หิรัญญิการ์
ดอกขนาดใหญ่ สีขาว ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เถาจะมียางสีขาว เลื้อยเกาะพันต้นไม้ ผลเป็นฝัก มีเมล็ดแบนสีน้ำตาลมีขนยาวอ่อนนุ่มเป็นกระจุก

หิรัญญิการ์

หิรัญญิการ์ มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศเนปาล เป็นไม้เถาเนื้อแข็งแตกเป็นพุ่มเป็นกอ ลำเถาเลื้อยยาวและจะพาดพันกับต้นไม้อื่น เป็นพรรณไม้กลางแจ้งเติบโตได้ดีในดินเกือบทุกชนิดชื่อสามัญ คือ Easter Lily Vine, Herald trumpet, Nepal Trumpet[1] ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Beaumontia grandiflora Wall. จัดอยู่ในวงศ์ตีนเป็ด (APOCYNACEAE)[1] ชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ คือ เถาตุ้มยำช้าง (ภาคเหนือ) เป็นต้น[1],[2]

ชนิดหิรัญญิการ์ในประเทศไทย

มีอยู่ 3-4 ชนิด แต่ละชนิดจะแตกต่างกันตรงที่รูปร่างของกลีบดอกและใบ

  • หิ รั ญ ญิ ก า ร์ ดอกใหญ่ (Beaumontia grandiflora Wall.)
  • หิ รั ญ ญิ ก า ร์ ดอกเล็ก (Beaumontia murtonii Craib)
  • หิ รั ญ ญิ ก า ร์ แดง

