กินกุ้งน้อย
กินกุ้งน้อย (Common spiderwort) หรือเรียกกันทั่วไปว่า ผักปลาบ เป็นวัชพืชที่มักจะขึ้นในที่ชุ่มชื้น มีดอกสีม่วงหรือสีฟ้าอ่อนเล็ก ๆ ขึ้นในปลายฤดูฝน ทั้งต้นของกินกุ้งน้อยมีรสจืดและชุ่ม เป็นยาเย็นที่ช่วยปรับอุณหภูมิความร้อนในร่างกาย ถือเป็นยาสมุนไพรที่ใช้ในประเทศไต้หวัน อินโดจีน นิวกินีและมาเลเซีย สามารถนำส่วนต่าง ๆ ของต้นมาใช้ประโยชน์ได้แต่กินกุ้งน้อยกลับเป็นต้นที่มีโทษต่อพืช
รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของกินกุ้งน้อย
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Murdannia nudiflora (L.) Brenan (ชนิดใบเล็ก), Murdannia malabaricum (L.) Santapan, Murdannia macrocarpa D.Y.Hong (ชนิดใบใหญ่)
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Common spiderwort”
ชื่อท้องถิ่น : จังหวัดเชียงใหม่เรียกว่า “กินกุ้งน้อย” จังหวัดนครสวรรค์เรียกว่า “ผักปลาบ” จังหวัดสุราษฎร์ธานีเรียกว่า “หญ้าเลินแดง” จีนกลางเรียกว่า “หงเหมาเฉ่า สุ่ยจู่เฉ่า” คนทั่วไปเรียกว่า “ผักปลาบ”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ผักปลาบ (COMMELINACEAE)
ลักษณะของกินกุ้งน้อย
กินกุ้งน้อย เป็นพรรณไม้ล้มลุกอายุปีเดียวที่มีเขตการกระจายพันธุ์กว้างขวางในเขตร้อนชื้นหรือกึ่งร้อนชื้นของโลก มักจะพบบริเวณพื้นที่ชื้นทั่วไป ริมคูคลอง ในพื้นที่นา สนามหญ้าที่ค่อนข้างชื้นแฉะและในดินทรายที่เป็นดินเค็ม
ลำต้น : ลำต้นกึ่งตั้งกึ่งเลื้อยและแตกออกเป็นกอเล็ก ๆ ลำต้นมีเนื้ออ่อนและมีขนาดเล็กเรียวทอดนอน บริเวณลำต้นจะแตกรากฝอยตามข้อและมีขนขึ้นทั่วไป
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเรียงเป็นคู่ ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนานหรือรูปหอกแคบ ปลายใบเรียวแหลม ผิวใบค่อนข้างเกลี้ยง หน้าใบเป็นสีเขียวเข้ม หลังใบเป็นสีม่วง กาบใบมีขนขึ้นปกคลุม
ดอก : ออกดอกเป็นกระจุกตามปลายยอดและซอกใบ ช่อดอกแตกแขนงเป็นช่อย่อย 2 – 3 ช่อ ในแต่ละช่อจะมีดอกย่อยประมาณ 1 – 3 ดอก ดอกเป็นสีม่วงหรือสีฟ้าอ่อน มีกลีบเลี้ยง 3 กลีบ เป็นสีม่วง ปลายกลีบเลี้ยงเป็นสีแดงเข้ม มีกลีบดอก 3 กลีบ เป็นสีม่วงสดและมีขนาดเล็ก ตรงกลางดอกจะมีเกสรเพศผู้ 6 อัน โดยมี 4 อันที่เป็นหมันนั้นจะมีสีเหลืองสด และอีก 2 อันไม่เป็นหมันจะมีสีม่วง ก้านชูอับเรณูมีปุยขนยาวสีม่วง รังไข่มี 3 ช่อง ปลายก้านเกสรเพศเมียเป็นกระเปาะ 2 พู มักจะออกดอกในช่วงปลายฤดูฝน
ผล : ผลมีลักษณะเป็นรูปวงรีคล้ายไข่หรือค่อนข้างกลม ผลเป็นสีเขียวอ่อน ปลายผลเป็นติ่งแหลม ผลแก่จะแห้งและแตกออกเป็น 3 พู ผลจะเริ่มแก่ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป
เมล็ด : ภายในผลมีเมล็ด 2 เมล็ด เมล็ดมีสีน้ำตาลเข้ม ผิวเมล็ดย่นหรือขรุขระเป็นร่องและเป็นหลุม
สรรพคุณของกินกุ้งน้อย
- สรรพคุณจากทั้งต้น ดีต่อปอดและลำไส้ เป็นยาขับพิษ ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ ขับพิษร้อนในปอด แก้ไอเป็นเลือด รักษาลำไส้อักเสบเฉียบพลัน
