ส้มป่อย
ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เถาเนื้อแข็งต้นสีน้ำตาลขนสั้นหนานุ่ม ดอกเป็นช่อกระจุกสีขาวนวลขนนุ่ม ฝักยาวผิวขรุขระ ฝักแก่สีน้ำตาลเข้ม

ส้มป่อย

ส้มป่อย พบได้ทั่วไปในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ ขึ้นได้ตามป่าคืนสภาพ ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ที่ราบเชิงเขา และที่รกร้างทั่วไปชอบความชื้นปานกลางถึงน้อย ชอบแสงแดดมาก เป็นไม้ที่มีความทนทานต่อสภาพแห้งแล้งได้ ชื่อสามัญ Soap Pod ชื่อวิทยาศาสตร์ Acacia concinna (Willd.) DC. ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ คือ Acacia rugata (Lam.) Merr., Mimosa concinna Willd.) จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยสีเสียด (MIMOSOIDEAE หรือ MIMOSACEAE)[1],[3],[4],[9]
ชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ส้มพอดี (ภาคอีสาน), ส้มคอน (ไทใหญ่), ส้มขอน (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน), พิจือสะ พิฉี่สะ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน), ผ่อชิละ ผ่อชิบูทู (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่), แผละป่อย เมี่ยงโกร๊ะ ไม้ส้มป่อย (ลั้วะ), เบล่หม่าฮั้น (ปะหล่อง)[1],[4],[6]

ลักษณะของต้นส้มป่อย

  • ต้น [1],[3],[4],[6],[7],[8]
    – เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กหรือไม้พุ่มเลื้อยทอดลำต้น
    – มีความสูงถึง 3-6 เมตร
    – เถามีเนื้อแข็ง ขนาดใหญ่
    – เปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาล
    – เถาอ่อนเป็นสีน้ำตาลแดง
    – มีขนกำมะหยี่หรือขนสั้นหนานุ่ม
    – ตามลำต้นและกิ่งก้านมีหนามแหลมสั้นอยู่ทั่ว มีขนหูใบรูปหัวใจ
    – สามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง และการปักชำกิ่ง
    – เติบโตได้ดีในดินที่ระบายน้ำได้ดี
  • ใบ [1],[2],[3],[4]
    – เป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้น
    – ออกใบเรียงสลับกัน
    – ช่อใบย่อยมี 5-10 คู่
    – ใบย่อยออกเรียงตรงข้ามกัน ไม่มีก้านใบย่อย
    – ใบย่อยเป็นรูปขอบขนานขนาดเล็ก ปลายใบมนหรือแหลม โคนใบมนหรือตัด ขอบใบหนาเรียบ
    – ใบมีความกว้าง 0.8-3 มิลลิเมตร และยาว 3.5-11.5 มิลลิเมตร
    – แผ่นใบเรียบ
    – ก้านใบยาว 3.6-5 เซนติเมตร
    – มีก้อนนูนสีน้ำตาลคล้ายต่อม 1 อัน อยู่ที่โคนของก้านใบ
    – แกนกลางมีความยาว 6.6-8.5 เซนติเมตร
  • ดอก [1],[4]
    – ออกดอกเป็นช่อกระจุกรูปทรงกลม
    – จะออกที่ปลายกิ่งหรือออกตามซอกใบ
    – จะออกดอก 1-3 ช่อดอกต่อข้อ
    – มีขนาดประมาณ 0.7-1.3 เซนติเมตร
    – มีดอกประมาณ 35-45 ดอก
    – ก้านช่อดอกยาว 2.5-3.2 มิลลิเมตร มีขนนุ่ม
    – มีใบประดับดอก 1 อัน เป็นรูปแถบ มีความยาวไม่เกิน 1 มิลลิเมตร
    – ดอกย่อยมีขนาดเล็กขึ้นอยู่แน่นที่แกนดอก
    – กลีบดอกเป็นหลอดสีขาวนวล
    – กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 5 กลีบ
    – กลีบดอก มีความกว้าง 1-1.5 มิลลิเมตร และยาว 3.5-4 มิลลิเมตร
    – ดอกมีเกสรเพศผู้ 200-250 อัน มีความยาว 4-6 มิลลิเมตร
    – เกสรเพศเมีย รังไข่ยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร
    – มีออวุลประมาณ 10-12 ออวุล
    – ก้านรังไข่ยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร
    – ก้านและยอดเกสรเพศเมียยาวประมาณ 2.5-3.5 มิลลิเมตร เป็นสีขาวอมเหลืองหรือสีเขียวอมเหลือง
    – จะออกดอกในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม
  • ผล [1],[2],[4]
    – ออกผลเป็นฝัก
    – ฝักเป็นรูปขอบขนาน แบนยาว
    – ผิวฝักเป็นลอนคลื่นเป็นข้อ ๆ ตามเมล็ด
    – ปลายฝักมีหางแหลม
    – สันฝักหนา
    – ผิวฝักขรุขระหรือจะย่นเมื่อแห้ง
    – ฝักมีความกว้าง 1.3-1.4 เซนติเมตร และยาว 7-9.3 เซนติเมตร
    – ฝักอ่อน จะเป็นสีเขียวอมแดง
    – ฝักแก่ จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีน้ำตาลดำ
    – ก้านฝักยาว 2.8-3 เซนติเมตร
    – ในแต่ละฝักจะมีเมล็ด 5-12 เมล็ด
    – เมล็ดเป็นรูปทรงแบนรี สีดำ มีความกว้าง 4-5 มิลลิเมตร และยาว 7-8 มิลลิเมตร
    – จะออกผลในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม

ข้อมูลทางเภสัชวิทยา

  1. สารสำคัญที่พบ คือ[3]
    – acaiaside
    – acacinin A, B, C, D
    – azepin
    – concinnamide
    – lupeol
    – machaerinic acid menthiafolic
    – sonuside
    – sitosterolspinastero
  2. สารสกัดเมทานอล 75% จากฝักส้มป่อย[9]
    – เป็นพิษต่อเซลล์ Fibrosarcoma HT-1080
    – ความเข้มข้นของสารที่เป็นพิษต่อเซลล์ครึ่งหนึ่งเท่ากับ 2.1 ไมโครกรัมต่อมิลลิกรัม
    – สารที่ออกฤทธิ์คือสาร Kinmoonosides A, B, C สารสกัดเมทานอล สกัดที่ละลายน้ำ
  3. สารสกัดเมทานอลและเอทานอล ในอัตราส่วน 1:1 จากฝักส้มป่อย[9]
    – เป็นพิษต่อเซลล์ Fibrosarcoma HT-1080 อย่างอ่อน
    – ความเข้มข้นของสารที่เป็นพิษต่อเซลล์ครึ่งหนึ่งมีค่าเท่ากับ 10, 17.9, 21.5 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร สารสกัดคลอโรฟอร์ม สารสกัดอะซีโตน สกัดที่ละลายน้ำ สารสกัดเมทานอล
  4. สารสกัดเมทานอลและเอทานอล ในอัตราส่วน 1:1 จากฝักส้มป่อย[9]
    – มีความเป็นพิษต่อเซลล์ CA-Colon-26-L5 อย่างอ่อน
  5. สารสกัดเอทานอลและน้ำ ในอัตราส่วน 1:1 ของต้นส้มป่อย[9]
    – ไม่เป็นพิษต่อเซลล์ CA-9KB
  6. สารสกัดซาโปนินจากเปลือกและสารสกัดเอทานอลและน้ำ ในอัตราส่วน 1:1[9]
    – มีฤทธิ์ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงแตก
    – ค่าดัชนีการทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงเท่ากับ 1,350
  7. สารสกัดจากใบและก้านหรือลำต้น[9]
    – ให้หนูถีบจักรกินหรือฉีดเข้าใต้ผิวหนัง
    – โดยให้แอลกอฮอล์และน้ำ ในอัตราส่วน 1:1
    – ในขนาด 10 กรัมต่อกิโลกรัม
    – ไม่พบพิษ
  8. สารสกัดเอทานอลและน้ำ ในอัตราส่วน 1:1[9]
    – ฉีดเข้าทางช่องท้องของหนูถีบจักร
    – มีค่า LD50 เท่ากับ 125 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
  9. สารสกัด acacic acid จากเปลือก[9]คน
    – มีฤทธิ์ฆ่าสเปิร์ม
  10. สารสกัดซาโปนินจากเปลือกที่ความเข้มข้น 0.004%[9]
    – มีฤทธิ์ฆ่าสเปิร์มในเพศชาย
  11. เมื่อปี ค.ศ.2006 ที่ประเทศอินเดีย[3]
    – ได้ทำการทดลองสารสกัดจากดอกกับหนูเพศผู้
    – ให้สารสกัดในขนาด 50 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
    – ใช้ระยะเวลาการทดลองนาน 3 สัปดาห์
    – พบว่า ค่าคอเลสเตอรอลในเลือดของหนูทดลองลดลง ไตรกลีเซอไรด์ลดลง
    – สารสกัด มีผลลดอสุจิและ endometrial glands ในมดลูก
    – มีการเปลี่ยนแปลงในชั้นเซลล์ในมดลูก
    – สามารถใช้เป็นยาคุมกำเนิดได้
  12. ฝักมีสารออกฤทธิ์ในกลุ่มซาโปนินสูงถึง 20.8%
    – acacinin A, B, C, D, E
    – ถ้านำฝักมาตีกับน้ำจะเกิดฟอง

สรรพคุณของส้มป่อย

  • ช่วยแก้เส้นเอ็นที่พิการให้สมบูรณ์[1],[3],[4]
  • ช่วยลดไขมัน ช่วยลดความอ้วนหรือลดน้ำหนัก[3]
  • ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย[3]
  • ช่วยทำให้เส้นเอ็นอ่อน แก้เส้นเอ็นพิการ ขัดยอก[1],[3],[4]
  • ช่วยขับระดูขาวของสตรี ช่วยฟอกล้างโลหิตระดู[1],[4],[5]
  • ช่วยขับพยาธิในลำไส้[3]
  • ช่วยชำระเมือกมันในลำไส้[4]
  • ช่วยแก้บิด[1],[3],[4]
  • ช่วยแก้น้ำลายเหนียว[1],[4]
  • ช่วยขับเสมหะ[3],[4]
  • ช่วยแก้โรคที่เกี่ยวกับดวงตา[1],[3],[4]
  • ช่วยฟอกโลหิต[4]
  • ช่วยทำให้เส้นเอ็นหย่อน[1],[3],[4]
  • ช่วยขับเสมหะ[3],[4]
  • ช่วยแก้กระษัย[3]
  • ช่วยขับเสมหะ[1],[4]
  • ช่วยทำให้ชุ่มคอ[1],[3],[4],[12]
  • ช่วยแก้ไอ[1],[3],[4],[12]
  • ช่วยทำให้เจริญอาหาร[1],[4]
  • ช่วยแก้ซางเด็ก[1],[4]
  • ช่วยแก้ไข้จับสั่นหรือไข้มาลาเรีย[1],[4]
  • ช่วยทำให้ชุ่มคอ[1],[3],[4],[12]
  • ช่วยแก้ไอ[1],[3],[4],[12]
  • ช่วยขับเสมหะ แก้เสมหะ[3],[4]
  • ช่วยแก้ริดสีดวงจมูก[11]
  • ช่วยทำให้อาเจียน[1],[3]
  • ช่วยแก้น้ำลายเหนียว[1],[4]
  • ช่วยปิดแผล แก้โรคผิวหนัง[1],[2],[4]
  • ช่วยทำให้สตรีมีครรภ์คลอดได้ง่าย[8],[10]
  • ช่วยแก้ไข้[12]
  • ช่วยแก้อาการท้องอืด[12]
  • ช่วยขับปัสสาวะ[4],[5]
  • ช่วยแก้ฝี แก้พิษฝี[4],[8],[10],[12]
  • ช่วยแก้ไข้[1],[3],[4]
  • ช่วยแก้ท้องร่วง[8],[10],[12]
  • ช่วยแก้ฝี แก้พิษฝี[4],[8],[10],[12]

ประโยชน์ของส้มป่อย

  • เป็นไม้มงคลของชาวไทย[10]
    – เชื่อว่าการปลูกไว้จะช่วยขับไล่ภูตผีปีศาจและสิ่งเลวร้ายไม่ให้มารบกวน
    – ช่วยเสริมหรือคืนอำนาจให้ผู้มีคาถาอาคม
    – ให้ปลูกไว้ทางทิศเหนือ
  • ในด้านของความเชื่อ[6],[8],[10],[11]
    – เป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของชาวล้านนา
    – ชาวบ้านจะใช้ฝักในพิธีกรรมทำน้ำมนต์เพื่อสะเดาะเคราะห์
    – ใช้ในงานมงคล ทำน้ำมนต์รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์
    – ใช้สรงน้ำพระพุทธรูป
    – ใช้อาบน้ำผู้ป่วยเพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้าย ไล่ผี
    – ใช้ล้างหน้าลูกหลังและล้างมือหลังไปงานศพ
    – ใช้ใบใส่ลงไปในน้ำเพื่อใช้สระผมก่อนพิธีโกนผมนาค
    – ชาวเหนือจะใช้ฝักเป็นของขลัง ที่ช่วยป้องกันตนจากสิ่งเลวร้าย
    – ในยามที่ไปงานศพ ชาวเหนือจะพกฝักติดตัวเอาไว้ เชื่อว่าจะช่วยป้องกันผีสางไม่ให้มารบกวนได้
    – ในยามที่มีลมพายุ ชาวเหนือก็จะนำฝักไปเผาไฟ เชื่อว่าจะทำให้ลมพายุอ่อนแรงลงได้
    – ชาวบ้านมีความเชื่อว่าต้องเก็บฝักในช่วงก่อนฝนตกฟ้าร้อง จะทำให้มีความขลังมากยิ่งขึ้น
    – คนเมืองจะใช้ฝักนำไปทำน้ำใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ
    – นำฝักแห้งมาใช้ใส่น้ำมนต์ในงานมงคลต่าง ๆ
    – ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนจะใช้ฝักแก่แห้ง นำมาทำน้ำหรือนำมาผูกกับตาแหลว
  • น้ำของฝัก สามารถนำมาใช้ขัดเครื่องโลหะได้[8]
  • ใบและฝัก สามารถนำมาต้มกับน้ำอาบ ใช้ทำความสะอาด และบำรุงผิวได้[4]
  • ใบ สามารถนำมาสกัดทำเป็นสีย้อมเส้นไหมได้ จะให้สีเขียวอ่อน สีเหลืองอ่อน สีน้ำตาลอ่อน หรือสีครีม[7]
  • เปลือกต้น สามารถนำมาใช้ในการย้อมผ้า ย้อมแห และย้อมอวนได้[8]
  • ชาวลั้วะ จะนำเปลือกต้นมาทุบใช้ขัดตัวเวลาอาบน้ำหรือสระผม
  • ชาวไทใหญ่ จะนำฝักแห้งมาใช้ต้มกับน้ำอาบและขัดตัว หรือนำมาแช่น้ำใช้สระผม[6]
  • ใบ สามารถนำมาใช้ในสูตรยาอบสมุนไพรได้[5]
    – จะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ
    – ช่วยชะล้างสิ่งสกปรกต่าง ๆ
    – ช่วยบำรุงผิวพรรณ
    – เพิ่มความต้านทานโรคให้กับผิวหนัง
    – แก้ปวดเมื่อย
    – ช่วยแก้หวัด
  • ใบ สามารถนำมาใช้ในสูตรยาลูกประคบสมุนไพรได้[5]
    – ช่วยแก้โรคผิวหนัง
    – ช่วยบำรุงผิว
    – ช่วยลดความดัน
  • ฝักแก่แห้ง สามารถนำมาต้มเอาน้ำใช้สระผมได้[1],[2],[4],[5],[12]
    – ช่วยแก้รังแค
    – ช่วยแก้อาการคันศีรษะ
    – ช่วยบำรุงเส้นผม
    – ทำให้ผมชุ่มชื้นเป็นเงางาม
    – เป็นยาปลูกผม
    – ช่วยป้องกันผมหงอกก่อนวัย
  • ฝักแก่แห้ง สามารถนำมาใช้ต้มกับน้ำอาบหลังคลอดได้[1],[2],[4],[5],[12]
  • ยอดอ่อนและใบอ่อน สามารถนำมาใช้เพื่อดับกลิ่นคาวปลาได้[4]
  • ใบ เป็นผักที่มีวิตามินเอและเบต้าแคโรทีนสูง[12
  • จากการทดสอบฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระของยอด[12]
    – พบว่ามีฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระสูงมาก
  • สารซาโปนินในฝัก[12]
    – ทำให้เซลล์ทำงานได้ดีขึ้น
    – ช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายดีขึ้นด้วย
  • ยอดอ่อนและใบอ่อน[4],[6],[12]
    – สามารถนำมาใช้รับประทานเป็นผักสดร่วมกับลาบ แจ่วได้
    – สามารถนำมาปรุงรสได้ เช่น ต้มปลา เนื้อเปื่อย
    – สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้ เช่น แกงส้ม ต้มข่าไก่ ต้มส้มป่อย
  • ชาวปะหล่อง จะนำยอดอ่อนไปผสมกับน้ำพริกห่อใบตองแล้วนำไปหมกแล้วรับประทาน[4],[6],[12]
  • ชาวกะเหรี่ยง จะนำทั้งยอดอ่อนและดอก มาใช้ในการประกอบอาหาร[4],[6],[12]

สั่งซื้อ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค อาหารเสริม สำหรับผู้ป่วย คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “ส้มป่อย (Som Poi)”. หน้า 282.
2. หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ส้มป่อย”. หน้า 33.
3. หนังสือสมุนไพรลดไขมันในเลือด 140 ชนิด. (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก). “ส้มป่อย” หน้า 178.
4. ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ส้มป่อย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com. [28 ก.ค. 2014].
5. ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ส้มป่อย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaicrudedrug.com. [28 ก.ค. 2014].
6. โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “ส้มป่อย, ส้มป่อยป่า”. อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์)., หนังสือสารานุกรมสมุนไพร : รวมหลักเภสัชกรรมไทย (วุฒิ วุฒิธรรมเวช)., หนังสือพืชสมุนไพรในสวนป่าสมุนไพรเขาหินซ้อน ฉบับสมบูรณ์ (พงษ์ศักดิ์ พลเสนา)., หนังสือสมุนไพรไทยตอนที่ 7 (ก่องกานดา ชยามฤต, ลีนา ผู้พัฒนพงศ์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [28 ก.ค. 2014].
7. พันธุ์ไม้ย้อมสีธรรมชาติ กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. “ส้มป่อย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: qsds.go.th. [28 ก.ค. 2014].
8. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม . “ส้มป่อย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:www.dnp.go.th. [28 ก.ค. 2014].
9. ฐานข้อมูลความปลอดภัยของสมุนไพรที่มีการขึ้นทะเบียนยาแผนโบราณ, สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “ส้มป่อย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.medplant.mahidol.ac.th/poisonpr/. [28 ก.ค. 2014].
10. สถาบันการแพทย์แผนไทย. “ส้มป่อย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: ittm-old.dtam.moph.go.th. [28 ก.ค. 2014].
11. เทศบาลเมืองทุ่งสง. “ส้มป่อย” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.tungsong.com. [28 ก.ค. 2014].
12. มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 365 คอลัมน์: เรื่องเด่นจากปก. (ภกญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร). “ส้มป่อย สุดยอดผักเพิ่มภูมิคุ้มกัน กำจัดพิษกาย พิษใจ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th. [28 ก.ค. 2014].

อ้างอิงรูปจาก
1. https://nurserylive.com/products/acacia-concinna-shikakai-seeds
2. https://indiabiodiversity.org/observation/show/1749194
3. https://medthai.com/