แอหนัง
ชื่อสามัญ Roman iron wood ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Crossostephium chinense (A.Gray ex L.) Makino (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ คือ Artemisia chinensis L., Chrysanthemum artemisioides (Less.) Kitam., Crossostephium artemisioides Less. ex Cham. & Schltr., Tanacetum chinense L.) อยู่วงศ์ทานตะวัน (ASTERACEAE หรือ COMPOSITAE) ชื่อในท้องถิ่นอื่น ๆ เช่น ฝูหยงจวี๋ (จีนกลาง), เซียงจี๋ (จีนกลาง), เฮียงเก็ก (แต้จิ๋ว), เล่านั่งฮวย (จีน), เชียนเหนียนไอ๋ (จีนกลาง), ปากหลาน (จังหวัดกรุงเทพมหานคร), หล่าวเหยินฮวา (จีนกลาง), เหล่าหนั่งฮวย (แต้จิ๋ว) [1],[2],[4],[5]
ลักษณะต้นแอหนัง
- ลักษณะของต้น เป็นพรรณไม้ล้มลุกที่มีขนาดเล็ก ต้นสูงประมาณ 10-60 เซนติเมตร ลำต้นมีลักษณะตั้งตรงเรียบและเป็นสีเขียว จะแตกกิ่งก้านเยอะ มีใบขึ้นดกหนาทึบ ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด การปักชำกิ่ง ชอบดินร่วน ที่มีความชื้น ที่มีแสงแดดปานกลาง มักขึ้นในที่แจ้ง ที่ตามหินปูน พบเจอได้ที่ตามหลุมบ่อใกล้ชายทะเล[1],[3],[4]
- ลักษณะของใบ เป็นใบเดี่ยว ใบจะออกเรียงสลับตามต้น จะออกเป็นกระจุกที่ตรงปลายยอด ที่ใบกับก้านใบจะมีขนสีขาวอมสีเทาขึ้น ก้านใบยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ใบมีรูปร่างที่ไม่แน่นอน ที่ปลายใบจะแหลม ส่วนที่โคนใบจะมนมีลักษณะเป็นรูปไข่ ใบจะแยกเป็นแฉกประมาณ 3-5 แฉก ส่วนใบที่บริเวณยอดต้นจะไม่แยกเป็นแฉก ใบกว้างประมาณ 3 เซนติเมตร ยาวประมาณ 5.5 เซนติเมตร มีลักษณะอวบน้ำ มีก้านใบสั้น[1],[3],[4]
- ลักษณะของดอก จะออกเป็นช่อที่ยอดต้น และที่ตามง่ามใบปลายกิ่ง ช่อดอกมีความยาวประมาณ 4-9 เซนติเมตร มีช่อดอกขนาดเล็ก ในแต่ละช่อจะมีดอกย่อย ดอกย่อยเป็นรูปทรงกระบอกสีเหลืองอมเขียว หรือทรงกลมสีเหลือง ที่โคนดอกจะมีกลีบเลี้ยงเป็นสีเขียว กลีบเลี้ยงเป็นรูปถ้วย เป็นดอกแบบสมบูรณ์เพศ[1],[3]
- ลักษณะของผล เป็นผลขนาดเล็ก มีความยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร ผลเป็นรูปเหลี่ยมคล้ายกับห้าเหลี่ยม จะมีรยางค์เป็นเกล็ด มีความยาวประมาณ 0.5 มิลลิเมตร มีเปลือกผลที่แข็ง ผลแห้งจะสามารถแตกได้ มีเมล็ดอยู่ผล เมล็ดเป็นรูปทรงรีผิวมัน เป็นสีน้ำตาล[1],[3],[4]
สรรพคุณต้นแอหนัง
1. สามารถนำใบสดมาตำ ใช้พอกรักษาแก้ฝีหนองภายนอก ฝีฝักบัวได้ (ใบ, ราก)[1],[3],[4],[5]
2. สามารถนำใบมาใช้แก้แผลมีดบาด แผลฟกช้ำได้ (ใบ)[4]
3. ใบกับรากสามารถช่วยแก้พิษได้ (ใบ, ราก)[1]
4. ถ้าออกหัด ให้นำใบสดมาต้ม เอาแค่น้ำมาใช้อาบชะล้างร่างกาย (ใบ)[1]
5. ใบกับเมล็ดสามารถช่วยขับพยาธิได้ (ใบ, เมล็ด)[4]
