กีวี ผลไม้รสเปรี้ยวอุดรด้วยสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย

0
1472
กีวี
กีวี ผลไม้รสเปรี้ยวอุดรด้วยสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย เป็นผลไม้ขนาดเล็กมีขนอ่อน เนื้อมีทั้งสีเขียวและสีเหลือง มีเมล็ดสีดำขนาดเล็ก
กีวี
กีวี ผลไม้รสเปรี้ยวอุดรด้วยสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย เป็นผลไม้ขนาดเล็กมีขนอ่อน เนื้อมีทั้งสีเขียวและสีเหลือง มีเมล็ดสีดำขนาดเล็ก

กีวี

กีวี มีต้นกำเนิดในประเทศจีน มีผู้นำไปปลูกในประเทศนิวซีแลนด์และได้ปรับปรุงพันธุ์ใหม่ ทำให้กีวีมีรสชาติดีขึ้น และกลายเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดและเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นกีวีตามชื่อนกกีวีที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีน (ชื่อเดิมคือ Chinese gooseberry)
ชื่อสามัญอื่นๆ : กีวีฟรุต / Kiwi / kiwifruit / Hardy Kiwi / Tara Vine / Yang Tao / Chinese Gooseberry / Chinese Strawberry.
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Actinidia chinesis.

ประเทศไทยมีนำเข้ามาปลูกเมื่อปี พ.ศ.2519 จะปลูกเยอะที่จังหวัดเชียงใหม่ ดอยอ่างขาง ดอยขุนวาง ผลกีวีมีลักษณะรีรูปไข่ และจะมีขนเล็ก ๆ อยู่ทั่วผล เนื้อมีสีเขียว (บางสายพันธุ์เนื้อจะเป็นสีเหลือง) มีรสเปรี้ยวอมหวาน ชุ่มน้ำ สามารถเก็บได้นานถึงสองสัปดาห์ถ้าเก็บในที่ที่เหมาะสม (เก็บในตู้เย็น)

กีวีเป็นผลไม้อันดับต้น ๆ ของผลไม้ลดความอ้วน เนื่องจากมีไฟเบอร์เยอะ จะทำให้อิ่มเร็วและนานขึ้น ผู้ที่มักทานอาหารระหว่างวันหรือเพราะความหิว กีวีสามารถช่วยได้ แต่อดสงสัยไม่ได้ว่ากีวีมีรสหวานถ้าทานมาก ๆ จะไม่อ้วนเหรอ ? ต้องบอกว่าไม่อ้วนเนื่องจากกีวีมีน้ำหนัก 60 กรัมซึ่งจะให้พลังงานเพียง 25 แคลอรี
การทานกีวี นำผลมาหั่นครึ่ง ใช้ช้อนตักเนื้อทานได้เลย ถ้าอยากให้สวยน่าทาน ให้นำผลตัดหัวกับท้ายออก ใช้ช้อนคว้านเนื้อเป็นวงกลม และนำเนื้อกีวีที่ได้มาสไลซ์เป็นแผ่น วิธีดูกีวีว่าทานได้หรือยัง คือผลกีวีจะเริ่มนุ่ม ก็สามารถทานได้ ถ้าซื้อกีวีมาก็อย่าลืมเก็บไว้ในตู้เย็น ถ้าไม่อยากให้กีวีสุกมากกว่านี้ให้เก็บไว้ในตู้เย็น เก็บไว้ได้นาน 1-2 สัปดาห์

สรรพคุณของกีวี

  • สามารถช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรียกับเชื้อไวรัสได้
  • ไฟเบอร์สามารถช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  • กีวีสีทองสามารถช่วยทำให้ร่างกายสู้กับโรคไข้หวัดใหญ่ได้
  • ควรทานกีวีพร้อมหรือหลังอาหาร ถ้าอาหารในมื้อนั้นมีไขมัน
  • สามารถช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อกับเส้นใยประสาทได้
  • ซิงค์จากกีวี คือแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการใช้สร้างฮอร์โมนของเพศชาย
  • สามารถป้องกันและช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดของโรคหัวใจวายได้
  • สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลกับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้
  • สามารถช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตในร่างกายให้ดีขึ้นได้
  • สามารถบรรเทาอาการอักเสบในร่างกายได้
  • สามารถป้องกันโรคท้องผูก และช่วยให้ขับถ่ายได้อย่างสะดวกและสม่ำเสมอ
  • สามารถบรรเทาอาการเจ็บคอได้
  • สามารถช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้
  • สามารถซ่อมแซมเซลล์ DNA ที่ถูกทำลายจากกระบวนการเผาผลาญอาหารในร่างกายได้
  • สามารถช่วยเสริมสร้างกระดูกกับฟันให้แข็งแรง และช่วยป้องกันฟันผุได้ กีวีจะลดอนุมูลอิสระเหล่านี้
  • โฟเลตจากกีวีสามารถช่วยเรื่องการแบ่งตัวของเซลล์ใหม่ จำเป็นมากสำหรับมารดาที่กำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากสามารถช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่ทารกจะมีความพิการทางสมองกับระบบประสาทถ้าขาดโฟเลต และช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้
  • โพแทสเซียมจากกีวีสามารถลดความดันโลหิตสูงได้
  • ผู้ที่มีปัญหาเรื่องนอนหลับยาก กีวีสามารถช่วยให้หลับง่ายและสบายขึ้น

ประโยชน์ของกีวี

  • สามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้ เช่น ผลไม้กระป๋อง กีวีกวน กีวีตากแห้ง น้ำผลไม้ ไวน์ ผลไม้แช่แข็ง
  • สาร “โพลีฟีนอล” ของผลกีวีมีคุณสมบัติที่ช่วยต่อต้านการเกิดของโรคมะเร็งได้
  • กีวีมีโอเมก้า-3 ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้
  • สามารถช่วยลดจุดด่างดำใต้ผิว และแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำได้
  • มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง สามารถช่วยชะลอวัยและช่วยการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้
  • สามารถใช้แต่งหน้าเค้กกับสลัดได้
  • สามารถป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกายได้
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากการทานกีวีสามารถช่วยทำให้อิ่มเร็ว และทำให้ไม่อ้วน
  • มีวิตามินซีสูง สามารถช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน และช่วยทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรง ช่วยบำรุงผิวให้เปล่งปลั่งสดใส

คุณค่าทางโภชนาการ

คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม ของผลกีวีสีเขียว

สารอาหาร ปริมาณสารที่ได้รับ
วิตามินบี 1 0.027 มิลลิกรัม 2%
วิตามินบี 2 0.025 มิลลิกรัม 2%
วิตามินบี 3 0.341 มิลลิกรัม 2%
วิตามินบี 5 0.183 มิลลิกรัม 4%
วิตามินบี 6 0.063 มิลลิกรัม 5%
วิตามินบี 9 25 กรัม 6%
วิตามินซี 92.7 มิลลิกรัม 112%
วิตามินอี 1.46 มิลลิกรัม 10%
วิตามินเค 40.3 ไมโครกรัม 38%
คาร์โบไฮเดรต 14.66 กรัม
เส้นใย 3.0 กรัม
โปรตีน 1.14 กรัม
น้ำตาล 8.99 กรัม
ไขมัน 0.52 กรัม
โคลีน 7.28 กรัม 2%
ธาตุเหล็ก 0.31 มิลลิกรัม 2%
ธาตุแมงกานีส 0.098 มิลลิกรัม 5%
ธาตุโพแทสเซียม 312 มิลลิกรัม 7%
ธาตุสังกะสี 0.14 มิลลิกรัม 1%
ธาตุแคลเซียม 34 มิลลิกรัม 3%
ธาตุแมกนีเซียม 17 มิลลิกรัม 5%
ธาตุฟอสฟอรัส 34 มิลลิกรัม 5%
ธาตุโซเดียม 3 มิลลิกรัม 0%
พลังงาน 61 กิโลแคลอรี

