บลูเบอร์รี่
บลูเบอร์รี่ พืชขนาดเล็กผลอุดมไปด้วยสารอาหารหลากหลายชนิดที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย และป้องกันโรคร้ายแรงต่าง ๆ มีชื่อสามัญ คือ Blueberry ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Vaccinium spp. จัดอยู่ในวงศ์ ERICACEAE ชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Cyanococcus อยู่ในสกุล Vaccinium ในวงศ์พฤกษศาสตร์ Ericaceae สกุล Vaccinium ได้แก่ ฮักเคิลเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่
ลักษณะของบลูเบอร์รี่
- ต้น ต้นมีหลายขนาดด้วยกันตั้งแต่ต้นที่สูง 10 เซนติเมตร ถึง 10 เมตร มีทั้งแบบผลัดใบและไม่ผลัดใบ มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ (เป็นไม้พุ่มสูงที่ปลูกใช้ในเชิงพาณิชย์นั้นถูกนำเข้าสู่ยุโรปในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1930)
- ใบ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่หรือรูปหอก มีความกว้างประมาณ 0.5-3.5 เซนติเมตร และความยาวประมาณ 1-8 เซนติเมตร
- ดอก ดอกเป็นรูประฆังสีขาว สีชมพู หรือสีแดง
- ผล จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-16 มิลลิเมตร ที่ปลายผลมีวงแหวนเล็ก ๆ คล้ายมงกุฎ เมื่อผลยังอ่อนจะเป็นสีเขียวจาง ๆ แต่พอแก่ขึ้นมาหน่อยก็จะมีสีม่วงแดง และเมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีคราม ผลเมื่อสุกเต็มที่จะมีรสหวานหรือหวานอมเปรี้ยว
สรรพคุณของบลูเบอร์รี่
- มีวิตามินซี ที่ช่วยในเรื่องของการป้องกันโรคหวัด[1]
- ช่วยลดการระคายเคืองในระบบทางเดินปัสสาวะ
- ป้องกันโรคเบาหวาน โรคไทฟอยด์ ระบบหายใจผิดปกติ
- ช่วยบรรเทาอาการผิดปกติในลำไส้ใหญ่ ท้องผูก โรคกระเพาะอาหาร โรคเริม แผลในปาก นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
- ช่วยทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานดีขึ้น ซึ่งอาจมีส่วนช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายสูงวัย และยังช่วยป้องกันเส้นเลือดขอด ลดอาการบวม เสริมสร้างความแข็งให้ผนังหลอดเลือด ช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อและเส้นเอ็น
ประโยชน์ของบลูเบอร์รี่
1. ช่วยทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง[2]
2. ช่วยล้างพิษในร่างกาย และต่อต้านสารพิษ[1]
3. ช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้สดใส เปล่งปลั่ง และแก้มแดงมีเลือดฝาด[1]
4. ช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า[1]
5. เบอร์รี่เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งร่างกายต้องการเพื่อช่วยทำให้เซลล์ในร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองจากโรคต่าง ๆ ได้ดีขึ้น[1]
6. รวมทั้งการรักษาบาดแผล การป้องกันโรคมะเร็ง ลดการเป็นโรคเลือดออกตามไรฟัน ตลอดจนถึงโรคเกาต์หรืออาการปวดตามข้อ[1]
7. ช่วยในเรื่องของระบบประสาทและสมอง ช่วยทำให้เซลล์สมองสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น ทำให้ความสามารถในการจำของเราดีขึ้น ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ รักษาเซลล์สมองที่ถูกทำลาย (มีรายงานว่า ผศ.โรเบิร์ต คริโคเรียน แห่งศูนย์สุขภาพ มหาวิทยาลัยซินซินเนติในสหรัฐ ได้ทำการทดลองให้ผู้สูงอายุที่เริ่มมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ ได้ดื่มน้ำคั้นสดวันละ 2 แก้ว เป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน ผลการทดลองพบว่า ผู้สูงอายุเหล่านั้นมีความทรงจำที่ดีขึ้น จึงเชื่อว่าผลดิบ ๆ จึงน่าจะมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคความจำเสื่อมด้วย)[1],[2]
8. มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ให้ดียิ่งขึ้น[1]
9. ช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือดอันเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ โรคทางประสาทและสมอง[1]
10. ช่วยป้องกันการเสื่อมของร่างกายและชะลอความแก่ชรา ฟื้นฟูการสร้างคอลลาเจนที่ผิว ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ ริ้วรอยดูลบเลือนลง ทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย[1]
11. ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ (ข้อมูลของ USDA หรือ สถาบันวิจัยโภชนาการทางด้านสรีระศาสตร์ ได้ระบุว่า เป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด ซึ่งผลจากการทดสอบค่าที่เรียกว่า “ORAC” (Oxygen Radical Absorbance Capacity) ผลสดจะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าผลไม้สดและผักชนิดอื่น)[1]
