผล ? อยู่ได้นานไหม ? มีขั้นตอนอย่างไร ? ยี่ห้อไหนดี ? และราคาเท่าไหร่ ?


1. โบท็อกซ์ริ้วรอย คืออะไร ? ช่วยลดริ้วรอยได้อย่างไร ?

โบท็อกซ์ริ้วรอย คือ

โบท็อกซ์ริ้วรอย คือ การฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin A) ซึ่งเป็นสารที่สกัดจากแบคทีเรียคลอสตริเดียม โบลูทินัม (Clostridium Botulinum) ที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เมื่อฉีดเข้าไปจะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว และขยับได้ลดลง ส่งผลให้

  • ลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น รอยหางตาและรอยย่นบริเวณสันจมูกเวลายิ้ม หรือรอยพับบริเวณหน้าผากเวลาเลิกคิ้ว หลังจากฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย กล้ามเนื้อบริเวณนี้จะขยับได้ลดลง หรือไม่ขยับเลย ทำให้ไม่เกิดรอยพับบนผิวเวลาแสดงสีหน้าครับ
  • ริ้วรอยเล็ก ๆ บนชั้นผิวดูตื้นขึ้น หลังจากร่างกายผลิตคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ จะช่วยชดเชย และเติมเต็มร่องริ้วรอย ที่เกิดในตอนที่กล้ามเนื้อยังทำงานได้เต็มที่อยู่ ริ้วรอยเล็ก ๆ จึงดูจางลง และผิวดูเรียบเนียน
  • ชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต ในระหว่างที่โบท็อกซ์ริ้วรอยยังออกฤทธิ์ จะช่วยป้องกันการเกิดรอยพับใหม่บนชั้นผิวได้ครับ

จะเห็นได้ว่า การฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า และริ้วรอยเล็ก ๆ บนชั้นผิวได้เป็นอย่างดีครับ แต่สำหรับใครที่ปัญหาริ้วรอยเกิดจากการยุบตัวของกระดูก จำเป็นต้องฉีดฟิลเลอร์ร่วมด้วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น


2. โบท็อกซ์ริ้วรอย อันตรายไหม ?

โบท็อกซ์ริ้วรอย อันตรายไหม

โบท็อกซ์ริ้วรอย ไม่เป็นอันตรายครับ ถ้าใช้ตัวยาที่เป็นของแท้ และนำเข้ามาอย่างถูกต้อง เพราะ

  • ตัวยาโบท็อกซ์สามารถใช้รักษาโรค ก่อนที่ตัวยาโบท็อกซ์จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในด้านความงาม นิยมฉีดโบท็อกซ์ เพื่อบรรเทาอาการของโรคที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อเกร็งผิดปกติ เช่น โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม และโบท็อกซ์ไมเกรน
  • โบท็อกซ์ริ้วรอยสามารถย่อยสลายได้ ตัวยาโบท็อกซ์ของแท้สามารถย่อยสลายได้เองจนหมด โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย จึงไม่ก่อให้เกิดอันตราย
  • โบท็อกซ์ได้รับการรับรอง โบท็อกซ์หลายยี่ห้อได้รับการรับรองมาตรฐานและความปลอดภัยจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย. ไทย) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เกาหลีใต้ (KFDA)
  • ไม่เสี่ยงดื้อโบท็อกซ์ โบท็อกซ์ของแท้จะมีความบริสุทธิ์ของตัวยาสูงครับ จึงช่วยลดโอกาสเกิดภาวะดื้อโบท็อกซ์ หรือการฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผล นอกจากนี้ควรเช็กว่าโบท็อกซ์นั้น ๆ นำเข้ามาถูกต้องหรือไม่ เพราะตัวยาโบท็อกซ์จะต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิ 2-8 °C ตลอดเวลา เพื่อป้องกันตัวยาเสื่อมสภาพครับ 

จะเห็นได้ว่า ตัวยาของโบท็อกซ์ริ้วรอย ที่เป็นของแท้และนำเข้าถูกต้องนั้นจะมีความปลอดภัยมากครับ แต่อีกสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ คือ การฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยกับแพทย์ที่มากประสบการณ์ เพราะมีความเข้าใจกายวิภาคของจุดที่ฉีดเป็นอย่างดี ทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยดูเป็นธรรมชาติ ไม่มีปัญหาตามมา เช่น ตาแข็ง คิ้วตก หรือยิ้มแล้วดูไม่เป็นธรรมชาติ


3. โบท็อกซ์ริ้วรอย ฉีดจุดไหนได้บ้าง ?

