“หน้าผาก” ถือเป็นบริเวณหนึ่งที่มีความสำคัญต่อรูปลักษณ์ของใบหน้า ถ้ามีปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากแคบ ยุบ บุ๋ม ดูไม่สมดุล หรือมีริ้วรอย ก็อาจส่งผลต่อความมั่นใจ รวมไปถึงเรื่องของดวงชะตาตามความเชื่อด้านศาตร์โหงวเฮ้งได้ อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาเหล่านี้ สามารถทำได้ด้วยการ “ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก”
ใครที่สนใจอยากแก้ปัญหาและปรับโหงวเฮ้ง ด้วยการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ในบทความนี้ ได้รวบรวมข้อมูลที่ควรรู้ไว้อย่างละเอียด เช่น ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก คืออะไร ช่วยอะไร เหมาะ-ไม่เหมาะกับใคร อันตรายไหม ใช้กี่ CC ราคาเท่าไหร่ รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ที่ควรรู้ก่อนทำ สามารถติดตามอ่านด้านล่างได้เลยค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก คืออะไร ?
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก คือ การใช้สารเติมเต็มชนิดไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) ฉีดเข้าไปบริเวณหน้าผากเพื่อเพิ่ม Volume และทำให้หน้าผากดูนูนขึ้น หรือปรับรูปทรงหน้าผากให้ดูเต็มขึ้น เต่งตึงขึ้น เรียบเนียนขึ้น แก้ปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากยุบ หน้าผากบุ๋ม หรือแก้ริ้วรอยบนหน้าผาก
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ช่วยอะไร ?
- ช่วยเติมเต็มหน้าผาก ที่มีปัญหาหน้าผากยุบ บุ๋ม ทำให้หน้าผากดูเต็ม เต่งตึงขึ้น เรียบเนียนขึ้น
- ช่วยแก้ปัญหาหน้าผากแบน แคบ ทำให้หน้าผากดูมีมิติ ใบหน้าดูมีเอกลักษณ์มากขึ้น
- ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบนหน้าผาก ทำให้ริ้วรอยบนหน้าผากดูจางลง
- ช่วยปรับรูปทรงหน้าผาก เช่น ยกหน้าผากให้สูงขึ้น ปรับหน้าผากให้ดูโค้งมน
- ช่วยปรับโหงวเฮ้งหน้าผากโดยรวมให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น มีมิติ ดูสดใสมากขึ้น
การมีหน้าผากสวย ดีอย่างไร ?
หน้าผากเป็นส่วนสำคัญของใบหน้า เพราะเป็นบริเวณที่กว้างและเห็นได้ชัด การมีหน้าผากสวยจะช่วยส่งผลดีต่อรูปลักษณ์โดยรวมของใบหน้า ดังนี้
- ช่วยเสริมความงามของใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูสมส่วน โดดเด่น และน่ามองยิ่งขึ้น
- ช่วยให้ใบหน้าดูมีสง่าราศี หน้าผากที่กว้างและโหนกนูน ตามศาสตร์โหงวเฮ้งเชื่อกันว่าเป็นลักษณะของคนที่ฉลาด มีความรู้ มีปัญญา และประสบความสำเร็จในชีวิต
- ช่วยเสริมบุคลิกภาพและสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของใบหน้า
- ช่วยเสริมให้ทรงผมดูสวยและโดดเด่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ที่ชอบมัดผมเป็นประจำ เช่น การมัดผมหางม้า การมัดผมบัน การมัดผมเปีย
