ว่านไพลดำ
เป็นไม้ล้มลุกขึ้นเป็นกอ ดอกเป็นช่อ ดอกเป็นสีเหลืองอ่อนมีประสีม่วงแดงอ่อน ๆ ผลเป็นรูปทรงกระบอกเป็นสีแดง

ว่านไพลดำ

ว่านไพลดำ ถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Zingiber ottensii Valeton จัดอยู่ในวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE)[1] ชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ คือ ปูเลยดำ (ภาคเหนือ), ไพลดำ ไพลม่วง ไพลสีม่วง (กรุงเทพฯ), ไพลสีม่วง ดากเงาะ (ปัตตานี), จะเงาะ (มลายู-ปัตตานี), ว่านกระทือดำ[1],[2]

ลักษณะของต้นว่านไพลดำ

  • ต้น[1],[2]
    – เป็นพรรณไม้ล้มลุก
    – มีอายุได้นานหลายปี
    – มีลำต้นอยู่ใต้ดิน ขึ้นเป็นกอ
    – ต้นมีความสูง 1.5-3 เมตร หรืออาจจะสูงได้ถึง 5 เมตร
    – เหง้าอยู่ใต้ดิน
    – เนื้อภายในเหง้าเป็นสีม่วงอมน้ำตาล มีกลิ่นฉุนร้อน
    – สามารถขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ
    – ต้องใช้ดินที่มีสีดำในการปลูก
    – เพราะว่าว่านชนิดนี้จะสามารถเจริญงอกงามได้ในดินสีดำเท่านั้น
    – สามารถพบขึ้นได้ตามป่าเขตร้อนชื้น
  • ใบ[2]
    – ใบเป็นใบเดี่ยว
    – ออกเรียงสลับกัน
    – ใบเป็นรูปขอบขนาน
    – ปลายใบเรียว
    – โคนใบมน
    – ขอบใบเรียบ
    – ใบมีความกว้าง 6-8 เซนติเมตร และยาว 26-30 เซนติเมตร
    – แผ่นใบหนา
    – เส้นกลางใบเป็นร่องสีเขียวอ่อน
    – เส้นด้านล่างและเส้นกลางใบมีขน
    – ก้านใบเป็นกาบหุ้มลำต้น
    – มีสีม่วงคล้ำ
    – กาบใบซ้อนกันแน่น
    – ไม่มีขนหรืออาจจะมีประปราย
    – ลิ้นใบยาวที่ปลายกาบใบ เป็นรูปไข่ ปลายมน
  • ดอก[2]
    – ออกดอกเป็นช่อ
    – ออกจากโคนต้นแทงขึ้นมาจากเหง้าใต้ดิน
    – ช่อดอกยาวประมาณ 9 เซนติเมตร
    – ก้านช่อดอกยาวประมาณ 14 เซนติเมตร
    – ช่อดอกเป็นรูปทรงกระบอกเกือบกลม
    – โคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน
    – ดอกเป็นสีเหลืองอ่อน มีประสีม่วงแดงอ่อน ๆ
    – กลีบดอกมี 5 กลีบ กลีบบาง
    – มีใบประดับสีเขียวปนแดงวางเรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ทำให้ดูคล้ายกับเกล็ดปลา
    – ใบประดับถ้าอ่อนจะเป็นสีแดงอมเขียว และจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูหรือสีแดงเข้ม
    – กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นหลอดสีใส
    – เกสรเพศผู้ ส่วนที่เป็นกลีบมีหยัก 3 หยัก
    – หยักกลางหรือกลีบปากใหญ่ เป็นรูปกลมแกมรูปขอบขนาน
    – ปลายแยก 2 หยักตื้น ๆ
    – หยักข้างมี 2 หยักสั้น เป็นรูปไข่ ปลายมน สีเหลืองอ่อน
    – ปลายเกสรเพศผู้จะเป็นจะงอนยาวโค้ง สีเหลืองส้ม
    – เกสรเพศเมีย ก้านเป็นสีขาว ยอดเกสรเป็นรูปกรวย สีขาว
    – รังไข่เป็นสีขาว
    – จะออกดอกในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม
  • ผล[2]
    – เป็นผลแห้งและแตกได้
    – ผลเป็นรูปทรงกระบอก
    – เป็นสีแดง
    – ออกผลในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน

สรรพคุณของว่านไพลดำ

  • ทั้งต้น สามารถช่วยรักษาอาการบวม อาการช้ำทั้งตัวได้[1]
  • ทั้งต้น สามารถใช้เป็นยารักษาโรคกระเพาะอาหารเป็นพิษได้[1]
  • ทั้งต้น สามารถนำมาใช้เป็นยาอายุวัฒนะและยาบำรุงกำลังได้[1]
  • ใบ สามารถใช้เป็นยาแก้อาการปวดเมื่อย[2]
  • ใบ มีรสขื่นเอียน สามารถใช้เป็นยาแก้ครั่นเนื้อครั่นตัว[2]
  • ดอก มีรสขื่น สามารถใช้เป็นยาแก้ช้ำใน ช่วยกระจายเลือดที่เป็นก้อนลิ่ม[2]
  • ราก สามารถนำมาใช้แก้อาเจียนเป็นเลือดได้[2]
  • ราก มีรสขื่นเอียน สามารถนำมาใช้เป็นยาแก้เลือดกำเดาออกทางปาก ทางจมูกได้[2]
  • เหง้าสด สามารถนำมาบดให้เป็นผง และผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอน ใช้รับประทานเช้าและเย็น วันละ 2-3 เม็ด ใช้เป็นยาช่วยเจริญอาหาร แก้ธาตุพิการ[2]
  • เหง้าสดตากแห้ง สามารถนำมาบดให้เป็นผง และนำมาผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอน ใช้รับประทานเช้าและเย็น วันละ 2-3 เม็ด ใช้เป็นยาบำรุงกำลังและเป็นยาอายุวัฒนะได้[2]
  • เหง้าสด สามารถช่วยขับประจำเดือนของสตรี[2]
  • เหง้า สามารถนำมาฝนใช้เป็นยาทาสมานแผล[2]
  • เหง้าสด สามารถนำมาตำคั้นเอาน้ำผสมกับเกลือสะตุ 1 ช้อนโต๊ะ ใช้กินเป็นยาระบายอ่อน ๆ[2]
  • เหง้าสด สามารถนำมาตำคั้นเอาน้ำผสมกับเกลือสะตุ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำมาใช้เป็นยาแก้บิด[2]
  • เหง้าสด สามารถนำมาต้มใส่เกลือเล็กน้อย ใช้เป็นยารักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้[2]

ประโยชน์ของว่านไพลดำ

  • สามารถใช้ปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป แต่การปลูกเลี้ยงและการดูแลรักษาทำได้ยาก[1]
  • ในด้านของความเชื่อนั้น เป็นว่านที่ทำให้คงกระพันชาตรี[2]
  • การนำมาใช้ในทางคงกระพันชาตรี จะต้องเสกด้วยคาถา “พุทธังเป็นยา ธัมมังรักษา สังฆังหาย ตะหัง นะหิโสตัง” 3 จบ และ “นะโมพุทธายะ” 7 จบ[3]

สั่งซื้อ อาหารเสริม เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค สำหรับผู้ป่วย คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
1. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ว่าน ไพล ดำ”. หน้า 725-726.
2. ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ว่าน ไพล ดำ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.phargarden.com. [21 ส.ค. 2014].
3. ว่านและสมุนไพรไทย, คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร. “ว่าน ไพล ดำ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : natres.skc.rmuti.ac.th/WAN/. [21 ส.ค. 2014].

อ้างอิงรูปจาก
1.https://www.nparks.gov.sg/
2.https://www.flickr.com/
3.http://www.epharmacognosy.com/