โบท็อกซ์ริ้วรอย ฉีดจุดไหนได้บ้าง

โบท็อกซ์ริ้วรอย สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ในหลายจุดของใบหน้า โดยจะนิยมใช้กับผิวที่เกิดรอยพับ เวลาแสดงสีหน้า หรือแก้ปัญหาริ้วรอยตื้น ๆ เช่น ระหว่างคิ้ว ใต้ตา หางตา ตีนกา ร่องแก้ม หน้าผาก และคอ โดยจุดที่นิยมฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอย มีดังนี้

  • โบท็อกซ์ริ้วรอยหน้าผาก นิยมใช้แก้ปัญหาริ้วรอย หรือรอยเหี่ยวย่นบริเวณหน้าผาก ที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น เวลาเลิกคิ้ว การขมวดคิ้ว หรือการยิ้ม หากปล่อยทิ้งไว้ ริ้วรอยบริเวณนี้จะยิ่งลึกขึ้น และสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ทำให้หลาย ๆ คนสูญเสียความมั่นใจได้
  • โบท็อกซ์ริ้วรอยระหว่างคิ้ว ริ้วรอยระหว่างคิ้ว มักเกิดจากการขมวดคิ้ว หรือย่นคิ้วบ่อย ๆ ถือเป็นอีกจุดที่สามารถสังเกตได้ง่าย และเป็นจุดรวมสายตาของคู่สนทนาครับ ส่งผลให้ใบหน้าดูไม่สดใส หรือดูมีอายุได้ 
  • โบท็อกซ์ริ้วรอยรอบดวงตา เป็นจุดที่มักเกิดริ้วรอยเล็ก ๆ หรือรอยย่นได้ง่ายมากครับ รวมถึงในบางรายอาจมีปัญหาถุงใต้ตาร่วมด้วย ส่งผลให้ใบหน้าดูโทรม ขาดความสดใส หรือดูมีอายุได้ สามารถแก้ปัญหาด้วยการฉีดโบท็อกซ์หางตา โบท็อกซ์ตีนกา หรือโบท็อกซ์ใต้ตา ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัวชั่วคราว ริ้วรอยต่าง ๆ จึงดูลดลง
  • โบท็อกซ์ริ้วรอยร่องแก้ม สามารถใช้แก้ไขปัญหาร่องแก้มลึก ที่เกิดกับคนที่ยิ้มหรือหัวเราะบ่อย ๆ ทำให้กล้ามเนื้อที่ดึงรั้งร่องแก้มแข็งแรงมากเกินไป โดยจะนิยมฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเทคนิค Myomodulation ซึ่งเป็นการฉีดฟิลเลอร์กดหรือหนุนกล้ามเนื้อ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติ เวลายิ้มไม่ดูแข็ง
  • โบท็อกซ์ลิฟท์กรอบหน้า จะนิยมฉีดเพื่อให้ผิวบริเวณโดยรอบของกรอบหน้ากระชับขึ้น ปรับให้ใบหน้าดูเรียว และดูมิติมากขึ้น โดยการฉีดลิฟท์กรอบหน้าเทคนิค Nefertiti Lift ซึ่งฉีดโบท็อกซ์ที่กล้ามเนื้อบริเวณลำคอ (Platysma) สามารถช่วยลดริ้วรอยที่คอได้อีกด้วยครับ

4. โบท็อกซ์ริ้วรอย ใช้กี่ยูนิต (Unit) ?

โบท็อกซ์ริ้วรอยจะเริ่มต้นที่ 25 U ทั้งนี้ในแต่ละจุดที่ฉีดจะใช้ปริมาณยูนิตที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และการประเมินของแพทย์ร่วมด้วยครับ สำหรับการฉีดโบท็อกซ์แต่ละจุด จะใช้ปริมาณดังนี้

  • โบท็อกซ์ริ้วรอยหน้าผาก 30 ยูนิต
  • โบท็อกซ์ริ้วรอยระหว่างคิ้ว 25 ยูนิต
  • โบท็อกซ์ริ้วรอยตีนกา หรือโบท็อกซ์ริ้วรอยหางตา 25 ยูนิต
  • โบท็อกซ์ลิฟท์กรอบหน้า 30-50 ยูนิต

5. โบท็อกซ์ริ้วรอย กี่วันเห็นผล ?