– แก้โรคบิดและป้องกันการเป็นหมัน ชาวนิวกินีนำน้ำคั้นจากทั้งต้นมาดื่ม - สรรพคุณจากลำต้น ชาวไต้หวันใช้เป็นยาแก้ไข้และลดไข้ เป็นยาลดอาการปวดบวม
– แก้เจ็บคอ คออักเสบหรือทอนซิลอักเสบ ด้วยการนำต้นสดครั้งละ 20 – 40 กรัม มาคั้นเอาน้ำหรือต้มเพื่อดื่ม
– แก้โรคบิดและป้องกันการเป็นหมัน ชาวนิวกินีนำน้ำคั้นจากลำต้นมาดื่ม
– ล้างบาดแผลและใช้ล้างแผลที่เรื้อรัง ด้วยการนำลำต้นมาตำให้ละเอียดแล้วคั้นเอาแต่น้ำมาล้างแผล
– รักษาโรคเรื้อน ด้วยการนำลำต้นมาต้มในน้ำมัน - สรรพคุณจากราก ชาวอินโดจีนใช้เป็นยาแก้ไข้ในเด็กและแก้บิดหรือแก้ปัสสาวะกะปริบกะปรอย
- สรรพคุณจากใบสด
– รักษาฝีที่เต้านม รักษาแผลแมลงสัตว์กัดต่อย ด้วยการนำใบสดมาตำแล้วพอกบริเวณที่มีอาการ
– พอกแผลและพอกบาดแผลเพื่อแก้ปวด ชาวมาเลเซียนำใบสดมาตำเอากากแล้วพอก
– รักษาจุดด่างที่เกิดจากเชื้อรา ด้วยการนำใบมาย่างไฟให้ร้อนแล้วถู
ประโยชน์ของกินกุ้งน้อย
1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ยอดใช้รับประทานเป็นผักได้
2. ใช้ในการเกษตร เป็นแหล่งอาหารของโคกระบือ
โทษของกินกุ้งน้อย
เป็นที่อยู่อาศัยของศัตรูพืชปลูกหลายชนิด เช่น ไส้เดือนฝอยชนิด Meloidogyne sp., Pratylenchus pratensis (de Man) Filip., เชื้อราชนิด Pythium arrhenomanes Drechs. และเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคใบด่างในพืชพวกแตงและขึ้นฉ่าย
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของกินกุ้งน้อย
ทั้งต้นของกินกุ้งน้อยพบสารอัลคาลอยด์และ Coumarins อยู่ภายในต้น
กินกุ้งน้อย เป็นวัชพืชที่มีประโยชน์และโทษต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นอาหารของสัตว์แทะเล็มแต่ก็เป็นที่อยู่ของพวกศัตรูพืชทั้งหลาย เป็นต้นที่มักจะพบในที่ชุ่มชื้นหรือปลายฤดูฝน เป็นต้นเล็ก ๆ ที่มีดอกสีม่วงหรือสีฟ้าอ่อนขึ้นอย่างสวยงาม มักจะนำยอดมารับประทานในรูปแบบของผัก กินกุ้งน้อยเป็นต้นที่มีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนโดยเฉพาะส่วนของลำต้น มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ แก้โรคบิดและป้องกันการเป็นหมัน แก้ไข้ รักษาแผล รักษาลำไส้อักเสบเฉียบพลัน รักษาคออักเสบหรือทอนซิลอักเสบ ถือเป็นพืชที่เหมาะสำหรับบุคคลที่อยากมีลูกซึ่งจะช่วยป้องกันโรคหมันได้
บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
เอกสารอ้างอิง
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “กินกุ้งน้อย”. หน้า 86.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “กินกุ้งน้อย”. หน้า 64-65.
สำนักพัฒนาอาหารสัตว์ กรมปศุสัตว์. “กินกุ้งน้อย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : nutrition.dld.go.th. [15 มิ.ย. 2015].
ข้อมูลพรรณไม้, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “กินกุ้งน้อย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.rspg.or.th/plants_data/. [15 มิ.ย. 2015].