กล้วยบัวสีชมพู
เป็นไม้ล้มลุก มีเหง้าใต้ดิน ปลีช่อดอกตั้งตรงกาบประดับสีชมพู ผลเป็นสีเขียวคล้ายนิ้วมือ ผลสุกจะเป็นสีเหลือง

กล้วยบัวสีชมพู

ชื่อสามัญ คือ Flowering Banana[3]ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Musa ornata Roxb.[1] ( ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ คือ Musa rosacea N. J. von Jacquin., Musa speciosa M. Tenore, Musa carolinae A. Sterler, Musa rosea J. G. Baker, Musa rosea Jacq., Musa salaccensis H. Zollinger, Musa mexicana E. Matuda[2],[3] จัดอยู่ในวงศ์กล้วย (MUSACEAE)[1]
มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ คือ กล้วยบัว (กรุงเทพฯ)[1]

ลักษณะกล้วยบัวสีชมพู

  • ลักษณะของต้น[1],[3]
    – จัดเป็นกล้วยไม้ล้มลุก
    – มีความสูงได้ 1-3 เมตร
    – ลำต้นอยู่ใต้ดิน
    – กาบใบห่อหุ้มกับลำต้นเทียม
    – ลำต้นเทียมจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 10 เซนติเมตร
    – สามารถขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ
    – เติบโตได้ดีในดินทั่วไป
    – ต้องการน้ำมากและแสงแดดจัด
    – เมื่ออยู่ในที่รำไรลำต้นจะสูงกว่าในที่กลางแจ้งต้นจะเตี้ย
    – พรรณไม้ชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดในอินเดีย พม่า และบังกลาเทศ
  • ลักษณะของใบ[1],[3]
    – ใบเป็นใบเดี่ยว
    – ใบเป็นรูปขอบขนานหรือรูปใบหอก
    – ปลายใบมนหรือตัด
    – โคนใบเบี้ยว ด้านหนึ่งมน ส่วนอีกด้านหนึ่งเรียวแหลม
    – ขอบใบเรียบ
    – ใบมีความกว้าง 25 เซนติเมตร และยาว 2 เมตร
    – หลังใบเรียบ
    – แผ่นใบเป็นนวลสีขาวเล็กน้อยทั้งสองด้าน
    – เส้นกลางใบเป็นสีแดง
    – ก้านใบยาวได้ 60 เซนติเมตร
  • ลักษณะของปลี[1],[3]
    – ปลีช่อดอกตั้งตรง
    – ก้านช่อหนา
    – มีความยาว 2-3 เซนติเมตร
    – ใบประดับมี 2 ใบ
    – มีความยาวได้ 30 เซนติเมตร
    – กาบประดับเป็นสีชมพู
    – ปลายกาบแหลม
    – กาบด้านล่างยาว 10 เซนติเมตร
    – มีขนาดเล็กลงช่วงปลายช่อ
    – ปลายกลีบเป็นสีเหลือง
    – กาบดอกเพศเมียอยู่ช่วงล่าง
    – มีกาบอยู่ 7 กาบ
    – ดอกเพศเมียจะมี 3-5 ดอก
    – ในแต่ละกาบ
    – เรียงแถวเดียว
    – กลีบดอกรวมเป็นสีเหลืองอมส้ม
    – กลีบรวมที่ติดกันยาว 3.5 เซนติเมตร
    – กลีบที่แยกยาวได้ 3 เซนติเมตร
    – ปลายหยักเป็นพูตื้น ๆ 5 พู พับงอ
    – เกสรเพศผู้ที่หมันยาว 1/3 หรือ 1/2 ส่วนของความยาวก้านเกสรเพศเมีย
    – รังไข่ยาว 4 เซนติเมตร
    – ก้านเกสรเพศเมียยาว 3 เซนติเมตร
    – ดอกเพศผู้มี 3-6 ดอก ในแต่ละกาบ
    – เรียงแถวเดียวกัน
    – กลีบรวมเป็นสีส้มครึ่งบน
    – ด้านล่างมีสีอ่อนกว่า
    – กลีบรวมที่ติดกันยาว 3.5-4 เซนติเมตร
    – คล้ายกับดอกเพศเมีย
    – กลีบรวมที่แยกกว้าง 1 เซนติเมตร และยาว 3-3.5 เซนติเมตร
    – เกสรเพศผู้ยาวเท่ากับกลีบรวมที่แยก
    – ก้านชูอับเรณูยาวกว่าอับเรณู
    – อับเรณูเป็นสีม่วง
  • ลักษณะของผล[1],[2],[3]
    – ผลเป็นสีเขียว
    – เรียงชิดกันคล้ายนิ้วมือ
    – ผลย่อยยาว 6-8 เซนติเมตร
    – มี 4-5 สัน ก้านผลนั้นสั้น
    – ผลเป็นรูปรีแกมรูปขอบขนานเป็นเหลี่ยม
    – ปลายและโคนเรียว
    – ผิวเปลือกเรียบ
    – หวีหนึ่งมีแถวเดียวเรียงไม่เป็นระเบียบ
    – เมื่อสุกจะเป็นสีเหลือง
    – ข้างในผลมีเมล็ดสีดำ
    – เมล็ดเป็นเหลี่ยมและแบน
    – มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 มิลลิเมตร

สรรพคุณ และประโยชน์ของกล้วยบัวสีชมพู

  • แพทย์ตามชนบทจะใช้กาบหัวปลี ผล และรากเหง้า สามารถใช้เป็นยาแก้ท้องเสียในเด็กได้[1],[2]
  • นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป
  • นิยมปลูกเป็นไม้ประดับมานานแล้ว[3]
    – ก่อนที่จะมีการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ (ตั้งในปี 1824) ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มีชื่อวิทยาศาสตร์ผิด โดยเฉพาะชื่อ Musa rosacea Jacq.
    – เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงไม้ดอกไม้ประดับ
    – ยังมีพันธุ์ผสมที่มีลักษณะใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก
    – ทำให้ใบประดับแต่ละพันธุ์มีหลากหลายสี
    – โดยเฉพาะพันธุ์ที่ผสมขึ้นมาเองเพื่อเป็นไม้ตัดดอกแล้วนำมาตั้งชื่อเป็น Musa ornata ตามด้วยพันธุ์ผสมอื่น ๆ เช่น African Red, Bronze, Costa Rican Stripe, Macro, Lavender Beauty, Leyte White

สั่งซื้อ อาหารเสริมสำหรับผู้ป่วย เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “กล้วยบัวสีชมพู (Kluai Bua Si Chom Phu)”. หน้า 37.
2. หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง. (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, กัญจนา ดีวิเศษ). “กล้วยบัวสีชมพู”. หน้า 66.
3. สำนักงานหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. “กล้วยบัวสีชมพู”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.dnp.go.th/botany/. [23 มิ.ย. 2015].

อ้างอิงรูปจาก
1https://wildlifeofhawaii.com/flowers/1432/musa-ornata-flowering-banana/
2.https://www.carousell.com.my/p/musa-ornata-banana-1143432165/