โบท็อกซ์ริ้วรอย กี่วันเห็นผล

ผลลัพธ์หลังการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ

  • ผลลัพธ์ส่วนของกล้ามเนื้อที่ขยับ เช่น รอยย่นบริเวณหน้าผากเวลาเลิกคิ้ว หรือริ้วรอยหางตาเวลายิ้ม ในส่วนนี้จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ใน 3-7 วัน และเห็นผลเต็มที่ใน 14 วันครับ ทั้งนี้ก่อนการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอย สามารถแจ้งความต้องการกับแพทย์ได้เลยครับ ว่าต้องการให้กล้ามเนื้อขยับน้อยลง หรือไม่ขยับเลยเวลาแสดงสีหน้า
  • ผลลัพธ์ในด้านการลดเลือนริ้วรอย จะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ว่าริ้วรอยเล็ก ๆ บนชั้นผิวดูจางลงใน 4-6 สัปดาห์ครับ เพราะต้องรอให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ ขึ้นมาชดเชยและเติมเต็มร่องที่เกิดตั้งแต่ในช่วงที่กล้ามเนื้อยังทำงานเต็มที่ก่อน 

โดยระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับอัตราการสร้างคอลลาเจนใหม่ในแต่ละคนร่วมด้วย กล่าวคือในเคสที่อายุค่อนข้างมาก จำเป็นต้องรอนานขึ้นครับ เพราะอัตราการสร้างคอลลาเจนของร่างกายจะลดลงเหลือ 20-30% เมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไป


6. โบท็อกซ์ริ้วรอย อยู่ได้นานไหม ?

ผลลัพธ์โบท็อกซ์ริ้วรอยจะอยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ร่วมด้วยครับ สำหรับใครที่ต้องการคงผลลัพธ์ให้นานยิ่งขึ้น แนะนำให้กลับมาฉีดซ้ำ โดยเว้นจากการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยครั้งก่อนอย่างน้อย 3 เดือน แต่ไม่ควรเว้นระยะนานเกิน 5-6 เดือนครับ


7. โบท็อกซ์ริ้วรอย มีขั้นตอนอย่างไร ?

โบท็อกซ์ริ้วรอย มีขั้นตอนอย่างไร

  • ประเมินความเหมาะสม พบแพทย์ที่มากประสบการณ์ ซึ่งจะประเมินสภาพผิว และปัญหาบนใบหน้าที่คนไข้ต้องการแก้ไข รวมถึงให้คำแนะนำในการเลือกยี่ห้อโบท็อกซ์ และปริมาณยาที่เหมาะสมครับ 

นอกจากนี้แนะนำให้ทุกคนเตรียมข้อมูลสุขภาพของตัวเองมาด้วย เช่น โรคและยาประจำตัว ประวัติการแพ้อาหารและยา และประวัติการทำหัตถการต่าง ๆ 

  • เตรียมผิวบริเวณที่จะฉีด ทำความสะอาดผิวในจุดที่จะฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอย รวมถึงทายาชา หรือประคบน้ำแข็ง เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด
  • เตรียมตัวยาที่จะฉีด โบท็อกซ์จะมาในรูปแบบผลึกของแข็งเคลือบอยู่ที่ก้นขวดยา ก่อนฉีดจำเป็นต้องผสมน้ำเกลือลงไปก่อนครับ แนะนำให้ดูแพทย์แกะกล่องใหม่ และผสมตัวยาต่อหน้า
  • ฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอย แพทย์จะใช้เข็มที่มีขนาดเล็กฉีดลงไปบริเวณกล้ามเนื้อ ในจุดที่ต้องการแก้ไข และใช้ปริมาณที่เหมาะสม 
  • ขยับกล้ามเนื้อทันทีหลังฉีด 1-2 ครั้ง เพื่อให้เซลล์ประสาทดูดซึมตัวยาโบท็อกซ์เข้าไปให้มากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้โบท็อกซ์ริ้วรอยอยู่ได้นานมากขึ้น

8. โบท็อกซ์ริ้วรอย ยี่ห้อไหนดี ?