- ช่วยทำให้ใบหน้าด้านข้างดูสวย มีเสน่ห์ สมส่วนกับใบหน้า
เรื่องหน้าผาก กับ โหงวเฮ้ง
ในศาสตร์โหงวเฮ้ง หน้าผากถือเป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งบนใบหน้า เพราะเป็นจุดบ่งบอกถึงสติปัญญา ความจำ และอนาคตของบุคคลนั้น ๆ
- ลักษณะหน้าผากที่ดีตามศาสตร์โหงวเฮ้งศาสตร์ คือ หน้าผากกว้าง โหนกนูน เรียบเนียน สว่างใส ปราศจากรอยเหี่ยวย่น รอยบุ๋ม หรือรอยนูน เชื่อว่าคนที่มีหน้าผากลักษณะนี้จะมีสติปัญญาดี เจริญรุ่งเรือง มีโชคลาภ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ได้รับการสนับสนุนจากผู้คน
- ลักษณะหน้าผากที่ไม่ดีตามศาสตร์โหงวเฮ้งศาสตร์ คือ หน้าผากแคบ หน้าผากต่ำ หน้าผากมีรอยบุ๋ม หน้าผากมีรอยนูน หรือหน้าผากมีรอยเหี่ยวย่น เชื่อว่าคนที่มีหน้าผากลักษณะนี้จะมีสติปัญญาไม่ดี มีปัญหาด้านการเงิน มีปัญหาด้านสุขภาพ มีปัญหาด้านความสัมพันธ์ ต้องเจอแต่เรื่องอุบัติเหตุ ขาดคนอุปถัมภ์
สัดส่วนหน้าผากสวย
สัดส่วนหน้าผากสวย โดยทั่วไปจะมีความกว้างประมาณ 3 ส่วน ของความกว้างของใบหน้าทั้งหมด และมีความสูงประมาณ 1.5 ส่วน ของความสูงของใบหน้าทั้งหมด นอกจากนี้ หน้าผากที่สวยควรมีลักษณะโค้งมน เรียบเนียน ปราศจากรอยเหี่ยวย่น รอยบุ๋ม หรือรอยนูน
วิธีการวัดสัดส่วนหน้าผาก
- ใช้เทปวัดวัดความกว้างของใบหน้า โดยวัดจากขมับด้านหนึ่งถึงขมับอีกด้านหนึ่ง
- ใช้เทปวัดวัดความสูงของใบหน้า โดยวัดจากแนวไรผมถึงแนวสันจมูก
- คำนวณสัดส่วนความกว้างหน้าผาก โดยหารความกว้างใบหน้าด้วย 3
- คำนวณสัดส่วนความสูงหน้าผาก โดยหารความสูงใบหน้าด้วย 1.5
ตัวอย่างการคำนวณสัดส่วนหน้าผาก
หากความกว้างใบหน้าเท่ากับ 12 เซนติเมตร ความสูงใบหน้าเท่ากับ 10 เซนติเมตร
- สัดส่วนความกว้างหน้าผาก = 12 เซนติเมตร / 3 = 4 เซนติเมตร
- สัดส่วนความสูงหน้าผาก = 10 เซนติเมตร / 1.5 = 6.67 เซนติเมตร
ดังนั้น หน้าผากที่สวยควรมีความกว้างประมาณ 4 เซนติเมตร และมีความสูงประมาณ 6.67 เซนติเมตร
หากใครมีลักษณะไม่สมส่วนตามหลักการข้างต้น สามารถเข้าไปปรึกษาแพทย์มากประสบการณ์เพื่อฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ปรับทรงหน้าผากให้สมส่วนและนูนสวยขึ้นได้ค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เหมาะกับใคร ?
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหน้าผากยุบ หน้าผากบุ๋ม หน้าผากแบน หน้าผากเป็นคลื่น หน้าผากไม่เท่ากัน หน้าผากเป็นริ้วรอย ร่องลึก หรือคนที่ไม่อยากผ่าตัดเสริมหน้าผาก รวมถึงคนที่อยากปรับโหงวเฮ้งให้ดีขึ้น
วิธีเช็กปัญหาหน้าผาก
วิธีเช็กว่าตัวเองมีปัญหาหน้าผากแบน หรือไม่ ?
วิธีการสังเกตว่าหน้าผากของตัวเองแบนหรือไม่ สามารถเช็กได้จากภาพถ่ายด้านข้างของใบหน้า โดยดูว่าบริเวณหน้าผากตั้งแต่โคนผมจนถึงคิ้วมีลักษณะราบเรียบหรือลาดลงแบบเส้นตรง หากมีลักษณะดังกล่าว แสดงว่าหน้าผากอาจแบน
วิธีเช็กว่าตัวเองมีปัญหาหน้าผากแคบ หรือไม่ ?
