มะเกลือ
มะเกลือ Ebony tree เป็นพืชที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนานมักพบในป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง เนื่องจากสมัยก่อนชาวบ้านนิยมนำเปลือกแก่นมีสีดำสนิทจากลำต้น และผลนำมาต้มย้อมผ้า ย้อมแห เพราะผลสุกจัดเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Diospyros mollis Griff. จัดอยู่ในวงศ์มะพลับ (EBENACEAE)
นอกจากนี้ยังมีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า มักเกลือ (เขมร-ตราด), มักเกลือ หมักเกลือ มะเกลือ (ตราด), ผีเผา ผีผา (ฉาน-ภาคเหนือ), มะเกือ มะเกีย (ภาคเหนือ), เกลือ (ภาคใต้), มะเกลื้อ (ทั่วไป)
- ลักษณะของต้น
– มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
– เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่
– มีความสูงประมาณ 10-30 เมตร
– มีเรือนยอดเป็นพุ่ม
– ลำต้นเปลา
– ที่โคนต้นขึ้นเป็นพูพอน
– ผิวเปลือกแตกเป็นรอยสะเก็ดเล็ก ๆ ตามยาว
– สีดำ
– เปลือกด้านในสีเหลือง
– กระพี้มีสีขาว
– แก่นมีสีดำสนิท
– เนื้อละเอียดและมีความเป็นมันสวยงาม
– กิ่งอ่อนมีขนนุ่ม ๆ ขึ้น
– สามารถขยายพันธุ์โดยวิธีการเพาะเมล็ด
– สามารถพบได้ทั่วไปทุกภาคของประเทศไทย
– ยกเว้นภาคใต้
– พบได้มากในจังหวัดลพบุรี ราชบุรี สระบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น ชัยภูมิ สกลนคร และอุดรธานี
– นอกจากนี้ยังเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดสุพรรณบุรีด้วย - ลักษณะของใบ
– ใบเป็นใบเดี่ยวขนาดเล็ก
– ลักษณะของใบเป็นรูปไข่หรือรี
– โคนใบกลมหรือมน
– ปลายใบสอบเข้าหากัน
– ผิวใบเกลี้ยง
– ใบกว้าง 3.5-4 เซนติเมตรและยาว 9-10 เซนติเมตร
– ใบอ่อนมีขนปกคลุมอยู่ทั้งสองด้าน - ลักษณะของดอก
– ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ
– ดอกเป็นแบบแยกเพศต่างต้นกัน
– ดอกตัวผู้จะมีขนาดเล็ก
– สีเหลืองอ่อน
– ในหนึ่งช่อจะมีอยู่ 3 ดอก
– ดอกตัวเมียจะเป็นดอกเดี่ยว
– กลีบรองดอกยาว 0.1-0.2 เซนติเมตร
– โคนกลีบดอกจะเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย
– ปลายกลีบดอกจะแยกเป็น 4 กลีบ
– เรียงเวียนซ้อนทับกัน
– ตรงกลางดอกจะมีเกสร - ลักษณะของผล
– มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 เซนติเมตร
– ผิวเรียบเกลี้ยง
– ผลอ่อนเป็นสีเขียว
– ผลสุกเป็นสีเหลือง
– ผลแก่เป็นสีดำและแห้ง
– ผลมีกลีบเลี้ยงติดอยู่บนผล 4 กลีบ
– ผลจะแก่ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม
– ในผลมีเมล็ดแบนสีเหลืองอยู่ประมาณ 4-5 เมล็ด
– มีขนาดกว้าง 0.5-0.7 เซนติเมตรและยาว 1-2 เซนติเมตร
สรรพคุณในด้านการแพทย์
- สาร Diospyrol diglucoside ช่วยพยาธิสามัญทุกชนิด พยาธิเส้นด้าย (Threadworm) พยาธิตัวกลม (Roundworm) พยาธิตัวตืด (Tapeworm) พยาธิปากขอ (Hookworm) พยาธิแส้ม้า (Whipworm)
สารชนิดนี้จะไม่ถูกดูดซึมผ่านลำไส้ เพราะเป็นสารที่ละลายน้ำได้ดี แต่จะถูกพยาธิกินเข้าไปแทน และทำให้พยาธิตาย แต่ในปัจจุบันนี้ไม่ได้นิยมใช้กันแล้ว และยังมีราคาถูกหาได้ทั่วไปตามชนบท - ช่วยถ่ายตานซาง
- ถ่ายกระษัย
วิธีการใช้สมุนไพรมะเกลือขับพยาธิ
– ให้เลือกใช้ผลสดที่โตเต็มที่และเขียวจัด
– ใช้จำนวนผลเท่ากับอายุแต่ไม่เกิน 20-25 ผล เช่น หากอายุ 30 ปี ก็ให้ใช้เพียง 25 ผล
– นำผลสดมาล้างให้สะอาดแล้วมาโขลกพอแหลก
– คั้นเอาแต่น้ำมาผสมกับหัวกะทิสด
– นำมาดื่มขณะท้องว่างก่อนอาหารเช้าทันที
