บลูเบอร์รี่ ผลไม้รสหวานช่วยป้องและลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง

0
1462
บลูเบอร์รี่
บลูเบอร์รี่ ผลไม้รสหวานช่วยป้องและลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง เป็นผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ ผลกลมขนาดเล็กสีม่วงเข้ม มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว
บลูเบอร์รี่
ผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ ผลกลมขนาดเล็กสีม่วงเข้ม มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว นิยมรับประทานแบบสด

บลูเบอร์รี่

บลูเบอร์รี่ พืชขนาดเล็กผลอุดมไปด้วยสารอาหารหลากหลายชนิดที่ดีต่อสุขภาพร่างกาย และป้องกันโรคร้ายแรงต่าง ๆ มีชื่อสามัญ คือ Blueberry ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Vaccinium spp. จัดอยู่ในวงศ์ ERICACEAE ชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Cyanococcus อยู่ในสกุล Vaccinium ในวงศ์พฤกษศาสตร์ Ericaceae สกุล Vaccinium ได้แก่ ฮักเคิลเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่

ลักษณะของบลูเบอร์รี่

  • ต้น ต้นมีหลายขนาดด้วยกันตั้งแต่ต้นที่สูง 10 เซนติเมตร ถึง 10 เมตร มีทั้งแบบผลัดใบและไม่ผลัดใบ มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ (เป็นไม้พุ่มสูงที่ปลูกใช้ในเชิงพาณิชย์นั้นถูกนำเข้าสู่ยุโรปในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1930)
  • ใบ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่หรือรูปหอก มีความกว้างประมาณ 0.5-3.5 เซนติเมตร และความยาวประมาณ 1-8 เซนติเมตร
  • ดอก ดอกเป็นรูประฆังสีขาว สีชมพู หรือสีแดง
  • ผล จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-16 มิลลิเมตร ที่ปลายผลมีวงแหวนเล็ก ๆ คล้ายมงกุฎ เมื่อผลยังอ่อนจะเป็นสีเขียวจาง ๆ แต่พอแก่ขึ้นมาหน่อยก็จะมีสีม่วงแดง และเมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีคราม ผลเมื่อสุกเต็มที่จะมีรสหวานหรือหวานอมเปรี้ยว

สรรพคุณของบลูเบอร์รี่

  • มีวิตามินซี ที่ช่วยในเรื่องของการป้องกันโรคหวัด[1]
  • ช่วยลดการระคายเคืองในระบบทางเดินปัสสาวะ
  • ป้องกันโรคเบาหวาน โรคไทฟอยด์ ระบบหายใจผิดปกติ
  • ช่วยบรรเทาอาการผิดปกติในลำไส้ใหญ่ ท้องผูก โรคกระเพาะอาหาร โรคเริม แผลในปาก นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • ช่วยทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานดีขึ้น ซึ่งอาจมีส่วนช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายสูงวัย และยังช่วยป้องกันเส้นเลือดขอด ลดอาการบวม เสริมสร้างความแข็งให้ผนังหลอดเลือด ช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อและเส้นเอ็น

ประโยชน์ของบลูเบอร์รี่

1. ช่วยทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง[2]
2. ช่วยล้างพิษในร่างกาย และต่อต้านสารพิษ[1]
3. ช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้สดใส เปล่งปลั่ง และแก้มแดงมีเลือดฝาด[1]
4. ช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า[1]
5. เบอร์รี่เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งร่างกายต้องการเพื่อช่วยทำให้เซลล์ในร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองจากโรคต่าง ๆ ได้ดีขึ้น[1]
6. รวมทั้งการรักษาบาดแผล การป้องกันโรคมะเร็ง ลดการเป็นโรคเลือดออกตามไรฟัน ตลอดจนถึงโรคเกาต์หรืออาการปวดตามข้อ[1]
7. ช่วยในเรื่องของระบบประสาทและสมอง ช่วยทำให้เซลล์สมองสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น ทำให้ความสามารถในการจำของเราดีขึ้น ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ รักษาเซลล์สมองที่ถูกทำลาย (มีรายงานว่า ผศ.โรเบิร์ต คริโคเรียน แห่งศูนย์สุขภาพ มหาวิทยาลัยซินซินเนติในสหรัฐ ได้ทำการทดลองให้ผู้สูงอายุที่เริ่มมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ ได้ดื่มน้ำคั้นสดวันละ 2 แก้ว เป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน ผลการทดลองพบว่า ผู้สูงอายุเหล่านั้นมีความทรงจำที่ดีขึ้น จึงเชื่อว่าผลดิบ ๆ จึงน่าจะมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคความจำเสื่อมด้วย)[1],[2]
8. มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ให้ดียิ่งขึ้น[1]
9. ช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือดอันเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ โรคทางประสาทและสมอง[1]
10. ช่วยป้องกันการเสื่อมของร่างกายและชะลอความแก่ชรา ฟื้นฟูการสร้างคอลลาเจนที่ผิว ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ ริ้วรอยดูลบเลือนลง ทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย[1]
11. ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ (ข้อมูลของ USDA หรือ สถาบันวิจัยโภชนาการทางด้านสรีระศาสตร์ ได้ระบุว่า เป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด ซึ่งผลจากการทดสอบค่าที่เรียกว่า “ORAC” (Oxygen Radical Absorbance Capacity) ผลสดจะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าผลไม้สดและผักชนิดอื่น)[1]
12. มีสารแอนโธไซยานิน (Anthocyanin) ประกอบอยู่ โดยเป็นสารจำพวกฟลาโวนอยด์ที่มีสีแดงอมม่วง สารนี้มีประโยชน์ช่วยทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดในระดับที่เล็กมากขึ้น และช่วยในการทำงานของกระบวนการเมตาบอลิซึ่มของเซลล์เรตินา[1],[2]
13. สารแอนโทไซยานินที่พบได้มากในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีส่วนช่วยในการป้องกันอาการอ่อนล้าจากการใช้สายตาหนัก ช่วยทำให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืด และยังช่วยป้องกันต้อกระจก ต้อหิน ต้อลม ช่วยลดความดันในลูกตา และลดความเจ็บปวดจากการบวมในลูกตา โดยข้อมูลจาก Archives of Ophthalmology ชี้ว่าการรับประทานวันละ 3 ถ้วย จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคตาที่เกิดในวัยผู้ใหญ่ได้ด้วย[1],[2]
14. สารแอนโทไซยาโนไซด์ (Anthocyanosides) เป็นสารที่มีคุณสมบัติเทียบได้กับสารไบโอฟลาโวนอยด์ สามารถช่วยทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และสารชนิดนี้ยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการทำงานของไต และช่วยรักษาผู้ที่มีเส้นเลือดฝอยเปราะในอวัยวะที่ทำหน้าที่กรองของเสีย และสารแอนโธไซยาโนไซด์ชนิดหนึ่งคือสาร ไมร์ทิลลิน (Myrtliiln) เป็นสารสีน้ำเงินที่มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อแบคทีเรียได้ด้วย[1],[2]
15. ช่วยในเรื่องของระบบการย่อยอาหารและทำให้การขับถ่ายของร่างกายทำงานได้เป็นระบบมากขึ้น จึงช่วยป้องกันโรคท้องผูกและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้[1],[2]
16. มีสาร Pterostilbene ที่ช่วยรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และตับ และยังมีกรด Ellagic ที่ทำงานควบคู่กับแอนโทไซยานิน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ป้องกันมะเร็ง (ผลการวิจัยของ Journal of Agricultural and Food Chemistry มีสารที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ และช่วยฆ่าเซลล์มะเร็งด้วย)[2]
17. ในเรื่องของระบบปัสสาวะ แบคทีเรียอีโคไลที่ผนังท่อทางเดินปัสสาวะเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่มีผลทำให้เกิดอาการอักเสบและรู้สึกแสบในขณะปัสสาวะ มีสารที่ทำให้แบคทีเรียชนิดนี้หยุดการเจริญเติบโต และช่วยล้างแบคทีเรียออกจากทางเดินปัสสาวะ[2]
18. เป็นแหล่งของพลังงานชั้นยอดที่มีแคลอรี่ต่ำ ไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น เพราะมีเส้นใยอาหารที่ช่วยทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนานกว่าเดิม ควบคุมน้ำหนักหรือลดความอ้วน [1]
19. ช่วยลดไขมันหน้าท้อง และความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ โดยพบว่าหนูทดลองที่รับประทานผงผสมในอาหารของหนู เป็นระยะเวลา 90 วัน มีไขมันหน้าท้องน้อยลง และระดับไตรกลีเซอไรด์ลดลง[2]
20. มีสารเพคตินที่สามารถช่วยในการลดระดับของคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด[1]

คุณค่าทางโภชนาการ

คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 57 กิโลแคลอรี่

สารอาหาร ปริมาณสารที่ได้รับ
คาร์โบไฮเดรต 14.49 กรัม
น้ำตาล 9.96 กรัม
ใยอาหาร 2.4 กรัม
ไขมัน 0.33 กรัม
โปรตีน 0.74 กรัม
น้ำ 84.21 กรัม
วิตามินเอ 54 หน่วยสากล
วิตามินบี1 0.037 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.041 มิลลิกรัม
วิตามินบี3 0.418 มิลลิกรัม
วิตามินบี6 0.052 มิลลิกรัม
วิตามินบี9 6 ไมโครกรัม
วิตามินซี 9.7 มิลลิกรัม
วิตามินอี 0.57 มิลลิกรัม
วิตามินเค 19.3 ไมโครกรัม
แคลเซียม 6 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 0.28 มิลลิกรัม
แมกนีเซียม 6 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 12 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 77 มิลลิกรัม
โซเดียม 1 มิลลิกรัม
สังกะสี 0.16 มิลลิกรัม

ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
1. ไทยโพสต์. “มากินเบอร์รี่กันเถิดจะเกิดผล”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaipost.net. [06 ส.ค. 2014].
2. Women FIRNESS. “Top 10 health benefits of Blueberries”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.womenfitness.net. [06 ส.ค. 2014].
อ้างอิงรูปจาก
1.https://james-mcintyre.co.uk/product/blueberry-miniblue-3l/
2.https://www.lindenlanefarms.ca/product/bluecrop-blueberry/