วิธีการสังเกตว่าหน้าผากของตัวเองแคบหรือไม่ สามารถเช็กได้จากภาพถ่ายด้านข้างของใบหน้า โดยดูว่าบริเวณหน้าผากตั้งแต่โคนผมจนถึงคิ้วมีลักษณะแคบหรือแคบลงแบบเส้นตรง หากมีลักษณะดังกล่าว แสดงว่าหน้าผากอาจแคบ
วิธีเช็กว่าตัวเองหน้าผากยุบ หน้าผากบุ๋ม หรือไม่ ?
วิธีสังเกตว่าหน้าผากของตัวเองยุบหรือบุ๋มหรือไม่ ทำได้โดย
- ยืนตรง มองกระจก สังเกตบริเวณหน้าผากตั้งแต่โคนผมจนถึงคิ้ว
- กดเบา ๆ บริเวณหน้าผาก หากกดแล้วเห็นรอยบุ๋มหรือรอยย่น แสดงว่าหน้าผากอาจยุบหรือบุ๋ม
- ถ่ายรูปหน้าด้านข้าง สังเกตบริเวณหน้าผากตั้งแต่โคนผมจนถึงคิ้ว หากมีลักษณะยุบลงไปหรือมีรอยบุ๋ม แสดงว่าหน้าผากอาจยุบหรือบุ๋ม
วิธีเช็กว่าตัวเองหน้าผากไม่เท่ากัน หรือไม่ ?
วิธีสังเกตว่าหน้าผากของตัวเองยุบหรือบุ๋มหรือไม่ ทำได้โดย
- ยืนตรง มองกระจก สังเกตบริเวณหน้าผากตั้งแต่โคนผมจนถึงคิ้ว
- กดเบา ๆ บริเวณหน้าผาก หากกดแล้วเห็นรอยบุ๋มหรือรอยย่นเฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง แสดงว่าหน้าผากอาจไม่เท่ากัน
- ถ่ายรูปหน้าด้านข้าง สังเกตบริเวณหน้าผากตั้งแต่โคนผมจนถึงคิ้ว หากมีลักษณะไม่เท่ากันทั้งสองข้าง แสดงว่าหน้าผากอาจไม่เท่ากัน
วิธีเช็กว่าตัวเองหน้าผากเป็นคลื่น หรือไม่ ?
วิธีการสังเกตว่าหน้าผากของตัวเองเป็นคลื่นหรือไม่ สามารถเช็กได้จากภาพถ่ายด้านข้างของใบหน้า โดยดูว่าบริเวณหน้าผากตั้งแต่โคนผมจนถึงคิ้วมีลักษณะไม่เรียบเนียน มีลักษณะเป็นคลื่น ๆ คล้ายคลื่นบนน้ำ หากมีลักษณะดังกล่าว แสดงว่าหน้าผากอาจเป็นคลื่น
วิธีเช็กว่าตัวเองหน้าผากมีริ้วรอย ร่องลึก หรือไม่ ?