ลักษณะต้นหิรัญญิการ์

  • ต้น[1],[2],[3]
    – มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศเนปาล
    – เป็นไม้เถาเนื้อแข็งแตกเป็นพุ่มเป็นกอ
    – ลำเถาเลื้อยยาวและจะพาดพันกับต้นไม้อื่น
    – แตกกิ่งก้านสาขามาก
    – ทั่วลำเถามีขนขึ้นเป็นสีน้ำตาลแดง
    – ตามกิ่งอ่อนมียางสีขาวข้น
    – สามารถขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง และวิธีการปักชำ
    – เติบโตได้ดีในดินเกือบทุกชนิด
    – เป็นพรรณไม้กลางแจ้ง
    – ชอบขึ้นตามชายป่าดิบ หรือป่าเบญจพรรณใกล้ลำธาร
  • ใบ[1],[2],[3]
    – ใบเป็นใบเดี่ยว
    – ออกตรงข้ามกัน
    – ใบแต่ละคู่ทำมุมฉากซึ่งกันและกัน
    – ใบเป็นรูปรี รูปไข่กลับ
    – ปลายใบมนหรือแหลม
    – โคนใบมนหรือแหลม
    – ขอบใบเรียบไม่มีหยัก
    – ใบมีความกว้าง 1.5-2.5 นิ้ว และยาว 5-7 นิ้ว
    – หลังใบเรียบเป็นมัน
    – ใต้ท้องใบเห็นเส้นใบได้ชัดเจน มี 10-14 คู่
    – ไม่มีขนปกคลุม
    – ก้านใบยาว 1-1.5 เซนติเมตร
  • ดอก[1],[2],[3]
    – ออกดอกเป็นช่อ
    – จะออกดอกที่บริเวณปลายกิ่งหรือตามง่ามใบ
    – 1 ช่อจะมีดอกย่อยประมาณ 5-10 ดอก
    – ดอกจะบานไม่พร้อมกัน จะค่อย ๆ บาน
    – ในครั้งหนึ่งจะมีดอกบานแค่ 1-4 ดอก
    – ดอกจะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
    – ก้านช่อดอกและก้านดอกมีขนละเอียดสีน้ำตาลปนแดง
    – ก้านดอกยาว 2-3.2 เซนติเมตร
    – ดอกตูมเป็นสีเหลืองอ่อนหรือสีเหลืองอมเขียว
    – ดอกมีขนาดใหญ่ เป็นสีขาว
    – มีกลีบรองดอก 5 กลีบ
    – กลีบแยกออกจากกัน
    – แต่ละกลีบแผ่กว้างซ้อนทับกัน
    – กลีบเป็นรูปขอบขนาน รูปมน รูปไข่ กว้าง 0.5-1 นิ้ว และยาว 1-1.5 นิ้ว
    – ปลายแหลม ขอบเรียบ
    – แผ่นกลีบมีลายเส้นร่างแหปรากฏอยู่ชัดเจน
    – มีขนบาง ๆ ปกคลุมอยู่ประปรายที่ตรงกลางกลีบ
    – โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปกรวย
    – กลีบคอดเข้าหากันที่ฐานเป็นหลอดสั้น ๆ ยาว 4 นิ้ว
    – ปลายกลีบดอกมนหยักเป็นคลื่น ๆ
    – กลีบดอกเป็นสีขาวสะอาด
    – มีแต้มด้วยจุดสีเขียวเรื่อ ๆ
    – ที่ใจกลางกลีบดอก
    – กลางดอกมีเกสรเพศผู้ 5 อัน
    – มีเกสรเพศเมียประมาณ 2 อัน
    – เชื่อมติดกันอยู่กับกลีบดอก
    – ก้านเกสรแต่ละอันจะแยกออกจากกันเป็นอิสระ
    – อับเรณูจะค่อนข้างยาว รูปร่างคล้ายหัวลูกศร
    – ตุ่มเกสรเพศเมียอยู่ภายในบริเวณของอับเรณูทั้ง 5 อัน
    – รังไข่ตั้งอยู่ที่ฐานกลีบดอกซึ่งเป็นหลอดแคบ ๆ
    – มีน้ำหวานขังอยู่รอบนอก
    – ดอกเมื่อบานเต็มที่จะมีความกว้าง 12-16 เซนติเมตร
    – จะออกดอกในเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน
  • ผล[1],[2]
    – ออกผลเป็นฝัก
    – ฝักมีความ 12-30 เซนติเมตร
    – ผนังหนาและแข็งมาก
    – ฝักเมื่อแก่แล้วจะแตกออกเป็น 2 ซีก
    – ผลมีเมล็ดแบน ๆ สีน้ำตาลอยู่เป็นจำนวนมาก มีความยาว 1.7 เซนติเมตร
    – ปลายของเมล็ดมีขนยาวอ่อนนุ่มติดอยู่เป็นกระจุก มีความยาว 3.5-5 เซนติเมตร

สรรพคุณของหิรัญญิการ์

  • เมล็ด สามารถนำมาใช้เป็นยาบำรุงกำลังได้[1],[2]
  • เมล็ด มีสารจำพวกคาร์ดีโนไลด์ สามารถนำมาใช้เป็นยาบำรุงหัวใจได้[1],[2]

ข้อควรระวัง

  • เมล็ดหากรับประทานมาก อาจทำให้ถึงตายได้[3]

ประโยชน์ของหิรัญญิการ์

  • ประเทศไทยจะนิยมปลูกเป็นไม้ประดับ[2]
  • สามารถนำมาปลูกเพื่อประดับเป็นซุ้มกลางแจ้งได้ดี[2]
  • นิยมนำมาปลูกประดับอาคารสถานที่ สวน และสนามต่าง ๆ[2]

สั่งซื้อ อาหารเสริม เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค สำหรับผู้ป่วย คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “หิ รัญ ญิ การ์ (Hirun-Yika)”. หน้า 334.
2. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “หิ รัญ ญิ การ์”. หน้า 826-827.
3. พรรณไม้บริเวณพระตำหนักเรือนต้น, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “หิ รัญ ญิ การ์”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th/plants_data/palace/chitralada/cld6-2.htm. [18 ก.ค. 2014].