– ห้ามทิ้งไว้เพราะจะทำให้น้ำมีพิษ และฤทธิ์ในการถ่ายพยาธิลดน้อยลง
– หลังรับประทานไป 3 ชั่วโมงแล้ว หากยังไม่ถ่ายให้ใช้ยาถ่ายตาม
สรรพคุณของมะเกลือ
– ใบ ใช้แก้อาการตกเลือดภายหลังการคลอดบุตรของสตรี
– เปลือกต้น ช่วยแก้พิษ
– เปลือกต้น ช่วยแก้อาการเบื่ออาหาร
– เปลือกต้น ช่วยขับเสมหะ
– เปลือกต้นกับราก ช่วยแก้พิษตานซาง
– ลำต้น ช่วยแก้ตานซางขโมย
– ราก ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร
– ราก ใช้แก้ลม แก้อาเจียน
– แก่น ช่วยแก้ฝีในท้อง
– ลำต้น เปลือกต้น และราก ช่วยแก้กระษัย
– ลำต้น แก่น เปลือกต้น ราก และเมล็ด ช่วยขับพยาธิ
ประโยชน์ของมะเกลือ
- เปลือกต้น ใช้ทำเป็นยากันบูดได้
- เปลือก สามารถนำไปปิ้งไฟให้เปลี่ยนเป็นสีเหลือง นำมาผสมกับน้ำตาล แล้วนำไปหมักไว้ ก็จะได้แอลกอฮอล์ที่เรียกว่า น้ำเมา
- ไม้ มีความละเอียดและแข็งแรงทนทาน สามารถนำมาใช้ทำเครื่องเรือนได้ดี หรือจะใช้ทำเป็นเครื่องดนตรี หรือเครื่องประดับมุก
- ผลสุก สามารถนำมาใช้ย้อมผ้าหรือย้อมแห สีที่ได้จะเป็นสีดำเข้มและติดทนนาน
- ผล สามารถนำมาใช้ทาไม้ให้มีสีดำ ในการฝังมุกโต๊ะและเก้าอี้ ช่วยทำให้มีลวดลายสวยสดงดงามมากขึ้น
ข้อควรระวังในการใช้มะเกลือขับพยาธิ
- ผลมีสาร “ไดออสไพรรอล” (Diospyrol) เป็นสารจำพวก “แนฟทาลีน” (Naphthalene) ที่เป็นพิษต่อประสาทตา หากรับประทานในปริมาณมากเกินไปจะทำให้สารดังกล่าวถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายจนทำให้เกิดอาการอักเสบของเรตินาได้ โดยจะเกิดภายหลังจากการได้รับสารชนิดนี้เข้าไป 1-2 วัน จะทำให้การมองเห็นแย่ลง แม้จะใส่แว่นตาก็ไม่ดีขึ้น จนกระทั่งมองไม่เห็นเลย
- ควรบดยาด้วยการใช้ครกหินจะดีที่สุด
- ห้ามใช้น้ำปูนใสในการผสมยา
- สำหรับบางคนนั้นอาจจะเกิดอาการแพ้ ทำให้เกิดอาการท้องเดินบ่อย ๆ มีอาการใจสั่น แน่นหน้าอก มีอาการวิงเวียนศีรษะและอาเจียน มีอาการตามัว หากรุนแรงมากอาจถึงขั้นทำให้ตาบอดได้
- ผู้ที่รับประทานบางคนนั้นอาจจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนและท้องเสียได้ เพราะระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร
- การใช้ผิดวิธีหรือแม้แต่ใช้อย่างถูกต้องก็อาจจะเกิดอันตรายได้ เนื่องจากบางคนมีความไวและการตอบสนองต่อฤทธิ์ยา
- ห้ามใช้กับสตรีมีครรภ์หรือสตรีหลังคลอดใหม่ ๆ หรือในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบ รวมไปถึงผู้ป่วยที่เป็นโรคอื่น ๆ
- ไม่ควรรับประทานผลสุกสีดำในการถ่ายพยาธิโดยเด็ดขาด เพราะมีพิษอันตรายมาก อาจทำให้ตาบอดได้
- การเตรียมยาแต่ละครั้งไม่ควรเตรียมไว้ในปริมาณมากเกินกว่าที่จะรับประทาน ควรเตรียมแบบสดใหม่และใช้กินทันทีเท่านั้น
- ในปัจจุบันไม่มีการแนะนำให้ใช้ผลในการถ่ายพยาธิแล้ว เนื่องจากมีความเสี่ยง เพราะยังไม่มีการศึกษาวิจัยอย่างแน่นอนว่ามันจะแปรสภาพไปเป็นสารที่ทำให้ตาบอดได้มากน้อยเพียงใด และที่สำคัญโรคพยาธิต่าง ๆ ในปัจจุบันก็ลดน้อยลงอย่างมากหากเปรียบเทียบกับสมัยก่อน แถมกระทรวงสาธารณสุขก็ไม่แนะนำให้นำมาใช้เป็นยาถ่ายอีกด้วย
สั่งซื้อ อาหารเสริมสำหรับผู้ป่วย เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth
แหล่งอ้างอิง : สำนักงานข้อมูลสมุนไพร มหาวิทยาลัยมหิดล, เว็บไซต์สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, นิตยสารหมอชาวบ้าน (นพ.ประเสริฐศักดิ์ ตู้จินดา), เว็บไซต์โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
อ้างอิงรูปจาก
1.https://www.disthai.com/