วิธีเช็กว่าหน้าผากตัวเองมีริ้วรอย ร่องลึก หรือไม่ มีดังนี้
- ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง
- นั่งหน้ากระจก มองหน้าผากตัวเองตรง ๆ
- สังเกตบริเวณหน้าผากว่ามีเส้นริ้วรอยหรือร่องลึกหรือไม่
- หากมีเส้นริ้วรอยหรือร่องลึก ให้สังเกตลักษณะของเส้นริ้วรอยหรือร่องลึก
ลักษณะของเส้นริ้วรอยหรือร่องลึก สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
- ริ้วรอยตื้น (Fine wrinkles) มีลักษณะเป็นเส้นริ้วรอยบาง ๆ เกิดบนผิวชั้นหนังกำพร้า มีสาเหตุจากผิวขาดความชุ่มชื้น มีการชะล้างทำความสะอาดผิวที่รุนแรงเกินไป หรือจากมลภาวะ สภาพแวดล้อมต่าง ๆ
- ริ้วรอยลึก (Deep wrinkles) มีลักษณะเป็นเส้นริ้วรอยลึก มองเห็นได้ชัดเจน เกิดบนผิวชั้นหนังแท้ มีสาเหตุจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุที่เพิ่มขึ้น การสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เป็นต้น
หากสังเกตพบว่าหน้าผากมีริ้วรอยหรือร่องลึก ควรรีบหาวิธีป้องกันและแก้ไขตั้งแต่เนิ่น ๆ เช่น การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก หรือฉีดโบท็อกหน้าผาก เพื่อไม่ให้ริ้วรอยหรือร่องลึกมีความรุนแรงมากขึ้น
ทั้งนี้ หากลองเช็กด้วยตัวเองแล้วยังไม่แน่ใจว่าตัวเองมีปัญหาหน้าผากแบบไหน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อขอคำแนะนำค่ะ
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ไม่เหมาะกับใคร ?
- ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้สารไฮยาลูโรนิคแอซิด : ถึงแม้ว่าสารไฮยาลูโรนิคแอซิดเป็นสารประกอบธรรมชาติที่พบได้ในร่างกาย แต่หากผู้ใดแพ้สารนี้ อาจเกิดอาการแพ้ เช่น ผื่นแดง บวม คัน หายใจลำบาก
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเลือดออกผิดปกติ : การฉีดฟิลเลอร์อาจทำให้เกิดการเลือดออกได้ หากผู้ใดมีปัญหาเลือดออกผิดปกติ อาจทำให้เลือดออกมากกว่าปกติ
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน : เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ป่วยได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำหัตถการ
- ไม่เหมาะกับผู้ที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร : เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพของทารกได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำหัตถการ
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก อันตรายไหม ?
ถึงแม้ว่าหน้าผากจะเป็นบริเวณที่ใกล้เคียงกับดวงตาและเส้นประสาท การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากก็สามารถทำได้อย่างปลอดภัยค่ะ หากทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้ฟิลเลอร์แท้ผ่านมาตรฐาน อย. ฉีดฟิลเลอร์ด้วยความระมัดระวังและแม่นยำ โดยคำนึงถึงตำแหน่งและปริมาณของฟิลเลอร์ที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดการบาดเจ็บต่อเส้นประสาทและดวงตา
อย่างไรก็ตาม การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากที่อันตรายก็อาจเกิดขึ้นได้ หากทำกับแพทย์ขาดประสบการณ์ อย่างหมอเถื่อน พยาบาล ใช้ฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์หิ้วไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น ฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์เป็นก้อน ตาบอด เนื้อตาย แพ้ฟิลเลอร์ เป็นต้น
นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากที่อันตรายอาจเกิดขึ้นได้หากคนไข้มีภาวะสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงได้
ดังนั้น ผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ควรเลือกฉีดกับแพทย์มีประสบการณ์เท่านั้น รวมถึงใช้ฟิลเลอร์แท้ ทำภายใต้คลินิกที่มีมาตรฐาน น่าเชื่อถือ และเช็กว่าตัวเองมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคใดข้างต้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ใช้กี่ CC ?
ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดหน้าผากขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปัญหาที่ต้องการแก้ไข สภาพผิวหน้า และเทคนิคการฉีดของแพทย์
โดยทั่วไปแล้ว ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะอยู่ที่ประมาณ 1-5 CC ดังนี้
- 1-2 CC : ใช้ในการแก้ไขร่องเหนือคิ้วหรือร่องลึกบริเวณหน้าผากเล็กน้อย
- 2-5 CC : ใช้ในการแก้ไขหน้าผากยุบหรือแบน
- 5 CC ขึ้นไป : ใช้ในการแก้ไขหน้าผากยุบมากหรือต้องการปรับโหงวเฮ้ง
อย่างไรก็ดี แพทย์ผู้มีประสบการณ์จะเป็นผู้ประเมินปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมให้กับคนไข้แต่ละเคส โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ข้างต้น
ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับฉีดฟิลเลอร์ผาก
ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน ผ่านอย. เหมาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก มี 2 ยี่ห้อ/รุ่นที่แนะนำ ได้แก่
- Juvederm Volbella : ฟิลเลอร์จากประเทศอเมริกา มีลักษณะเนื้อนิ่ม โมเลกุลเล็ก ละเอียด เหมาะกับการฉีดเติมเต็มผิวบริเวณหน้าผากที่บางมาก ฉีดแล้วไม่ทำให้เป็นก้อน
- Restylane Vital : ฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน มีลักษณะเนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย เหมาะสำหรับฉีดหน้าผาก ลดริ้วรอย ร่องลึกตื้น ๆ ให้ผลลัพธ์เรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ
การเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อที่เหมาะสมในการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ควรปรึกษาแพทย์ผู้ที่มีประสบการณ์ก่อนตัดสินใจฉีด โดยแพทย์จะประเมินสภาพผิวและความต้องการของคนไข้ และเลือกฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ราคาเท่าไหร่ ?
ราคาฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 14,000-16,000 บาท/CC ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ และเทคนิคการฉีดของแพทย์
วิธีเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ให้หน้าผากสวย แบบปลอดภัย
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกฉีดฟิลเลอร์หน้าผากที่สนใจจากแหล่งต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือรีวิวจากคนไข้ที่เคยฉีด
- สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับคลินิก เช่น มาตรฐานของคลินิก เอกสารและใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล ความปลอดภัยของฟิลเลอร์ เทคนิคการฉีด และราคา
- นัดหมายเพื่อปรึกษากับแพทย์ผู้มากประสบการณ์ เพื่อประเมินสภาพผิวและความต้องการในการฉีดฟิลเลอร์
- เลือกคลินิกที่มีแพทย์มากประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
- สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอย่างละเอียด
แนวทางการดูแลตัวเองก่อนฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
- งดยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช้สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulants) ยาละลายลิ่มเลือด (thrombolytics) ยารักษาโรคภูมิแพ้ (antihistamine) และยาทาผลัดเซลล์ผิว (retinoid) เนื่องจากยาเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะเลือดออกหรือช้ำหลังฉีดฟิลเลอร์
- งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เนื่องจากแอลกอฮอล์อาจทำให้เลือดออกง่ายขึ้น
- งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เนื่องจากการสูบบุหรี่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะเลือดออกหรือช้ำหลังฉีดฟิลเลอร์
- แต่งกายให้เหมาะสม เช่น สวมเสื้อผ้าที่หลวมสบาย ไม่รัดรูป เพื่อสะดวกในการฉีดฟิลเลอร์และลดการเสียดสีบริเวณที่ฉีด
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
- ทำความสะอาดบริเวณหน้าผากให้สะอาด
- ทายาชาหรือฉีดยาชาบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
- แพทย์ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเข้าไปบริเวณที่ต้องการ
- แพทย์นวดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเบา ๆ เพื่อปรับรูปทรงหน้าผากและให้ฟิลเลอร์กระจายตัวทั่วบริเวณหน้าผาก
ผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
ผลข้างเคียงทั่วไป มักพบได้บ่อยและหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ เช่น รอยบวม รอยช้ำ รอยเข็ม อาการปวด ระคายเคือง อาการชา เป็นต้น
ผลข้างเคียงที่รุนแรง พบได้น้อย แต่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ เช่น ฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์เป็นก้อน ตาบอด เนื้อตาย แพ้ฟิลเลอร์ มักเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ใช้ฟิลเลอร์ปลอม ในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หากพบผลข้างเคียงเหล่านี้หลังฉีด ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที
แนวทางการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
24 ชั่วโมงหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
- หลีกเลี่ยงการจับ ลูบคลำ หรือนวดบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางและครีมบำรุงภายใน 12 ชั่วโมงแรก
1 สัปดาห์หลังการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่ออกมาก เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้า หรือใช้อะไรที่กดทับหน้าผาก อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- สามารถประคบเย็นเบา ๆ เพื่อลดอาการบวมและช้ำได้ตามต้องการ หากแพทย์แนะนำ
2 สัปดาห์หลังการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดนความร้อน เช่น ซาวน่า และการสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานาน
- หลีกเลี่ยงการนวดใบหน้า
- หลีกเลี่ยงการจับ กด หรือการบีบบริเวณที่ฉีด
หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เห็นผลในกี่วัน ?
