สตรอเบอรี่ป่า สรรพคุณช่วยรักษาโรคงูสวัด

0
1383
สตรอเบอรี่ป่า
สตรอเบอรี่ป่า สรรพคุณช่วยรักษาโรคงูสวัด เป็นไม้เลื้อยคลุมดิน ใบด้านล่างมีจะขนสั้นเป็นสีขาวขึ้นคลุม ดอกสีเหลือง ผลฉ่ำน้ำลูกเล็ก ผลสุกเป็นสีแดงสดรสจืด มีพิษ
สตรอเบอรี่ป่า
เป็นไม้เลื้อยคลุมดิน ใบด้านล่างมีจะขนสั้นเป็นสีขาวขึ้นคลุม ดอกสีเหลือง ผลฉ่ำน้ำลูกเล็ก ผลสุกเป็นสีแดงสดรสจืด มีพิษ

สตรอเบอรี่ป่า

ชื่อสามัญ Snake Strawberry ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Duchesnea indica (Jacks.) Focke (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Duchesnea indica var. indica) อยู่วงศ์กุหลาบ (ROSACEAE) ชื่อในท้องถิ่นอื่น ๆ เช่น เสอเหมย (จีนกลาง), จั่วม่วย (จีนแต้จิ๋ว), ยาเย็น (เชียงใหม่), ฮ่วยเสี่ยเถาเช่า (จีนแต้จิ๋ว), จั่วผู่ท้อ(จีนแต้จิ๋ว)

ลักษณะของสตรอเบอรี่ป่า

  • ต้น เป็นไม้เลื้อยคลุมดิน เหง้าอยู่ใต้ดิน ไหลหรือลำต้นจะแตกกิ่งก้านสาขาเลื้อยทอดตามพื้นดิน สามารถเลื้อยยาวได้ประมาณ 1 เมตร ข้อสั้น ที่ตามข้อต้นจะมีราก ลำต้นสูงได้ประมาณ 8-15 เซนติเมตร อาจจะมีขนสั้นหรือขนยาวขึ้นคลุมต้น ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด การแยกไหล (ตัดไหลที่มีรากชำลงดินที่ผสมขุยมะพร้าว) โตได้ดีและเร็วที่ในดินร่วนซุย ที่ชื้นปานกลาง เป็นไม้กลางแจ้ง ชอบอากาศเย็น
  • ใบ เป็นใบประกอบแบบนิ้วมือ เป็นก้านใบแบบประกอบสามารถยาวได้ประมาณ 5-8 เซนติเมตร หนึ่งก้านใบมีใบย่อยประมาณ 3-5 ใบ ออกใบเรียงสลับ ใบย่อยเป็นรูปมนรี ที่ปลายใบจุมน ส่วนที่โคนใบจะเรียวเล็กถึงก้านใบ ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อย ใบกว้างประมาณ 0.5-1 นิ้ว มีความยาวประมาณ 0.5-1.5 นิ้ว แผ่นใบมีลักษณะเป็นสีเขียว ที่ด้านล่างมีจะขนสั้นเป็นสีขาวขึ้นคลุมอยู่ ที่ด้านบนจะไม่ค่อยมีขน
  • ดอก ออกเป็นช่อ ออกดอกที่ตามซอกใบ ส่วนใหญ่ก้านช่อดอกจะยาวกว่าก้านใบ ก้านช่อดอกมีความยาวประมาณ 5.5 เซนติเมตร ดอกมีลักษณะเป็นสีเหลือง มีกลีบดอกอยู่ 3-5 กลีบ เป็นรูปไข่กลับ จะซ้อนเป็น 2 ชั้น ดอกที่บานเต็มที่มีขนาดประมาณ 12-15 มิลลิเมตร กลีบเลี้ยงดอกมีลักษณะเป็นกลีบแหลมพุ่งออก มีกลีบเลี้ยงดอกประมาณ 3-5 กลีบ มีขนขึ้นคลุมบาง ๆ มีเกสรเพศผู้เยอะมาก[1],[3]
  • ผล ติดรวมเป็นกลุ่ม มีลักษณะเป็นรูปทรงกลมยาวแบน ฉ่ำน้ำ ผลเป็นลูกเล็ก ผลสุกเป็นสีแดงสด ผลมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร หุ้มด้วยกลีบเลี้ยงเป็นสีเขียวหรือฐานรองดอกที่ขยายเป็นรูปทรงกลม ฉ่ำน้ำ

สรรพคุณ และประโยชน์สตรอเบอรี่ป่า

1. สามารถช่วยแก้บวมได้ (ใบ, ก้าน)[3]
2. ในตำรับยาพื้นบ้านล้านนานำทั้งต้น มาต้มกับน้ำใช้ดื่มเป็นยาแก้ปวดเอว แก้ปวดหลัง (ทั้งต้น)[2]
3. สามารถช่วยรักษาแผลมีหนองเรื้อรัง แผลพองมีหนอง โดยนำใบกับก้านสดมาตุ๋นกับเนื้อวัวกิน และนำมาตำใช้พอกตรงบริเวณที่เป็นแผล (ใบ, ก้าน)[1]
4. ผลสุกมีพิษห้ามทาน สามารถใช้ทาแก้โรคผิวหนังได้ (ผล)[3]
5. สามารถช่วยรักษาพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย พิษจากงูกัดได้ โดยนำต้นสดมาตำ ใช้พอกตรงบริเวณที่โดนกัด (ใบ, ก้าน)[1],[3]
6. สามารถช่วยแก้สตรีที่มีประจำเดือนมาเยอะได้ (ใบและก้าน)[3]
7. สามารถถ่ายเป็นมูกเลือด แก้บิดได้ โดยนำใบกับก้านสด 30 กรัม มาต้มกับน้ำทาน (ใบและก้าน)[1]
8. ใบกับก้านมีพิษเล็กน้อย สามารถใช้เป็นยารักษาแผลที่ปากเพราะร้อนในได้ โดยนำใบกับก้านสดมาคั้นเอาน้ำให้ได้ 1 แก้ว เอาไปต้มให้เหลือครึ่งแก้ว ใช้ทานเป็นยา (ใบและก้าน)[1]
9. ถ้าเด็กที่อายุ 10 ปีขึ้นไป เป็นโรคคอตีบ โดยนำใบกับก้านสด 250 กรัม มาตำผสมน้ำเย็น นำมาคั้นเอาน้ำผสมน้ำตาล ค่อยทานให้หมดภายใน 1 วัน (ใบ, ก้าน)[1]
10. ในตำรับยาแก้คอตีบ คอเจ็บ คออักเสบ นำต้นสดมาตำให้แหลกแช่ในน้ำสะอาด (ใช้น้ำสองเท่าของปริมาณยา) ทิ้งเอาไว้เป็นเวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมง เอามากรองเอาน้ำผสมน้ำตาลนิดหน่อย แบ่งทานวันละ 4 ครั้ง ถ้าเด็กที่อายุต่ำกว่า 3 ขวบ ในการทานครั้งแรกให้ทานเพียง 50 ซีซี ครั้งถัดไปให้ทานครั้งละ 30 ซีซี ถ้าเป็นเด็กที่อายุ 6-10 ขวบ ในการทานครั้งแรกให้ทานครั้งละ 100 ซีซี ครั้งถัดไปให้ทานครั้งละ 60 ซีซี (ใบ, ก้าน)[3]
11. สามารถช่วยแก้เด็กที่มีไข้สูง มีอาการชักได้ (ใบและก้าน)[3]
12. ทั้งต้น มีรสชุ่มเปรี้ยว ขมนิดหน่อย เป็นยาเย็น มีพิษแต่ไม่เยอะ จะออกฤทธิ์กับปอด ม้าม สามารถใช้เป็นยาดับพิษร้อนถอนพิษไข้ ช่วยแก้อาการร้อนใน ทำให้เลือดเย็นได้ (ก้าน, ใบ)[3]
13. ถ้าเป็นฝีเนื้อร้าย มะเร็งปากมดลูก มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร ให้นำใบกับก้านสด, มาผสมปาล์มจีน, ปั้วกีน้อย อย่างละ 30 กรัม มาต้มทานเป็นยา (ใบและก้าน)[1]
14. สามารถช่วยรักษาแผลที่โดนความร้อนแล้วยังไม่มีหนองได้ โดยนำใบกับก้านสดมาผสมพิมเสนนิดหน่อย แล้วนำมาตำใช้พอกตรงบริเวณแผล (ใบ, ก้าน)[1]
15. สามารถช่วยรักษาแผลไฟไหม้ แผลโดนน้ำร้อนลวกได้ (ใบ, ก้าน)[3]
16. สามารถช่วยรักษาตับอักเสบ รักษาตับอักเสบแบบตัวเหลืองได้ (ใบและก้าน)[1],[3]
17. สามารถช่วยรักษาโรคงูสวัด ผิวหนังผดผื่นคัน ฝีมีหนองได้ (ใบ, ก้าน)[3]
18. นำต้นสดประมาณ 50-100 กรัม มาต้มกับน้ำทาน สามารถช่วยแก้บิดอะมีบา แก้บิดติดเชื้อได้ (ใบ, ก้าน)[3]
19. สามารถช่วยรักษาเยื่อตาอักเสบได้ (ใบ, ก้าน)[1]
20. ถ้ามีอาการไอ อาเจียนเป็นเลือด หรือกระอักเลือด ให้นำใบกับก้านสดประมาณ 60-90 กรัม มาตำคั้นเอาน้ำ 1 แก้ว นำมาผสมน้ำตาลกรวดนิดหน่อย แล้วต้มทานเป็นยา (ใบ, ก้าน)[1]
21. สามารถช่วยแก้คางทูมได้ (ใบ, ก้าน)[3]
22. ถ้ามีอาการคอเจ็บ ไอ ให้นำใบกับก้านสดประมาณ 30-60 กรัม มาต้มกับน้ำทานหรืออมกลั้วคอ (ใบ, ก้าน)[1]
23. สามารถช่วยรักษาไข้หวัด ไอหวัด มีไข้สูง โดยนำใบกับก้านสดประมาณ 15-25 กรัม มาต้มกับน้ำทานวันละ 2 ครั้ง (ใบ, ก้าน)[1],[3]
24. นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ เพราะมีดอก ใบ ผลดูสวยงาม แต่ไม่นิยมทานผล เนื่องจากมีรสจืด แต่นกชอบกิน

ข้อควรระวังในการใช้

  • ห้ามทานผลสุกเพราะมีพิษ [3]
  • ห้ามให้สตรีที่มีครรภ์ ผู้ที่ร่างกายอ่อนเพลีย ร่างกายพร่องทาน[1]

ข้อมูลทาเภสัชวิทยา

  • น้ำต้นสดคั้น จะมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อบิด, เชื้อ Staphelo coccus, เชื้อไทฟอยด์ได้, เชื้อคอตีบ [3]
  • เมล็ด มีน้ำมัน น้ำมันประกอบด้วยกรดไขมันหลัก ก็คือ nonsaponification fat ที่ประกอบด้วยสารจำพวก sterol, alcohol, hydrocarbon มี Beta-sitosterol เป็นหลัก โดยมีปริมาณ 89.5% ของประมาณ Sterols ทั้งหมด และมี Linoleic acid 53.1%[1],[3]

สั่งซื้อ อาหารเสริม เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค สำหรับผู้ป่วย คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
1. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “สตรอเบอรี่ป่า”. หน้า 740-742.
2. หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา. (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “สตรอเบอรี่ป่า”. หน้า 98.
3. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “สตรอเบอรี่ป่า”. หน้า 540.

อ้างอิงรูปจาก
1. https://blog.naver.com/PostView.nhn?blogId=anpi9&logNo=221276982337
2. https://01065622234.tistory.com/128