เด็กหลอดแก้ว

ปัญหาการลูกยาก เป็นปัญหาที่หลายคู่ครองอาจกำลังประสบปัญหาอยู่ ด้วยหลายๆสาเหตุ เช่น ความผิดปกติของฮอร์โมนฝ่ายชายหญิง อายุ หรือ ความไม่พร้อมของร่างกาย แม้ว่าจะมีหลายคนที่ศึกษาวิธีการแก้ปัญหาการมีบุตรยาก ไม่ว่าจะออกกำลังกาย หรือ การเลือกกินอาหารบำรุง แต่ก็ไม่สามารถกะรันตีได้ว่า จะสามารถแก้ปัญหาได้จริง แต่อย่าพึ่งถอดใจไป เพราะด้วยวิทยาการแพทย์สมัยใหม่ได้มีวิธีการที่สามารถเพิ่มโอกาสในการมีลูกได้แล้ว ซึ่งวิธีที่เป็นที่รู้จักอย่างเเพร่หลายคือ เด็กหลอดแก้ว

image1 - ความรู้เบื้องต้นของเด็กหลอดแก้ว ICSI คำตอบของผู้มีบุตรยาก !

เด็กหลอดแก้ว คืออะไร ?

การทำเด็กหลอดแก้ว คือ การปฏิสนธิภายนอกร่างกาย โดยการนำเซลล์ไข่จากฝ่ายหญิงและอสุจิจากฝ่ายชายมาทำการผสมกันในห้องปฏิบัติการ หลังจากนั้นเมื่อเสร็จสิ้นการปฏิสนธิจนได้ตัวอ่อนมา ก็จะย้ายตัวอ่อนกลับเข้าไปในครรภ์ของคุณแม่ เพื่อให้ทำการตั้งครรภ์ต่อไป การทำเด็กหลอดเเก้วเรียกเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆได้ว่า IVF (In-vitro Fertilization) แล้ว ICSI คืออะไรหละ ?

ทำเด็กหลอดแก้ว
ทำเด็กหลอดแก้ว

ความแตกต่างระหว่าง ICSI และ IVF

ทั้ง ICSI และ IVF ก็เป็นชื่อเรียกวิธีการทำเด็กหลอดแก้วทั้งคู่ แต่เพื่อให้เข้าใจว่า ICSI คืออะไรอย่างถ่องแท้ เราจะมาดูถึงข้อแตกต่างระหว่าง ICSI หรือ IVF

  • IVF จากที่กล่าวมาข้างต้น คือ การปฏิสนธินอกร่างกาย โดยนำเซลล์ไข่จากฝ่ายหญิงและอสุจิจากฝ่ายชายมาทำการผสมกันในห้องปฏิบัติการ และปล่อยอสุจิและไข่ผสมกันเองตามธรรมชาติ
  • ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) ก็คือ การปฏิสนธินอกร่างกายเช่นกัน โดยนำเซลล์ไข่จากฝ่ายหญิงและอสุจิจากฝ่ายชายมาทำการผสมกันในห้องปฏิบัติการ แต่จุดที่ต่างกันคือ ICSI จะคัดเลือกเฉพาะอสุจิที่แข็งแรงที่สุดไปผสมกับไข่ที่เก็บมา

ดังนั้นความต่างของ ICSI และ IVF คือ ขั้นตอนการปฏิสนธิ IVF จะปล่อยใช้เซลล์อสุจิทั้งหมดที่มี นำไปผสมกับไข่ ตามกระบวนการทางธรรมชาติ แต่ ICSI จะคัดเลือดอสุจิที่แข็งแรงที่สุดมาเพียงหนึ่งตัวไปผสมกับไข่เลย โดยไม่ต้องรอกระบวนการที่ปล่อยให้อสุจิว่ายเข้าไปยังไข่ เพื่อทำการปฏิสนธิ เพราะมีบางกรณีที่การทำเด็กหลอดแก้ว IVF ก็อาจไม่ได้ผล

  1. เซลล์อสุจิของฝ่ายชายมีน้ำน้อย และไม่แข็งแรง
  2. เปลืองไข่ของฝ่ายหญิงมีความหนาจนเซลล์อสุจิไม่สามารถเจาะผ่านเปลือกไข่เข้าไปทำการปฏิสนธิได้