ฟิลเลอร์หน้าผากจะเห็นผลทันทีหลังฉีด แต่อาจมีอาการบวมช้ำเล็กน้อย ซึ่งจะค่อย ๆ ยุบลงภายใน 7-14 วัน เมื่ออาการบวมช้ำยุบลง ฟิลเลอร์เริ่มเข้าที่ จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น
ฟิลเลอร์หน้าผาก อยู่ได้นานแค่ไหน ?
ฟิลเลอร์หน้าผาก จะอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้และการดูแลตัวเองของคนไข้
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก VS ผ่าตัดเสริมหน้าผาก ต่างกันอย่างไร ?
ความแตกต่างระหว่างการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากกับการผ่าตัดเสริมหน้าผาก
ปัจจัย | การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก | การผ่าตัดเสริมหน้าผาก |
วิธีการ | การใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) ฉีดเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนังบริเวณหน้าผาก | การผ่าตัดเพื่อใส่แผ่นซิลิโคนหรือวัสดุสังเคราะห์อื่น ๆ เข้าไปในชั้นใต้ผิวหนังบริเวณหน้าผาก |
ระยะเวลาเห็นผล | เห็นผลทันที | ใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ |
ระยะเวลาพักฟื้น | ไม่ต้องพักฟื้น | ต้องพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ |
ผลลัพธ์ | อยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี | อยู่ได้ถาวร |
ค่าใช้จ่าย | เริ่มต้นประมาณ 14,000 บาท | เริ่มต้นประมาณ 50,000 บาท |
ความเสี่ยง | อาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์เป็นก้อน หากทำกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ใช้ฟิลเลอร์ปลอม | มีความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง เช่น เลือดออก บวมช้ำ ติดเชื้อ ซิลิโคนทะลุ |
ความยืดหยุ่น | สามารถปรับระดับความนูนได้ตลอดเวลา หรือฉีดสลายออกได้ หากไม่พึงพอใจในผลลัพธ์ | สามารถปรับระดับความนูนได้ ถ้าไม่พึงพอใจต้องผ่าตัดใส่ซิลิโคนใหม่ |
ฉีดฟิลเลอร์ หน้าผาก VS เสริมหน้าผาก เลือกยังไงดี ?
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากและการผ่าตัดเสริมหน้าผากเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาหน้าผากได้ทั้งสองวิธี แต่มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกทำวิธีใดวิธีหนึ่ง ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ งบประมาณ ระยะเวลาพักฟื้น และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละบุคคล ก่อนทำควรปรึกษาแพทย์ผู้มากประสบการณ์ เพื่อขอคำแนะนำและประเมินแนวทางการแก้ไขปัญหาหน้าผากที่เหมาะสม
สรุป
สำหรับใครที่ต้องการมีหน้าผากสวยสมส่วน มีโหงวเฮ้ง น่ามอง การปรับรูปทรงหน้าผากด้วยการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากนั้น สามารถช่วยเพิ่มมิติที่สวยงามให้กับหน้าผากได้เป็นอย่างดี และเป็นที่นิยมมาก ๆ เพราะสามารถทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับการเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเจ็บตัว และต้องการเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว
ทั้งนี้ การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้ที่มีประสบการณ์สูง ภายในสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ รวมถึงใช้ฟิลเลอร์ของแท้ มีมาตรฐาน ผ่านการรับรองจากอย. เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและมีความปลอดภัย