ฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตา

ปัญหาใต้ตา ไม่ว่าจะเป็นใต้ตาคล้ำ ร่องใต้ตา ถุงใต้ตา ล้วนเป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ใบหน้าดูโทรม ไม่สดใส แลดูมีอายุก่อนวัย โดยปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาครับ เป็นวิธีแก้ไขที่ตรงจุด เห็นผลเร็ว และปลอดภัย

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรรู้อะไร ? อันตรายไหม ? มีข้อควรระวังอะไรบ้าง ? ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี ? ราคาเท่าไร ? ใช้กี่ cc ? ยิ่งใช้จำนวน cc เยอะ ยิ่งเห็นผลชัดเจนจริงไหม ? ติดตามอ่านได้ในบทความนี้ครับ


ปัญหาใต้ตา เกิดจากอะไร ?

ปัญหาใต้ตา เกิดจากอะไร
ปัญหาใต้ตาคล้ำ ใต้ตาเป็นร่อง ริ้วรอยใต้ตา ถุงใต้ตา เกิดได้จากสาเหตุเหล่านี้ครับ

  • พันธุกรรม เป็นการถ่ายทอดพันธุกรรมจากรุ่นสู่รุ่น เช่น ถ้าหากปู่ย่า พ่อแม่ มีใต้ตาคล้ำ ลูกก็มีโอกาสที่จะมีใต้ตาคล้ำตามได้สูง
  • โรคภูมิแพ้ ส่งผลให้ระบบการไหลเวียนของเลือดติดขัด เส้นเลือดบริเวณผิวหนังใต้ตาขยายตัว ใต้ตาจึงเห็นเป็นสีดำคล้ำ
  • อายุมากขึ้น ชั้นไขมันใต้ตาเกิดการยุบตัวหรือฝ่อตัวลง เกิดเป็นเบ้าตาลึก ถุงใต้ตาหย่อนคล้อย
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การขยี้ตาบ่อย ๆ ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตา การพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ใต้ตาดำคล้ำ เป็นต้น

ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ? ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาอะไรบ้าง ?

ฟิลเลอร์ใต้ตา (Under-eye filler) คือ การฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูรอนิก แอซิด หรือ HA เข้าไปยังใต้ตาที่มีปัญหา ด้วยคุณสมบัติของสาร HA สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เติมเต็มผิวบริเวณใต้ตาที่เป็นร่องลึก ริ้วรอยและรอยคล้ำให้ดูจางลง ทำให้ใต้ตากลับมาเรียนเนียน เต่งตึง และยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยใต้ตาในอนาคต

ฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ปัญหาใต้ตา
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาได้ ดังนี้

  • ช่วยแก้ร่องน้ำตา เบ้าตาลึก ตาโหล
  • ช่วยลดขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ
  • ช่วยลดริ้วรอยใต้ตา ร่องใต้ตา
  • ช่วยลดถุงใต้ตา ไขมันใต้ตา

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ cc ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรใช้กี่ cc ? โดยส่วนมากแล้วจะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2-4 cc ขึ้นอยู่กับระดับปัญหาของแต่ละบุคคล หากในเคสที่มีปัญหาน้อย สามารถใช้ฟิลเลอร์ 1 cc แบ่งฉีดใต้ตาทั้งสองข้างได้ครับ โดยหมอจะประเมินเป็นเคส ๆ ไป

ส่วนใครที่สงสัยว่า ยิ่งใช้ฟิลเลอร์ cc เยอะ ยิ่งดีจริงไหม ? หมอขอตอบว่าไม่จำเป็นครับ ควรใช้ปริมาณฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับปัญหาจะดีที่สุด เพราะหากฉีดฟิลเลอร์ปริมาณมากเกินไป อาจจะทำให้หลังฉีดดูเป็นก้อนบวม ไม่สวยงาม และดูไม่เป็นธรรมชาติ


ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม ? มีข้อควรระวังอะไรบ้าง ?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นจุดที่หลายคนกังวลเป็นพิเศษ เนื่องจากต้องฉีดใกล้ดวงตาที่เป็นอวัยวะสำคัญ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีข้อควรระวังดังนี้ครับ

ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาด้วยฟิลเลอร์ปลอม : อาจเห็นผลดีแค่ในช่วงแรก แต่ในระยะยาวเมื่อฟิลเลอร์ไม่สลายได้เอง ทำให้เกิดการตกค้างในร่างกาย ฟิลเลอร์ไหลย้อย บวมเป็นก้อน ใบหน้าผิดรูป หรือฟิลเลอร์เน่าได้ 
  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ : อาจทำให้หลังฉีดฟิลเลอร์เป็นก้อน หรือฉีดฟิลเลอร์พลาดเข้าเส้นเลือดได้

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน

  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน : คลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้เกิดการติดเชื้อขณะฉีดฟิลเลอร์จากอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ที่ไม่ได้มาตรฐานความสะอาด

จากข้อควรระวังข้างต้น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้ปลอดภัย จึงต้องฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เพราะต้องใช้ความระมัดระวังสูง มีเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง รู้ถึงโครงสร้างใต้ตาเป็นอย่างดี จะช่วยลดความเสี่ยงในการฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดได้ครับ 

นอกจากนี้ฟิลเลอร์ที่ใช้ต้องเป็นของแท้ สลายได้เองตามธรรมชาติ 100% รวมถึงเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ก็จะทำให้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีความปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ตามที่คนไข้คาดหวังไว้ครับ


ฟิลเลอร์ใต้ตามีเทคนิคการฉีดอย่างไรให้ดูเป็นธรรมชาติ ?

ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นจุดที่ต้องอาศัยประสบการณ์และเทคนิคการฉีดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ก่อนฉีดหมอจะทำการประเมินปัญหาใต้ตาโดยแบ่งเป็น 2 ระดับ และเลือกใช้เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่เหมาะสมกับแต่ละระดับปัญหาดังนี้ครับ

  • เทคนิคพยุงชั้นกระดูกด้วยฟิลเลอร์เนื้อแข็ง – เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาจากการทรุดตัวของกระดูกเบ้าตา แพทย์จะเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง และทำการฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิคพยุงชั้นกระดูกที่ใต้ตาชั้นลึก
  • เทคนิคเก็บรายละเอียดรอบเบ้าตาด้วยฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม – เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาบริเวณข้างเคียงร่วมด้วย แพทย์จะเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม กลืนกับผิวได้ง่าย เก็บรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ใต้ตาชั้นตื้น จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติ

โดยในคนไข้บางรายที่มีปัญหาใต้ตาในระดับมาก อาจต้องใช้สองเทคนิคนี้ร่วมกันเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและดูเป็นธรรมชาติ


ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีให้เลือกหลายรุ่น หลายยี่ห้อครับ โดยในบทความนี้ได้รวมรุ่น/ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับรองจากอย.ไทย และเหมาะสมสำหรับการเติมใต้ตาไว้ด้วย 3 ยี่ห้อคือ Restylane, Juvederm และ Belotero 

ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี

ฟิลเลอร์ Restylane จากสวีเดน

  • Restylane Perlane Lyft มีความคงตัวสูง ไม่ฟู สามารถคงรูปได้ดีที่สุด อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Restylane Defyne เนื้อเจลแข็งปานกลาง มีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้ดี อยู่ได้นาน 18 เดือน
  • Restylane Vital Light เนื้อละเอียดมากที่สุด ใช้สำหรับเคสที่ผิวบาง หรือสำหรับเก็บรายละเอียดใต้ตาชั้นตื้น อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
  • Restylane Classic เนื้อเจลอนุภาคใหญ่ เหมาะสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยระดับปานกลางถึงมาก อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Restylane Vital เนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย ช่วยความชุ่มชื้นผิวได้เป็นอย่างดี ผิวเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ สามารถนำมาแก้ไขปัญหาริ้วรอย ร่องลึกตื้น ๆ ได้ สามารถอยู่นานประมาณ 12 เดือน

