ICSI คือ

ท่ามกลางความท้อแท้จากภาวะมีบุตรยาก ICSI หรือ การฉีดอสุจิเข้าไซโตพลาสซึมของไข่ เปรียบเสมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ นำพาคู่รักสู่ประตูแห่งความหวังด้วย ICSI คือ เทคโนโลยีที่ช่วยให้ไข่และอสุจิ สองชีวิตจิ๋ว ผสานรวมเป็นหนึ่ง ก่อกำเนิดเป็นทารกน้อย เติมเต็มความฝันของคู่รักที่โหยหาการเป็นพ่อแม่ เติมเต็มความอบอุ่นให้กับครอบครัวด้วยสมาชิกใหม่ที่มีสุขภาพแข็งแรงในเวลาที่ต้องการ


ICSI (อิ๊กซี่) คืออะไร?

การทำอิ๊กซี่ หรือ ICSI คือ เทคโนโลยีที่ช่วยในการเจริญพันธุ์ โดยย่อมาจาก Intracytoplasmic Sperm Injection เป็นการใช้เข็มขนาดเล็กฉีดอสุจิ 1 ตัวเข้าสู่ไซโตพลาสซึมของไข่ 1 ใบโดยตรง ช่วยให้เกิดการปฏิสนธิ โดยไม่ต้องพึ่งพาการเคลื่อนที่ของอสุจิเอง ICSI เหมาะสำหรับผู้มีบุตรยากที่มีสาเหตุมาจากปัญหาการเคลื่อนที่ของอสุจิ ปัญหาที่ท่อนำไข่ ภาวะมีบุตรยากไม่ทราบสาเหตุ รวมถึงความต้องการในการคัดเลือกตัวอ่อนที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม

ขั้นตอนการทํา ICSI มีกระบวนการ ดังต่อไปนี้

  1. แพทย์จะฉีดยากระตุ้นไข่ แต่ต้องระวังอาการข้างเคียง เพื่อกระตุ้นให้รังไข่ผลิตไข่จำนวนมาก
  2. แพทย์จะทำการเก็บไข่ ICSI โดยใช้เข็มนำทางอัลตราซาวด์ผ่านช่องคลอด
  3. ฝ่ายชายจะเก็บตัวอย่างอสุจิ
  4. แพทย์จะคัดกรองอสุจิที่แข็งแรงที่สุด 1 ตัว และฉีดเข้าสู่ไซโตพลาสซึมของไข่ 1 ใบโดยตรง
  5. ตัวอ่อนที่เกิดจากการปฏิสนธิจะถูกเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ
  6. แพทย์จะเลือกตัวอ่อนที่มีคุณภาพดีที่สุด 1 – 2 ตัว ใส่กลับเข้าสู่โพรงมดลูก

อิ๊กซี่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีสำหรับผู้มีบุตรยาก ด้วยประสิทธิภาพของ ICSI คือ 

  • เพิ่มโอกาสการปฏิสนธิ เพราะ ICSI ช่วยให้แพทย์สามารถคัดกรองอสุจิที่แข็งแรงที่สุด และฉีดเข้าสู่ไข่โดยตรง โดยไม่ต้องพึ่งพาการเคลื่อนที่ของอสุจิเอง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาอสุจิจำนวนน้อย เคลื่อนที่ช้า หรือรูปร่างผิดปกติ
  • แก้ปัญหาท่อนำไข่สำหรับผู้ที่มีปัญหาท่อนำไข่อุดตัน โดยแพทย์สามารถเก็บไข่และอสุจิ นำมาผสมพันธุ์ในห้องปฏิบัติการ และใส่ตัวอ่อนที่เกิดขึ้นกลับสู่โพรงมดลูก
  • ICSI ช่วยให้แพทย์สามารถเก็บตัวอย่างเซลล์จากตัวอ่อนก่อนใส่กลับสู่โพรงมดลูก เพื่อตรวจหาความผิดปกติทางพันธุกรรม ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการคลอดบุตรที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม
  • ตัวอ่อนที่เกิดจาก ICSI สามารถแช่แข็งเก็บไว้ได้นานถึง 10 ปี ช่วยให้คู่รักสามารถตัดสินใจเรื่องการตั้งครรภ์ได้ในภายหลัง หรือบริจาคตัวอ่อนให้กับคู่รักอื่น ๆ ที่ต้องการมีบุตรได้

ICSI, IVF และ IUI มีข้อแตกต่างกันอย่างไร?

