โหราน้ำเต้า
ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Arisaema consanguineum Schott ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ คือ Arisaema erubescens var. consanguineum (Schott) Engl. จัดอยู่ในวงศ์บอน (ARACEAE)[1] ชื่อเรียกอื่น ๆ คือ เทียนหนานซิง หนานซิง (จีนกลาง)[1]
ลักษณะต้นโหราน้ำเต้า
- ต้น [1]
– เป็นพรรณไม้ล้มลุก
– ต้นมีความสูง 40-90 เซนติเมตร
– มีหัวอยู่ใต้ดิน เป็นรูปกลมและแบน
– มีรากฝอยมาก
– เปลือกหัวเป็นสีเหลืองเข้ม
– หัวมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.4-5.5 เซนติเมตร - ใบ [1]
– ก้านใบจะแทงออกจากหัวที่อยู่ใต้ดิน
– ก้านใบกลมตั้งตรง เนื้อนิ่ม
– มีร่องคล้ายกับก้านกล้วย
– บริเวณโคนก้านใบมีเยื่อบาง ๆ สีขาวมีแต้มสีม่วงหุ้มอยู่
– ก้านใบยาว 40-85 เซนติเมตร
– ใบเป็นใบรวมแตกออกเป็นแฉก เรียงเป็นวงกลม มีประมาณ 7-23 แฉก เป็นรูปรียาว
– ปลายใบแหลม
– โคนใบอยู่ในจุดเดียวกัน
– ขอบใบเรียบ
– ใบมีความกว้าง 1.5-2.5 เซนติเมตร และยาว 13-19 เซนติเมตร
– เนื้อใบไม่มีขนปกคลุม
– หลังใบเป็นสีเขียว
– ท้องใบเป็นสีเขียวอ่อน
– เส้นใบเรียงแบบขนนก - ดอก [1]
– ออกดอกเป็นช่อ แทงขึ้นมาจากโคนต้น
– ก้านช่อดอกยาว 30-70 เซนติเมตร
– ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียแยกออกเป็นแต่ละกลุ่ม
– ช่อดอกเป็นรูปทรงกระบอก
– ดอกย่อยมีขนาดเล็กจำนวนมาก
– อยู่ในกลุ่มเดียวกัน มีเนื้อนิ่ม
– ดอกเป็นสีม่วงดำ
– มีกาบใบหุ้มช่อดอก 1 ใบ เป็นสีเขียว มีความยาว 11-16 เซนติเมตร
– ดอกมีเกสรเพศผู้จำนวนมาก - ผล [1]
– ผล จะอยู่ข้างในดอก
– ผล เป็นสีแดง
ข้อควรระวังในการใช้โหราน้ำเต้า
– สมุนไพรชนิดนี้มีพิษ ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอหรือสตรีมีครรภ์ห้ามรับประทานสมุนไพรชนิดนี้เด็ดขาด[1]
– สำหรับผู้ที่ได้รับพิษจะมีอาการลิ้นชา เวียนศีรษะ เจ็บคอ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ต้องรีบพาไปพบแพทย์หรือนำส่งโรงพยาบาลทันที[1]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยา
– พบสาร Alkalod (ที่ออกฤทธิ์เหมือนกับ Conine), Amino acid, Benzoic acid, Saponina, Treterpenoid และยังพบแป้งอีก ส่วนผล Coniine เป็นต้น[1]
– เมื่อนำน้ำที่ต้มจากหัวมาให้แมวหรือสุนัขทดลองกิน พบว่า จะทำให้สัตว์ทดลองมีอาการอาเจียนและเกิดการกระตุ้นหลอดลมให้ขับเสมหะออกมามากขึ้น[1]
– เมื่อนำน้ำที่ต้มจากหัวมาให้หนูทดลองกิน พบว่าจะมีฤทธิ์แก้ปวดในหนูทดลอง และยังสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในหนูที่มีเนื้องอกได้อีกด้วย[1]
สรรพคุณของโหราน้ำเต้า
- หัว สามารถใช้เป็นยาแก้ลมบ้าหมูได้[1]
- หัว สามารถใช้แก้อาการตกใจง่ายชักกระตุกได้[1]
- หัว สามารถใช้เป็นยาแก้ไข้สูงลมชักของเด็กได้[1]
- หัว สามารถใช้เป็นยาขับลมได้[1]
- หัว ช่วยแก้บาดทะยัก[1]
- หัว สามารถนำมาใช้แก้ตาและปากเบี้ยวที่ใบหน้าหรือใบหน้ามีอาการชาได้[1]
- หัว ช่วยกระจายและละลายการอุดตันของเสมหะในลำคอ แก้คอตีบ[1]
- หัว ช่วยแก้อัมพาตจากเสมหะติดหลอดลมทางเดินหายใจ ทำให้มีอาการวิงเวียน[1]
- หัว มีรสขมเผ็ด มีพิษ เป็นยาร้อน ออกฤทธิ์ต่อปอด ตับ และม้าม สามารถใช้เป็นยาสงบประสาทได้[1]
- หัว สามารถนำมาใช้เป็นยารักษาพิษฝีหนองปวดบวม แก้พิษงู แมลงสัตว์กัดต่อย แก้อาการฟกช้ำบวม และฆ่าแมลงวันได้[1]
ขนาดและวิธีใช้[1]
- ให้ใช้เฉพาะยาแห้งที่ผ่านกรรมวิธีการกำจัดพิษแล้วเท่านั้น
- ให้ใช้เพียงครั้งละ 2-5 กรัม
- นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือใช้เข้ากับตำรายาอื่น
- การนำมาใช้ภายนอกให้นำมาบดเป็นผงใช้โรยแผลตามที่ต้องการ
กรรมวิธีการกำจัดพิษ[1]
- นำหัวมาล้างให้สะอาด
- นำไปแช่ในน้ำประมาณ 1 สัปดาห์ หรือจนกว่าน้ำที่แช่จะมีฟองขึ้นมา
- ให้เปลี่ยนน้ำวันละ 1-2 ครั้ง
- หลังจากนั้นให้นำมาแช่กับน้ำสารส้ม ในอัตราส่วนหัว 50 กิโลกรัม ต่อสารส้ม 1 กิโลกรัม
- แช่นาน 1 เดือน หรือแช่จนกว่าหัวโหราจะไม่มีรสเผ็ดเมา
- นำมาแช่กับสารส้มและขิงอีกรอบหนึ่ง ในอัตราส่วนหัว 50 กิโลกรัม ต่อสารส้ม 6.5 กิโลกรัม ต่อขิง 12.5 กิโลกรัม
- ให้แช่นานประมาณ 2-3 สัปดาห์
- นำหัวมาต้มให้สุก
- แล้วนำไปผึ่งให้แห้งหรืออบแห้ง
- จากนั้นให้นำหัวมาหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วเก็บไว้ใช้เป็นยาต่อไป
สั่งซื้อ อาหารเสริม เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค สำหรับผู้ป่วย คลิ๊ก @amprohealth
เอกสารอ้างอิง
1. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “โหราน้ำเต้า”. หน้า 636.
อ้างอิงรูปจาก
1.https://www.phakhaolao.la/
2.https://www.gardenia.net/
3.https://plants.ces.ncsu.edu/