ฟิลเลอร์ Juvederm จากเยอรมัน

  • Juvederm Volite เนื้อละเอียด ใช้เติมใต้ตาชั้นตื้น เหมาะกับคนผิวบางแต่ไม่มากเกินไป อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
  • Juvederm Voluma เนื้อแข็ง ฟูปานกลาง ยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำและให้ความเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 18 เดือน
  • Juvederm Volux เนื้อแข็ง มีความยืดหยุ่นและคงตัว ใช้สำหรับฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก อยู่ได้นาน 18-24 เดือน

ฟิลเลอร์ Belotero จากสวิตเซอร์แลนด์

  • Belotero Volume เนื้อมีความยืดหยุ่นและคงตัว เหมาะกับเติมใต้ตาชั้นลึก อยู่ได้นาน 18 เดือน
  • Belotero Revive เนื้อละเอียด เหมาะสำหรับฉีดใต้ตา เรียบเนียนไปกับผิว อยู่ได้นาน 6-9 เดือน

ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไร ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาขึ้นอยู่กับรุ่น/ยี่ห้อฟิลเลอร์ และปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ CC ละ 13,000 บาทขึ้นไปครับ


ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล ?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผลฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ ทั้งนี้อาจพบอาการข้างเคียง เช่น รอยเขียวช้ำ หรืออาการบวม ยิ่งใต้ตาเป็นบริเวณที่ผิวบาง อาจทำให้พบอาการบวมช้ำได้มากกว่าปกติ แต่ไม่ได้เป็นผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายครับ โดยอาการบวมจะค่อย ๆ ยุบลงไปได้เองใน 7-14 วัน และจะเห็นผลลัพธ์หลังฉีดได้อย่างชัดเจนประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีด เมื่ออาการบวมยุบลงและฟิลเลอร์เข้าที่เรียบร้อยแล้ว


ฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้กี่เดือน ?

ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 6-24 เดือน โดยในแต่ละคนอาจจะอยู่ได้นานไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับรุ่น/ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ การดูแลตัวเองหลังฉีด รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน


การปฏิบัติตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การปฏิบัติตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และวิธีการเช็กฟิลเลอร์ของแท้จากบริษัทนำเข้า
  • เลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน เปิดให้บริการอย่างถูกกฎหมาย
  • ดูรีวิวการฉีดฟิลเลอร์จากผู้ใช้บริการจริงในคลินิกนั้น
  • ในช่วง 1 อาทิตย์ก่อนฉีด ควรงดยากลุ่ม NSAIDs เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน และยาวิตามิน St. John’s Wort, ginkgo biloba, primrose oil, garlic, ginseng, Vitamin E 
  • งดแอลกอฮอล์ และงดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 24 ชั่วโมง
  • หากมียาที่ต้องรับประทานอยู่ประจำ หรือมีโรคประจำตัว เตรียมข้อมูลไว้แจ้งแพทย์ก่อนทำหัตถการ

การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • หลีกเลี่ยงการกด นวด ถู บริเวณใต้ตา ในช่วง 3 วันแรก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนออกจากตำแหน่งได้
  • อยู่ในที่มีอากาศเย็น และหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรงดเลเซอร์ร้อนลงชั้นผิวอย่างน้อย 1 เดือน
  • เลี่ยงการทำพฤติกรรมที่ส่งผลต่ออาการบวมให้หายช้าลง เช่น การรับประทานอาหารรสจัด อาหารหมักดอง อาหารดิบ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการสูบบุหรี่
  • การดื่มน้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฟิลเลอร์ฟูสวย อยู่ได้นาน หลังฉีดจึงควรดื่มน้ำให้มาก ๆ 1.5-2 ลิตร/วัน

สรุป ฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาต่าง ๆ ได้จากหลายสาเหตุ เห็นผลไว ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น และมีความปลอดภัยสูง 

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรพิจารณาเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ สามารถตรวจสอบได้ รวมถึงมีรีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่เห็นผลการเปลี่ยนแปลงทั้งแบบรูปภาพและวิดีโอ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ออกมาชัดเจนครับ