ขางครั่ง หรือ “ดอกครั่ง” ยาสมุนไพรของชาวล้านนา สำหรับแก้ไข้โดยเฉพาะ

0
1581
ขางครั่ง หรือ “ดอกครั่ง” ยาสมุนไพรของชาวล้านนา สำหรับแก้ไข้โดยเฉพาะ
ขางครั่ง หรือ ดอกครั่ง เป็นไม้เถาเลื้อย กลีบดอกด้านนอกเป็นสีเขียวอมเหลือง ด้านในเป็นสีม่วงอมแดงเข้ม ใบอ่อนและช่อดอกมีรสฝาดมัน
ขางครั่ง หรือ “ดอกครั่ง” ยาสมุนไพรของชาวล้านนา สำหรับแก้ไข้โดยเฉพาะ
ขางครั่ง หรือ ดอกครั่ง เป็นไม้เถาเลื้อย กลีบดอกด้านนอกเป็นสีเขียวอมเหลือง ด้านในเป็นสีม่วงอมแดงเข้ม ใบอ่อนและช่อดอกมีรสฝาดมัน

ขางครั่ง

ขางครั่ง (Dunbaria longiracemosa Craib) หรือเรียกอีกอย่างว่า ดอกครั่ง เป็นไม้เถาเลื้อยที่มีดอกสีสันหลากหลายซึ่งกลีบด้านนอกมีสีเขียวอมเหลืองและด้านในมีสีม่วงอมแดงเข้มโดดเด่นอยู่บนต้น สามารถนำดอก ใบอ่อนและช่อดอกมารับประทานเป็นผักได้ ถือเป็นผักชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางอาหารสูง นอกจากนั้นขางครั่งยังเป็นส่วนหนึ่งในยาสมุนไพรพื้นบ้านของชาวล้านนาอีกด้วย

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของขางครั่ง

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dunbaria longiracemosa Craib
ชื่อท้องถิ่น : จังหวัดเชียงใหม่เรียกว่า “ดอกครั่ง” จังหวัดเลยเรียกว่า “เถาครั่ง” จังหวัดลำพูนเรียกว่า “ขางครั่ง”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE)
ชื่อพ้อง : Dunbaria longeracemosa Craib

ลักษณะของขางครั่ง

ขางครั่ง เป็นพรรณไม้เถาเลื้อยหรือไม้พุ่มเลื้อยพันที่มีเขตการกระจายพันธุ์ในลาว กัมพูชา เวียดนามและประเทศไทย สามารถพบได้ในป่าผลัดใบ ป่าเต็งรังและป่าดิบ
ลำต้น : ลำต้นเป็นสีเขียวอมน้ำตาลและมีขนละเอียดขึ้นปกคลุมเป็นจำนวนมาก
ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกออกเรียงสลับกัน มีใบย่อย 3 ใบ ลักษณะของใบย่อยส่วนปลายเป็นรูปไข่หรือรูปไข่แกมใบหอก ใบย่อยด้านข้างมีลักษณะเป็นรูปไข่เบี้ยวหรือรูปใบหอกแกมสามเหลี่ยม หน้าใบและหลังใบมีขนละเอียดสั้น ๆ ขึ้นปกคลุมอย่างหนาแน่น ผิวใบนุ่ม สีใบด้านหน้าเป็นสีเขียวอมเหลืองอ่อนถึงเขียวเข้มและค่อนข้างมัน สีใบด้านหลังเป็นสีเขียวอมเหลืองเข้มกว่าด้านหน้าและผิวออกด้านเล็กน้อย ขอบใบมีรอยหยักแบบขนครุย เส้นใบด้านหลังนูนขึ้นเป็นสันเล็กน้อย เส้นใบแตกแบบขนนก ก้านใบมีขนขึ้นปกคลุมหนาแน่น หูใบแหลม
ดอก : ออกดอกเป็นช่อกระจะตามซอกใบ ดอกย่อยมีหลายดอก ลักษณะของดอกเป็นรูปดอกถั่วจำนวน 6 – 35 ดอกต่อช่อ ออกเรียงสลับรอบแกนช่อดอก กลีบดอกด้านนอกเป็นสีเขียวอมเหลือง ด้านในเป็นสีม่วงอมแดงเข้ม มีเกสรเพศผู้จำนวนมาก ส่วนดอกเพศเมียจะเป็นช่อง 3 ช่อง มักจะออกดอกในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม
ผล : ผลมีลักษณะเป็นฝักแบนยาว มีขนละเอียดขึ้นปกคลุม เมื่อแห้งจะแตกเป็นสองแนว ออกผลในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม
เมล็ด : ภายในผลมีเมล็ดหลายเมล็ด เมล็ดเป็นสีน้ำตาล

สรรพคุณของขางครั่ง

  • สรรพคุณจากรากและใบ
    แก้ไข้ ยาพื้นบ้านล้านนานำรากหรือใบมาผสมกับใบโผงเผงแล้วบดให้เป็นผงละเอียด จากนั้นปั้นเป็นยาลูกกลอนเพื่อทานแก้อาการ

ประโยชน์ของขางครั่ง

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ดอกนำมาทำอาหารประเภทผัก ใบอ่อนและช่อดอกมีรสฝาดมันนำมาทานเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก ฝักรับประทานได้
2. ใช้ในการเกษตร เป็นแหล่งอาหารสัตว์ตามธรรมชาติหรือสัตว์แทะเล็มอย่างโคกระบือ

คุณค่าทางโภชนาการของใบและเถาอ่อน

คุณค่าทางโภชนาการของใบและเถาอ่อน ให้โปรตีน 13.34% เยื่อใย 29.14% ไขมัน 2.18% เถ้า 6.87% คาร์โบไฮเดรต (NFE) 48.47% เยื่อใยส่วน ADF 33.38% NDF 45.11% และลิกนิน 9.88%

ขางครั่ง เป็นไม้เถาเลื้อยที่ชาวล้านนานำมาใช้เป็นส่วนประกอบในยาพื้นบ้านเพื่อแก้ไข้โดยเฉพาะ นอกจากนั้นยังเป็นผักที่สามารถนำดอก ใบอ่อนและช่อดอกมารับประทานได้โดยจะให้รสฝาดมัน นอกจากจะเป็นอาหารของมนุษย์แล้วยังเป็นอาหารของสัตว์แทะเล็มอีกด้วย เป็นต้นในวงศ์ถั่วที่เหมาะสำหรับชาวเกษตรในการเลี้ยงโคกระบือและยังเป็นผักไว้ทานเองได้ด้วย

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา. (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ขางครั่ง”. หน้า 91.
ผักพื้นบ้านในประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร. “ดอกครั่ง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : ftp://smc.ssk.ac.th/intranet/Research_AntioxidativeThaiVegetable/. [03 มิ.ย. 2015].
สำนักพัฒนาอาหารสัตว์ กรมปศุสัตว์. “ขางครั่ง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : nutrition.dld.go.th. [03 มิ.ย. 2015].
ฐานข้อมูลชนิดพรรณพืช พื้นที่เขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี. “ขางครั่ง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.en.mahidol.ac.th/conservation/. [03 มิ.ย. 2015].
พรรณไม้สวนรุกขชาติห้างฉัตร. “ขางครั่ง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : lampang.dnp.go.th/Departments/Techical_Group/plant/ขางครั่ง.pdf. [03 มิ.ย. 2015].
พืชกินได้ในป่าสะแกราช, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.). “ขางครั่ง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.tistr.or.th. [03 มิ.ย. 2015].