หรือก็คือ ICSI คือ IVF แบบพรีเมียมที่มีการเพิ่มขั้นตอนเข้ามาเพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการทำเด็กหลอดแก้ว

ขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI

  1. การปรึกษาแพทย์ : เริ่มตั้งแต่การเลือกสถานพยาบาลที่เหมาะสม โดยดูรีวิว เช็คความน่าเชื่อถือของสถานพยาบาลแห่งนั้นก่อน และเนื่องจากการทำเด็กหลอดแก้วมีค่าใช้จ่ายที่สูง จึงควรเช็คราคาให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นจึงค่อยพบแพทย์ เพื่อปรึกษาหารือเรื่องรายละเอียดของขั้นตอนการทำ วันนัดครั้งต่อไป และวิธีการเตรียมตัวของทั้งฝ่ายชายและหญิง
  2. เริ่มฉีดยากระตุ้นไข่ : ทำการตรวจเลือดวัดระดับฮอร์โมนของร่างกายเพื่อประเมินการทำงานของรังไข่และตรวจอัลตราซาวด์ จากนั้นพิจารณาเลือกยากระตุ้นที่เหมาะสมก่อนจะฉีดเข้าไปในรังไข่ โดยการฉีดยากระตุ้นไข่จะมีการฉีดทั้งหมด 3 ขั้นตอน คือ
  • ฉีดยาตัวแรก (Recombinant FSH) เป็นการฉีดเพื่อกระตุ้นไข่หลายๆใบก่อน
  • ฉีดยาตัวที่สอง (GnRH antagonist) เป็นการฉีดเพื่อไม่ให้ไข่ตกก่อนเวลา ในขั้นตอนนี้จะมีการตรวจอัลตราซาวด์เพื่อคอยดูการเจริญเติบโตของไข่ ตรวจประมาณ 3 ครั้ง เพื่อดูว่าจะเก็บไข่ออกมาจากร่างกายได้ในวันไหน
  • ฉีดยาตัวที่สาม (hCG) เป็นการฉีดเพื่อให้ไข่สุกพร้อมๆกัน และตกในอีก 36 ชั่วโมง
  1. การเก็บไข่และคัดแยกเซลล์อสุจิ
  • การเก็บไข่ สามารถเก็บผ่านทางช่องคลอด ก่อนเริ่มขั้นตอนจะให้ยาระงับความรู้สึกทางหลอดเลือด เพื่อให้นอนหลับก่อน จากนั้นค่อยเริ่มโดยใช้หัวตรวจอัลตราซาวด์ขนาดเล็ก เพื่อตรวจหาไข่ จากนั้นค่อยทำการดูดของเหลวออกมา และใช้กล้องจุลทรรศน์ตรวจหาไข่ และจึงค่อยนำมาเพาะเลี้ยงในน้ำยาเลี้ยงไข่ เพื่อเตรียมสำหรับการผสม
  • การคัดแยกอสุจิ โดยฝ่ายชายควรงดกิจกรรมที่ทำให้เกิดการหลั่งน้ำอสุจิออกประมาณ 3 – 7 วัน ก่อนเริ่มขั้นตอน การคัดแยกต้องเริ่มจากการเก็บน้ำเชื้อในภาชนะปลอดเชื้อ จากนั้นส่งไปคัดแยกเซลล์อสุจิออกจากน้ำอสุจิ 
  1. การทำ ICSI : แพทย์จะเลือดคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงที่สุดและฉีดเข้าไปผสมกับไข่โดยตรง เพื่อให้ได้ตัวอ่อน
  2. การเลี้ยงตัวอ่อน : จะเลี้ยงในตู้ควบคุมอุณหภูมิ ให้สามารถปรับควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อเร่งให้เกิดการแบ่งเซลล์ หลังจากปล่อยให้แบ่งเซลล์ได้ระยะหนึ่ง (ระยะเวลาขึ้นอยู่กับความเร็วในการแบ่งเซลล์ของตัวอ่อนนั้น) จนตัวอ่อนเข้าสู่ระยะ Blastocyst เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ขั้นต่อไป
  3. การย้ายตัวอ่อน : เริ่มด้วยการตรวจโพรงมดลูกก่อนว่าปกติดีหรือไม่ จากนั้นทำการตรวจอัลตราซาวด์ก่อนเพื่อหาตำแหน่งที่เหมาะสมก่อน เนื่องจากผู้หญิงมีโครงสร้างร่างกายที่แตกต่างกันการย้ายตัวอ่อนจะสามารถได้โดยดูดตัวอ่อนผ่านทางสาย และสายนั้นจะสอดผ่านปากมดลูก เพื่อนำตัวอ่อนไปวางไว้บนเยื่อบุโพรงมดลูก
  4. ตรวจการตั้งครรภ์ : หลังจาการทำย้ายตัวอ่อนเสร็จแล้ว ก็ต้องทำการตรวจครรภ์เป็นระยะเพื่อดูว่าตัวอ่อนเจริญเติบโตในครรภ์ตามปกติหรือเปล่า