โบท็อกซ์ริ้วรอย ยี่ห้อไหนดี

โบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อจะมีจุดเด่น และคุณสมบัติที่ไม่เหมือนกันครับ จึงเหมาะกับแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน แนะนำให้ปรึกษากับแพทย์ที่มากประสบการณ์ ซึ่งจะช่วยให้คำแนะนำในการเลือกโบท็อกซ์ริ้วรอยยี่ห้อที่เหมาะสมครับ สำหรับโบท็อกซ์ยี่ห้อที่ผ่านการรับรองจากอย.ไทย และนิยมฉีดเพื่อลดเลือนริ้วรอย มีดังนี้

  • โบท็อกซ์อเมริกา Allergan เป็นโบท็อกซ์ต้นแบบ ความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% จึงช่วยลดโอกาสดื้อโบท็อกซ์ได้ เป็นยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ให้ผลการรักษาแม่นยำ เพราะการกระจายตัวยาแคบ สามารถฉีดมัดกล้ามเนื้อขนาดเล็กได้ 
  • โบท็อกซ์อังกฤษ Dysport เป็นโบท็อกซ์ที่กระจายตัวกว้าง นิยมฉีดในพื้นที่กว้าง ๆ ให้ผลลัพธ์ดูธรรมชาติ ถ้าฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยจะตึงประมาณ 50% 
  • โบท็อกซ์เยอรมัน Xeomin ตัวยามีความบริสุทธิ์สูง จุดเด่นอยู่ที่รวมเอาข้อดีของโบท็อกซ์ Allergan และโบท็อกซ์ Dysport เข้าด้วยกัน ตัวยาสามารถกระจายตัวได้กว้างกว่ายี่ห้อ Allergan แต่แคบกว่ายี่ห้อ Dysport ผลลัพธ์ดูธรรมชาติ ไม่ตึงเกินไป และได้ผลดีกับเคสดื้อโบท็อกซ์ ที่หยุดฉีดมาอย่างน้อย 2-3 ปี
  • โบท็อกซ์เกาหลี Nabota เป็นยี่ห้อเดียวของเกาหลีที่ผ่านการรับรองจากอเมริกา (U.S. FDA) จุดเด่น คือ ออกฤทธิ์ไว และเห็นผลเร็วกว่าโบท็อกซ์เกาหลียี่ห้ออื่นเล็กน้อย
  • โบท็อกซ์เกาหลี Aestox พัฒนาให้มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับโบท็อกซ์ Allergan ข้อดีคือมีความบริสุทธิ์สูง เห็นผลไว และอ่อนโยน ให้ผลลัพธ์หลังฉีดดูเป็นธรรมชาติ ฉีดแล้วหน้าไม่ตึงหรือแข็ง แต่ผลลัพธ์จะสั้นกว่าของโบท็อกซ์ Allergan
  • โบท็อกซ์เกาหลี Neuronox ใช้โบทูลินัม ท็อกซิน เอ สายพันธุ์ Hall A-Hyper ซึ่งเป็นสายพันธุ์เดียวกับโบท็อกซ์ Allergan จุดเด่นคือตัวยากระจายตัวแคบ ผลลัพธ์แม่นยำ ลดโอกาสดื้อโบท็อกซ์ แต่ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นกว่ายี่ห้อ Allergan เล็กน้อย

9. โบท็อกซ์ริ้วรอย ราคาเท่าไหร่ ?

โบท็อกซ์ริ้วรอย แต่ละยี่ห้อจะราคามาตรฐาน ดังนี้

  • โบท็อกซ์อเมริกา Allergan ราคา 19,000 บาท / 100 U
  • โบท็อกซ์อังกฤษ Dysport ราคา 19,000 บาท / 300 U
  • โบท็อกซ์เยอรมัน Xeomin ราคา 18,000 บาท / 100 U
  • โบท็อกซ์เกาหลี Nabota ราคา 9,000 บาท / 100 U
  • โบท็อกซ์เกาหลี Aestox ราคา 9,000 บาท / 100 U
  • โบท็อกซ์เกาหลี Neuronox ราคา 9,500 บาท / 100 U

สรุป

หลังจากอ่านบทความนี้จบ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงได้คำตอบที่เคยสงสัยเกี่ยวกับโบท็อกซ์ริ้วรอยกันไปแล้ว สำหรับใครที่ต้องการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยให้ได้ผลลัพธ์ดี แนะนำให้เลือกคลินิกความงามที่น่าเชื่อ ฉีดกับแพทย์ที่มากประสบการณ์ และตรวจเช็กโบท็อกซ์ว่าเป็นของแท้และนำเข้าอย่างถูกต้องทุกครั้ง เพียงเท่านี้ก็หมดกังวลฉีดโบท็อกซ์แล้วหน้าแข็ง หนังตาตก มุมปากเบี้ยว และยิ้มไม่สุดแล้ว