หนาดดำ
ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Acilepis squarrosa D.Don (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Vernonia squarrosa (D.Don) Less.) จัดอยู่ในวงศ์ วงศ์ทานตะวัน (ASTERACEAE หรือ COMPOSITAE)[1],[2]
ชื่อเรียกอื่น ๆ คือ ม่วงนาง (ชัยภูมิ), เกี๋ยงพาช้าง (ภาคเหนือ)[2] บางตำราใช้ชื่อสมุนไพรชนิดนี้ว่า “หนาดคำ“[1]
ลักษณะของหนาดดำ
- ลักษณะของต้น[1]
– เป็นพรรณไม้ล้มลุก ที่มีอายุหลายปี
– ลำต้นตั้งตรง
– มีความสูงได้ถึง 40-100 เซนติเมตร
– มีขนที่ค่อนข้างสากมือ - ลักษณะของใบ[1]
ใบเป็นใบเดี่ยว
ออกเรียงสลับกัน
ใบเป็นรูปใบหอกแกมรูปไข่
ใบมีความกว้าง 2-3 เซนติเมตร และยาว 4-8 เซนติเมตร
ผิวใบด้านล่างมีขน - ลักษณะของดอก[1]
– ออกดอกเดี่ยวหรือจะออกเป็นช่อเล็ก ๆ ประมาณ 2-3 ดอก
– จะออกตามซอกใบและที่ปลายกิ่ง
– ดอกมีขนาด 1-2 เซนติเมตร
– กลีบดอกเป็นฝอยละเอียดสีม่วงเข้ม สีม่วงชมพู หรือสีม่วงแดง
– อัดกันแน่นอยู่บนกลีบเลี้ยงรูปถ้วยสีเขียว
– กลีบเลี้ยงเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ ขึ้นไป
– จะสามารถออกได้ตลอดทั้งปี - ลักษณะของผล[1]
– ผลเป็นผลแห้ง
– ไม่แตก
– มีขนนุ่ม
– มี 10 สัน
สรรพคุณของหนาดดำ
- ทั้งต้นและราก สามารถนำมาผสมกับสมุนไพรต้นหรือรากของผักอีหลืน ต้นสังกรณีดง ต้นตรีชวา และหัวยาข้าวเย็น นำมาใช้ต้มกับน้ำดื่ม เพื่อใช้เป็นยาถอนพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย[1]
- รากใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ท้องร่วง
- ใบ นำมาย่างไฟแล้วนำมาพันขาจะช่วยบรรเทาอาการปวด
- ใบ นำมาอังไฟใช้ประคบบริเวณที่มีอาการเคล็ด ปวดบวม
สั่งซื้อ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค อาหารเสริมสำหรับผู้ป่วย คลิ๊ก @amprohealth
เอกสารอ้างอิง
1. หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา. (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “หนาด ดำ”. หน้า 224.
2. ระบบจัดการฐานความรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ สำนักงานความหลากหลายทางชีวภาพด้านป่าไม้ กรมป่าไม้. “หนาด ดำ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : biodiversity.forest.go.th. [14 ก.ค. 2015].