ข้อมูลจาก USDA Nutrient database

คุณค่าทางโภชนาการ

คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม ของผลกีวีสีทอง

สารอาหาร ปริมาณสารที่ได้รับ
วิตามินบี 1 0.024 มิลลิกรัม 2%
วิตามินบี 2 0.046 มิลลิกรัม 4%
วิตามินบี 3 0.28 มิลลิกรัม 2%
วิตามินบี 5 0.5 มิลลิกรัม 10%
วิตามินบี 6 0.057 มิลลิกรัม 4%
วิตามินบี 9 34 กรัม 9%
วิตามินซี 105.4 มิลลิกรัม 127%
วิตามินอี 1.49 มิลลิกรัม 10%
วิตามินเค 5.5 ไมโครกรัม 5%
คาร์โบไฮเดรต 14.23 กรัม
เส้นใย 2 กรัม
โปรตีน 1.23 กรัม
น้ำตาล 10.98 กรัม
ไขมัน 0.56 กรัม
โคลีน 5 กรัม 1%
ธาตุเหล็ก 0.29 มิลลิกรัม 2%
ธาตุแมงกานีส 0.058 มิลลิกรัม 3%
ธาตุโพแทสเซียม 316 มิลลิกรัม 7%
ธาตุสังกะสี 0.10 มิลลิกรัม 1%
ธาตุแคลเซียม 20 มิลลิกรัม 2%
ธาตุแมกนีเซียม 14 มิลลิกรัม 4%
ธาตุฟอสฟอรัส 29 มิลลิกรัม 4%
ธาตุโซเดียม 3 มิลลิกรัม 0%
พลังงาน 60 กิโลแคลอรี

ข้อมูลจาก USDA Nutrient database

วิธีทำน้ำกีวีปั่น

รสเปรี้ยวของกีวีเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ แต่ถ้าเปรี้ยวเกินไปคงจะไม่อร่อย จึงต้องผสมน้ำเขียวเข้มข้นกับน้ำองุ่น เพื่อให้มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานนิดหน่อยรสชาติจะกลมกล่อม ชื่นใจ

เตรียมวัตถุดิบ

  • กีวีที่จะใช้ปั่น 2 ผล / กีวีสไลซ์ไว้ตกแต่งหน้า / น้ำองุ่น 1½ ถ้วยตวง / น้ำเขียวเข้มข้น 3 ช้อนโต๊ะ / น้ำแข็ง
  • นำกีวีทั้ง 2 ผลมาปอกเปลือกให้เหลือแต่เนื้อแล้วหั่นเป็นชิ้น
  • ใส่กีวีที่ปอกเปลือก น้ำองุ่น น้ำเขียวเข้มข้น ลงในโถปั่น
  • ปั่นพอให้ละเอียด จะได้น้ำกีวี (ใส่น้ำแข็งลงในโถปั่นเลยก็ได้)
  • นำมารินใส่แก้วพร้อมกับน้ำแข็ง
  • ตกแต่งหน้านิดหน่อยด้วยกีวีสไลซ์เพื่อความสวยงามและน่าทานมากขึ้น (ตกแต่งหรือไม่ตกแต่งก็ได้)

โทษของกีวี บางรายอาจจะมีอาการแพ้ เนื่องจากกีวีมีเอนไซม์ชนิดพิเศษอาจเป็นสาเหตุของอาการแพ้ แต่อาการแพ้ดังกล่าวถือว่ามีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก หรือแทบไม่มีเลย แต่ผู้ที่มีอาการแพ้กีวีสีเขียว อาจจะไม่มีปัญหาหรือมีอาการแพ้กีวีสีทอง แต่ควรสอบถามแพทย์ก่อนทาน

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

แหล่งอ้างอิง
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (EN), USDA Nutrient database
อ้างอิงรูปจาก
1.https://oscar.kiwi/en/kiwi-fruits-and-digestion/
2.https://hort.extension.wisc.edu/articles/kiwifruit-actinidia-spp/