ตรวจเลือดหาสารบ่งชี้มะเร็ง (Tumor Marker): แนวทางวินิจฉัยโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้น

0
5235
การตรวจเลือดเพื่อหาสารบ่งชี้ สัญญาณป่วยโรคมะเร็ง
การตรวจเลือดเพื่อหาสารบ่งชี้ สัญญาณป่วยโรคมะเร็ง

ความสำคัญของการตรวจเลือดเพื่อหามะเร็ง

โรคมะเร็งในยุคปัจจุบันมักแฝงตัวอยู่โดยไม่มีอาการชัดเจนในช่วงแรก การวินิจฉัยที่ล่าช้ามักส่งผลให้การรักษาได้ผลน้อยลง การตรวจเลือดเพื่อหาสารบ่งชี้มะเร็ง หรือ Tumor Marker จึงเป็นหนึ่งในแนวทางการตรวจคัดกรองที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอื่น ๆ

Tumor Marker คืออะไร?

Tumor Marker คือสารประกอบชีวเคมี โปรตีน หรือเอนไซม์ที่ผลิตจากเซลล์มะเร็ง หรือเกิดจากปฏิกิริยาของอวัยวะที่ถูกเซลล์มะเร็งรุกล้ำ ทำให้เกิดการหลั่งสารเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งสามารถนำมาตรวจวิเคราะห์ได้ผ่านการเจาะเลือด

สารเหล่านี้จะ ไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้โดยตรง แต่จะช่วย บ่งชี้แนวโน้ม หรือใช้ ติดตามผลการรักษา ได้อย่างมีประสิทธิภาพหากใช้อย่างถูกต้อง

ชนิดของ Tumor Marker ที่พบบ่อย

ชื่อสาร Tumor Marker บ่งชี้มะเร็ง ค่าปกติ ความหมายเมื่อสูงผิดปกติ
AFP (Alpha-Fetoprotein) มะเร็งตับ, มะเร็งอัณฑะ < 10 ng/mL มีความเสี่ยงต่อมะเร็งตับหรือเนื้องอกชนิดอื่น
CEA (Carcinoembryonic Antigen) มะเร็งลำไส้ใหญ่, ปอด, เต้านม < 5 ng/mL มีความเสี่ยงมะเร็งระบบทางเดินอาหาร
CA-125 มะเร็งรังไข่ < 35 U/mL มักใช้วินิจฉัยและติดตามมะเร็งรังไข่
CA 19-9 มะเร็งตับอ่อน, ลำไส้ < 37 U/mL ใช้ร่วมกับ CEA เพื่อวินิจฉัยมะเร็งตับอ่อน
PSA (Prostate Specific Antigen) มะเร็งต่อมลูกหมาก < 4 ng/mL มีความเสี่ยงต่อภาวะโตผิดปกติหรือมะเร็งต่อมลูกหมาก
β-hCG มะเร็งอัณฑะ, มะเร็งปอด < 5 IU/L ใช้ร่วมกับ AFP ในการติดตามมะเร็งอัณฑะ

กลไกการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง

เพื่อเข้าใจ Tumor Marker ได้ดีขึ้น เราควรรู้จักพฤติกรรมของเซลล์ที่ผิดปกติต่าง ๆ:

  • Hyperplasia: เซลล์เพิ่มจำนวน → อวัยวะขยายใหญ่ (เช่น ต่อมลูกหมากโต)

  • Hypertrophy: เซลล์ใหญ่ขึ้น → ขนาดอวัยวะโต (เช่น หัวใจโต)

  • Metaplasia: เซลล์ใหม่แทนที่เซลล์เดิม (เช่น ผิวหนังที่ลอก)

  • Dysplasia: เซลล์โตไม่เต็มที่ → สัญญาณก่อนมะเร็ง (พบในปากมดลูกบ่อย)

ประเภทของมะเร็งและร่องรอยที่ตรวจพบได้

1. มะเร็งแบบไม่มีก้อนบวม

ตัวอย่าง: มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) – ไม่มีก้อน ไม่มีอาการบวม

2. มะเร็งที่มีลักษณะเป็นก้อน (Tumor)

  • Benign Tumor (ไม่ร้ายแรง): เช่น ถุงไขมัน

  • Malignant Tumor (ร้ายแรง): เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ ฯลฯ

วัตถุประสงค์ของการตรวจ Tumor Marker

  1. คัดกรองผู้มีความเสี่ยงมะเร็ง

  2. ใช้เป็นข้อมูลวินิจฉัยร่วมกับภาพถ่ายทางการแพทย์

  3. ติดตามผลการรักษา

  4. พยากรณ์โอกาสกลับมาเป็นซ้ำ

  5. ใช้ตรวจโรคที่ไม่สามารถผ่าตัดเก็บชิ้นเนื้อได้ (เช่น มะเร็งสมอง)