ทำเด็กแก้ว - ความรู้เบื้องต้นของเด็กหลอดแก้ว ICSI คำตอบของผู้มีบุตรยาก !

การทำเด็กหลอดแก้วเหมาะสำหรับกรณีไหน

การทำเด็กหลอดแก้ว คือการปฏิสนธิภายนอก เป็นวิธีช่วยในเรื่องการมีลูกสำหรับคนที่มีปัญหาต่างๆ ซึ่งการทำเด็กหลอดแก้ว เหมาะสมกับคู่ที่มีกรณีดังนี้

  • ฝ่ายหญิงมีอายุ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่ลูกในท้องจะมีความเสี่ยงที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม
  • ฝ่ายหญิงมีท่อนำไข่ตีบ หรือ ตันทั้งสองข้าง
  • ฝ่ายหญิงมีภาวะตกไข่ผิดปกติ
  • ฝ่ายหญิงมีเปลือกไข่หนา ทำให้อสุจิไม่สามารถเจาะเข้าไปเพื่อทพการปฏิสนธิ
  • ฝ่ายชายมีปริมาณอสุจิน้อย หรือ อสุจิไม่แข็งแรง
  • ฝ่ายชายทำหมันไปแล้ว แต่ยังอยากมีลูกอีก

การเตรียมตัวทำเด็กหลอดแก้ว

ถึงแม้ว่าการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI จะมีโอกาสสำเร็จสูง แต่ทั้งฝ่ายชายและหญิงเองก็ต้องมีการเตรียมตัว เช่นกัน มีรายละเอียด ดังนี้

การเตรียมตัวของฝ่ายหญิง

  • งดอาหารและเครื่องดื่มกลุ่มนี้ เครื่องดื่มเเอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีน อาหารที่ไม่ปรุงสุก อาหารที่มีไขมัน และ น้ำตาลสูง
  • รับประทานอาหารบำรุงสุขภาพ เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้เเข็งแรง
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • บริหารจัดการอารมณ์ไม่ให้มีความเครียด
  • งดการสูบบุหรี่
  • ในช่วงการเก็บไข่ พยายามรักษาช่วงท้องให้มีความอบอุ่น โดยงดทานของเย็น เช่น แตงโม หรือ แคนตาลูป
  • งดการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่ช่วงเก็บไข่ 3 – 4 วันจึงถึงช่วงตั้งครรภ์

การเตรียมตัวของฝ่ายชาย

  • งดอาหารและเครื่องดื่มกลุ่มนี้ เครื่องดื่มเเอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีน
  • งดการสูบบุหรี่
  • รับประทานอาหรบำรุง เช่น ไข่ กล้วย และ เน้นโปรตีนจากเนื้อสัตว์
  • งดการอาบน้ำด้วยน้ำอุ่น เพราะถ้าร่างกายมีอุณหภูมิสูงจะสร้างอสุจิได้ไม่ดี
  • งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดการหลั่งอสุจิ ก่อนการคัดเเยกอสุจิ 3 – 7 วัน

ข้อควรระวังหลังจากเริ่มทำเด็กหลอดแก้ว

หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้วแล้ว แม้คุณแม่จะสามารถทำกิจกรรมวัตรประจำวันได้ปกติ แต่ก็ยังไม่ควรชะล่าใจ ยังมีข้อควรระวังที่ต้องปฏิบัติตาม

