ข้อควรรู้ก่อนผ่าตัดกราม เพื่อความงามที่มีศักยภาพสูงสุด
การตัดกราม จะช่วยปรับลักษณะของขากรรไกรและฟันให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม และทำให้หน้าเรียวขึ้น

ผ่าตัดกราม ( Jaw Surgery )

ข้อควรรู้ก่อน ผ่าตัดกราม ( Jaw Surgery ) เป็นสิ่งที่เราควรศึกษาและทำความเข้าใจ  เพื่อสร้างมาตรฐานของการนำเข้าสู่กระบวนการทางการแพทย์ที่ถูกต้องตามขั้นตอน การ ผ่าตัดกราม ( Jaw Surgery ) เพื่อการศัลยกรรมความงามที่ถาวร  ขั้นตอนในการทำอาจจะมีความยุ่งยากซับซ้อนและอาจเกิดผลข้างเคียงมากกว่าที่เราจะคาดเดาได้  ฉะนั้นเรื่องราวข้อควรรู้ก่อน ” ผ่าตัดกราม ” จึงมีความสำคัญมาก  และเราก็ไม่ควรละเลย 

ข้อควรรู้ก่อน ผ่าตัดกราม ( Jaw Surgery ) เป็นหนึ่งในสิทธิของผู้ป่วยในการสร้างความรู้ความเข้าใจในกระบวนการรักษาที่ถูกต้อง  เพื่อลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้จากกระบวนการรักษา  ซึ่งการ ผ่าตัดกราม ( Jaw Surgery ) เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่อยู่นอกเหนือการคุ้มครองของระบบประกันภัยทุกประเภท  เพราะฉะนั้นสิทธิต่างๆที่ผู้เข้ารับการรักษาพึงได้  จึงต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่สร้างขึ้นระหว่างแพทย์ผู้ให้การรักษา  สถานพยาบาล  และตัวผู้เข้ารับการรักษาเท่านั้น  ซึ่งถือเป็นข้อตกตง  ที่ถูกระบุเอาไว้ในหนังสือยินยอมก่อนเข้าสู่กระบวนการรักษาตามขั้นตอน

การ ผ่าตัดกราม ( Jaw Surgery ) จะเป็นเรื่องราวที่พูดถึงผลจากการรักษาเป็นหลัก  และอาจสอดแทรกคำแนะนำในการเลือกใช้วิธีการศัลยกรรมที่เหมาะสมกับตัวเราและการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด  เพื่อผลการรักษาที่ดีและปลอดภัยที่สุดสำหรับตัวเรา  และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการ ผ่าตัดกราม ( Jaw Surgery ) ซึ่งมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้

ข้อควรรู้ก่อนการผ่าตัดกราม ( Jaw Surgery )

ข้อควรรู้ก่อนการผ่าตัดกราม ( Jaw Surgery ) แบบเบื้องต้นที่สุดคือ  ผู้ที่จะเข้ารับการ ผ่าตัดกราม ( Jaw Surgery ) ได้  จะต้องเป็นผู้ที่มีวัยวุฒิและสภาพร่างกายที่เหมาะสม  นั่นคือ  เป็นผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป  เพราะเป็นเกณฑ์อายุที่ร่างกายของคนส่วนใหญ่เจริญเติบโตเต็มที่แล้ว  กระดูกและโครงสร้างต่างๆของร่างกายคงที่  ไม่มีการเจริญเติบโตในเรื่องของโครงสร้างกระดูกอีกต่อไป  อีกทั้งผู้เข้ารับการรักษาจะต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง  ไม่มีโรคประจำตัวที่ร้ายแรงและเป็นอุปสรรคในการเข้ารับการรักษา  ซึ่งอาจจะต้องทำควบคู่กับการใช้ยาชา  ยาสลบ  และยาที่ใช้เพื่อลดอาการเจ็บปวดจากการผ่าตัด

การ ผ่าตัดกราม ( Jaw Surgery ) อาจจะส่งผลต่อการระบบการย่อยอาหารที่มีประสิทธิภาพ  เราอาจจะต้องสูญเสียสภาพของกรามและฟันบางส่วน  ซึ่งอาจจะส่งผลถึงการเคี้ยวอาหาร  การกลืน  และอาจมีอาการปวด บวม  อักเสบ อันเป็นผลมาจากการผ่าตัด  ซึ่งอาจเป็นอาการที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว  และจะค่อยๆทุเลาเบาบางลงไปเรื่อย  จนกระทั่งไม่พบอาการดังกล่าว 

ในช่วงแรกๆของการปรับโครงสร้างหน้าด้วย ” การผ่าตัดศัลยกรรมกราม ” อาจจะทำให้เรายิ้มได้ยากขึ้น  หรืออาจเกิดอาการที่ริมฝีปากทำงานผิดปกติ  เช่นเปิดปากได้ยากขึ้น  ปากปิดไม่สนิท  ปากเบี้ยว  แต่ทุกอาการจะสามารถทุเลาลงได้ด้วยการกายภาพ  และการฝึกฝนกล้ามเนื้อโดยรอบ  ตามคำแนะนำของแพทย์แลพนักกายภาพบำบัด