วิธีการตรวจ Tumor Marker

1. การตรวจเฉพาะเจาะจง (Cancer-Specific Marker)

เช่น:

  • ตรวจค่า AFP → มะเร็งตับ

  • ตรวจ CA-125 → มะเร็งรังไข่

2. การตรวจจากอวัยวะเป้าหมาย (Tissue-Specific Marker)

เช่น:

  • มะเร็งลำไส้ → ตรวจ CEA + CA19-9 + CA125

  • มะเร็งตับอ่อน → ตรวจ CA19-9 + AFP

ข้อควรระวังในการแปลผล Tumor Marker

  • ผลอาจคลาดเคลื่อนจากหลายปัจจัย เช่น การอักเสบ โรคเรื้อรังอื่น ๆ

  • ควรตรวจจากห้องแล็บเดียวกันทุกครั้ง เพื่อความแม่นยำ

  • ไม่ควรใช้ Tumor Marker เพียงตัวเดียวเป็นตัวชี้ขาดการวินิจฉัย

  • ระวังผลลวงจาก Hook Effect (สารมากเกินจนตรวจไม่เจอ)

ข้อดีของการตรวจเลือดเพื่อหามะเร็ง

  • ไม่ต้องเจ็บตัวเหมือนการตัดชิ้นเนื้อ

  • สามารถคัดกรองหลายระบบพร้อมกัน

  • เหมาะสำหรับการติดตามการรักษาในผู้ป่วยที่เคยเป็นมะเร็ง

ข้อจำกัด

  • ไม่สามารถยืนยันได้ 100% ว่าเป็นมะเร็งหรือไม่

  • ต้องใช้ควบคู่กับการตรวจอื่น เช่น MRI, CT Scan, Biopsy

แนวทางการใช้ Tumor Marker อย่างปลอดภัย

  • ใช้ตรวจในผู้มีความเสี่ยงสูง

  • ใช้ร่วมกับการตรวจสุขภาพประจำปี

  • ไม่ใช้แทนการวินิจฉัยด้วยแพทย์

  • บันทึกประวัติผลการตรวจเปรียบเทียบอย่างสม่ำเสมอ

สรุป

การตรวจเลือดเพื่อหาสารบ่งชี้มะเร็ง คือเครื่องมือช่วยชีวิตยุคใหม่ที่สามารถคัดกรองโรคได้ในระยะเริ่มต้น มีความแม่นยำในระดับหนึ่งหากใช้อย่างถูกวิธี ควรใช้ร่วมกับคำวินิจฉัยของแพทย์และการตรวจทางรังสีวิทยาอื่น ๆ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ครบถ้วนและแม่นยำที่สุด

FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตรวจ Tumor Marker

Q1: ตรวจเลือด Tumor Marker ต้องงดน้ำหรืออาหารไหม?

A: ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องงดเว้นอาหาร ยกเว้นบางกรณีที่แพทย์กำหนดไว้เฉพาะเจาะจง

Q2: ตรวจพบค่า CEA สูงเสมอว่าป่วยเป็นมะเร็งแน่หรือไม่?

A: ไม่เสมอไป อาจเกิดจากการสูบบุหรี่ การอักเสบ หรือภาวะอื่น ๆ ควรใช้ข้อมูลร่วมกับผลการตรวจอื่น

Q3: การตรวจ Tumor Marker เจ็บไหม?

A: เป็นการเจาะเลือดแบบทั่วไป ใช้เวลารวดเร็วและไม่เจ็บมาก

Q4: ควรตรวจ Tumor Marker บ่อยแค่ไหน?

A: สำหรับผู้ปกติปีละครั้ง ส่วนผู้ที่มีประวัติมะเร็งหรือความเสี่ยงสูงควรตรวจทุก 3–6 เดือน ตามคำแนะนำแพทย์

Q5: ผลตรวจปกติ แปลว่าไม่มีโอกาสเป็นมะเร็งเลยหรือไม่?

A: ไม่แน่นอน ยังควรตรวจร่างกายและติดตามผลทางคลินิกอย่างสม่ำเสมอ

ร่วมตอบคำถามกับเรา

[/vc_column_text]

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

Cancer causation: association by tumour type”. Journal of Internal Medicine. 

Deerfield, Illinois: Baxter International Inc. 2002-08-07.

[/vc_column][/vc_row]