  1. หลังจากกระบวนการฝังตัวอ่อนในมดลูกแล้ว ควรนอนพัก 1 – 2 ชั่วโมงก่อน ถึงค่อยกลับบ้าน
  2. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  3. ไม่ทำงานหนักเป็นเวลา 2 – 3 วัน หลังจากการฝังตัวอ่อน
  4. งดการออกกำลังกาย
  5. หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่จะกระทบกระเทือนไปยังช่วงท้อง
  6. รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย งดอาหารที่อาจทำให้ท้องเสียหรือท้องผูก เพราะจะทำให้ต้องเกร็งหน้าท้อง
  7. รับประทานยาตามแพทย์สั่งให้ครบ ซึ่งมักจะเป็นยาที่ควบคุมฮอร์โมนในร่างกายที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฝังตัวของตัวอ่อนขณะอยู่ในมดลูก
ขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้ว
ขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้ว

ค่าใช้จ่ายการทำเด็กหลอดแก้ว

ราคาประมาณอยู่ที่ 175,000 บาท เป็นต้นไป ซึ่งค่าใช้จ่ายในการทำเด็กหลอดแก้วของแต่ละที่จะไม่ทิ้งห่าง

กันเท่าไหร่นัก มักเริ่มที่หลักแสน แต่สถานพยาบาลเกือบทุกแห่งให้ชำระเงินแบบผ่อนได้ เพื่อให้ทุกคนที่สนใจอยากจะมีลูกน้อย มีโอกาสที่จะได้ทำเด็กหลอดแก้วได้

การเลือกสถานที่สำหรับ IVF หรือ ICSI

การทำเด็กหลอดแก้ว เป็นเทคนิคเฉพาะที่ต้องใช้ความสามารถ และอุปกรณ์ที่ครบครัน ดังนั้นการเลือกสถานที่ให้เหมาะสมจึงต้องเลือกอย่างระมัดระวัง ดูความน่าเชื่อถือของสถานพยาบาล โดยต้องมั่นใจว่า ทางสถานพยาบาลมีใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้องหรือไม่ นอกจานี้การอ่านรีวิวของผู้ใช้บริการคนก่อนๆ จะช่วยให้เห็นภาพมากขึ้น และแทบไม่ต้องเป็นห่วงเลยว่าจะหาสถานพยาบาลที่รับทำเด็กหลอดแก้วได้ยาก เพราะในปัจจุบันที่ไทยมีทั้งโรงพยาบาล คลีนิค และศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากอยู่มากมายหลายที่ ที่มากประสบการณ์และพร้อมให้บริการ

คำถามที่คนสงสัย

ทำเด็กหลอดแก้ว เลือกเพศได้ไหม ?

การทำเด็กหลอดแก้วทั้งแบบ IVF หรือ ICSI ไม่สามารถเลือกเพศของลูกได้ แต่สามารถรับรู้เพศล่วงหน้าได้

ทำเด็กหลอดแก้ว ทำเด็กแฝดได้ไหม ?

มีโอกาส 30 – 35% ที่จะได้เด็กแฝด แต่เเพทย์ไม่แนะนำให้ตั้งท้องเด็กแฝดในการทำเด็กหลอดแก้ว เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเเทรกซ้อน หรือ ร่างกายไม่สมบูรร์ได้

โอกาสและความเสี่ยงในการทำเด็กหลอดแก้ว ?

มีโอกาสเฉลี่ยประมาณ 32% ที่จะตั้งท้องได้ และฝ่ายหญิงจะมีผลข้างเคียงจากยาแต่ไม่ส่งผลร้ายที่รุนแรง

ผลจากการทำเด็กหลอดแก้ว
ผลจากการทำเด็กหลอดแก้ว

สรุป

การทำเด็กหลอดแก้ว เป็นการสร้างโอกาสให้พ่อแม่ที่มีลูกยากได้มีลูกเป็นของตัวเอง แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเตรียมพร้อมทั้งค่าใช้จ่าย เพราะนอกจาค่าใช้จ่ายการทำเด็กหลอดแก้วค่อนข้างสูงแล้ว การเลี้ยงดูลูกต่อจากนี้ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายอีกเช่นกัน ดังนั้นขอให้วางแผนการเงินให้ดี และขอให้ทุกท่านโชคดีมีโอกาสได้อุ้มบุตรหลานของตัวเองนะครับ