6. ใบกับรากสามารถช่วยแก้อาการปวดกระเพาะได้ (ใบ, ราก)[1]
7. ใบและรากสามารถช่วยละลายเสมหะได้ (ใบ, ราก)[1]
8. ใบและรากสามารถช่วยแก้หลอดลมอักเสบได้ (ใบ, ราก)[1]
9. สามารถใช้เป็นยาแก้ไข้หวัดลมเย็น และแก้ไข้หวัดได้ โดยการนำใบแห้งประมาณ 20 กรัม มาต้มกับน้ำ ใส่น้ำตาลลงไปนิดหน่อย แล้วนำมาใช้ทาน (ทิ้งกาก) (ใบ)[1],[2],[3],[4],[5]
10. สามารถใช้เป็นยาบำรุง ช่วยให้เจริญอาหารมากขึ้นได้ (ใบ, เมล็ด)[4]
11. สามารถนำใบสดมาตำใช้พอกรักษาแผลที่เน่าเปื่อยเรื้อรังได้ (ใบ)[2],[3],[4],[5]
12. ใบและรากสามารถช่วยแก้บวมได้ (ใบ, ราก)[1]
13. ใบและรากสามารถช่วยแก้อาการปวดข้อที่เกิดจากลมชื้นเข้าข้อได้ (ใบ, ราก)[1]
14. ใบสามารถช่วยขับระดูประจำเดือนของสตรีได้ (ใบ)[4]
15. สามารถนำใบมาตำแล้วเอามาใช้ทาสะดือเด็กทารก ช่วยแก้อาการปวดท้องได้ (ใบ)[4]
16. ใบและรากสามารถช่วยรักษาเต้านมอักเสบได้ (ใบ, ราก)[1]
17. สามารถนำใบมาใช้ทำเป็นยาชงดื่ม ช่วยแก้เลือดคั่งในอวัยวะได้ (ใบ)[3],[4]
18. ใบและรากสามารถช่วยแก้อาการไอเรื้อรัง แก้ไอได้ (ใบ, ราก)[1]
19. ใบกับรากเป็นยาร้อนเล็กน้อยจะออกฤทธิ์กับปอด กระเพาะ สามารถใช้เป็นยาขับลม ขับลมชื้นได้ ใบกับรากนั้นจะมีรสชาติเผ็ดขม (ใบ, ราก)[1],[2],[3],[4]
ปริมาณและวิธีใช้
– ถ้าเป็นยาแห้งให้ใช้ ครั้งละประมาณ 15-20 กรัม มาต้มกับน้ำทาน [1]
– ถ้าเป็นยาสดให้ใช้ ครั้งละประมาณ 20-35 กรัม มาต้มกับน้ำทานหรือนำมาตำแล้วคั้นเอาแค่น้ำมาดื่ม [1]
– ถ้าใช้เป็นยาภายนอกให้เอามาตำแล้วใช้พอกในบริเวณที่ต้องการจะพอก[1]
ประโยชน์ต้นแอหนัง
- นิยมปลูกเป็นไม้ประดับเป็นกลุ่มใหญ่ ปลูกเป็นไม้กระถาง เพราะใบกับดอกสวยงาม [2],[3],[4]
สั่งซื้อ อาหารเสริม เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค สำหรับผู้ป่วย คลิ๊ก @amprohealth
เอกสารอ้างอิง
1. คมชัดลึกออนไลน์, คอลัมน์: ไม้ดีมีประโยชน์. “แ อ ห นั ง ไม้ประดับ เป็นยา”. (นายสวีสอง). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.komchadluek.net. [26 ม.ค. 2014].
2. สมุนไพรดอทคอม. “แ อ ห นั ง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.samunpri.com. [26 ม.ค. 2014].
3. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “แอหนัง”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 654.
4. สวนพฤกษศาสตร์ โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์. “แอหนัง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.shc.ac.th. [26 ม.ค. 2014].
5. หนังสือสมุนไพรไทย ตอนที่ 4. “แอหนัง”. (ก่องกานดา ชยามฤต). มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.