12. มีสารแอนโธไซยานิน (Anthocyanin) ประกอบอยู่ โดยเป็นสารจำพวกฟลาโวนอยด์ที่มีสีแดงอมม่วง สารนี้มีประโยชน์ช่วยทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดในระดับที่เล็กมากขึ้น และช่วยในการทำงานของกระบวนการเมตาบอลิซึ่มของเซลล์เรตินา[1],[2]
13. สารแอนโทไซยานินที่พบได้มากในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีส่วนช่วยในการป้องกันอาการอ่อนล้าจากการใช้สายตาหนัก ช่วยทำให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืด และยังช่วยป้องกันต้อกระจก ต้อหิน ต้อลม ช่วยลดความดันในลูกตา และลดความเจ็บปวดจากการบวมในลูกตา โดยข้อมูลจาก Archives of Ophthalmology ชี้ว่าการรับประทานวันละ 3 ถ้วย จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคตาที่เกิดในวัยผู้ใหญ่ได้ด้วย[1],[2]
14. สารแอนโทไซยาโนไซด์ (Anthocyanosides) เป็นสารที่มีคุณสมบัติเทียบได้กับสารไบโอฟลาโวนอยด์ สามารถช่วยทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และสารชนิดนี้ยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการทำงานของไต และช่วยรักษาผู้ที่มีเส้นเลือดฝอยเปราะในอวัยวะที่ทำหน้าที่กรองของเสีย และสารแอนโธไซยาโนไซด์ชนิดหนึ่งคือสาร ไมร์ทิลลิน (Myrtliiln) เป็นสารสีน้ำเงินที่มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อแบคทีเรียได้ด้วย[1],[2]
15. ช่วยในเรื่องของระบบการย่อยอาหารและทำให้การขับถ่ายของร่างกายทำงานได้เป็นระบบมากขึ้น จึงช่วยป้องกันโรคท้องผูกและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้[1],[2]
16. มีสาร Pterostilbene ที่ช่วยรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และตับ และยังมีกรด Ellagic ที่ทำงานควบคู่กับแอนโทไซยานิน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ป้องกันมะเร็ง (ผลการวิจัยของ Journal of Agricultural and Food Chemistry มีสารที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ และช่วยฆ่าเซลล์มะเร็งด้วย)[2]
17. ในเรื่องของระบบปัสสาวะ แบคทีเรียอีโคไลที่ผนังท่อทางเดินปัสสาวะเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่มีผลทำให้เกิดอาการอักเสบและรู้สึกแสบในขณะปัสสาวะ มีสารที่ทำให้แบคทีเรียชนิดนี้หยุดการเจริญเติบโต และช่วยล้างแบคทีเรียออกจากทางเดินปัสสาวะ[2]
18. เป็นแหล่งของพลังงานชั้นยอดที่มีแคลอรี่ต่ำ ไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น เพราะมีเส้นใยอาหารที่ช่วยทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนานกว่าเดิม ควบคุมน้ำหนักหรือลดความอ้วน [1]
19. ช่วยลดไขมันหน้าท้อง และความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ โดยพบว่าหนูทดลองที่รับประทานผงผสมในอาหารของหนู เป็นระยะเวลา 90 วัน มีไขมันหน้าท้องน้อยลง และระดับไตรกลีเซอไรด์ลดลง[2]
20. มีสารเพคตินที่สามารถช่วยในการลดระดับของคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด[1]
คุณค่าทางโภชนาการ
คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 57 กิโลแคลอรี่
สารอาหาร | ปริมาณสารที่ได้รับ |
คาร์โบไฮเดรต | 14.49 กรัม |
น้ำตาล | 9.96 กรัม |
ใยอาหาร | 2.4 กรัม |
ไขมัน | 0.33 กรัม |
โปรตีน | 0.74 กรัม |
น้ำ | 84.21 กรัม |
วิตามินเอ | 54 หน่วยสากล |
วิตามินบี1 | 0.037 มิลลิกรัม |
วิตามินบี2 | 0.041 มิลลิกรัม |
วิตามินบี3 | 0.418 มิลลิกรัม |
วิตามินบี6 | 0.052 มิลลิกรัม |
วิตามินบี9 | 6 ไมโครกรัม |
วิตามินซี | 9.7 มิลลิกรัม |
วิตามินอี | 0.57 มิลลิกรัม |
วิตามินเค | 19.3 ไมโครกรัม |
แคลเซียม | 6 มิลลิกรัม |
ธาตุเหล็ก | 0.28 มิลลิกรัม |
แมกนีเซียม | 6 มิลลิกรัม |
ฟอสฟอรัส | 12 มิลลิกรัม |
โพแทสเซียม | 77 มิลลิกรัม |
โซเดียม | 1 มิลลิกรัม |
สังกะสี | 0.16 มิลลิกรัม |
ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database
สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth
เอกสารอ้างอิง
1. ไทยโพสต์. “มากินเบอร์รี่กันเถิดจะเกิดผล”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaipost.net. [06 ส.ค. 2014].
2. Women FIRNESS. “Top 10 health benefits of Blueberries”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.womenfitness.net. [06 ส.ค. 2014].
อ้างอิงรูปจาก
1.https://james-mcintyre.co.uk/product/blueberry-miniblue-3l/
2.https://www.lindenlanefarms.ca/product/bluecrop-blueberry/