อิ๊กซี่

ICSI, IVF และ IUI ล้วนแต่เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยในการเจริญพันธุ์ที่มีเป้าหมาย เพื่อช่วยให้ผู้มีบุตรยากตั้งครรภ์ ด้วยการกระตุ้นการตกไข่ในผู้หญิงก่อน โดยใช้ยาหรือฮอร์โมน แล้วเก็บตัวอย่างอสุจิจากฝ่ายชาย ก่อนจะผสมไข่และอสุจิในห้องปฏิบัติการ หากแต่ทั้ง 3 วิธีมีความแตกต่างกัน ดังนี้

ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) มีขั้นตอน คือ ฉีดอสุจิ 1 ตัวเข้าสู่ไข่ 1 ใบโดยตรง แล้วรอให้เกิดการปฏิสนธิ จากนั้น จึงใส่ตัวอ่อนที่เกิดขึ้นกลับสู่โพรงมดลูก เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาการเคลื่อนที่ของอสุจิที่รุนแรง, ปัญหาที่ท่อนำไข่ และต้องการคัดเลือกตัวอ่อนที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม อิ๊กซี่มีข้อดี คือ มีโอกาสสำเร็จสูงที่สุด เหมาะกับกรณีที่มีปัญหาอสุจิรุนแรง แต่มีขั้นตอนซับซ้อน ใช้เวลานาน และมีราคาแพงที่สุด โดยอัตราสำเร็จประมาณ 40 – 50% ต่อรอบ

IVF (In Vitro Fertilization) มีขั้นตอน คือ นำไข่และอสุจิมาผสมกันในจานเพาะเลี้ยง แล้วรอให้เกิดการปฏิสนธิ จากนั้น จึงใส่ตัวอ่อนที่เกิดขึ้นกลับเข้าสู่โพรงมดลูก เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาการเคลื่อนที่ของอสุจิ,  ปัญหาที่ท่อนำไข่ และภาวะมีบุตรยากไม่ทราบสาเหตุ IVF มีข้อดี คือ มีโอกาสสำเร็จสูงกว่า IUI และสามารถคัดเลือกตัวอ่อนก่อนใส่กลับได้ แต่มีขั้นตอนซับซ้อน ใช้เวลานาน และราคาแพง โดยอัตราสำเร็จประมาณ 25 – 35% ต่อรอบ

IUI (Intrauterine Insemination) มีขั้นตอน คือ ฉีดอสุจิที่ผ่านการคัดกรองแล้วเข้าสู่โพรงมดลูกในช่วงที่มีไข่ตก เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาการเคลื่อนที่ของอสุจิ, ปัญหาที่ปากมดลูก, ปัญหาที่ท่อนำไข่ และการตกไข่ไม่สม่ำเสมอ IUI มีข้อดี คือ ขั้นตอนง่าย รวดเร็ว และราคาไม่แพง แต่โอกาสสำเร็จต่ำ โดยอัตราสำเร็จประมาณ 10 – 20% ต่อรอบ


ข้อดีของ ICSI คืออะไร

การทำอิ๊กซี่เป็นเทคโนโลยีที่มีขั้นตอนซับซ้อน แต่ก็มีข้อดีหลายประการ ได้แก่

  • เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ของผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น ท่อนำไข่อุดตัน เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือมีภาวะหลังผ่าตัดท่อนำไข่ให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้
  • เพิ่มโอกาสในการคัดเลือกตัวอ่อนที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมก่อนใส่กลับสู่โพรงมดลูก
  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับอสุจิ ไม่ว่าจะเป็นอสุจิที่เก็บจากอัณฑะโดยตรง (TESA), อสุจิที่เก็บจากท่อนำไข่ (PESA) หรืออสุจิที่เก็บจากต่อมลูกหมาก (MESE) 
  • อิ๊กซี่เพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์แฝด เพราะแพทย์สามารถฉีดอสุจิหลายตัวเข้าสู่ไข่หลายใบ 
  • สามารถเก็บตัวอ่อนที่เกิดจาก ICSI ไว้ได้นานถึง 10 ปี ด้วยการแช่แข็ง
  • ช่วยลดความเสี่ยงโรคทางพันธุกรรม เพราะ ICSI ช่วยให้แพทย์สามารถคัดเลือกตัวอ่อนที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมก่อนใส่กลับสู่โพรงมดลูกได้

วิธีการเตรียมตัวก่อนทำ ICSI 

ขั้นตอนการทํา ICSI 

การเตรียมตัวก่อนทำ ICSI เป็นขั้นตอนการทํา ICSI ที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะร่างกายจะต้องมีความพร้อม ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง โดยวิธีการเตรียมตัวก่อนทําอิ๊กซี่ คือ

  1. ฝ่ายหญิง
  • ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้วยการซักประวัติ ตรวจร่างกาย เก็บตัวอย่างเลือด ตรวจฮอร์โมน และอัลตราซาวด์รังไข่ 
  • ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทั้งงดสูบบุหรี่, งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ, รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผักผลไม้ โปรตีน และธัญพืช, นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และลดความเครียด
  • แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่ทานประจำ แพทย์อาจสั่งให้หยุดยาบางชนิดก่อนทำ ICSI
  • เตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการกระตุ้นการตกไข่ เพราะแพทย์จะสั่งยาหรือฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นให้รังไข่ผลิตไข่จำนวนมาก
  • แพทย์จะนัดหมายเก็บไข่ ICSI เมื่อไข่เจริญเติบโตเต็มที่ โดยใช้เทคนิคการเก็บไข่ทางช่องคลอดโดยใช้เข็มนำทางอัลตราซาวด์
  1. ฝ่ายชาย
  • แพทย์จะนัดหมายเก็บตัวอย่างอสุจิ โดยทั่วไปจะแนะนำให้เก็บตัวอย่างอสุจิ 2 – 3 ครั้ง
  • ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่นเดียวกับฝ่ายหญิง

นอกจากนี้ ในการทำอิ๊กซี่ยังมีข้อควรระวังบางประการ ได้แก่

  • ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 2 – 3 วันก่อนทำ ICSI
  • ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด
  • ควรเลิกสูบบุหรี่ก่อนทำ ICSI อย่างน้อย 3 เดือน
  • ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดทุกชนิด

สรุป ICSI คืออะไร

การทำอิ๊กซี่ หรือ ICSI คือ เทคโนโลยีที่ช่วยในการทำลูก ด้วยการใช้เข็มขนาดเล็กฉีดอสุจิเข้าสู่ไข่โดยตรง ช่วยให้เกิดการปฏิสนธิ โดยไม่ต้องพึ่งพาการเคลื่อนที่ของอสุจิเอง เหมาะสำหรับผู้มีบุตรยากจากปัญหาการเคลื่อนที่ของอสุจิที่รุนแรง, ปัญหาที่ท่อนำไข่ และต้องการคัดเลือกตัวอ่อนที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม สำหรับคู่รักที่กำลังพิจารณาทำ ICSI ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด เพื่อรับคำแนะนำ พิจารณาข้อดี ข้อเสีย ความเสี่ยง และโอกาสความสำเร็จ