การ ผ่าตัดกราม ( Jaw Surgery ) อาจจะสร้างความไม่สมดุลบางประการให้เกิดกับลักษณะการเรียงตัวของฟันบน  ฟันล่างฟันหน้า  ฟันกรามและคางเราอาจจะรู้สึกเหมือนจะใช้ชีวิตได้ลำบากหลังจากการผ่าตัด  แต่ถ้าเราทำตามคำแนะนำของแพทย์จะส่งผลให้อาการต่างๆหายไปได้อย่างง่ายดาย  พร้อมกับร่างกายจะสามารถสร้างสมดุลใหม่ให้เกิดกับโครงสร้างหน้าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

 

และในบางสภาวะที่ร่างกายไม่พร้อมสำหรับการผ่าตัด  หรือผู้เข้ารับการรักษาไม่ได้แจ้งแพทย์ผู้ทำการรักษาเกี่ยวกับประวัติการแพ้ยาหรือโรคประจำตัว  เราอาจเกิดปัญหาหยุดหายใจในขณะที่ร่างกายหลับไปด้วยฤทธิ์ยาสลบ  ซึ่งแพทย์จะประเมินสถานการณ์เฉพาะหน้า และอาจยับยั้งการผ่าตัดเพื่อรักษาความปลอดภัยของคนไข้ได้ตามสมควร เมื่อถึงขั้นตอนนี้  มันอาจกลายเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินแพทย์จะนำตัวเราส่งต่อไปยังส่วนอื่นเพื่อทำการรักษาในลำดับถัดไป

ข้อควรรู้ก่อนการ ผ่าตัดกราม ( Jaw Surgery )  อีกอย่างที่น่าสนใจคือรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด  แม้เทคโนโลยีทางการแพทย์  จะสร้างเครื่องมือที่ทันสมัย  ซึ่งทำมีรอยแผลของการผ่าตัดเล็กที่สุดและมีวิทยาการที่จะทำให้เห็นรอยแผลน้อยที่สุด  แต่ถึงอย่างไรก็ตาม  การกระทำเหล่านี้  ก็ยังมีโอกาสที่จะสร้างรอยแผลเป็นเล็กๆน้อยบางประการให้เกิดกับผิวได้  และนี่เป็นสิ่งที่เราควรทำใจเอาไว้แต่แรก

การ ผ่าตัดกราม ( Jaw Surgery ) อาจต้องใช้เวลาในการพักฟื้นหลังการผ่าตัด1-2วันจึงจะสามารถกลับบ้านได้ในส่วนตรงนี้  อาจมีค่าใช้จ่ายในสถานพยาบาลเกิดขึ้น  ซึ่งโดยปกติ  แพทย์จะแจ้งเรื่องนี้ให้คนไข้ทราบก่อนอยู่แล้ว  และเราควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะตัดสินใจทำ  เช่น  เราควรวางแผนเคลียร์งาน  และภารกิจสำคัญๆเอาไว้ล่วงหน้า  รวมถึงการวางแผนในการลางาน  โดยรวมเวลาพักฟื้นที่บ้านไปด้วย  โดยปกติร่างกายจะกลับมาปกติและสมบูรณ์ที่สุดหลังเข้ารับการผ่าตัดไปแล้ว 3-6 สัปดาห์ในกรณีที่ผู้เข้ารับการรักษาเป็นนักเรียนนักศึกษา  แนะนำให้ทำการ ผ่าตัดกราม ( Jaw Surgery ) ในช่วงปิดเทอมจะเหมาะสมที่สุด  เพราะร่างกายจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นและการปรับตัว  ซึ่งอาจจะกินเวลานานเป็นเดือน  กรณีแบบนี้  ควรวางแผนการทำไว้แต่เนิ่นๆ  เพื่อรอระยะเวลาที่เหมาะสมในการเข้ารับการผ่าตัด  อย่างน้อยที่สุด  ตอนเปิดเทอมใหม่  เราจะสวยจนเพื่อนๆตะลึง  ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน

ทั้งหมดนี้คือข้อควรรู้ก่อน ผ่าตัดกราม ( Jaw Surgery ) ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่สนใจ  เพื่อที่จะได้รับทราบรายละเอียดของการเข้ารับการรักษา  ตามกระบวนการที่ถูกต้อง  ซึ่งทางการแพทย์ถือได้ว่านี่เป็นแนวการปฏิบัติที่แพทย์จำเป็นต้องแจ้งให้ผู้เข้ารับการรักษาได้ทราบถึงข้อมูลเหล่านี้ก่อนเพื่อลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้จากการทำการรักษา  และการได้มาซึ่งความสวยที่สมบูรณ์แบบพร้อมกับความสบายใจหลังการทำ  ว่าเราจะปลอดภัยที่สุด  และคิดไม่ผิดที่เลือกใช้บริการกับทีมศัลยแพทย์ที่มีความเป็นมืออาชีพสูงสุดนี่คือข้อดีของการทำความเข้าใจกับข้อควรรู้ก่อน ผ่าตัดกราม ( Jaw Surgery ) เพื่อความงามที่มีศักยภาพสูงสุด

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

Morris DE, Moaveni Z, Lo LJ (2007). “Aesthetic facial skeletal contouring in the Asian patient”. Clin Plast Surg. 34 (3): 547–56. doi:10.1016/j.cps.2007.05.005. PMID 17692710.
To EW, Ahuja AT, Ho WS, et al. (2001).

“A prospective study of the effect of botulinum toxin A on masseteric muscle hypertrophy with ultrasonographic and electromyographic measurement”. Br J Plast Surg. 54 (3): 197–200. doi:10.1054/bjps.2000.3526. PMID 11254408.